แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - ตอนที่ 894
“ฉึก!”
ประกายอาวุธมีคมพลันพุ่งออกมาจากด้านข้างหุ่นซอมบี้ และแทงทะลุเข้าไปในปากอันบิดเบี้ยว ท่ามกลางเสียงร้อง “งี๊ด งี๊ด” อย่างบ้าคลั่ง ประกายคมๆ นี้ถูกกระชากออกมาอีกครั้ง พร้อมกับสะบัดร่างกระเป๋าเลี้ยงตัวอ่อนออกไป จนมันกระแทกเข้ากับตัวอื่นๆ ที่อยู่ไม่ไกล
“รีบไปเร็วสิ”
เสียงอันคุ้นเคยดังมาจากข้างหลัง หลิงม่อชะงัก แล้วรีบหันไปมองทันที
“เร็วเข้าๆ!” ผู้มาเร่งเขาอย่างรีบร้อน
“รุ่นพี่?!”
“เป็นหลิงม่อจริงๆ ด้วย! ฉันยังกลัวอยู่ว่าจะจำผิด! แต่นายพูดได้ แล้วก็ให้ความรู้สึกเหมือนหลิงม่อด้วย ปกติไม่น่าจะผิดได้หรอกเนอะ คิกคิก…แต่จะว่ายังไงดีล่ะ มันก็ยังรู้สึกแปลกนิดๆ อยู่ดี ยังไงฉันก็ยังอยากเห็นนายตัวจริงมากกว่า…” หลี่ย่าหลินตบหน้าอกตัวเอง แล้วพูดกลั้วหัวเราะ
“ผมไม่รู้จะเริ่มถามจากตรงไหนก่อนดีแล้วเนี่ย…”
“อ๊ะ! ไม่มีเวลาแล้ว!”
นี่เป็นครั้งที่สามแล้วที่หล่ย่าหลินเร่งเขา และเมื่อสิ้นเสียงพูดของเธอ เสียงอึกทึกครึกโครมก็ดังมาจากข้างล่างทันใด
“เสียงอะไรน่ะ?” หลิงม่อเบิกตากว้างแล้วหันไปมองบันไดที่อยู่ข้างหลัง พลางถามขึ้น
เสียงนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน แต่กลับสามารถฟังออกได้ว่าต้องเป็นซอมบี้ที่แข็งแกร่งมากแน่นอน…
“ฉันถูกเจ้าบ้านั่นไล่ตามมานานแล้ว ต่อมาก็ได้ยินเสียงดังทางนี้ ตอนแรกกะจะวิ่งอ้อมไป แต่กลับรู้สึกเหมือนว่านายอยู่ที่นี่ ก็เลยเข้ามาหา” หลี่ย่าหลินหันหน้าวิ่งขึ้นไปชั้นบน พลางเล่าให้หลิงม่อฟังไปด้วย
ระหว่างทางเธอยังไม่ลืมที่จะหันหน้ามา แล้วถามพร้อมกับมองหุ่นซอมบี้แปลกๆ ว่า “ทำไมนายถึงหาเจ้าตัวเล็กเจอเยอะขนาดนี้ล่ะ?”
“เรื่องมันยาว…จะว่าไปคนที่ถามควรเป็นผมมากกว่านะ! ทำไมพี่ถึงมาอยู่ที่นี่ได้? ซย่าน่ากับยัยเด็กโง่ล่ะ?” หลิงม่อถาม
หลี่ย่าหลินเงยหน้ามองเพดาน แล้วครุ่นคิด “เรื่องมันยาวเหมือนกัน…เย่เลี่ยนน่าจะยังอยู่ข้างนอก ซย่าน่าวิ่งเข้าไปในห้องที่อยู่ลึกมากแล้ว…ไหนลองนึกดูก่อน ฉันจำได้ว่ามันเรียกว่าอะไรนะ”
“ความรู้ทั่วไปอย่างนี้อย่าเอาไปทิ้งไปไว้ในโฟลเดอร์เปล่าสิ!” หลิงม่อพูดอย่างปวดหัว “ผมเองดีกว่า พี่ลองเล่าให้ฟังก่อนว่าเจ้าตัวที่ไล่ฆ่าพี่มันยังไงกันแน่?”
ระฟว่างที่พวกเขาสองคนกำลังวิ่งหนี เสียง “โครมคราม” ก็ดังมาจากข้างล่าง ความรู้สึกเหมือนแผ่นดินกำลังไหวอย่างไรอย่างนั้น
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน…ตอนนั้นฉันรอซย่าน่าอยู่ข้างนอก แล้วอยู่เจ้าบ้านั่นก็โผล่มา แล้วมันก็ทำท่าเหมือนอยากจะมุดเข้าไปในห้องนั้นเหมือนกัน…เพื่อไม่ให้มันไปสร้างความเดือดร้อนให้ซย่าน่า ฉันก็เลยสู้กับมัน แต่เจ้าบ้านั่นมันแปลกมาก ตียังไงก็ไม่ตาย…ตอนนี้ฉันเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองวิ่งมาถึงที่ไหนแล้วเหมือนกัน แล้วก็สัมผัสถึงทิศทางที่ซย่าน่าอยู่ไม่ได้แล้วด้วย…”
ในขณะที่หลี่ย่าหลินเล่าเรื่อง หลิงม่อก็พยายามจะสลับมุมมองสายตา เขาลองสลับไปยังซย่าน่าก่อน แต่กลับรู้สึกปวดหัวอย่างประหลาด และเมื่อเขาสลับไปยังเย่เลี่ยน กลับต้องตะลึงงันไปครู่หนึ่ง
ตาข้างหนึ่ง…เขาสบตาเข้ากับดวงตาข้างหนึ่ง!
มันเป็นดวงตาที่แปลกมาก…เสี้ยววินาทีที่เห็นมัน หลิงม่อรู้สึกเหมือนกำลังมองมนุษย์คนหนึ่ง แต่พริบตาเดียว ตาข้างนั้นกลับค่อยๆ กลายเป็นสีแดงเหมือนกำลังมีเลือดไหล หลิงม่อสัมผัสได้ถึงความร้อนใจเล็กๆ ในนั้น ขณะเดียวกันก็ยังมีความรู้สึกพลุ่งพล่านและดีใจ…แต่ชั่วพริบตา ตาข้างนั้นก็หายไปแล้ว เหลือเพียงบานหน้าต่างอันว่างเปล่า ขณะเดียวกัน บานกระจกพลันแตกเป็นเสี่ยงๆ…
“เฮ้ย!” หลิงม่อร้องเสียงเบา ขมวดคิ้ว แม้แต่ร่างจริงของเขาก็กระตุกสั่นเบาๆ ไปด้วย
“หื้ม? เป็นอะไรไป?” หลี่ย่าหลินรีบถาม
“เปล่า…อาจเป็นเพราะยัยเด็กโง่กำลังใช้สมาธิสูงมาก พลังจิตของผมถือเป็นพลังจากภายนอก อาจสร้างผลกระทบต่อเธอ ก็เลยเกิดการต่อต้านโดยสัญชาตญาณ” หลิงม่ออธิบาย แล้วพูดต่อว่า “ดูเหมือนว่ายัยเด็กโง่จะเห็นตัวศัตรูแล้ว และผมก็รู้สึกไม่ค่อยดีด้วย แต่เธออยู่ข้างนอก นั่นทำให้ผมวางใจได้เล็กน้อย ส่วนทางซย่าน่า…ซย่าน่าไปไหนกันแน่? ผมรู้สึกเหมือนคลื่นดวงจิตที่อยู่รอบๆ มันวุ่นวายมาก…”
หลี่ย่าหลินได้ยินก็งงงัน ทว่าหลังจากหลิงม่อพูดจบ เธอก็พูดขึ้นเสียงเบาทันที “นายจะโกรธไหม? ซย่าน่าบอกว่าการทำอย่างนี้ก็เพื่อช่วยนายด้วย…พวกเราเป็นซอมบี้ระดับสูง ไม่ใช่มนุษย์ที่ต้องการการปกป้อง…ความจริงฉันไม่ค่อยเข้าใจเรื่องนี้ ฉันก็แค่รู้สึกว่า ฉันเองก็อยากล่ามากเหมือนกัน แต่ไม่คิดเลยว่าการล่าเผ่าพันธุ์เดียวกันที่เป็นระดับสูงจะยากขนาดนี้…”
“ไม่ว่าจะเป็นซอมบี้หรือมนุษย์ สำหรับผมก็เหมือนกันทั้งนั้น ดังนั้นผมถึงได้…” หลิงม่อเพิ่งจะตวาดออกไปหนึ่งประโยค แต่ไม่นานก็เปลี่ยนเป็นพูดเสียงเอือมๆ “เอาเถอะ ผมไม่โกรธหรอก พี่ก็มาช่วยผมแล้วนี่ไง บอกตามตรง หุ่นซอมบี้ตัวนี้ใช้การไม่ได้แล้ว เมื่อกี้แทบไม่เหลือแรงต่อต้านแล้ว”
เขาสะบัดแขนที่ไร้เรี่ยวแรงทั้งสองข้างให้ดู พลางบอก
หลี่ย่าหลินหัวเราะคิกคัก แล้วอยู่ๆ ก็เร่งความเร็ววิ่งไปยังทางเดินอีกเส้น จากนั้นก็ยกจูบอสรพิษบนข้อมือขึ้น “หาที่หลบก่อนดีกว่า ฉันจะช่วนนายดัดแปลงแขนสองข้างนี้เอง”
“เอ่อ…”
“เร็วเข้าสิ! ฉันช่วยนาย แต่นายก็ต้องช่วยฉันเหมือนกันไม่ใช่หรอ? มันเป็นบรรทัดฐานของมนุษย์ ถูกไหม?”
“……”
“หรือบรรทัดฐานของสามีภรรยา?”
…………
“นี่ไม่ใช่…นี่ก็ไม่ใช่…”
ณ โกดังเก็บของในเวลานี้ หลิงม่อได้ควบคุมหุ่นซอมบี้ให้เปิดกล่องไม้หลายกล่องแล้ว แต่กลับยังหาอุปกรณ์ที่ต้องการไม่เจอซักที เจอก็แต่โครงกระดูกของศพมากมาย ส่วนใหญ่ล้วนผ่านมานานมากกแล้ว บนพื้นมีกระทั่งห่ออาหารและขวดน้ำแร่บางส่วนเรี่ยราดอยู่ด้วย
บางมุมยังมีโฟมและกระดาษแข็งรองไว้ด้วย เห็นชัดว่าเป็นของประเภทเตียง
หลิงม่อพบอักษรเลือดหนึ่งบรรทัดอยู่บนกล่องไม้หนึ่งในนั้น ถึงแม้จะเลือนราง แต่ก็ยังพออ่านออกได้ “…วันที่สี่แล้ว ถูกฆ่าตายไปสองคนแล้ว ฉันจะเป็นคนที่สามหรือเปล่านะ? ฉันจะไม่มีทางกลายพันธุ์ ไม่มีทาง…คนที่ถูกฆ่าตาย พวกเขากลายพันธุ์แล้วจริงๆ หรอ…”
“วันที่หกแล้ว ไม่มีอาหารเหลือแล้ว เหลือเพียงศพสองศพนั้น…เริ่มมีคนบอกว่าพวกเขาไม่ใช่ซอมบี้ แต่ถ้าหากเป็นคนล่ะก็…”
อักษรที่เหลือเลือนรางไปหมด หลิงม่อเงยหน้าพร้อมกับความรู้สึกหนังศีรษะตึงชา และมองไปยังอักษรเลือดที่อยู่รอบๆ แวบหนึ่ง
เห็นชัดว่า ที่นี่เคยเป็นสถานที่ลี้ภัยของพนักงานในบริษัทลอว์สัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป ในนี้กลับเกิดเรื่องที่น่ากลัวยิ่งกว่าข้างนอกขึ้น…นึกย้อนไปถึงประตูเหล็กบานนั้น เหมือนมันจะเคยถูกพังมาก่อนจริงๆ แต่เมื่อกี้ตอนที่เขาเห็นมัน เขากลับไม่ได้สนใจ…
“ไม่รู้ว่าเรื่องที่เกิดในนี้ จะเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ตอนนี้ของบริษัทลอว์สันไหม” หลิงม่อคิดในใจ จากนั้นก็ถามอีกครั้ง “ใช่สิ เสี่ยวเยว่เยว่ เธอมาจากไหน? ข้างนอก?”
เสี่ยวเยว่เอ๋อช้อนตาจ้องเขาเขม็งเล็กน้อย จากนั้นก็ส่ายหน้า
“จำไม่ได้?”
เธอครุ่นคิด แล้วพยักหน้า
“ดูเหมือนคงต้องขึ้นไปข้างบนแล้วล่ะ” หลิงม่อหันไปมองทางประตูเหล็กอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความพิเศษของที่นี่หรือเปล่า ซอมบี้ฮวาฮวาถึงยังไม่ตามเข้ามาจนถึงตอนนี้ หลิงม่ออดร้องดีใจเงียบๆ ไม่ได้ ไม่คิดเลยว่าจะยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ถ้าไม่อย่างนั้นหากถูกยัยกรรไกรยักษ์ไล่ตามอยู่ตลอด นอกจากวิ่งหนีเอาชีวิตรอด เขาก็คงไม่ต้องทำอย่างอื่นกันพอดี
“สิ่งที่เธอพูดถึงก็ไม่ได้อยู่ชั้นนี้เหมือนกันสินะ” หลิงม่อก้มหน้าพูดกับเสี่ยวเยว่เอ๋ออีกครั้ง
คำตอบที่เขาได้ในครั้งนี้กลับเหลือเพียงการแค่นเสียงขึ้นจมูก แต่เขาก็ไม่ถือสาเอาความ เงยหน้าก้าวเดินขึ้นไปข้างบนทันที
บนขั้นบันไดสู่ชั้นสองมีคราบเลือดปรากฏมากขึ้น บนผนังมีกระทั่งรอยนิ้วมือเป็นทางที่เกิดขึ้นระหว่างดิ้นรนขัดขืน สิ่งที่ทำให้หลิงม่อตะลึงมากที่สุด ก็คือบนราวบันไดยังมีเชือกที่เปื้อนเลือดห้อยติดอยู่ และด้านล่างเชือกก็มีเลือดกองใหญ่อยู่ จินตนาการได้ไม่ยาก ตอนนี้คงจะมีคนถูกขังไว้ที่นี่ และอาจเป็นไปได้มากว่าจะเป็น “ผู้ต้องสงสัยติดเชื้อ” เจ้าของลายมือเลือดบนกล่องไม้เหล่านั้น
แต่ตอนนี้ ศพได้หายไปแล้ว แม้แต่กระดูกก็…
หลิงม่อส่ายหัวไปมาเพื่อหยุดความคิด จากนั้นก็เดินขึ้นไปชั้นสองต่อ
หลังจากผลักประตูออก พื้นที่ว่างที่กว้างขวางยิ่งกว่าชั้นล่างก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า
มีชั้นวางอยู่มากมาย รวมถึงกล่องที่ถูกวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบอยู่ในมุมหนึ่งของโซนนี้ และอีกด้านก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่ประกอบเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“แปลก…”
ตามหลักแล้ว ที่นี่ควรจะมืดสนิท แต่หลิงม่อกลับมองเห็นวงแสงอ่อนๆ วงหนึ่ง
“พวกเธอได้ใช้อุปกรผลิตกระแสไฟหรือเปล่า?” หลังจากประตูปิดลง หลิงม่อก็ปล่อยมือออกจากปากของเสี่ยวเยว่เอ๋อ การเก็บเสียงของที่นี่มีประสิทธิภาพมาก ถึงแม้การได้ยินของซอมบี้จะยอดเยี่ยม แต่ภายใต้สถานการณ์ที่อยู่ห่างกันหนึ่งชั้นตึก และมีประตูเหล็กสองบานกั้นไว้ ก็ไม่น่าจะได้ยินเสียงของเสี่ยวเยว่เอ๋อแล้ว อีกอย่าง หลิงม่อก็ต้องการ “คู่มือแนะนำตัวน้อย” นี้มากจริงๆ
ไม่ว่าจะเป็นลายมือเลือดที่อยู่ข้างนอกพวกนั้น หรือ “ซากโบราณสถาน” เหล่านี้ ล้วนทำให้หลิงม่อรู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก เขารู้สึกรางๆ ว่า บริษัทลอว์สันแห่งนี้ อาจซับซ้อนกว่าที่มองเห็นในตอนนี้ก็ได้…
การค้นพบอย่างนี้ถือว่าเหนือความคาดหมายสำหรับเขา แต่พอนึกถึงการกลายร่างของเหล่าซอมบี้ หลิงม่อกลับรู้สึกว่านี่อาจเป็นโอกาสก็ได้ ยิ่งทำความเข้าใจการกลายร่างประเภทนี้อย่างลึกซึ้ง ก็จะยิ่งได้เปรียบในการทำภารกิจในอนาคต ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโกดังเก็บอาหารที่ยังไม่รู้สถานการณ์แน่ชัดเลย…
“อุปกรณือะไร?” เสี่ยวเยว่เอ๋อถามอย่างงุนงง
เธอมองไปทางวงแสงอย่างงงงัน แล้วอยู่ๆ ก็เริ่มดิ้นพล่านขึ้นมา “อย่าเข้าไปนะ!”
“ตรงนั้นเองหรอ?” หลิงม่อมองเธอแวบหนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้
ซอมบี้ไม่กลัวตาย ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ที่ระดับสูงกว่าก็จะเกิดความรู้สึกหวาดกลัวโดยสัญชาตญาณ และตอนนี้หลิงม่อก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกนั้นรางๆ แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นแค่หุ่นซอมบี้ตัวหนึ่ง อีกอย่างเขายังมีตัวประกันอยู่ในมือด้วย…
แต่เสี่ยวเยว่เอ๋อนั่นต่างกัน เธออยากอยู่ให้ห่างจากที่นี่โดยสัญชาตญาณ แต่การจับกุมของหลิงม่อกลับไม่เปิดโอกาสให้เธอได้หนี…ระหว่างที่เสี่ยวเยว่เอ๋อเริ่มหอบหายใจรุนแรงขึ้น หลิงม่อพาเธอเดินเข้าไปทางนั้นทีละก้าวๆ
สิ่งที่กำลังส่องแสงเป็นของคล้ายกล่องเก็บอุณหภูมิ หลิงม่อไม่เห็นสายไฟอยู่รอบๆ แต่อย่างใด แต่กลับสังเกตเห็นของที่ดูเหมือนแบตฯ สำรองหลายอันวางอยู่ใกล้ๆ เขาขมวดคิ้วจ้องผลิตภัณฑ์สมัยใหม่เหล่านั้นอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปดูข้างในกล่องเก็บอุณหภูมิ
ซอมบี้ที่ใช้เครื่องจักรเป็น…แค่คิดก็ขนลุกแล้ว ดังนั้นขณะที่หลิงม่อมองเข้าไป ความจริงเขาได้เตรียมใจไว้อย่างดีแล้ว…
—————————————————————————–