แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - ตอนที่ 906
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะบ้าคลั่ง ทันใดนั้นเงาร่างของฟางอิ๋งพลันหายไปจากที่เดิม
“เอาเลย!”
ขณะเดียวกัน หลิงม่อม่านตาหดตัว เขากระโดดไปข้างหลัง พุ่งชนตู้ตัวนั้นอย่างไม่ลังเล
“เด็กโง่!ตอนนี้แหละ!”
“เพล้ง!”
เสี้ยววินาทีที่ตู้ล้มลงไป เสียงวัตถุแตกพลันดังมาจากทางหน้าต่างทันใด
เมื่อเศษกระจกชิ้นเล็กชิ้นน้อยกระจายไปทั่ว เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดพลันดังขึ้นตรงหน้าหลิงม่อ
ไม่นาน เงาร่างที่เคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่ไม่สามรถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าก็ถูกยิงจนปรากฏตัว ภายใต้อานุภาพอันน่ากลัวของกระสุนปืนไรเฟิล ฟางอิ๋งเซไปข้างหลังอย่างควบคุมไม่ได้ จากนั้นก็ล้มลงไปในกองศพข้างหลังดัง “โครม”
โรงละครขนาดเล็กของเธอพลันเละตุ้มเป๊ะไปทันที แม้แต่ชุดน้ำชาที่จัดวางให้ศพหญิงสาวก็แตกละเอียดไปทันที
โครม—หุ่นซอมบี้ของหลิงม่อก็ล้มลงไปพร้อมกับตู้ตัวนั้นเหมือนกัน เขายกมือขึ้นป้องดวงตาไว้ได้ทัน จากนั้นก็ตะเกียกตะกายออกมาจากกองเศษกระจกเหล่านั้น
“สำเร็จไหม?!”
สายลงเย็นๆ พลันพุ่งเข้ามาจากข้างนอก ผ้าม่านสั่นไหวไปมาไม่หยุด ทำให้แสงสว่างในห้องเพิ่มขึ้นไปด้วย
แต่พอเห็นสภาพเละๆ บนพื้น หลิงม่อกลับไม่ได้รู้สึกคลายใจเลยซักนิด เขากำหมัดแน่น และมองไปทางกองศพและเศษชิ้นส่วนทางนั้น
เธอยังไม่ตาย!
ณ ดาดฟ้าของอาคารที่ห่างออกไปหลายร้อยเมตร เย่เลี่ยนกำลังยืนจ้องเลนส์ยิงปืนตาไม่กระพริบ
เธอจ้องแผ่นหลังของหุ่นซอมบี้ตัวนั้น แล้วมองผ่านหัวไหล่ของมันเข้าไปในห้อง
เพียงเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น…ในเหตุพลิกผันที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ เธอมีเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น หรืออาจสั้นกว่านั้นด้วยซ้ำ แต่เมื่อเสียงตะโกนของหลิงม่อดังลั่นในสมองเธอ เธอก็ยังคงลั่นไกออกไปอย่างไม่ลังเล!
ไม่ว่าการยิงปืนนัดนี้จะยากอีกซักแค่ไหน ไม่ว่าอีกฝ่ายจะรวดเร็วปานใด…สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องพิจารณา สิ่งที่เธอต้องทำ คือจ้องตำแหน่งที่หลิงม่อกำลังยืนอยู่ จากนั้นก็ลั่นไกออกไปทันทีที่หลิงม่อตะโกนสั่ง!
ขอแค่…เชื่อมั่นก็พอแล้ว!
เย่เลี่ยนยืนรออยู่ตรงนั้นตลอด ถึงแม้เธอจะเพิ่งมองเห็นเงาร่างของเป้าหมาย ในเสี้ยววินาทีที่ลั่นไก แต่ไม่ว่ารูปลักษณ์และการโจมตีของอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไร ล้วนไม่ส่งผลกระทบต่อเธอทั้งสิ้น เธอคว้าโอกาสนั้นไว้ได้อย่างสวยงาม กระทั่งในเสี้ยววินาทีสั้นๆ นั้น เธอยังปรับองศาการยิงได้อย่างทันท่วงที…
การร่วมมือที่เป็นหนึ่งเดียวกันขนาดนี้ การลอบโจมตีที่แม่นยำขนาดนี้ แต่ทำไม…ทำไมฟางอิ๋งถึงยังรอดไปได้?!
“ฮู่ว…ฮู่ว…”
หลิงม่อหอบหายใจอย่างแรง พลางจ้องมองตำแหน่งที่ฟางอิ๋งล้มลงไป
“เคร้ง!”
เสียงกระจกแผ่นหนึ่งถูกขว้างออกไปดังขึ้นมาทันที จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงศพสองศพถูกแหวกออกไปอีกทาง
“ฟุบ!”
ฝ่ามือที่เต็มไปด้วยเลือดพลันพุ่งทะลุออกมาจากกองเศษซากเฟอร์นิเจอร์ แล้วเสียง “กร๊อบแกร๊บๆๆ” ก็ดังตามมา
“ชิ…” หลิงม่อแค่นเสียงเย็น สายตากลับตึงเครียดขึ้นมาอีกครั้ง
ซอมบี้ร่างแม่ตัวนี้รับมือยากอย่างที่คิดจริงๆ หลังจากลอบโจมตีล้มเหลว ระดับความอันตรายของเธอก็พุ่งขึ้นในแนวดิ่ง
ถ้าหากแม้แต่กระสุนปืนไรเฟิลยังไม่ได้ผล ถ้าอย่างนั้นหุ่นซอมบี้ของเขาก็คงทำได้แค่รอความตายอย่างเงียบๆ แล้ว…
“อึดจริงๆ เลยนะ…” หลิงม่อคิดในใจ
เสียงประหลาดนั้นดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทันใดนั้น เงาร่างที่ห้อยหัวลงก็ยันร่างกายท่อนบนขึ้นมา และปรากฏตัวต่อหน้าหลิงม่อ ร่างกายของเธอเหมือนกำลังพับเข้าหากัน ทุกการเคลื่อนไหวดูติดขัดไม่เป็นธรรมชาติ ดูแค่ภายนอก เหมือนเธอจะถูกโจมตีอย่างรุนแรง แต่ขอเพียงยังสามารถเคลื่อนไหวได้ ซอมบี้สาวตัวนี้ก็ยังคงเต็มไปด้วยพลังสังหาร
หลิงม่อหวังว่าเธอจะล้มพับลงไปอีกครั้ง แต่เมื่อร่างกายท่อนบนของเธอโผล่พ้นกองศพออกมา เขาก็ต้องตัดใจทิ้งความหวังนั้นไป…
“กร๊อบแกร๊บๆ…”
ทันใดนั้น เธอพลันเงยหน้าขึ้น เผยให้เห็นใบหน้าบิดเบี้ยวสุดขีด จากนั้นก็กรีดร้องเสียงแหลม “กรี๊ดดดด!”
ร่างกายท่อนล่างของฟางอิ๋งแนบติดอยู่กับพื้น มือทั้งสองข้างกลับยันร่างกายท่อนบนขึ้นไว้อย่างบิดเบี้ยว บวกกับท่ายืดคอของเธอ ตอนนี้เธอจึงดูเหมือนคลานออกมาจากละครสยองขวัญบางเรื่อง! อีกอย่างหากเทียบกันแล้ว ความน่ากลัวของฟางอิ๋งมีมากกว่าหลายเท่าอย่างเห็นได้ชัด!
ยังไม่พูดถึงกระดองแข็งๆ ที่มีอยู่ทั่วตัวนั่น รูตรงกลางหน้าอกนั่นมันอะไรกัน?
พอเธอกรีดร้อง เลือดสายหนึ่งก็พุ่งออกมาจากตรงกลางอกของเธอ และหลิงม่อก็รีบจ้องมองอย่างสนใจทันที
“บาดเจ็บแล้ว? ไม่สิ…นี่…นี่มันบาดแผลถึงตายได้เลยไม่ใช่หรอ!”
หน้าอกของฟางอิ๋งถูกเลือดย้อมจนแดงฉานไปหมดแล้ว นอกจากนี้ยังมีรูแผลเหวอะหวะเพิ่มขึ้นมาอีก แม้แต่เสื้อผ้ารอบๆ แผลก็ขาดวิ่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทำให้หน้าอกกว่าครึ่งเผยสู่สายตา กระดองแผ่นใหญ่ๆ บิ่นขึ้นมา เผยให้เห็นกล้ามเนื้อสีแดงเลือดที่อยู่ข้างล่าง…น่าทึ่งจริงๆ…
“ใช้กระสุนที่ถูกดัดแปลงมาสินะ?”
ระหว่างที่จัดการทีมลอบโจมตีของฟอลคอน หลิงม่อเคยพาตัวเชลยที่ชื่อจางเฉิงฮุยกลับยังค่ายปาฏิหาริย์ด้วย หลังจากที่ชายคนนี้ผู้ซึ่งมีความชำนาญเกี่ยวกับระเบิดและดินปืนถูกรับเข้าเป็นหนึ่งในสมาชิกของค่ายปาฏิหาริย์ เขาก็ได้กลายเป็นแรงงานที่ทำงานหนักโดยไม่ปริปากบ่นซักคำ กระทั่งถูกโทมัสเค้นศักยภาพและฝีมือที่แม้แต่หลิงม่อเองก็ไม่เคยรู้ออกมาจนหมด
และการดัดแปลงลูกกระสุนก็เป็นหนึ่งในนั้น กระสุนธรรมดาหากผ่านการขัดและฝนอย่างพิเศษก็ยังสามารถระเบิดอานุภาพที่ร้ายแรงกว่าเดิมออกมาได้ และสำหรับกระสุนปืนไรเฟิลจู่โจมชุดนี้ที่เย่เลี่ยนต้องการ จางเฉิงฮุยก็ได้ทำการดัดแปลงเป็นพิเศษ
ส่วนจะดัดแปลงจนพิเศษขนาดไหน จางเฉิงฮุยกลับไมได้บอกไว้ เพียงแค่ทิ้งประโยคแฝงความนัยเอาไว้ว่า “ใช้ดูก็จะรู้เอง รับรองว่าเธอต้องพอใจ…อ้อไม่สิ รับรองว่าซ้อใหญ่ต้องพอใจแน่นอน!”
และตอนนี้ ก็ได้รู้แล้วจริงๆ…
ยิงกระดองของฟางอิ๋งให้แหลกได้ในนัดเดียว แล้วยังสามารถสร้างบาดแผลใหญ่ขนาดนี้ให้เธอได้ด้วย
นี่มันไม่ใช่กระสุนแล้ว ระเบิดขนาดย่อมชัดๆ!
ที่น่าเหลือเชื่อกว่านั้นก็คือ เลือดของเธอยังไหลไม่หยุดอีกด้วย!
ดูจากระดับวิวัฒนาการของฟางอิ๋ง อย่างน้อยเธอก็น่าจะใกล้ก้าวข้ามสู่ระดับซอมบี้เจ้าเมืองแล้ว ซอมบี้ที่ระดับวิวัฒนาการสูงขนาดนี้ จะมีพลังฟื้นฟูที่อ่อนแอได้ยังไงกัน? อีกอย่าง ยิ่งบาดเจ็บหนักเท่าไหร่ เธอก็จะยิ่งฟื้นตัวได้เร็วเท่านั้น อย่างน้อยเลือดของเธอก็จะหยุดไหลอย่างรวดเร็วจนน่ากลัวเลยทีเดียว
แต่ฟางอิ๋งในตอนนี้ล่ะ? เลือดของเธอยังคงพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง…
“นี่ไม่น่าจะใช่สิ่งที่จางเฉิงฮุยสามารถทำได้” หลิงม่อเข้าใจทันที
ถ้าหากเขามีทักษะนี้อยู่ คงถูกฟอลคอนยกย่องเป็นบุคคลสำคัญไปนานแล้ว ไม่มีทางถูกเขาลากตัวกลับมาได้แน่…
ไม่ใช่จางเฉิงฮุย ถ้าอย่างนั้นก็ต้องเป็นเย่เลี่ยนที่มีกระสุนอยู่ในมือแล้วล่ะ…มีแค่ซอมบี้อย่างเย่เลี่ยนเท่านั้น ที่จะเข้าใจจุดอ่อนของเผ่าพันธุ์เดียวกันได้ดีขนาดนี้
เรื่องนี้ทำให้หลิงม่อประหลาดใจและดีใจมาก ไม่คิดเลยว่าเห็นเย่เลี่ยนเงียบๆ อย่างนั้น กลับศึกษาค้นคว้าวิธีนี้ขึ้นมาได้!
“ต้องถูกทำโทษซะแล้ว! แอบทำอะไรลับหลังไม่บอกกัน!” หลิงม่อคิดอย่างลิงโลดปนขุ่นเคืองเล็กน้อย
ตั้งแต่ที่อัพเกรดถึงระดับซอมบี้เจ้าเมือง เย่เลี่ยนกลายเป็นคนขี้อายกว่าเดิม โดยเฉพาะกับเขา เดิมทีเขานึกว่าเธอแค่แอบซ่อนสมุดเล่มเล็กๆ ไว้ ตอนนี้เพิ่งจะรู้ว่าเธอแอบปิดบังอะไรไว้ตั้งมากมายขนาดนี้
หลังจบเรื่องนี้ ต้องคุยกับเธอดีๆ ซักครั้ง…หลิงม่อคิดในใจพลางถูฝ่ามือไปมาอย่างดีใจ
จะว่าไปแล้ว…อานุภาพของตัวกระสุนเอง บวกกับฟังก์ชั่นยับยั้งการแข็งตัวของเลือดอันน่าประหลาดนี้…แค่กระสุนนัดนี้นัดเดียว พลังชีวิตของฟางอิ๋งก็หายไปกว่าครึ่งแล้ว
“แต่ปกติแล้ว เธอน่าจะจบเห่ไปแล้วสิ!” หลิงม่อเริ่มเหงื่อไหลท่วมตัวอีกครั้ง
นัดเดียวปลิดชีพ หมดจดงดงาม นี่คือความน่ากลัวของปืนไรเฟิลจู่โจม และเทพเจ้าสายฟ้ากระบอกนั้นเมื่อตกอยู่ในมือของเย่เลี่ยน ก็กลายเป็นอาวุธร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย ความเร็วที่มนุษย์ตามไม่ทัน แต่เธอสามารถตามทัน ศัตรูที่มนุษย์มองไม่เห็น แต่เธอมองเห็น องศาที่มนุษย์ไม่สามารถหาได้ แต่เธอกลับสามารถหาได้…ดวงตาคู่นั้นของเธอ ก็คือใจความสำคัญในการโจมตี
ทว่าหลังจากที่ศักยภาพแฝงของเธอถูกกระตุ้นออกมา พรสวรรค์นี้ของเธอถึงเพิ่งแสดงออกมาอย่างแท้จริง ก็เหมือนกับกระสุนนัดนี้ ทั้งแม่นยำ ประสิทธิภาพสูง และไร้ที่ติ…
เย่เลี่ยนยิงได้งดงาม ถ้าอย่างนั้นปัญหาก็อยู่ที่ฟางอิ๋งแล้วล่ะ…
“พรวด…”
เลือดของฟางอิ๋งพุ่งออกมาอีกครั้ง เธอบิดคอไปมาช้าๆ และก้มหน้ามองหน้าอกตัวเองด้วยองศาที่พิสดารสุดๆ
หนึ่งวินาทีถัดมา เธอก็หัวเราะหึหึออกมา จากนั้นก็ช้อนตามองหลิงม่ออย่างเย็นชา
“แกคิดว่าฉันไม่รู้หรอ?” อยู่เธอก็เปิดปากพูดขึ้น “ก่อนหน้านั้นฉันก็เกือบถูกยิงไปแล้วครั้งหนึ่ง…”
“เด็กโง่เคยยิงเธอแล้วจริงๆ ด้วย…” หลิงม่อลอบคิด
“แต่ฉันมองไม่เห็นตัวศัตรู…” ฟางอิ๋งพูดต่อ
“เธอไปตามหาที่ไหนกันล่ะ?” หลิงม่ออดมุมปากสั่นยิกๆ ไม่ได้
“ไม่คิดว่าศัตรูจะร่วมมือกับแก…ซ่อนอยู่ไหนล่ะ? พรรคพวกของแกที่โจมตีฉันซ่อนตัวอยู่ที่ไหน! เป็นซอมบี้ที่เหมือนกับแกด้วยหรือเปล่า? หรือว่า นั่นคือร่างจริงของแก?” ฟางอิ๋งตะโกนเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้น…เธอก็ไม่รู้น่ะสิว่านี่เป็นปืนไรเฟิล!” หลิงม่อตะลึงค้าง!
แต่คิดดูอีกทีก็ไม่แปลก เมื่อก่อนฟางอิ๋งเป็นพนักงานออฟฟิสนี่นา! เรื่องเกี่ยวกับปืนไรเฟิล ถึงแม้จะเคยเห็นผ่านตาในรายการโทรทัศน์มาบ้างแล้ว แต่หากไม่เคยมีประสบการณ์โดยตรง ก็อาจถูกแยกประเภทเป็นความจำที่ไร้ประโยชน์ก็ได้…ที่สำคัญคือ สิ่งที่วนเวียนอยู่ในสมองของฟางอิ๋ง ก็มีแต่ความทรงจำเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในบริษัทลอว์สันเท่านั้น
เธอไม่สามารถหนีออกไปได้ตั้งแต่แรกแล้ว…สิ่งที่หน่วงเหนี่ยวเธอไว้ไม่ใช่บริษัทแห่งนี้ แต่เป็นความทรงจำที่ยึดครองความคิดของเธอ…
ฟางอิ๋งพูดพลางกระอักเลือด จากนั้นก็ใช้สองมือตะกายพื้น เพื่อคลานมาทางหลิงม่ออย่างรวดเร็ว
ด้านในบาดแผลของเธอพลันเริ่มขยับเขยื้อน แม้แต่ตอนที่เธอคลานเข้ามา หลิงม่อก็ยังได้ยินเสียงประหลาดดังออกมาจากในนั้น…
“กร๊อบแกร๊บ…”
ทันใดนั้นวัตถุชุ่มเลือดเส้นหนึ่งพลันยื่นออกมาจากแผลของเธอ หลิงม่อยังไม่ทันมองให้ชัดๆ ฟางอิ๋งก็กระโจนเข้ามาถึงตรงหน้าเขา จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนทันใด
“กรี๊ดดด!!!”
เมื่อเสียงกรีดร้องแหลมๆ ของเธอดังขึ้น เลือดกลุ่มหนึ่งก็พุ่ง “พรวด” ออกมาจากหน้าอกเธอ ขณะที่ถูกเลือดกระเด็นใส่เต็มหน้า หลิงม่อเหลือบเห็นดวงตาคู่หนึ่งรางๆ…
มันคือดวงตาที่ปรากฏตัวออกมาพร้อมกับเลือดกลุ่มนั้น แดงโลหิต เลือดเย็น และเต็มไปด้วยกลิ่นอายโหดเหี้ยมกระหายเลือด ในเสี้ยววินาทีที่มันปรากฏ ลิ้นที่ยาวกว่าลิ้นของฟางอิ๋งพลันปรากฏอยู่ตรงหน้าหลิงม่อ มันพุ่งเข้ามาที่หัวของหลิงม่อ พร้อมกับเสียงแหวกอากาศแหลมๆ…
—————————————————————————–