แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - ตอนที่ 942
เสียงนั้นเบามาก ถึงแม้ยืนอยู่ในห้องโถงที่โล่งกว้างขนาดนี้ ก็ยังได้ยินแค่เลือนรางเท่านั้น
หลิงม่อกลั้นหายใจแล้วเงี่ยหูฟังครู่หนึ่ง บอกว่า “เหมือนเสียงคนเดิน” พูดจบ เขาก็หันไปมองเสี่ยวป๋ายทันที
หมีแพนด้ากลายพันธุ์แสนรู้ มันคาบถังฮ่าวแล้ววิ่งไปยังทิศที่เกิดเสียงอย่างรวดเร็ว
“ฉิบหาย!”
ถังฮ่าวทำหน้าตกใจหวาดกลัว นี่เขากำลังถูกใช้เพื่อเปิดทางชัดๆ!
แต่พอคิดดูดีๆ อีกที ถังฮ่าวก็ต้องน้ำตาไหลอาบหน้า เขาเป็นคนนำทาง และที่นี่ก็เป็น “ถิ่น” ของพวกเขา การที่หลิงม่อทำอย่างนี้ ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่แล้วไม่ใช่หรอ…แต่ดูไม่ออกเลยนะ!ไม่คิดเลยว่าเจ้าเด็กหนุ่มคนนี้จะทำอะไรรวดเร็วและคล่องแคล่วได้ถึงขนาดนี้…
“แกช่วยคิดก่อนทำซักหน่อยไม่ได้หรือไง?! อย่างน้อยช่วยลังเลซักนิดก็ยังดี!”
ขณะที่ถังฮ่าวลอบบ่นในใจ เสี่ยวป๋ายก็ได้วิ่งผ่าห้องโถงไปจนถึงประตูบานหนึ่ง
เสียงดังมาจากข้างหลังนี้ แต่ที่น่าแปลกคือ ทั้งที่พวกเขาเข้าใกล้แหล่งเกิดเสียงมากแล้ว ทว่าพอหลังจากชะโงกเข้าไปฟังดีๆ มันกลับฟังดูเลือนรางและเลื่อนลอย ราวกับมีคนกำลังยืนคุยกับเราตรงหน้า แต่ไม่ว่าจะตั้งใจฟังแค่ไหน กลับได้ยินไม่ชัดเจน
และไม่ใช่แค่ “เสียงฝีเท้า” พอมาถึงประตูบานนั้น ก็มีเสียงน่าขนลุกอีกเสียงดังขึ้นด้วย
“แอ๊ดด…แอ๊ดด…”
เสียงนี้เบายิ่งกว่า “เสียงฝีเท้า” แต่มันดังอย่างต่อเนื่องไม่มีหยุดพัก
“มีคนกำลังเขย่าประตู…” ถังฮ่าวเม้มปากที่แห้งผากแน่น
แน่นอนว่าประตูที่ถูกเขย่าไม่ใช่บานที่อยู่ตรงหน้านี้ แต่ยิ่งเป็นอย่างนี้ ก็ยิ่งทำให้รู้สึกถึงความกดดันและหวาดกลัว…
ตรงกลางประตูถูกเปิดแง้มไว้เป็นช่องเล็กๆ ความกว้างน่าจะประมาณสองนิ้ว เสี่ยวป๋ายหยุดยืนหน้าประตูเงียบๆ ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ เดินไปใกล้ช่องประตูนั้นช้าๆ…
“เดี๋ยว…เดี๋ยวก่อน! นี่มันบ้าบิ่นเกินไปแล้ว!”
ถังฮ่าวมองดูช่องประตูอันมืดมิดนั้นค่อยๆ คืบคลานเข้ามาใกล้ตัวเองต่อหน้าต่อตา ร่างกายเขาแข็งทื่อไปทั้งตัว
เป็นความจริง…ที่เมื่อเทียบกับหลิงม่อแล้ว เขารู้จักที่นี่ดีกว่ามาก…แต่เพราะรู้จักดี ถึงได้รู้สึกกลัวขนาดนี้!
“อีกอย่าง…หลังจากเริ่มแผน ก็ไม่มีใครรู้ว่าที่นี่ได้เปลี่ยนไปยังไงบ้างแล้ว…แม้แต่ในเวลาปกติ พวกฉันก็ยังหลีกเลี่ยงที่จะมาที่นี่…”
ถังฮ่าวในตอนนี้ต่างกับ “คนนั้น” อย่างเห็นได้ชัด เขารอบคอบยิ่งกว่า ขี้กลาดมากกว่า โดยเฉพาะยิ่งเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อาจปกป้องตัวเองได้อย่างในตอนนี้…
เมื่อร่างกายเขาสัมผัสบานประตู และถูกบังคับให้ผลักประตูออก หน้าถังฮ่าวก็ซีดเป็นไก่ต้มไปทั้งดวง
เขาหลับตาโดยอัตโนมัติ จนกระทั่งเมื่อไม่รู้สึกถึงบานประตูแล้ว จึงค่อยๆ หรี่ตาขึ้นเล็กน้อย
“ฮู่วว…”
ด้านหลังบานประตูเป็นทางเดินแคบๆ ที่ทั้งมืด และเงียบงันเส้นหนึ่ง
อาจเป็นเพราะเสียงลมหายใจดังเกินไป เขาจึงไม่ได้ยินเสียงเลือนรางพวกนั้นไปชั่วขณะหนึ่ง
ข้างทางเดินมีหน้าต่างอยู่หลายบาน แต่ส่วนมากล้วนถูกปิดไว้ มีเพียงแสงอ่อนๆ ที่ส่องลอดเข้ามาตามช่องเล็กๆ เหล่านั้น เมื่ออาศัยแสงอ่อนๆ พวกนั้นมองเข้าไปข้างใน ก็จะเห็นเค้าโครงรางๆ เหมือนบนทางเดินเส้นนี้ยังมีสิ่งของอยู่อีกมากมาย แต่ความรู้สึกคล้ายมีคล้ายไม่มีนี้แหละ ที่ยิ่งทำให้หวาดกลัวจนอยากถอยหนี
เพิ่งจะมองแวบเดียว ถังฮ่าวก็เกือบจะร้องลั่นออกมา
ทว่าไม่กี่วินาทีต่อมาเขาก็ใจเย็นลง พยายามกลืนน้ำลายอันแห้งเหือดลงคอ และพึมพำกับตัวเอง “ไม่เป็นไร…”
เสียงฝีเท้าเบาๆ ของหลิงม่อดังมาจากข้างหลังเขา และไม่นานเสียงนั้นก็เดินมาถึงด้านข้างเขาอย่างรวดเร็ว
“แหล่งกำเนิดเสียงไม่ได้อยู่ที่หรอ?” หลิงม่อมองซ้ายมองขวา พลางพูดขึ้น
เขาหันหน้าไป แล้วก็เห็นสายตาอาฆาตแค้นของถังฮ่าวที่มองมาพอดี
สายตาอาฆาตแค้นของเขาต่างกับก่อนหน้านี้เล็กน้อย ไม่ค่อยมีความบ้าคลั่งผสมอยู่ แต่กลับรู้สึกได้ถึงความเดือดดาลจนเกร็งไปทั้งตัว
“เหมือนแกจะไม่พอใจมากนะ” หลิงม่อถาม
“แกคิดจะเล่นงานฉันให้ตายด้วยวิธีนี้หรือไง?” ถังฮ่าวคำรามอย่างพยายามข่มกลั้น “ฉันอุตส่าห์ให้ข้อมูลแกมากมาย…”
“ถ้าเปลี่ยนเป็นฉันถูกแกจับได้ แกจะทำยังไงล่ะ? ความจริงแกไม่ต้องบอกฉันก็รู้ การถูกล้วงข้อมูลคงหลีกไม่พ้น แต่แกต้องใช้ฉันล่อพวกของฉันคนอื่นๆ ออกมาด้วย จากนั้นก็ค่อยๆ ฆ่าพวกเขาให้ตายทีละคนๆ ใช่ไหมล่ะ? แน่นอน ว่าเรื่องที่ฉันกำลังทำอยู่ตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างกันมากเท่าไหร่” หลิงม่อบอก
“ถ้าอย่างนั้น แกก็ไม่ใช่คนดีอะไรเหมือนกัน…” ถังฮ่าวกัดฟันกรอด
“นั่นก็แล้วแต่ว่าแกจะมองยังไง บางครั้งการเป็นคนดี ก็ไม่ใช่ว่าจะสามารถทำเรื่องดีๆ ได้ อีกอย่างมาตรฐานของความดีกับความเลวในมุมมองของแต่ละคนก็ต่างกันไม่ใช่หรอ? ก็เหมือนกับแก ถึงแม้ไม่ชอบซอมบี้ แต่กลับปรารถนาที่จะได้มาซึ่งพละกำลังของพวกมัน ถ้าอย่างนั้นในใจของแก ตกลงว่าซอมบี้เป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารังเกียจ หรือเป็นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในระดับสูงกว่ากันแน่ล่ะ?”
“พูดไร้สาระของแกต่อไปเถอะ…”
ถังฮ่าวยังอยากจะพูดอะไรต่อ แต่กลับพบว่าหลิงม่อเดินไปยังอีกฝั่งของทางเดินแล้ว
“แม่งเอ๊ย ขอให้มีสัตว์ประหลาดบ้าอะไรก็ได้โผล่ออกมาฆ่าแกให้ตายไปเลย!” ถังฮ่าวลอบด่าในใจ
ทว่าในใจเขาก็รู้ดี ว่าถ้าหากที่นี่มีอันตรายจริงๆ ล่ะก็ เขาคงจะเป็นคนแรกที่ได้เจอ
ถึงแม้ตอนนี้เขาจะไม่มีพลังต่อสู้ แต่เขากลับมีคุณสมบัติเพียบพร้อมในฐานะเหยื่อล่อ
คนเป็น ที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยเลือดสดๆ…นี่มันอาวุธล่อศัตรูชั้นเยี่ยมชัดๆ…
“อาคารนี้กำลังอยู่ในระหว่างปรับปรุงใหม่สินะ…”
หลิงม่อเงยหน้าสำรวจรอบๆ พลางเก็บข้อมูลเงียบๆ
ด้านบนมีแต่แผ่นฝ้าที่ถูกรื้อออกเต็มไปหมด บนผนังมีร่องรอยการทาสีใหม่ที่เพิ่งจะทาไปได้ครึ่งเดียวอยู่ให้เห็นไม่น้อย…สายไฟจำนวนมากห้อยติดอยู่กับผนัง มองแวบแรกเหมือนงูพิษมากมายที่กำลังเลื้อยรัดพันกันเป็นกลุ่มก้อน
“มองไกลๆ ก็น่าตกใจมากเหมือนกันนะเนี่ย” หลิงม่อเดินไปไปหยุดอยู่ตรงหน้าบันไดช่างตัวหนึ่ง จากนั้นก็ยื่นมือออกไปปาดฝุ่นบนนั้น
ส่วนบนพื้นก็มีวัสดุอุปกรณ์สำหรับตกแต่งอยู่มากมายเช่นกัน ดังนั้นจึงมองออกได้ยากว่ามีรอยเท้าใหม่ถูกทิ้งไว้หรือไม่
ถ้าหากมีเวลามากพอ ก็อาจจะสามารถสำรวจอย่างละเอียดได้ แต่ตอนนี้…
“อยู่ตรงนี้จริงๆ ด้วย” หลิงม่อเงยหน้าขึ้น แล้วมองไปข้างหน้า
ดูจากความยาว ทางเดินครึ่งนี้ดูสั้นกว่าอย่างเห็นได้ชัด แสดงว่าบันไดอยู่ตรงนี้แน่นอน
ส่วนอีกด้านมีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นลิฟต์ ซึ่งถือเป็นทางตันสำหรับพวกเขา
สถานการณ์เหมือนในบริษัทลอว์สันจะเกิดขึ้นกับที่นี่หรือไม่ แค่ดูจากที่อาคารแห่งนี้กำลังปรับปรุงใหม่ก็รู้แล้ว
เนื้อกำแพงดูออกง่ายมากว่าคุณภาพเป็นอย่างไร และความหนาของมันก็ไม่เหมือนกับบริษัทลอว์สัน…หากจะอาศัยอยู่อาคารหลังนี้ เกรงว่าคงต้องวิวัฒนาการตัวเองให้มีลำตัวยาวๆ ก่อนถึงจะได้…
“อย่างเช่นการยืดอวัยวะบางส่วนให้ยาวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด กระทั่งเปลี่ยนแปลงสมรรถภาพของอวัยวะดังกล่าวใหม่ซะ ขณะเดียวกันก็วิวัฒนาการให้แขนและขาสั้นลงเหมือนกับจระเข้…แค่คิดก็น่ากลัวแล้วแฮะ”
หลิงม่อพึมพำ แต่กลับก้าวเท้าเดินไปยังสุดทางเดินอย่างรวดเร็ว
“หื้ม?”
ขณะที่ใกล้จะก้าวเท้าข้ามประตูไป อยู่ๆ หลิงม่อกลับชะงักไปครู่หนึ่ง
“แอ๊ดด…แอ๊ดด…”
เสียงนั้นยังคงดังสะท้อนอยู่ในทางเดิน และเมื่อหลิงม่อมาหยุดยืนอยู่ในจุดนี้ เขากลับรู้สึกต่างออกไป
“มีอะไรแปลกๆ…”
—————————————————————————–