แฟนผมกลายเป็นซอมบี้ - บทที่ 1031 ของบางอย่างถ้าดึงออกมาก็ติดกลับเข้าไปใหม่ไม่ได้แล้ว
- Home
- แฟนผมกลายเป็นซอมบี้
- บทที่ 1031 ของบางอย่างถ้าดึงออกมาก็ติดกลับเข้าไปใหม่ไม่ได้แล้ว
เงาดำชะงักงัน และมันก็เริ่มรู้สึกได้ถึงอันตรายหลังจากเห็นปฏิกิริยาของหลิงม่อ แกคิดจะทำอะไร? ไม่…แกไม่มีทางฆ่าฉันได้! เหมือนที่แกบอก ฉันเป็นร่างดวงจิต ถึงแม้ตอนนี้แกจะจับฉันไว้ได้ แล้วยังไงล่ะ? แกก็ทำได้แค่ยืนมองฉันอยู่ตรงนั้น…กรี๊ดด! นี่มันอะไรกัน?
เมื่อเสียงของมันแปรเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกลนลาน ไม่นาน เสียงกรีดร้องเสียดแทงแก้วหูเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น เงาดำเริ่มบิดงออย่างบ้าคลั่งอยู่ตรงหน้าหลิงม่อ แต่มันกลับตัวเล็กลงเรื่อยๆ เหมือนถูกฝ่ามือของหลิงม่อกลืนกินอย่างช้าๆ…ไม่ ไม่ใช่แค่เหมือน แต่มันกำลังถูกกลืนกินจริงๆ! ไม่อยากเชื่อเลยว่ามนุษย์คนนี้กำลังกลืนกินร่างแม่อย่างมัน!
ไม่! ไม่! อ๊ากกกก… เงาดำกรีดร้องขึ้นอย่างตกใจ วินาทีนี้ในที่สุดมันก็เข้าใจคำพูดของหลิงม่อแล้ว…แต่ความจริงแบบนี้ มันไม่ได้อยากรับรู้เลย!
เป็นไปไม่ได้…แกเป็นเหยื่อ ฉันต่างหากที่เป็นผู้ล่า! ไม่…ไม่นะ…กรี๊ดดด!
เมื่อเวลาผ่านไป เสียงกรีดร้องของเงาดำก็เริ่มอ่อนแรงลง มันกระตุกสั่นเป็นช่วงๆ สุดท้ายก็สลายหายไปคามือมือหลิงม่อ…และในเวลาสั้นๆ เพียงสิบกว่าวินาทีนี้ ทุกคนต่างยืนมองอย่างตกตะลึง จนกระทั่งหลิงม่อเซล้มไปข้างหน้า ทุกคนจึงค่อยได้สติกลับคืนมา และรีบวิ่งพุ่งเข้าไปช่วย
เย่เลี่ยนพุ่งไปถึงตัวหลิงม่อเป็นคนแรก เธอพุ่งเข้าไปรับเขาไว้ในอ้อมอก ซย่าน่ากับหลี่ย่าหลินพุ่งตามเข้าไปติดๆ ประคองเขาข้างซ้ายคนหนึ่งข้างขวาคนหนึ่ง
สวี่ซูหานเอง เดิมทีก็อ้าแขนออกอย่างร้อนใจ แต่พอพุ่งตัวเข้าไปถึงตรงหน้าเขา เธอก็ชะงักเท้าหยุดอย่างไม่รู้ตัว… คือว่า หลิงม่อเป็นไงบ้าง? เธอยืนห่างออกไปหนึ่งเมตร แล้วถามอย่างระมัดระวัง
ได้รับบาดเจ็บหรอ?
ใช่แล้ว! รีบดูเร็วเข้า! คนอื่นๆ ต่างพากันเป็นห่วง
มีเพียงอวี๋ซือหรานที่ยังคงยืนอยู่กับที่อย่างใจเย็น เพียงแต่จมูกที่สูดขึ้นลงไม่หยุด และนิ้วมือที่ไขว้กันไปมา กลับบอกแทนความรู้สึกของเธอในตอนนี้ไปแล้ว…เธอกระแอมหนึ่งเสียง เขย่งปลายเท้าชะเง้อมองเข้าไปในกลุ่มคน จากนั้นก็แค่นเสียงขึ้นจมูกสองเสียง ตื่นตูมอะไรกันนักหนา…ไส้กรอกไม่ตายหรอก…ฉันยังไม่ได้กินเขาเลย…
ไม่เป็นไร ซย่าน่าตรวจสอบดูอย่างละเอียดอยู่นานสองนาน จากนั้นก็เงยหน้าบอก พี่หลิงแค่หมดสติไปชั่วคราวเท่านั้น อีกเดี๋ยวก็ตื่นแล้ว เมื่อกี้เขาใช้พลังงานมากเดินไป ดังนั้น…ก็เหมือนกับหมดแรงนั่นแหละ
ที่แท้ก็อย่างนี้เอง…
ถ้าอย่างนั้นแค่พักผ่อนก็น่าจะหายแล้วนะ?
ใช่…พวกเราพาเขากลับไปส่งที่พักก่อนแล้วกัน ซย่าน่าบอก เธอก้มหน้ามองหลิงม่อแวบหนึ่ง ทันใดนั้นดวงตาข้างหนึ่งพลันเปลี่ยนเป็นสีแดง ถึงแม้เกิดขึ้นเพียงชั่วขณะ แต่เธอกลับเห็นอย่างชัดเจน ดวงแสงแห่งจิตของหลิงม่อ กำลังหมุนวนป่วนพล่านอย่างบ้าคลั่ง เหมือนน้ำวนสีเลือดที่กำลังเดือดพล่าน…ถึงแม้มองไม่เห็นว่าก้นน้ำวนมีอะไรอยู่กันแน่ แต่ซย่าน่ากลับสัมผัสได้ถึงพลังงานกลุ่มนั้นอย่างชัดเจน…พลังงานทางจิตที่กระแทกกระทั้นกันอย่างต่อเนื่อง …
ถึงแม้ฉันจะไม่ได้พูดมั่วๆ เรื่องหมดแรง แต่หลังหมดแรง พี่หลิงกลับดูอิ่มเอมกว่าเดิมอีกนะ… ซย่าน่าพึมพำเสียงเบา แต่ว่าเรื่องส่วนตัวอย่างนี้ไม่จำเป็นต้องพูดออกมาก็ได้มั้ง…
อาจเพราะว่าได้ยินคำพูดสองแง่สองง่ามนี้เข้า…หลิงม่อที่กำลังหดมสติ ถึงได้ตัวกระตุกสั่นขึ้นมาชั่วขณะ…
นอนเถอะๆ พวกฉันจะช่วยประคองนายกลับไปเอง หลี่ย่าหลินปลอบ แต่มือกลับลูบคลำร่างกายหลิงม่ออย่างมีเจตนาแอบแฝง…ทำให้หลิงม่อที่ถูกกระตุ้นอีกครั้ง ต้องสะบัดศีรษะแรงๆ อีกครั้ง…
เดี๋ยวก่อน เย่เลี่ยนมองหลิงม่อ พลันชะงักเท้าหยุดเดิน ฉัน…ฉันลืมของ ทุกคน…รอฉันแป๊บหนึ่ง! พูดจบไม่รอให้พวกซย่าน่าถามอะไร เย่เลี่ยนหมุนตัววิ่งเข้าไปในเศษซากผนังปูนที่พังลง และเริ่มควานหา
หาอะไรน่ะ… ซย่าน่าหันไปมองแผ่นหลังเย่เลี่ยน พลางพึมพำอย่างสงสัย…
ใช่สิ รุ่นพี่ พี่รู้สึกไหมว่าพี่เย่เลี่ยนเหมือนมีบางอย่างเปลี่ยนไป? เธอครุ่นคิด พลันหันไปมอง ทว่าสิ่งที่เธอเห็น กลับเป็นหลี่ย่าหลินที่กำลังลูบคลำร่างกายหลิงม่อขึ้นๆ ลงๆ ด้วยใบหน้ากรุ้มกริ่ม… ช่างเถอะ ถือว่าฉันไม่ได้ถามแล้วกัน…แต่จริงๆ พี่ก็ไม่ได้ฟังฉันอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ!
หื้ม? ว่าไงนะ? โถ่เอ๋ย อย่าเพิ่งสนใจเรื่องนี้เลย ซย่าน่า เธอก็มาลองกดตรงนี้ดูด้วยสิ…ฉันสงสัยมาตั้งนานแล้ว ทำไมพลังต่อสู้ของผู้ชายถึงได้เท่ากับศูนย์อยู่ตลอดล่ะ? ทั้งๆ ที่ก็มีปุ่มกดอยู่แท้ๆ…หลิงม่อเคยบอกไม่ใช่หรอ ว่าถ้าหากกดคลึงปุ่มกดนี้ ก็จะสามารถเพิ่มค่าพลังพิเศษได้ หรืออาจสามารถเปิดโหมดปืนใหญ่ได้ด้วยซ้ำ
เขาหมายถึงปืนใหญ่ตรงนั้นของเขาหรือเปล่า? บนตัวพวกเราไม่มีปุ่มกดแบบนั้นซักหน่อย…
อ๋อย…อยากลองซักครั้งจัง…เธอว่าของเขาจะดึงออกมาได้ไหม? แอบดึงออกมาครั้งหนึ่ง แล้วค่อยเอาไปติดคืนก่อนที่เขาจะตื่นดีไหม?
ถึงฉันจะรู้ไม่มาก…แต่ของแบบนี้ดึงออกมาแล้วติดกลับไม่ได้แล้วเหอะ!
ขณะเดียวกัน พวกเย่ไคได้เดินลงชั้นล่างตามคำสั่งของมู่เฉินไปก่อนแล้ว ศพพวกนั้นสามารถล่อซอมบี้เข้ามาได้ไม่ใช่น้อยๆ…
เร็วเข้าๆ! เปิดทางก่อนเร็ว! มู่เฉินตะโกนเสียงดัง
เรื่องเล็กๆ แค่นี้พวกเราน่าจะทำได้ดีหรือเปล่า? ไม่อย่างนั้นก็ไม่สมกับชื่อทีมปาฏิหาริย์แล้ว เย่ไคเองก็หมุนควงมีด ตะโกนคำรามเสียงดัง
พวกนายตั้งสติให้ดีหน่อยได้ไหม… จางซินเฉิงที่อยู่ข้างหลังพูดขึ้น
ทว่าทีมปาฏิหาริย์เพิ่งจะวิ่งลงไปได้ไม่กี่ชั้น แต่อยู่ๆ อวี่เหวินซวนที่อยู่ข้างหน้ากลับหยุดวิ่ง…
คนที่เหลือต่างพากันชะลอฝีเท้า จากนั้นก็ค่อยๆ เดินเข้าไปสมทบอย่างระมัดระวัง…
บนขั้นบันไดข้างล่าง มีเงาคนร่างหนึ่งนอนแบ็บอยู่ตรงนั้น…สิ่งที่ทำให้ทุกคนตกตะลึงที่สุด มันยังลากเงาร่างอีกเงามาด้วย…
พึ่บ!
มู่เฉินยกปากกระบอกปืนขึ้นทันที คนอื่นๆ ก็ยกอาวุธขึ้นเตรียมพร้อมเช่นกัน
ทว่าไม่นาน กู่ซวงซวงก็ยกมือปิดปาก ยกมือชี้ไปทางเงาร่างที่ถูกลากแล้วพูดติดอ่าง นั่น…นั่นมันเจ้าลิงผอมไม่ใช่หรอ?
เจ้าลิงผอม? มู่เฉินลดปืนลง มองไปที่เงาร่างนั้นอย่างตกตะลึง
หลังจากที่การออกค้นหาไม่เป็นผล ทุกคนต่างก็เกือบคิดว่าเจ้าลิงผอมตายไปแล้ว…แต่ไม่คิดว่า พวกเขาจะมาเจอเจ้าลิงผอมในสถานการณ์อย่างนี้…
เพียงแต่เจ้าลิงผอมที่กำลังถูกลากนั้นกลับดูเหมือนหายใจรวยริน ทั่วทั้งร่างยังมีร่องรอยถูกมัดเต็มไปหมด…พอได้ยินเสียงเรียก เขาพยายามยกเปลือกตาขึ้นมองมาทางพวกเขา สายตาที่ดูไร้ชีวิตชีวาพลันฉายแววดีใจและตื้นตัน ทว่าไม่นาน เขาก็หลับตาลงอย่างอ่อนแรง…
เจ้าลิงผอมจริงๆ ด้วย!
ดีเหลือเกิน…
เดี๋ยวก่อน… มู่เฉินเหลือบมองเงาร่างที่นอนแบ็บอยู่ข้างหน้า เธอเป็นใคร?
มองจากมุมที่พวกเขายืนอยู่ เงาร่างนั้นดูประหลาดมากจริงๆ…มันสวมเสื้อผ้าผู้ชายหลวมโคร่ง แต่ตัวกลับผอมบอบบางจนน่าสงสาร…ถึงแม้ร่างกายของมันจะถูกเส้นผมยาวๆ บดบัง แต่ทุกคนก็ยังดูออก มัน…หรือเธอ เป็นเพียงโลลิน้อยที่อายุห้าหกขวบเท่านั้น…
พอได้ยินคำถาม เงาร่างนั้นค่อยๆ เงยหน้า เผยให้เห็นดวงหน้าอ่อนเยาว์อมชมพู และพวงแก้มกลมตุ้ยนุ้ย เธอกัดฟันกรอดพูดเสียงรอดไรฟัน ฉันจะฆ่าร่างแม่ตัวนั้นซะ…
เธอเป็นใคร! มู่เฉินถามซ้ำเสียงหนักแน่น
โลลิน้อยจึงเหมือนเพิ่งได้สติ ถลึงตาจ้องมู่เฉินอย่างไม่สบอารมณ์ จากนั้นก็คลายมือเล็กๆ ที่ลากตัวเจ้าลิงผอมออก ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า เจ้านี่คืนให้พวกนาย เจ้านะ…หลิงม่อล่ะ?
ตกลงว่าเธอเป็นใครกันแน่… อย่าว่าแต่ยัยตัวเปี๊ยกนี่ดูประหลาดๆ เลย ถึงแม้เธอจะปกติมากกว่านี้ พวกมู่เฉินก็ไม่มีทางลดความระแวดระวังลง การที่เธอมาปรากฏตัวอยู่ในสถานที่แบบนี้ แสดงว่าเธอไม่ปรกติแน่นอน…
แต่เห็นชัดว่าที่เจ้าลิงผอมมีสภาพอย่างนั้นไม่ได้เป็นฝีมือของเธอ…ความจริงหากดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ เป็นไปได้มากว่าเจ้าลิงผอมถูกเธอช่วยออกมามากกว่า นอกจากนี้ เธอยังรู้จักหลิงม่อีกด้วย…ดังนั้นถึงแม้ในใจเคลือบแคลงสงสัย แต่ทุกคนกลับไม่คอดจะลงมือส่งเดช
ฉันหรอ…ฉันคือเฮยซือ อาจเพราะรู้สึกว่าการนอนแบ็บอยู่อย่างนั้นดูน่าอนาถเกินไป โลลิน้อยจึงยื่นมือคว้าราวจับแล้วค่อยๆ ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็ใช้มืออีกข้างเท้าสะเอว
อวี่เหวินซวนที่ยืนอยู่ข้างหน้าสุดอึ้งงัน จากนั้นก็ร้อง อ๋อ ขึ้นมา ที่แท้เธอก็คือเฮยซือนี่เอง! พวกเขาอยู่ข้างหลังนี้เอง…
เข้าใจละ เฮยซือพยายามปีนขึ้นบันไดไปโดยจับราวกั้นไว้ ขณะเดียวกันก็บอกว่า อ๊ะ ใช่สิ บอกไว้ก่อนแล้วกันว่าข้างล่างมีคนจัดการให้ครึ่งหนึ่งแล้ว…
……
ทุกคนต่างกลั้นใจมองส่งโลลิน้อยแปลกประหลาดตัวนี้จนหายลับไปจากครรลองสายตา จากนั้นถึงค่อยได้สติหลังจากมองหน้ากันตาปริบๆ พวกเย่ไควิ่งพุ่งเข้าไปหาเจ้าลิงผอม อวี่เหวินซวนกลับเบิกตากว้าง เดี๋ยวก่อนนะ…เธอโผล่มาจากไหนกัน?