แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 325 ชนิดสุดท้าย
ตอนที่ 325 ชนิดสุดท้าย
“ระวัง” หลิวหลีรู้สึกเหมือนมีอะไรพุ่งมาหา จึงรีบดึงหนานกงเวิ่นเทียนไปด้านหลัง
“ว้าว มีคนเข้ามาได้ด้วย ตื่นเต้นจริงๆ” แล้วจึงเห็นเพลิงเซียนดวงหนึ่งกำลังลอยไปมา ราวกำลังกระโดดโลดเต้นอย่างยินดี เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมีความสุขของตัวเอง
“เจ้าคือเพลิงเซียนหรือ?” หลิวหลีถามหยั่งเชิง
“ทั้งใช่และไม่ใช่ ข้าเป็นเพลิงเซียนก็จริง แต่ทว่าไม่สมบูรณ์ ตอนนั้นข้าถูกคนแบ่งออกเป็น 10 ส่วน อยู่ที่นี่ข้าเป็นเพลิงเซียนจริงๆ หากเจ้าบรรลุแล้ว ข้าก็จะกลายเป็นเพลิงเทพ” เพลิงเซียนกระโดดโลดเต้นไปมาแล้วพูดขึ้น
“ฟังจากที่เจ้าพูด เจ้าต้องการจะผูกพันธสัญญากับข้าหรือ?” หลิวหลีเลิกคิ้ว เพลิงนพเก้ามอดนภาในร่างกายไร้ซึ่งปฏิกิริยาใด ดูท่าแล้วเพลิงเซียนนี้จะไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการ แต่โชคดีที่ได้ประโยชน์โดยบังเอิญจากพลังด้านนอก
“ใช่สิเพราะเจ้าสามารถพาข้าออกไปได้ นั่นเพราะข้าถูกแบ่งออกเป็น 10 ส่วน พลังของข้าลดลงทำให้ถูกกักขังที่นี่ หากทำพันธสัญญากับเจ้าก็จะสามารถออกไปได้” เพลิงเซียนพูดอย่างร่าเริง
“ขอโทษที ไม่สามารถพาเจ้าออกไปได้ ในร่างกายข้าไม่มีที่ว่างสำหรับเจ้า” หลิวหลีปฏิเสธอย่างไม่เกรงใจ เพลิงอัคคีทั้ง 10 จากโลกเบื้องล่างของนางก็ดีมากอยู่แล้ว ใครจะไปต้องการเพลิงเซียนที่ไร้ประโยชน์และยังดูเหมือนจะพูดมากแบบนี้ไปทำไม
“เอ่อ ผู้บำเพ็ญชาวมนุษย์เป็นมิตร ชอบช่วยเหลือผู้อื่นไม่ใช่หรือ หรือว่าเจ้าไม่ใช่ผู้บำเพ็ญมนุษย์” เพลิงเซียนเสียใจ เริ่มถามหลิวหลี จนเกือบจะไปแตะจุดเดือดของนางอยู่แล้ว
“ข้อแรก ผู้บำเพ็ญชาวมนุษย์เป็นมิตรมากก็จริง แต่ก็เลือกอยู่บ้าง สองจะให้ความช่วยเหลือก็ต้องดูคนที่จะช่วยด้วย ข้าไม่มีเวลา จะเสียเวลาไม่ได้ แต่ว่าหากจัดการธุระเสร็จ ก็อาจจะช่วยเจ้าได้ สามเจ้าเองก็รู้ถึงความอันตรายของพลังด้านนอก ตัวพวกเรากว่าจะเข้ามาได้ก็อิดโรยอย่างยิ่ง ไม่อาจพาเจ้าออกไปด้วยได้” หลิวหลีพูดจบก็เตรียมจะจากไป หากจะบอกว่าไม่ผิดหวังคงเป็นเรื่องโกหก ทำแบบนี้กับข้าได้อย่างไร ข้าไม่พอใจ
“ก็บอกแล้วว่าข้าเป็นเพลิงเทพ แถมยังไม่ใช่พลังอะไร นี่เป็นพลังพิเศษที่รวมพลังเซียนของโลกเซียนกับพลังเทพของโลกเทพเข้าไว้ด้วยกัน เจ้าดูดซึมได้ก็แสดงว่าอย่างน้อยเจ้าจะต้องเป็นจักรพรรดิเทพเซียน อีกทั้งยังมีสัญญาณว่าจะบรรลุไปโลกเทพได้ด้วย พวกเจ้าสนใจกันแล้วหรือยัง ข้าเป็นถึงเพลิงเทพเชียวนะ” เพลิงเซียนพูดอย่างได้ใจ
“อ่อนแอขนาดนี้ ยังกล้าบอกว่าตัวเองเป็นเพลิงเทพ แต่ต้องขอบคุณเจ้าที่บอกส่วนประกอบของพลังให้ข้า รอข้าจัดการธุระเสร็จ จะกลับมาช่วยเจ้า” หลิวหลียังคงไม่ทำตามที่มันบอก แต่ให้คำสัญญาว่าหลังจากบรรลุแล้ว จะกลับมาช่วยเขา อืม กลับเอาไปเป็นเพื่อนเล่นกับเหมียวเหมี่ยวดีกว่า
อยู่ๆสีหน้าของหลิวหลีก็เปลี่ยนไป รู้สึกเหมือนตัวเองจะโดนผนึกขวางกั้น แล้วนี่ใครอีก
“นังหนู ไม่เลว”
“อาจิ่ว” หลิวหลีย่อมรู้ว่าผู้ชายผู้นี้เป็นใคร เพลิงนพเก้ามอดนภา แต่เพลิงเซียนนี้ไม่ใช่สิ่งที่มันต้องการ ทำไมถึงได้ออกมา
“ข้าเอง เพลิงครึ่งเทพครึ่งเซียนนี้เป็นสิ่งที่ข้าต้องการจริงๆ เพียงแต่ถูกสวรรค์จำกัดเอาไว้ เจ้าต้องผ่านการทดสอบเท่านั้น ข้าจึงจะพูดได้” เพลิงนพเก้ามอดนภาอธิบาย เพลิงครึ่งเทพครึ่งเซียนนี้เป็นเพลิงที่ร้ายกาจที่สุดในโลกเซียน บวกกับความกล้าหาญของนังหนู กล้าทดลองสิ่งใหม่ๆ ทำให้ดูดซึมพลังครึ่งเทพครึ่งเซียนนี้ได้สำเร็จ ต่อไปก็จะดูดซึมได้อย่างราบรื่น ตอนนั้นเขาเลือกคนไม่ผิดจริงๆ
“ดังนั้นเพลิงเซียนนี้เป็นบททดสอบหรือนี่?” หลิวหลีรู้สึกว่าสวรรค์คงว่างมากจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะทดสอบนาง
“ใช่แล้ว เพลิงเซียนที่เจ้าได้ยินพูดไม่ได้ แต่นี่เป็นวิธีพิเศษของสวรรค์ เพลิงครึ่งเทพครึ่งเซียนนี้มีแข็งแกร่งเกินไป ถึงได้ถูกแยกออกเป็น 10 ดวง ทำให้ข้าดูดซึมได้อย่างราบรื่นพอดี ไม่เช่นนั้นต่อให้พวกเราสองคนมี 9 ชีวิตก็อาจจะไม่รอด” เพลิงนพเก้ามอดนภาพูดด้วยความหวาดกลัวน้อยๆ
“ดังนั้นคำพูดทั้งหมดเมื่อครู่เป็นบททดสอบเหรอเนี่ย” หลิวหลีออกตัวว่าโชคดีที่ตัวเองผ่านด่านได้ ไม่เช่นนั้นคงต้องติดอยู่ที่โลกเซียนแน่
“ใช่แล้ว นังหนู ประโยคสุดท้ายของเจ้านั้นสำคัญ” ถึงแม้นังหนูจะปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเลยเสียทีเดียว นางบอกว่าหากจัดการภัยร้ายด้านนอกแล้วจะกลับมาช่วยเพลิงเซียน ทำให้ผ่านด่านได้
“เช่นนั้นแล้วตอนนี้สถานะของพวกเราทั้งสองคือ” ทำไมมีแค่พวกเขาสองคน สามีของนางล่ะ
“ไม่เป็นไร หลิวหลีเจ้าสามารถผ่านบททดสอบได้อย่างราบรื่น สวรรค์ให้เวลาเราได้พูดคุยกันครู่หนึ่ง หลิวหลีเจ้าจะต้องจำไว้ เดี๋ยวเวลาดูดซึมเพลิงเซียนให้ใช้พลังครึ่งเทพครึ่งเซียนที่เจ้าดูดซึมมา” เพลิงนพเก้ามอดนภาพูดจบ บรรยากาศรอบข้างก็หายไป หลิวหลีพบว่าตัวเองยังจับมือหนานกงเวิ่นเทียนอยู่ เพลิงเซียนนั้นก็เงียบเสียงไป นางยื่นนิ้วออกไป ปลายนิ้วสัมผัสกับพลังครึ่งเทพครึ่งเซียน เพลิงเซียนลองสัมผัสดูเล็กน้อยแล้วจึงไหลเข้าในตัวนาง สุดท้ายไปหยุดที่เส้นชีพจรของเพลิงนพเก้ามอดนภา ภายนอกของเพลิงนพเก้ามอดนภาไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่หลิวหลีกลับรู้สึกว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในเส้นชีพจรของเพลิงนพเก้ามอดนภา
“นังหนู เจ้าสามารถดูดซึมพลังนั้นต่อได้ เป็นของดี” เสียงของเพลิงนพเก้ามอดนภาลอยเข้ามา
“ข้าก็ตั้งใจจะทำแบบนั้นเช่นกัน” หลิวหลีออกตัวว่าประโยชน์ของของชิ้นนี้ นางก็สัมผัสได้ จึงยอมรับความเจ็บปวดอย่างเต็มใจ
“น้องหญิง เจ้าบอกว่าเพลิงเซียนนี้ไม่มีประโยชน์อะไรต่อเจ้าไม่ใช่หรือ แล้วทำไมยังต้องพิชิตมา?” หนานกงเวิ่นเทียนสับสน
“ดังนั้นนี่คือบททดสอบของเจ้าหรือนี่” หนานกงเวิ่นเทียนฟังคำอธิบายของนาง นี่คือบททดสอบ ช่างชี้เล่นจริงๆ
“ใช่แล้ว เพลิงครึ่งเทพครึ่งเซียนนี้ถูกแบ่งออกเป็น 10 ดวง แต่พวกเราก็สามารถลองดูดซึมพลังในนี้ทั้งหมดก่อนได้ มีประโยชน์ต่อพวกเรา” หลิวหลีกล่าว
ดังนั้น สามีภรรยาคู่นี้จึงได้เริ่มการเดินทางบำเพ็ญเพียรอันแสนสุข พวกเขาพบว่าของสิ่งนี้ใช้ได้จริงๆ ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือไม่ แต่เลือกจะทิ้งเรื่องในดินแดนนภาสุวรรณเอาไว้ข้างหลัง
ในระหว่างย่อยสลายพลังกลุ่มนี้ ปราณกำเนิดเซียนของทั้งสองก็ไม่สามารถเรียกปราณกำเนิดเซียนได้แล้ว ดูเหมือนจะมีกลิ่นอายพลังเทพอยู่ด้วย ส่งผลให้ร่างกายของพวกเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น จนลลึกลับซับซ้อนขึ้น ทำให้คนที่มองจากภายนอกมองอะไรไม่ออกแม้แต่น้อย
“น้องหญิง ข้ารู้สึกว่าข้าแข็งแกร่งขึ้นไม่รู้เท่าไหร่ ต่อให้จักรพรรดิเทพเซียนเร่งรัดทุกคนลงมือพร้อมกัน ข้าก็ไม่กลัว” หนานกงเวิ่นเทียนสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของตัวเอง
“ข้ารู้สึกว่าเยี่ยชิงขวง 10 คนก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า” หลิวหลีในตอนนี้ดูหมิ่นเยี่ยชิงขวงได้แล้ว
“รอให้ข้าเก็บเพลิงเซียนดวงสุดท้าย พวกเราไปหาเยี่ยชิงขวงกัน” หลิวหลีพูดอย่างโอหัง ควรจะจบได้แล้ว ครั้งนี้จะไม่ให้เขาเหลือแม้แต่ผงธุลี ตายยากตายเย็นจริงๆ
“ได้เวลาโจมตีกลับแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนโกรธแค้นกว่าหลิวหลี โดยเฉพาะตัวเองยังเคยมีชีวิตที่แสนจะน่าเวทนา
“ใช่แล้ว คาดว่าจักรพรรดิทุกท่านก็คงจะรอไม่ไหวแล้ว ลองนับเวลาดูน่าจะประมาณ 100 ปี ควรจะมอบยาปลอบประโลมจิตใจให้กับพวกเขาแล้ว” หลิวหลีกล่าว
“ดูเหมือนที่นี่จะถูกผนึกเอาไว้ รอพวกเราออกไปแล้วค่อยบอกพวกเขา” หนานกงเวิ่นเทียนลองดู ก็พบว่าไม่สามารถส่งข่าวอะไรออกไปได้
“ก็ดีเหมือนกัน เหลือแค่ที่นี่ที่เดียว พวกเราดูดซึมมาตั้งมากขนาดนั้น คิดว่าคงจะรวดเร็วทีเดียว” หลิวหลีสัมผัสได้ว่าเส้นชีพจรที่เพลิงนพเก้ามอดนภาอาศัยเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น ขาดอีกเพียงก้าวเดียวก็จะเปลี่ยนแปลงโดยสมบูรณ์ พอถึงตอนนั้นพลังก็จะไหลวนในร่างกาย จนจะสามารถเรียกได้ว่าไร้เทียมทาน
……………………………………………….