แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 367 อนาคตสดใส
ดังนั้นทุกคนต่างก็แยกย้ายกันกลับไป ไม่มีใครสนใจเซวียนหลิง คนแบบนี้ไม่มีใครสงสารนาง ทำให้พอจะเห็นชะตาคนผู้นี้
จบเห่ เซวียนหลิงนางจบแล้ว เป็นศิษย์ระดับพิเศษแต่กลับพ่ายแพ้ให้กับศิษย์ระดับธรรมดา ทำไมจึงเป็นเช่นนี้ หลังจากที่เซวียนหลิงดิ้นรนลุกขึ้นอย่างยากลำบากแล้วก็ไม่มีใครล่วงรู้ได้เลยว่านางไปอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่านางเข้าฌานหรือไปทำภารกิจ หายไปราวในสำนักไม่มีคนชื่อว่าเซวียนหลิงอยู่อีก
“เหลวไหล ดูเจ้าสิ บาดเจ็บที่ไหนอีกไหม” จื่อฉีทำสีหน้าบึ้งตึง ขณะตักเตือน
“ข้าก็ชนะแล้วนี่อย่างไร ท่านพี่อย่าทำหน้าบึ้งอีกเลย” มู่มู่พูดเอาใจ
“ชนะแล้วหรือ? หากไม่ใช่เพราะท่านพี่ชอบยัดเยียดยาศักดิ์สิทธิ์ให้พวกเรา เจ้ายังจะสามารถลุกขึ้นมาคุยกับข้าได้เช่นนี้หรือ?” จื่อฉีจ้องมู่มู่
“แต่ข้าไม่ชอบสายตาที่นางมองท่าน ท่านพี่เป็นของข้า นางมีสิทธิ์อะไรมาวิจารณ์พวกเรา ท่านพี่เคยกล่าวไว้ จะปล่อยให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทุ่มเทฝ่ายเดียวไม่ได้ ข้าก็ทำได้เหมือนกัน” มู่มู่กำมือ พูดขึ้นอย่างมุ่งมั่น จากนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดเพราะท่าทางเล่นใหญ่ของตัวเอง เจ็บมากจริงๆ
“เอาเถอะ ข้ายอมรับก็ได้ ว่าข้ารู้สึกซาบซึ้งนิดหน่อย ฮูหยินของข้าร้ายกาจเช่นนี้ เอาชนะได้กระทั่งศิษย์ระดับพิเศษ” เขารู้สึกซาบซึ้งน้อยๆ อืม ทำไมถึงรู้สึกเหมือนภรรยาของเขาเติบโตขึ้นแล้ว
“ใช่น่ะสิ ข้าเองก็เก่งมากเหมือนกัน ท่านพี่เคยบอกไว้ พรสวรรค์เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น สุดท้ายจะเป็นอย่างไร ไม่ได้เกี่ยวกับพรสวรรค์เลยแม้แต่น้อย แต่อยู่ที่ความพยายามของตัวเองมากกว่า หากว่ามีพรสวรรค์โดดเด่น แล้วมีความพยายาม อนาคตย่อมไปได้ไกล หากพรสวรรค์โดดเด่นแต่กลับพอใจในสิ่งที่มีแล้ว นี่เท่ากับเป็นการทำลายอนาคตตัวเอง กลับกันถึงพรสวรรค์จะธรรมดา แต่พยายามขยันหมั่นเพียรแล้ว ย่อมมีอนาคตที่สดใส แต่ถ้าพรสวรรค์ก็ธรรมดาแถมยังไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น สวรรค์ก็จะไม่สนใจเขาเช่นกัน ดังนั้นถึงแม้พรสวรรค์ของข้าจะธรรมดา แต่ว่าข้าขยันหมั่นเพียร ไม่เพียงเพื่อไม่ให้แตกต่างจากท่านพี่มากจนเกินไปเท่านั้นต่อให้ท่านพี่จะนำหน้าข้าไปมาก แต่ข้าจะไม่ยอมแพ้ ข้าจะพยายามตามท่านให้ทัน ท่านพี่บอกว่า ยิ่งพลังบำเพ็ญเพียรสูงส่งเท่าไหร่ การฝึกฝนบำเพ็ญก็จะยิ่งยากเย็น และจะก้าวหน้าไปอย่างเชื่องช้า อีกทั้งงตอนนี้พวกเรามีชีวิตยืนยาว ต้องมีสักวันที่ข้าจะยืนเคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านได้แน่” มู่มู่กล่าวพลางมองดวงตาจื่อฉีด้วยท่าทีจริงจัง
แต่จื่อฉีกลับตีศีรษะมู่มู่ นางถูกพี่สาวของเขาล้างสมองอย่างหนัก แต่ก็ถือว่าไปในทางที่ดี
“เอาเถอะ ฮูหยินมู่มู่คนเก่ง เจ้าควรรักษาบาดแผลได้แล้ว” จื่อฉีกล่าว
มู่มู่ทำปากจู๋ แต่ในใจมีความสุขอย่างยิ่ง เพราะสามีของนางเป็นห่วงนาง จึงได้พูดจาเช่นนี้ออกมา อีกทั้งนางยังสามารถปกป้องตำแหน่งภรรยาของจื่อฉีไว้ได้สำเร็จ แต่มู่มู่กลับรู้สึกเศร้าใจอีกแล้ว
“ท่านพี่ ข้าคิดถึงเหมียวเหมี่ยว” เฮ้อ ลูกชายจะบรรลุขึ้นมาเมื่อไหร่ เสด็จแม่ของนางก็ใกล้จะไม่กดพลังบำเพ็ญเพียรไว้ไม่ได้แล้ว
“ข้าก็คิดถึงเขาเช่นกัน ไม่ต้องเป็นห่วง เด็กคนนั้นเป็นลูกของเรา คงจะไม่แย่นักหรอก” จื่อฉีจะไม่คิดถึงลูกชายของตัวเองได้อย่างไร ถึงแม้เขาจะมีสายเลือดธรรมดา แต่อย่างไรก็เป็นลูกของตน เขาย่อมรักและเอ็นดูอีกฝ่าย บวกกับมีท่านป้าที่ไม่ธรรมดาแบบหลิวหลี และมีพี่ชายที่ซุกซนสองคน เด็กคนนั้นไม่เคยลำบากมาก่อน ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรบ้าง ก็เหมือนอย่างที่ภรรยาของเขาพูด ถึงพรสวรรค์จะธรรมดา แต่หากมีความพยายาม ย่อมต้องมีอนาคตที่สดใส
“มีอนาคตที่สดใสหรือ” หมิงเยี่ยไม่มีทางยอมรับว่าตัวเองแอบฟังสองสามีภรรยาคุยกัน นึกไม่ถึงว่าจะมาได้ยินคำพูดเช่นนี้ ส่งผลให้เขาเหมือนได้สติกลับมา เข้าใจอะไรขึ้นมาไม่น้อย ใช่ ศิษย์ระดับธรรมดาก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีอนาคต เพียงแต่พวกเขาแค่ถอดใจ แล้วอนาคตจะมาจากไหน หากว่าดูแค่ที่พรสวรรค์อย่างเดียว ก็เท่ากับเป็นการถอดใจยอมแพ้ตัวเองเช่นกัน
หมิงเยี่ยตัดสินใจ ถึงจะรู้สึกผิดต่อสองสามีภรรยาคู่นั้น แต่เขากลับนำประโยคนั้นไปประดับไว้ในตำแหน่งที่ทุกคนในสำนักพบเห็นได้ ศิษย์ในสำนักทุกคนที่ไม่ได้เข้าฌานต่างส่งเสียงฮือฮาขึ้นมา
“พรสวรรค์ธรรมดา แต่หากพยายาม จะมีอนาคตที่สดใส อนาคตที่สดใส”
“พรสวรรค์ธรรมดาแต่ถอดใจ สวรรค์ก็ช่วยไม่ได้ พูดได้ถูกต้องจริงๆ”
“ดูเหมือนท่านเจ้าสำนักจะรับรู้อะไรบางอย่าง คำพูดที่พูดออกมาเหล่านี้ปลุกใจคนได้ดีทีเดียว”
“หลังการประลองของฮูหยินมู่มู่กับศิษย์พี่เซวียนหลิง ทำให้ข้าเหมือนจะคิดอะไรได้บางอย่าง พอเจ้าสำนักชี้ให้เห็น ข้าก็เหมือนจะคิดออกมาได้ทันที”
“นั่นสิ ศิษย์ระดับพิเศษก็แค่มีพรสวรรค์ที่ดีกว่าเราเท่านั้น เหมือนกับศิษย์พี่เซวียนหลิงที่หลงตัวเอง คิดว่าตัวเองเก่งกาจ หากพวกเรามีความพยายาม ไม่ใช่ว่าในอนาคตจะประสบความสำเร็จเท่าพวกเขาไม่ได้”
“นั่นสิ ศิษย์ระดับพิเศษก็แค่เป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งเท่านั้น เทพที่แท้จริงมีแค่ตำแหน่งเดียว แต่ผู้ท้าชองนั้นไม่ได้มีแค่คนเดียว หากว่ามีเทพที่แท้จริงปรากฏตัวขึ้น ผู้ท้าชิงอย่างพวกเขาที่ร่วงลงมาจากที่สูงส่งจะเจ็บปวดขนาดไหน แค่คิดก็พอจะเดาออกแล้ว”
“ดังนั้นพวกเราไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกเขา ถึงจะเกิดมามีข้อด้อยอยู่แต่ก็ยังชดเชยเพิ่มเติมได้”
เพียงพริบตาเดียว ศิษย์ระดับธรรมดาก็เกิดฮึกเหิมขึ้นมา ไม่ใช่เพราะอะไร แต่เพราะคำพูดเหล่านี้
“มีพรสวรรค์ที่โดดเด่น แต่หากพอใจเพราะเรื่องนี้แล้วก็เท่ากับตัดอนาคตตัวเอง” ปิงซิงกล่าวทวน อยู่ๆก็รู้สึกว่าพรสวรรค์ที่มีเหมือนไม่ได้ช่วยอะไร นางภูมิใจในตำแหน่งศิษย์ระดับพิเศษของนางเสมอ ถึงจะไม่เคยพูดออกมา แต่นางก็รู้สึกว่าศิษย์ระดับธรรมดาด้อยกว่าตัวเอง พวกเขาต่างเป็นคนที่อาจจะกลายเป็นเทพได้ เทพคืออะไรกัน พวกเขาเป็นสิ่งมีชีวิตสูงสุด แต่ตอนนี้นางรู้สึกกดดันอยู่ลึกๆ ทั้งเกิดจากศิษย์ระดับพิเศษแบบพวกเขา และบางส่วนมากจากศิษย์ระดับธรรมดาที่เกิดขึ้นในภายหลัง ใช่ ตำแหน่งเทพที่แท้จริงมีได้เพียงแค่คนเดียว เมื่อเทพที่แท้จริงปรากฏกายขึ้นมาแล้ว พวกเขาจะมีจุดจบอย่างไร แค่คิดเหงื่อเย็นๆก็ไหลอาบทั่วแผ่นหลัง
ในประเภทธาตุเหมันต์หนานกงเวิ่นเทียนเก่งกาจเหนือตนเองอย่างยิ่ง ทำให้นางรู้สึกกดดันอย่างมาก ไม่ใช่แค่เพราะสีผมและนัยน์ตาของเขาเป็นสีฟ้าเหมันต์เท่านั้น แต่เพราะพรสวรรค์ในการฝึกฝนบำเพ็ญเพียรที่น่ากลัวของเขา ทำให้เขาเป็นที่โดดเด่นไม่ต่างอะไรจากฮูหยินของตัวเขาเอง เป็นแม่ทัพเทพได้ไม่นานก็เตรียมที่จะบรรลุขอบเขตราชาเทพ แต่นางเองกลับพึงพอใจในขอบเขตเทพสวรรค์ ตอนนี้ข้างหน้ามีศัตรูที่แข็งแกร่ง ข้างหลังก็มีทหารวิ่งไล่ตามมา นางรู้สึกว่านางกำลังจะเป็นบ้าแล้ว
“ท่านพี่หลัวหลาน ท่านว่าทำไมพวกเราถึงถูกเลือกให้เป็นศิษย์ระดับพิเศษ” ปิงซินรีบวิ่งไปหาหลัวหลานราวคนบ้า ส่งผลให้หลัวหลานตกใจไม่น้อย ปกติแล้วปิงซินเป็นคนนิ่งๆ อ่อนหวาน เกิดอะไรขึ้นกับนาง ทำไมท่าทางนางถึงดูกระวนกระวาย ราวจะระเบิดได้ทุกเมื่อ
“ปิงซิง เพราะอะไรน่ะหรือ ก็เพราะทันทีที่เราบรรลุขึ้นมา ก็ถูกกำหนดไว้ว่าต้องเป็นเช่นนั้น” หลัวหลานเข้าใจทันที คงเป็นผลกระทบจากคำพูดของเจ้าสำนัก
“ท่านพี่หลัวหลาน ข้ารู้สึกหวาดกลัว ข้ากลัว พวกเขาพูดถูก เทพที่แท้จริงมีเพียงคนเดียว แต่ผู้ท้าชิงตำแหน่งนั้นมีกันหลายคน หากพวกเราล้มเหลว เมื่อล้มเหลวแล้วจะทำอย่างไรกันดี” ปิงซินจับแขนเสื้อของหลัวหลาน ราวคนจมน้ำคว้าท่อนไม้เอาไว้อย่างไรอย่างนั้น
“พวกเราจะต้องพยายามทำให้ดีที่สุด ล้มเหลวก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างไรเสียพวกเราก็ยังมีคุณสมบัตินี้ แต่พวกเขาไม่เคยได้ครอบครองคุณสมบัตินี้ด้วยซ้ำ” หลัวหลานตอบอย่างไม่ลังเล เมื่อปิงซินได้ยินก็เริ่มสงบลง
“ปิงซิน พวกเราต้องพยายามเพื่อตำแหน่งนั้น ถึงล้มเหลว พวกเราก็เป็นผู้ชนะอยู่ดี ก็เหมือนอย่างที่เจ้าสำนักพูด มีพรสวรรค์โดดเด่น แถมพวกเราก็ได้พากเพียรพยายาม สวรรค์ย่อมมองเห็น พวกเราคงไม่ตกต่ำมากนักหรอก” เมื่อหลัวหลานเห็นว่าปิงซินสงบลง ก็พูดต่อ
“คำพูดของเจ้าสำนักนั้นน่าจะเพื่อผลักดันทุกคนมากกว่า เพราะอย่างไรพลังบำเพ็ญเพียรของพวกเราก็ยังไม่สูงมาก ปิงซิน เจ้ายังจำพวกศิษย์พี่ที่กลายเป็นราชาเทพแล้วก็หายตัวไปได้หรือไม่ ข้าเชื่อว่าพวกเขาน่าจะต้องต่อสู้อยู่ที่ไหนสักแห่งแน่” หลัวหลานบอกเล่าการคาดเดาของตัวเอง
“ข้าเข้าใจแล้ว ขอบคุณท่านพี่หลัวหลาน” ปิงซินสงบนิ่งลง รู้สึกได้ว่าตนเองต้องขยันให้มาก
……………………………………….