แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 396
“บ้านผู้มีพระคุณต่างกับที่อื่นอย่างที่คิดไว้เลย” ซิงซิ่วชื่นชม ภายนอกเรียบง่าย แต่ด้านในมีแต่ของดี
“เจ้าพูดเกินไป เรียกหลิวหลีก็พอ” ผู้มีพระคุณอะไร ฟังดูประหลาด
“ได้ เช่นนั้นข้าขออาศัยบุญครั้งนี้ ขอเรียกท่านว่าหลิวหลี” ผู้ที่มีจิตใจดีงามเช่นนี้ถึงจะสามารถช่วงชิงตำแหน่งสูงสุดได้
“อืม ซิงซิ่ว เจ้าเลือกสถานที่ที่จะเข้าฌานเถอะ เจ้าบรรลุขอบเขตประมุขเทพได้” หลิวหลีพูด
“ผู้มีพระคุณ ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้าไว้” ชวีจิ้งและชวีคังคุกเข่าลง เมื่อชวีจิ้งฟื้นขึ้นมาเห็นสถานที่ที่ไม่คุ้นตา บวกกับสองมือที่ขาวผ่องอย่างไม่น่าเชื่อของตนก็รู้สึกมึนงงไปเล็กน้อย เมื่อชวีคังเห็นพี่ชายฟื้นจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าการกระทำที่กล้าหาญของตนในตอนนั้นจะช่วยชีวิตพวกเขาสองพี่น้องไว้
“ไม่ต้อง ข้าบอกแล้วว่าให้เรียกหลิวหลีก็พอ แล้วรู้ได้อย่างไรว่าข้าช่วยพวกเจ้าไว้ไม่ใช่เพราะมีจุดประสงค์บางอย่าง” หลิวหลีกระเซ้า
“หากท่านมีจุดประสงค์ พวกข้าก็ยินดีตอบแทนบุญคุณท่าน ท่านช่วยชีวิตพวกข้าสองพี่น้องไว้ โดยเฉพาะข้า อาการบาดเจ็บของข้าไม่ใช่สิ่งที่นักปรุงยาทั่วไปจะรักษาได้ ถือเป็นโชคดีของพวกข้าสองคน ไม่เคยคิดเลยว่าท่านบรรลุตำแหน่งประมุขเทพแล้วจะยังยอมรักษาข้า” ชวีจิ้งย่อมเข้าใจความหมายในคำพูดของนาง ประมุขเทพอัคคีองค์จริงผู้นี้มีจิตใจดีงาม ถือว่าเขาก็พอจะมองออกว่า ในอนาคตประมุขเทพคนนี้จะต้องได้รับตำแหน่งสูงสุดแน่
“ไม่จำเป็น ในโลกเทพยากจะได้เจอพี่น้องที่เข้าขากันได้ดีอย่างพวกเจ้า นี่เป็นสิ่งที่พวกเจ้าพากเพียรมาได้ ตั้งใจฝึกบำเพ็ญเพียรเข้าล่ะ ข้าเคยบอกไปแล้วว่าหากพวกเจ้าพี่น้องสามารถตัดขาดความสัมพันธ์กับคนๆนั้นได้อย่างเด็ดขาด อนาคตของพวกเจ้าก็จะไร้ซึ่งขีดจำกัด” หลิวหลีพูดพลางยิ้ม
“ขอบคุณท่านมาก ไม่ทราบว่าพวกข้าสามารถอาศัยอยู่ที่นี่ไปสักพักได้หรือไม่” ชวีจิ้งพูดอย่างหน้าไม่อาย พูดไปก็หน้าแดงก่ำ รู้สึกเหมือนเป็นคนได้คืบจะเอาศอก
“บ้านข้าไม่มีที่ว่างแล้ว แต่ข้าให้พวกเจ้าอาศัยอยู่ที่บ้านของประมุขเทพหมื่นพฤกษาที่อยู่ข้างๆได้” หลิวหลีกล่าว บ้านของนางที่นี่ไม่มีพื้นที่แล้วจริงๆ แต่ถึงอย่างไรประมุขเทพหมื่นพฤกษาก็มาอาศัยอยู่กับนาง เช่นนั้นบ้านของเขาก็ยกให้นางจัดการคงไม่เป็นไร นางคิดอย่างเอาแต่ใจ ในเมื่อมายึดพื้นที่ของนางไป หากเขาไม่ยอมให้นางใช้พื้นที่เขาบ้าง นางจะสั่งสอน ‘กฎเกณฑ์ของหลิวหลี’ ให้ดู”
“ได้หรือ ประมุขเทพหมื่นพฤกษาจะไม่ว่าอะไรใช่ไหม” ชวีจิ้งลังเล ไม่รู้ว่าประมุขเทพหมื่นพฤกษาท่านนั้นผูกมิตรง่ายหรือไม่
“เรื่องนี้พวกเจ้าไม่ต้องกังวลเลยสักนิด เจ้าของบ้านต้องเห็นด้วยอย่างแน่นอน” ก็ลองไม่เห็นด้วยดูสิ
หนานกงเวิ่นเทียนเห็นด้วยเช่นกัน เหตุเพราะเขามาอาศัยอยู่ที่นี่ พวกเขาถึงไม่สามารถต้อนรับสองพี่น้องนี้ได้ เขาจึงเห็นด้วยกับคำพูดที่ดูไร้เหตุผลของฮูหยินเขาอย่างมาก พูดได้ว่าที่นางทำตัวไร้เหตุผลเช่นนี้ได้ หนานกงเวิ่นเทียนก็มีส่วน ทุกคนจึงอะลุ่มอล่วยกับการกระทำที่ไร้เหตุผลเช่นนี้
“น้องหญิง ต่อไปเจ้าตั้งใจจะทำอย่างไร?” เมื่อส่งสองพี่น้องที่ประดักประเดิดไปแล้ว คิดไม่ถึงว่าพอหลิวหลีบอกเจตนา ราชาเทพที่ดูแลบ้านก็ชิงบอกเลยว่าประมุขเทพของพวกเขาสั่งไว้ หากประมุขเทพอัคคีองค์จริงต้องการอย่างไรก็ให้ตามนั้น จะรื้อก็ยังไม่มีปัญหา ทำให้สองพี่น้องสบายใจอย่างมาก สองสามีภรรยาพูดไม่ออก นี่เขากะจะอยู่ในสวนของพวกเขาไปตลอดชีวิตเลยหรืออย่างไร
“ต้องไปศึกษาตัวกู่สักหน่อย ท่านพี่ต้องรู้ไว้ว่า ตัวกู่ในโลกเทพนั้นจะเรียกว่าแมลงเทพก็ไม่ถือว่าเกินไป อีกทั้งยังมีจำนวนอันน้อยนิด คิดไม่ถึงว่าจะเลี้ยงตัวกู่ได้ ต้องยอมรับว่าลงแรงไปไม่น้อยแถมยังทุ่มเทแรงลงไปไม่น้อย เรียกได้ว่า แมลงตัวนี้เป็นแมลงที่รวบรวมสิ่งล้ำค่าต่างๆ หากนำไปใช้ร่วมกับพืชเทพอื่นๆแล้ว ยาเทพศักดิ์สิทธิ์ที่หลอมออกมาแม้แต่เทพที่แท้จริงก็ต้องใจสั่นระรัว” หลิวหลีพูดด้วยดวงตาเป็นประกาย อยู่ๆก็มีของบำรุงเช่นนี้ส่งมาให้ เรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกว่าไม่ควรเสียเวลาจมปลักอยู่ในตำแหน่งประมุขเทพ ทางที่ดีที่สุดควรจะบรรลุตำแหน่งจักรพรรดิเทพได้แล้ว แต่นางตั้งใจจะศึกษาสักหน่อย จึงไม่คิดจะลงมือปรุงยาในเร็วๆนี้ เพราะยังไม่ถึงเวลา เมื่อปรุงยาแล้วไม่กินในทันที จะกลายเป็นยาขยะไป
“พอได้ยินน้องหญิงบอกแบบนี้แล้ว คนที่เลี้ยงแมลงกู่คงต้องเก่งกาจมากแน่ๆ” หนานกงเวิ่นเทียนสรุป
“ไม่ใช่ แต่เป็นคนที่ช่วยเหลือในการเลี้ยงตัวกู่ต่างหาก น่าจะเป็นเทพนักปรุงยา หากถามว่าใครร่ำรวยที่สุดในภูเขาเทวาก็คงเป็นเทพนักปรุงยา คนเราไม่มีทางที่จะไม่บาดเจ็บ ต้องการรักษาชีวิตก็ต้องใช้เทพนักปรุงยา ส่วนคนเดียวที่มีความแค้นกับพี่น้องชวีจิ้งชวีคังก็คือนักปรุงยาเจียงไหว แต่มีของล้ำค่าขนาดนี้อยู่จะต้องเก็บไว้ใช้ในช่วงเวลาสำคัญแน่ คาดว่าคงจะถูกขโมยมาแล้วใช้กับสองพี่น้องนั่น สุดท้ายถูกชวีจิ้งขวางเอาไว้ พอเดาได้เช่นนี้ ข้าเลยเดาว่าตอนนักปรุงยาเจียงไหวนึกถึงคงจะกระอักเลือดอยู่ร่ำไป คนที่ขโมยแมลงกู่มาคงจะไม่ตายดี” หลิวหลีวิเคราะห์
“确实,这可是杀手锏,居然未养成就被用掉了,他们肯定没有那个精力加资源再养一只,哪怕有,时间也不够了。”南宫问天是赞同的,这种东西还是需要超级耐心,那蛊虫一死,估计饲养人也死了。
“ถูกต้อง สิ่งนี้เป็นถึงท่าไม้ตาย คิดไม่ถึงว่ายังเลี้ยงไม่สำเร็จก็ถูกใช้ไปเสียแล้ว พวกเขาต้องไม่มีพลังกับทรัพยากรมาเลี้ยงอีกตัวแน่นอน ต่อให้มี เวลาก็ไม่พอแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนเห็นด้วย ของแบบนี้จำเป็นต้องใช้ความอดทน พอแมลงกู่นั่นตายไป คาดว่าคนที่เลี้ยงก็ต้องตายไปด้วย
“ดังนั้นพวกเราโชคดี วางใจเถอะ ข้าใช้วิธีพิเศษ บวกกับคนเลี้ยงก็ตายไปแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าจริงๆแล้ว ตัวกู่ยังมีชีวิตอยู่” หลิวหลีกล่าว ยังมีอีกเหตุผลที่นางไม่ปรุงยาทันที เพราะเพลิงเทพของนางยังขาดของบางอย่างอยู่ ทำให้แข็งแกร่งไม่เพียงพอ เพลิงเทพของนางสร้างขึ้นมาจากเพลิงอัคคีในธรรมชาติฟูมฟัก ต่างจาก เพลิงเทพในโลกเทพ ไม่อย่างนั้นคงจะไม่พูดว่าเป็นเพลิงเทพลำดับ 1 ของโลกเทพในอนาคต น่าเสียดายที่ของบำรุงดีๆอย่างจักรพรรดิเทพเหลยหยางไม่ได้มีมาบ่อยๆ ไม่อย่างนั้นเพลิงเทพของนางคงเกิดเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
“เช่นนั้นน้องหญิง เจ้าเลื่อนการศึกษาแมลงออกไปก่อนเถอะ ข้ารู้สึกว่าเจ้าควรจะปรุงยาสักหน่อย เจ้าเคยบอกว่าแค่มาอยู่ที่นี่ชั่วคราว ตอนนี้ในบรรดานักปรุงยาเทพ เจ้าถือว่าแตกต่าง พวกเขาต้องควบคุมตัวเองไม่ได้แน่ เป็นนักปรุงยาเทพเหมือนกัน แต่พวกเขายังอยู่ที่ตำแหน่งราชาเทพ ส่วนเจ้าบรรลุตำแหน่งประมุขเทพไปแล้ว” แม้ว่าพวกคนธรรมดาเหล่านั้นจะเทียบกับฮูหยินของเขาไม่ได้ แต่ก็ไม่สามารถหยุดพวกเขาหาเรื่องเหลวไหลมาขอเข้าพบนาง
“ท่านพี่สบายใจได้ คนพวกนั้นไม่มีค่าให้เกรงกลัวหรอก เรื่องปรุงยา ข้าไม่เคยเกรงกลัวใคร ให้พวกเขามาเถอะ” หลิวหลีมั่นใจในตนเอง หากพวกเขาแห่กันมาก็จะโดนตบหน้ากลับไป
“ก็จริง หากพวกเขาทำแบบนั้นจริงๆ ก็คงไม่อยู่ในตำแหน่งราชาเทพมาตลอดหรอก” หนานกงเวิ่นเทียนดูแคลนคนเหล่านั้นเช่นกัน กับแค่การสำเหนียกตัวเองก็ยังทำไม่ได้
“วางใจเถอะ ดิ้นรนไปได้ไม่นานหรอก พลังของเทพนักปรุงยาถือเป็นเรื่องปวดหัวของจักรพรรดิเทพทั้ง 5 เช่นกัน ข้าช่วยจัดการธุระให้พวกเขา พวกเขาต้องดีใจมากแน่” หลิวหลีกล่าว เทพนักปรุงยาก็มีขั้วอำนาจของตัวเอง ถึงจะถือเป็นคนของฝ่ายจักรพรรดิเทพทั้งห้า แต่พวกเขากลับไม่ฟังคำสั่งของจักรพรรดิเทพ อยู่อย่างเอกเทศ จักรพรรดิเทพก็ไม่อาจแตะต้องพวกเขา แล้วถ้าหากว่าพวกเขารนหาที่มาหานางเอง เช่นนั้นแล้วตนเองจะทำในสิ่งที่บรรดาจักรพรรดิไม่ทำกันแน่ ไม่ลอบช่วยเหลือตนเองก็ถือว่าไม่ได้ทำผิดต่อคนพวกนั้นแล้ว
“ก็จริง คิดว่าผู้มีอำนาจคนไหนก็คงไม่ชอบลูกน้องที่ชอบทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับตนเองหรอก” หนานกงเวิ่นเทียนเห็นด้วย ในขณะเดียวกันก็จะจุดเทียนภาวนาให้พวกเขา ทางที่ดีอย่าได้ยั่วโมโหนังหนู ไม่อย่างนั้นอาจเป็นไปได้ที่พวกเขาที่เดินเข้ามา แต่จะได้นอนออกไป
…………………….