แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 405
“นี่ถูกท่านพี่จับได้แล้วสิ ท่านพี่ วางใจเถิดข้ารู้สึกว่ามันถึงเวลาแล้วจริง ๆ” หลิวหลีกล่าว
“นังหนูเรียกหาพวกเรา ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไร” พอเอ๋าเลี่ยได้รับประกาศจากหลิวหลีก็รู้สึกประหลาดใจ นังหนูมีอะไรถึงได้เรียกหาพวกเขา
“น่าจะมีบางเรื่องอยากบอกพวกเรามั้ง” อิงเสวี่ยคาดเดา
“ไปเถอะ”
“นังหนูเรียกหาข้าคาดว่าคงมีธุระกระมัง” อวิ๋นชิงไม่เข้าใจว่าอยู่ห่างกันเพียงประตูกั้น นังหนูนี่ต้องทำเสียเป็นทางการขนาดนี้เลย คิดว่าต้องมีความลับบางเรื่องที่เขามีสิทธิ์ที่จะรับรู้แล้วกระมัง นี่เป็นการยอมรับว่า ตอนนี้พวกเขามีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าร่วมกลุ่มเล็กๆนี่แล้วสินะ
“ว่ามา นังหนูมีอะไรจะบอกพวกเราหรือถึงได้ทำเป็นลึกลับขนาดนี้” เอ๋าเลี่ยเปิดปากพูด แต่พอเห็นอวิ๋นชิงก็ไม่พูดอะไร แน่นอนว่าพวกเขาเองก็ยอมรับอวิ๋นชิงเข้ากลุ่มของพวกเขาแล้วเช่นกัน
“นั่นสิ นังหนูว่ามาเถอะ” อวิ๋นชิงเองก็ย่อมเห็นสายตาของเอ๋าเลี่ยแล้ว ถือเป็นการยอมรับตนนั่นเอง
“อันที่จริงมีเรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งที่ต้องบอกพวกเจ้า แต่ก่อนอื่น ข้าอยากทำเรื่องหนึ่งก่อน” พอหลิวหลีพูดจบก็ปิดตาลง ทุกคนต่างงุนงงไป ทันใดนั้นอวิ๋นชิงก็ตกใจสะดุ้งตัวโยน ชี้นางแล้วพูดไม่ออกแล้วนึกถึงคำพยากรณ์ของราชาเทพแห่งดวงดาวก่อนที่จะถูกขับไล่
“เจ้าก็คือมหาเทพสูงสุดในคำพยากรณ์นั้นหรือ” อวิ๋นชิงจับจ้องหลิวหลีที่มีเส้นผมและดวงตาสีรุ้ง นังหนูนี่ปิดบังเก่งจริงๆ เป็นความลับที่ยิ่งใหญ่นัก โชคดีที่นังหนูนี่ซ่อนไว้เป็นอย่างดี ไม่อย่างนั้นรูปลักษณ์เช่นนี้ทันทีที่ย่างกรายเข้าภูเขาเทวาก็คงถูกจัดการไปแล้ว
“ท่านพี่อวิ๋น ท่านพี่ตระหนกอันใดเล่า รูปลักษณ์เช่นนี้ของท่านพี่มีอะไรผิดปกติหรือ” น้ำเสียงราบเรียบแล้วเป็นเรื่องปกติของจื่อฉีทำให้อวิ๋นชิงเริ่มเห็นปัญหาบางอย่าง
“พวกเจ้าต่างก็รู้เรื่องที่นังหนูมีเส้นผมและดวงตาสีรุ้งหรือ” ทันใดนั้นอวิ๋นชิงก็ค้นพบว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่ตื่นตระหนก ปฏิกิริยาของคนอื่นที่เหลือนิ่งเฉยอย่างยิ่ง
“ใช่แล้ว ณ โลกเบื้องล่างท่านพี่นางก็มีรูปลักษณ์เช่นนี้แหละ แต่ด้วยสาเหตุของการตกกระทบของแสงจึงทำให้คนที่สังเกตเห็นมีไม่มาก” จื่อฉีพยายามนึกแล้วกล่าว
“ท่านพี่ สีแดงดูดีกว่า หลายสีแบบนี้ดูไม่สวยเลย” จื่อฉีติชม ส่วนเอ๋าเลี่ยกับอิงเสวี่ยที่อยู่ข้างๆต่างพยักหน้าเห็นด้วย พวกเขาก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน ท่าทางปกติเช่นนี้ทำเอาอวิ๋นชิงรู้สึกว่าตนเองตื่นตูมมากเกินไปจริงๆ
“นังหนูว่ามาเถอะ เจ้าอยากบอกอะไรกับพวกข้า?” ขณะที่เอ๋าเลี่ยถามหลิวหลีก็กลับมาอยู่ในสภาพเดิมแล้ว
“ก็เหมือนที่ท่านพี่อวิ๋นพูด ข้าคือว่าที่เทพที่แท้จริงจริงๆ เพียงแต่ จะพูดอย่างไรดี ว่าที่เทพอัคคีก็ใช่ เทพผสมก็ใช่ ก็คือข้าทั้งนั้นแหละ” หลิวหลีกล่าว
อวิ๋นชิงรู้สึกว่าตนเองเข้าใจนังหนูนี่เหลือเกิน นังหนูนี่จะวางระเบิดตัวเอง ทำให้เขาได้เปิดหูเปิดตา
“พวกเราต่างรู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว น่าจะมีเรื่องอื่นอีกสิท่า” เอ๋าเลี่ยถามด้วยท่าทีสงบนิ่ง จึงทำให้อวิ๋นชิงตกใจอีกครั้ง พวกเขาไม่รู้สึกว่านังหนูทำตัวชวนให้ตกใจบ้างเลยหรือทำไมถึงได้มีปฏิกิริยาเฉยชาเช่นนี้ หรือว่าพวกเขารู้จักกันแค่ระยะเวลาสั้นๆ เลยยังไม่ชินกันนะ
“ท่านพี่อวิ๋น ท่านไม่เห็นจำเป็นต้องตื่นตูม นังหนูเป็นแบบนี้มาตลอด ไม่มีอะไรทำก็ก่ออยู่เรื่อย พวกเราชินจนเห็นเป็นเรื่องปกติ เลยทำท่าทางตกใจไม่ออกจริง ๆ” อิงเสวี่ยอธิบาย
“เอาเถอะ ข้าจะพยายามทำตัวให้ชิน” ส่วนเรื่องใหญ่แบบนี้อย่างเรื่องมหาเทพสูงสุด พวกเขาสามคนกลับนิ่งเฉยแบบนี้ ทำเอาเขาปรับตัวให้ชินไม่ได้จริงๆ อีกอย่างเขารู้สึกว่าเรื่องที่หลิวหลีจะพูดในอีกสักครู่ต้องทำให้เขาตกใจมากแน่ แต่พวกเขาสามคนก็คงแสดงปฏิกิริยาเช่นนี้เหมือนเดิม
“นังหนู ว่ามาเถอะ” เอ๋าเลี่ยกล่าว
“อืม ตอนนี้อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดก็คือเทพที่แท้จริงท่านหนึ่ง” พอได้ยินคำพูดนี้ของนาง อวิ๋นชิงก็หยิกตัวเองอย่างแข็งขัน ยังมีความแค้นกับเทพที่แท้จริงอีก ตกลงนี่เขาโชคดีหรือไม่นะที่สนิทสนมกับคนกลุ่มนี้ เขารู้สึกอัดอั้นตันใจมากเหลือเกิน รู้สึกว่าหัวใจของเขายังไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น
“คงเป็นเทพรัตติกาลสินะ รู้อยู่แล้ว ว่าคนสกุลเยี่ยไม่มีคนดี” เอ๋าเลี่ยเอ่ย เจือด้วยน้ำเสียงเยาๆราวอีกฝ่ายเป็นผีไม่ยอมไปเกิด อวิ๋นชิงฟังเงียบ ๆไม่พูดไม่จา ไม่เช่นนั้นเขาเกรงว่าตนเองจะกลายเป็นตัวตลก ดังนั้นเขาจึงเป็นผู้ฟัง เป็นบุรุษรูปงามที่เงียบขรึม
“จริงด้วย เดาว่าความยุ่งยากใหญ่หลวงที่เราต้องเจอในโลกบำเพ็ญกับโลกเซียนคงเป็นฝีมือของเทพรัตติกาล เขาเองก็อยากได้ตำแหน่งสูงสุดนั่นเช่นกัน ดังนั้นจึงได้ทำอะไรมากมายขนาดนี้” หลิวหลีกล่าว นับว่าเป็นสหายนางจริงๆ ถึงได้อ่อนไหวกับอักษรเยี่ยมาก
“ดังนั้นเหตุที่เจ้าเร่งอยากให้พวกข้าพัฒนาพลังบำเพ็ญเพียรก่อนนี้ก็เพราะเทพรัตติกาลสินะ” อิงเสวี่ยกล่าว
“ใช่แล้ว เขาก็บอกอยู่ว่าไม่ให้ทำอะไรซ้ำเกินสามครั้ง ครั้งสุดท้ายนี้มีปัญหานิดหน่อย ถึงอย่างไรการรับมือกับเทพที่จริงโต้งๆก็ออกจะกดดันอยู่เหมือนกัน”
“เพราะงั้นเจ้าถึงลากข้าไปเอี่ยวด้วยงั้นสิ” อวิ๋นชิงพูดต่อเสียงเรียบ
“ใช่แล้วก็ไม่ใช่ ที่ใช่เป็นเพราะเจ้าคุ้นเคยกับข้าขนาดนี้ คงเป็นไปไม่ได้ที่เทพรัตติกาลจะละเว้นเจ้า ต่อให้ตอนนี้เจ้าตัดเพื่อนกับข้าก็สายไปอยู่ดี ส่วนที่ไม่ใช่เป็นเพราะ ท่านพี่อวิ๋น ท่านอยากรู้อนาคตของตัวเองหรือไม่” หลิวหลีถามพร้อมยิ้มตาหยีเหมือนสุนัขจิ้งจอกตัวน้อย
“เจ้าว่ามาสิ” อวิ๋นชิงลอบก่นด่าในใจว่า ‘เจ้าเล่ห์’ แต่จะบอกว่าไม่อยากรู้ก็คงเป็นเรื่องโกหก ถึงอย่างไรเสียนี่เป็นสิ่งที่ว่าที่มหาเทพสูงสุดพูด เขาจะไม่อยากรู้อยากเห็นได้อย่างไร
“ท่านรู้สึกว่าตัวเองสนใจในสิ่งใด ท่านก็จะไปสู่จุดสูงสุดในเรื่องนั้น” หลิวหลีไม่ได้พูดตรงๆ
สิ่งที่ตัวเขาสนใจนั้นก็คือเทพพฤกษา เขาจะกลายเป็นเทพพฤกษาหรือ อวิ๋นชิงมือสั่นเล็กน้อย เป็นแบบนี้หรือ อนาคตของเขาจะไปได้ไกลกว่าพ่อของเขาจริงหรือ เขาสามารถบรรลุไปถึงขั้นที่พ่อเขาไปไม่ถึง ทำไมถึงรู้สึกเหมือนเป็นความฝัน
“เทพพฤกษา เจ้าจะบอกว่าข้าจะได้เป็นเทพพฤกษาหรือ” อวิ๋นชิงถามออกไป
“ใช่ ข้ามีความสามารถนี้มานานแล้ว เพียงแต่ข้ายังไม่เข้าใจ ว่าทำไมข้าถึงมีพลังนี้ พอตอนนี้มาคิดดูคงอาจเป็นเพราะข้าสืบทอดตำแหน่งสูงสุดถึงมองเห็นภาพอนาคตได้” หลิวหลีกล่าวพลางยิ้ม
“งั้น พ่อข้าล่ะ” อวิ๋นชิงถามอย่างรีบร้อน
“ตอนนี้ยังมองไม่ออก แต่ข้าบอกได้แค่ว่าถ้าเคยลองแล้วล้มเหลว ถ้าเช่นนั้นก็จะถือว่าหมดวาสนากับตำแหน่งเทพที่แท้จริงแล้ว” คำตอบที่หลิวหลีพูดนั้นไม่ต่างอะไรกับการบอกอวิ๋นชิงกลายๆ ว่าท่านพ่อของเขาไม่มีวาสนากับตำแหน่งเทพที่แท้จริง ถึงจะน่าเศร้าไปบ้างแต่ก็เบาใจลงไม่น้อย นั่นสิ ตำแหน่งเทพที่แท้จริงทำให้คนใจสั่น แล้วจะให้โอกาสลิ้มลองมันมากมายได้อย่างไร คนที่อยากครอบครองตำแหน่งนี้มีอยู่มากมาย แต่ตำแหน่งนี้มีเพียงที่เดียว ควรจะเป็นของใครกันนะ
“ขอบคุณมาก” ถึงแม้จะเป็นข่าวร้ายสำหรับพ่อของเขา แต่เขาก็ต้องขอบคุณที่นางพูดตรงๆ
“ไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างถึงจะเป็นเทพที่จริงไม่ได้แต่ก็ยังมีอย่างอื่นอีกนะ” หลิวหลีกล่าวเสริมขึ้นมา
“อย่างอื่นหรือ” จู่ๆอวิ๋นชิงก็นึกถึงเทพวายุ มีขุนนางเทพข้างกาย ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราว่ากันต่อเถอะ ตอนนี้เทพรัตติกาลเตรียมรับมือกับเจ้าอย่างไร” เอ๋าเลี่ยดึงกลับมาเรื่องเดิม
“คือว่าเขากำลังเข้าฌานอยู่ ร่างเทพเกิดปัญหา ดังนั้นเขาจึงเข้าฌานเพื่อจัดการแก้ไขปัญหาร่างกายตนเอง” คำพูดของหลิวหลีทำให้เกิดความเงียบ ถ้าอย่างนั้นตัวเขาเข้าฌานเพราะมีปัญหา แล้วนังหนูจะตื่นกลัวไปทำไม เรื่องนี้ทำให้พวกเขางุนงงเล็กน้อย
………………………………………..