แม่ครัวยอดเซียน - ตอนที่ 410 (1)
“แน่นอนว่าเป็นที่ที่จากมาและกลับไปยังที่ที่ควรอยู่” ท่านเอ่ยด้วยท่าทางลึกลับ หลิวหลีที่ได้ยินเช่นนั้นก็หมุนตัวเดินจากไป ไม่มีประโยชน์อะไรเลย
“พระอาจารย์คะ ท่านยังไม่บอกหนูเลยว่าอะไรคือ ‘คิดมากไป’ หรือคะ” โม่หลีเอ่ยถามพร้อมกัดฟัน
“นังหนู อาตมารู้ว่าโยมถามเรื่องใด อาตมาพูดได้แค่ว่าคนผู้นั้นเป็นคนที่โยมจะล่วงเกินไม่ได้ ดังนั้นไม่ต้องคิดมาก อีกอย่างเขาเป็นเพื่อนของโยมจริงๆ เพื่อนของโยมเป็นคนมีบุญบารมี โยมเคยปฏิบัติต่อเขาเช่นไรก็ทำแบบเดิมเถอะ เขาอยู่อีกไม่นานมากนักหรอกโยม” อีกฝ่ายจงใจเอ่ยด้วยท่าทีลึกซึ้ง
โม่หลีงุนงง พูดอะไรเนี่ย อธิบายแบบนี้สู้พูดว่าคิดมากไปแค่นี้ยังเข้าใจกว่า แล้วนี่สรุปว่าเป็นเพื่อนรักของตนเองหรือเป็นปีศาจกันแน่
จนโม่หลีออกมา ก็รู้สึกได้ว่าหลิวหลีออกจะโดดเดี่ยวอยู่บ้าง เอาเถอะ โม่หลีใจอ่อน ถึงอย่างไรเสียอีกฝ่ายก็ไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายอะไร
“ไปกันเถอะ” โม่หลีตบบ่าหลิวหลี แล้วอีกฝ่ายก็มองเธอด้วยสายตางุนงง
“เธอกลัวฉันไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมไม่กลัวแล้วล่ะ” หลิวหลีถามตรงๆจนทำเอาโม่หลีรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ
“เธอพูดจาเหลวไหลอะไรกัน พวกเราเป็นเพื่อนรักกันนะ ฉันจะกลัวเธอทำไมล่ะ” โม่หลีตั้งใจปากแข็ง
“ไม่กลัว แต่พกกระเทียม กระบี่ไม้ที่เอาไว้ป้องกันสิ่งชั่วร้ายพวกนี้เนี่ยนะ อีกอย่างยันต์ป้องกันตัวของเธอก็ใช้ได้นะ แต่กลับกลายเป็นสิ่งของที่ถูกคนใช้ในการต้มตุ๋น ฉันจะเอาของพวกนั้นยกเว้นหยกโบราณคืนให้เธอ ต่อไปถ้าเธอพกติดตัวจะมีแต่ความโชคดี” หลิวหลีกล่าว
“เอาสิ ถึงแม้เธอจะไม่เหมือนเพื่อนรักของฉันอยู่บ้างแต่เธอก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไร เพราะงั้นฉันก็ไม่กลัวเธอหรอก” โม่หลีเอ่ยพลางยู่ปาก
“ไม่เหมือนเหรอ?” หลิวหลีขมวดคิ้ว เธอควรจะเป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ
“อืม เพื่อนรักของฉันเป็นคนใจกล้า นิสัยเหมือนเด็กชอบกินขนม แถมยังเป็นตัวขี้เกียจชอบขลุกตัวอยู่แต่บ้านด้วย” โม่หลีเอ่ย
“ฟังแล้วมีแต่ข้อเสียแฮะ” หลิวหลีวิจารณ์ ไม่เหมือนเธอในตอนนี้จริงๆด้วย
“แค่กๆ มีเอกลักษณ์ต่างหาก” โม่หลีไม่ยอมรับหรอกว่าเคยพูดถึงเพื่อนแบบนั้น
“ไม่เหมือนตัวฉันเลยจริงๆ อันที่จริงฉันลืมอะไรไปมากมาย ต่อให้คิดยังไงก็ว่างเปล่า สัญชาตญาณบอกฉันว่าฉันไม่ใช่คนที่นี่ แต่เรื่องฉันเป็นคนที่ไหน ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน” หลิวหลีไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง
“รู้สึกเหมือนเธอจะใช้ชีวิตในยุคโบราณ” โม่หลีเอ่ยอย่างจริงจัง
“ยุคโบราณงั้นเหรอ?” หลิวหลีพูดงึมงำเหมือนว่าจะไม่ใช่
“ใช่แล้วเธอเหมือนคนยุคโบราณมาก โดยเฉพาะลายมือตวัดนั้นของเธอควรค่าให้ศึกษามากทีเดียว อีกอย่างเธอรู้ศาสตร์แพทย์แผนจีนด้วย ไม่แน่เธออาจจะเป็นศิลปะป้องกันตัวอะไรทำนองนั้นด้วยก็ได้นะ” ดวงตาโม่หลีเป็นประกายขณะที่กล่าว
“ศิลปะป้องกันตัว” หลิวหลีทวน เหมือนว่าคำ ๆนี้จะทำให้เธอคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้ เกือบแต่ก็ยังไม่ใช่
“ใช่แล้ว มีวิชาตัวเบา กำจัดโจรชั่ว พิทักษ์ชาวประชา” โม่หลีเอ่ยด้วยสีหน้าเพ้อฝัน
“เห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ใช่” หลิวหลีดับจินตนาการของโม่หลี
“ก็ได้ พวกเรากลับกันเถอะ เธอค่อยๆคิดนะ มันต้องคิดออกสิ” โม่หลีถอนหายใจ บางอย่างก็ต้องให้เป็นไปตามธรรมชาติ
พวกเขาสองคนกลับมาสนิทสนมกันอย่างเมื่อก่อน หลิวหลีรู้สึกเหมือนว่าตนเองได้ฝึกฝนอะไรมากมาย และได้ทำอาหารอีกครั้ง จ้องเปลวไฟด้วยความรู้สึกคุ้นเคย แต่ผลสุดท้ายกลับถูกลวกมือ หม้อถูกเผาจนทะลุ แล้วถูกโม่หลีบ่นอยู่นานแสนนาน
“หลิวหลี ลูกไม่ได้กลับบ้านมานานแล้วนะ กลับมาเถอะ พี่ลูกบอกว่าลูกยังเด็ก รอบนี้เตรียมขนมแล้วก็นมเปรี้ยวไว้แล้ว อย่าแย่งหลานอีกล่ะ” เสียงคุณแม่หลงที่เต็มไปด้วยความเอือมระอาดังผ่านปลายสายมา
“ค่ะ”
หลิวหลีตามโม่หลีมาที่บ้านของตนเอง
“คุณน้าคะ หนูกลับมาพร้อมกับหลิวหลี คงยินดีต้อนรับหนูใช่ไหมคะ” โม่หลีกล่าวอย่างร่าเริง
“แม่” หลิวหลีรู้สึกไม่คุ้นกับคำนี้เลย
“เอ๊ะ ช่วงนี้หนูไม่สบายหรือเปล่า คงกลัวทำให้เรากังวลไปด้วยเลยไม่บอกเราสินะ ทำไมถึงดูแปลกๆไปล่ะ” คุณแม่หลงมองลูกสาวตัวเองด้วยความประหลาดใจ เด็กตรงหน้าเป็นลูกสาวของตนเองแน่ แต่ทำไมรู้สึกเหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนไปได้ล่ะ
“เปล่าค่ะ คุณน้า หลิวหลีไม่เป็นอะไรจริงๆค่ะ พวกเราเข้าบ้านกันเถอะ” โม่หลีดึงหลิวหลีเข้าบ้าน แล้วเจอกับหลานของหลิวหลี ทันที ที่เจอหลิวหลี เด็กน้อยก็รีบเอาซ่อนมือไว้ด้านหลัง
“คุณอาเล็ก ผมไม่มีอะไรอร่อยๆเลยนะ ไม่มีเลย” โม่หลีหัวเราะคิกคัก ฮ่าๆหลานตัวน้อยของหลิวหลีช่างน่ารักจริงๆ ทั้งๆที่ซ่อนไว้ด้านหลังแท้ๆ มุมปากยังมีรอยเปื้อนอยู่เลย คิดไม่ถึงว่าจะบอกพวกเธอว่าไม่มีของอร่อย เด็กน้อยช่างน่ารักจริง ๆ
“อืม” หลิวหลีตอบรับสั้นๆ ทำให้หลานตัวน้อยเกิดสงสัยขึ้นมาว่าทำไมนิสัยของคุณอาน้อยถึงได้เปลี่ยนไป หลานตัวน้อยสงสัย แล้วเอาขนมที่ซ่อนไว้ด้านหลังออกมา แต่หลิวหลีไม่ชายตามองด้วยซ้ำ มุมปากโม่หลีกระตุก เเจ้าด็กนี่ก็นะ ตอนนี้ในโทรทัศน์กำลังฉายการ์ตูนเก่ามากเรื่อง ‘ทหารเทพตัวน้อย’ โม่หลีบอกว่าเธอเองก็ชอบดูเช่นกัน และหลิวหลีคนก่อนเองก็เหมือนกัน ส่วนคนปัจจุบันดูเหมือนตกอยู่ในภวังค์แถมยังเคร่งขรึมเสียด้วย
“หนานกงเวิ่นเทียน” ในหัวหลิวหลีมีแต่คำนี้ มันเปรียบเสมือนกุญแจ แค่ตะโกนออกมาประตูในหัวก็เปิดออก ความทรงจำที่ลืมเลือนก็ไปไหลทะลักเข้ามา
“ท่านพี่” หลิวหลียืนขึ้นตะโกน ทำเอาโม่หลีตกใจยกใหญ่ คิดออกแล้วเหรอ ไม่มั้ง ถ้ารู้แต่แรกว่าการ์ตูนเรื่องหนึ่งจะทำให้อีกฝ่ายจำได้ เธอคงพามาดูการ์ตูนนานแล้ว โม่หลีนึกเสียใจขึ้นมาเล็กน้อย
หลิวหลีคิดออกแล้วว่าเธอก็คือประมุขเทพ มีคู่ครองที่รักใคร่กันดีคนหนึ่งชื่อหนานกงเวิ่นเทียน เหตุที่นางมาอยู่ที่นี่ก็เพราะถูกพิษกู่ตัวเมียเข้าโดยไม่ทันระวังดวงจิตจึงออกจากร่างทันที เมื่อตอนนี้นึกออกแล้วก็ควรกลับไปได้แล้ว
“คุณน้าคะ หนูกับหลิวหลีถูกอาจารย์เฉินตามตัวกะทันหัน ครั้งหน้าพวกเราค่อยกลับมาใหม่นะคะ” โม่หลีขอตัวลาคุณแม่หลง ถ้ายังไม่ไปคงโดนจับได้แน่
“แหม รีบร้อนขนาดนั้นเชียว ถึงจะงานยุ่งแต่ก็ต้องรักษาสุขภาพด้วยนะ คนวัยหนุ่มสาวอย่างพวกเธออย่าหักโหมเกินไปล่ะ” คุณแม่หลงพร่ำบ่น
“ทราบแล้วค่ะ แม่คะ วันหลังจะมาหาใหม่นะ” จู่ หลิวหลีก็โผเข้ากอดคุณแม่หลง นี่คือกลิ่นของแม่ หลิวหลีสูดเข้าเต็มปอด
“ลูกสาวคนนี้นี่ โตขนาดนี้แล้วยังขี้อ้อนเป็นเด็กๆเลย ไม่กลัวโม่หลีหัวเราะเยาะเอาหรือไง” คุณแม่หลงเอ่ยอย่างอ่อนโยน
“ไม่เลยค่ะ ทำได้แค่อิจฉาก็เท่านั้นแหละ” หลิวหลีเอ่ยพลางส่ายศีรษะ จากนั้นก็ปล่อยคุณแม่หลงแล้วไปอุ้มหลานที่จดจ่ออยู่กับการดูการ์ตูน
“เจ้าเด็กน้อย เห็นอาเล็กก็ไม่แบ่งของอร่อยๆให้กันบ้างเลยนะ” หลานชายของเธอน่ารักน่าเอ็นดูขนาดนี้เชียว เธอมองหลานที่ยังคงสงสัย พร้อมกับการต่อต้านจากร่างกาย ทันทีที่ได้สติก็จะถูกขับไล่ทันทีจริงด้วย เจ้าหนูน้อยต้องเติบใหญ่อย่างแข็งแรงและปลอดภัยนะ
“เธอจำได้แล้ว ต้องไปแล้วเหรอ” จู่ๆโม่หลีก็เกิดอาลัยอาวรณ์ขึ้นมา
“โม่หลี เธอไม่เปลี่ยนไปเลยจริง ๆ แล้วฉันก็ยังเป็นหลิวหลี เพียงแต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเลยทำให้เราจะได้เจอกันเป็นครั้งสุดท้าย” หลิวหลีมองเพื่อนสนิทของตนเอง ยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน ช่างดีจริง ๆ
“เธอพูดอะไรของเธอ” ใบหน้าโม่หลีสับสน
“ยันต์ป้องกันชิ้นนี้เธอต้องพกไว้ดีๆ มันจะนำพาความโชคดีมาให้เธอ” หลิวหลีเอายันต์ป้องกันตัวให้โม่หลีพกไว้
“เธอจะไปแล้วเหรอ” โม่หลีเกิดอาลัยอาวรณ์ขึ้นมา
“ใช่แล้ว ร่างกายขับไล่ดวงจิตออกแล้ว อยู่นานไม่ได้” หลิวหลีเอ่ย พอนึกถึงเสียงเรียกหาอย่างดุเดือดจากทางฝั่งนั้น หลิวหลีก็โผกอดโม่หลี ดวงจิตก็กลับไปที่เดิม แล้วโม่หลีรับร่างของหลิวหลีเอาไว้
“โม่หลี เธอทำอะไรเนี่ย ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ” หลิวหลีมองโมหลีด้วยใบหน้าใสซื่อ แต่โม่หลีกลับแน่ใจว่านี่คือเพื่อนรักของตน
โม่หลีลูบยันต์ป้องกันตัวของตนเอง นี่ไม่ใช่ความฝัน ทุกอย่างเกิดขึ้นจริง พี่สาวปีศาจขอให้คุณปลอดภัยนะคะ
หนานกงเวิ่นเทียนจับมือของหลิวหลี ท่าทางวิญญาณของหลิวหลียังไม่กลับเข้าร่าง ทำไมถึงเกิดอุบัติเหตุแบบนี้ขึ้นได้นะ
“ท่านพี่ ข้าเข็บมือข้าที่ท่านจับนะ”
“น้องหญิง เจ้ากลับมาแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงดีใจอย่างเก็บไว้ไม่อยู่ เขาจินตนาการวันที่ไร้น้องหญิงไม่ออกเลยว่ามันจะเป็นอย่างไร
“ใช่ ข้ากลับมาแล้ว ขอโทษด้วยที่ทำให้ท่านพี่ต้องกังวล ข้าสะเพร่าเอง” หลิวหลีเอ่ยอย่างรู้สึกผิด
“น้องหญิงเจ้ากลับมาก็ดีแล้ว” หนานกงเวิ่นเทียนไม่ได้มีเหตุผลอื่นใด น้องหญิงของเขากลับมาได้ก็พอแล้ว
“เพราะข้าได้ยินท่านพี่เรียกข้า ข้าเองก็คิดถึงท่านเลยกลับมาไง” หลิวหลีกล่าว และเป็นเพราะหนานกงเวิ่นเทียน นางถึงกลับมาได้จริงๆนี่นา
“จริงหรือ” หนานกงเวิ่นเทียนออกจะไม่เชื่ออยู่บ้าง
“แน่อยู่แล้ว ข้าจะหลอกท่านพี่ได้อย่างไรเล่า” หลิวหลีเออออตามอีกฝ่าย ตอนดวงจิตออกจากร่างก็ทำให้ท่านพี่ของนางตกใจมากพอแล้ว
………………………………………