แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 181 มนุษย์ป้าตัวแสบ
ตอนที่ 181 มนุษย์ป้าตัวแสบ
อีกเหตุผลหนึ่งที่หลินม่ายไม่ยอมกินดื่ม ก็เพราะการโดยสารทางรถไฟในยุคสมัยนี้ไม่ค่อยปลอดภัยนัก
ถึงแม้ว่าบนขบวนจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและเจ้าพนักงานรถไฟคอยลาดตระเวนอยู่บ่อยครั้ง แต่ใช่ว่าพวกเขาจะสามารถหยุดโจรล้วงกระเป๋าหรือนักต้มตุ๋นไม่ให้ก่อเหตุได้
เธอไม่ยอมเสี่ยงปล่อยให้ข้าวของที่ได้มาอย่างยากเย็นสูญหายไปแน่
ตราบใดที่เธอแวะกินอะไรก็ตาม แม้แต่ดื่มน้ำ หรือลุกไปเข้าห้องน้ำ คนเลวย่อมฉวยโอกาสนี้วิ่งเข้ามาขโมยสินค้าไปจากเธอแน่ และอย่าหวังว่าผู้โดยสารที่นั่งอยู่บนขบวนเดียวกันจะยื่นมือเข้ามาช่วย
ออกมาข้างนอกทั้งที ทุกคนล้วนปกป้องแค่ความปลอดภัยของตัวเองกันทั้งนั้น ไม่มีทางเข้าไปยุ่งเรื่องของคนอื่น
ถึงเวลานั้นเธอคงตกอยู่ในสภาวะเรียกฟ้าฟ้าไม่ตอบ เรียกดินดินไม่ขาน(1)
เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่จำเป็นเหล่านี้ เธอตัดสินใจงดการดื่มกินไปเลยดีกว่า
ถึงแม้การเดินทางจะกินเวลายาวนานกว่าสิบชั่วโมง แต่เธอก็ยังพออดทนได้
ฟางจั๋วหรานไม่ลืมกำชับให้เสมียนของทางเกสต์เฮาส์จองที่นั่งชั้นล่างไว้ให้หลินม่าย เพื่อที่เธอจะได้จัดวางสินค้าของตัวเองได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น
หลินม่ายจึงเอนหลังลงนอนด้วยท่าทีสบาย ๆ ก่อนจะหลับตาลง
ขณะนั้นเอง หญิงชราคนหนึ่งกลับเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าที่นั่งของเธอ ใช้มือตบที่นั่งแรง ๆ ด้วยท่าทีหยาบคายพลางพูดว่า
“เธอยังสาวยังแส้แท้ ๆ ทำไมไม่หัดมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับเด็กและคนชราบ้าง? ฉันอายุปูนนี้แล้ว ยังคิดจะให้ฉันปีนขึ้นไปนอนบนเตียงชั้นบนอีกรึ? ลุกขึ้น แลกที่นั่งกับฉันซะ!”
นี่เธอต้องเจอกับมนุษย์ป้าตัวแสบในตำนานอีกแล้วหรือนี่?
หลินม่ายลืมตาขึ้นช้า ๆ “ฉันไม่ใช่คนที่อยากให้คุณปีนขึ้นไปบนเตียงชั้นบนเสียหน่อย คงเป็นลูกหลานของคุณมากกว่า ที่ซื้อตั๋วนอนเป็นเตียงชั้นบนให้คุณเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย อย่าคิดจะแตะต้องตัวฉัน และอย่าได้ตวาดใส่ฉันแบบนี้ด้วย ฉันเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดหัวใจที่ศูนย์การแพทย์หัวหนานมา ถ้าคุณทำให้อาการข้างเคียงของฉันกำเริบ เกรงว่าคุณคงไม่มีปัญญาจ่ายค่าชดเชยแน่ ถ้าไม่เชื่อ จะให้ฉันแสดงใบเสร็จการผ่าตัดให้ดูก็ได้นะ ฉันหมดเงินไปหลายพันเชียวล่ะ”
เธอมีใบเสร็จชำระเงินค่าผ่าตัดอย่างที่บอกออกไปจริง ๆ
ใบเสร็จแสดงค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดของโต้วโต้วฉบับนั้นถูกพับเก็บไว้ในกระเป๋าช่องเดียวกันกับเครื่องประดับล้ำค่า ตั้งแต่เกิดเรื่องเธอยังไม่เคยรื้อออกมาเลย ดูเหมือนวันนี้มันจะเป็นประโยชน์บ้างแล้ว
เธอเพียงหยิบมันออกมาโบกไปมาตรงหน้าเท่านั้น แน่นอนว่าหญิงชราไม่ทันอ่านอย่างละเอียด
เคล็ดลับนี้ หลินม่ายได้เรียนรู้มาจากฟางจั๋วหราน
คืนที่ผ่านมา ทั้งสองพักอาศัยอยู่ในโรงแรมขนาดเล็กของรัฐ ฟางจั๋วหรานแสร้งทำว่าตัวเองเป็นพวกเดียวกับกลุ่มอันธพาลด้านนอก ทั้งยังแสดงความเข้าอกเข้าใจ จนสามารถเกลี้ยกล่อมพวกอันธพาลให้ยอมรามือได้โดยไม่ต้องลงไม้ลงมือกัน
หญิงชราตัวแสบคนนั้นจะมองหลินม่ายอย่างไม่เชื่อสายตาอยู่เป็นเวลานาน หนึ่งหมื่นไม่กลัว กลัวหนึ่งในหมื่นจะเกิด(2) ถ้าอีกฝ่ายป่วยเป็นโรคหัวใจจริงจะทำอย่างไร?
หากสร้างความขุ่นข้องหมองใจให้คนอื่น จะหลีกหนีความรับผิดชอบก็ยากแล้ว ดังนั้นหล่อนจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยอมแพ้ แล้วสะบัดหน้ามองหาเป้าหมายใหม่
เตียงชั้นล่างอีกฝั่งหนึ่งมีสองแม่ลูกนั่งอยู่ คนเป็นแม่ยังอายุน้อยมาก สักประมาณยี่สิบต้น ๆ เท่านั้น การแต่งตัวดูดี ท่าทางการวางตัวก็ดี ดูเหมือนเป็นคนรู้หนังสือ
ลูกชายของหล่อนอายุเพียงสองหรือสามขวบเท่านั้น สีหน้าของเขาไม่สู้ดีนัก กำลังเอนซบอยู่ในอ้อมแขนของผู้เป็นแม่อย่างโงนเงน
หญิงชราตัวแสบคนเดิมปรี่เข้าไปตวาดพวกเขาอย่างอุกอาจ “เปลี่ยนที่นั่งกับฉันซะ!”
คุณแม่ยังสาวเหลือบมองหญิงชราตัวแสบด้วยสายตาไม่พอใจ
แม้จะรู้สึกว่าคำขอของอีกฝ่ายหยาบคายและไร้มารยาท ถึงอย่างนั้นก็ยังอธิบายกับหล่อนด้วยความสุภาพ “ฉันนั่งตรงนี้ก็เพราะลูกชายของฉันไม่ค่อยสบายค่ะ คุณปู่ของเขาเป็นคนร้องขอให้คุณย่าจัดการซื้อเตียงชั้นล่างให้ ฉันคงแลกที่นั่งกับคุณไม่ได้จริง ๆ”
หญิงชราตัวแสบหรี่ตาลงพลางถามอย่างโกรธเคือง “ลูกเธอป่วยเป็นอะไร?”
“เป็นไข้มาสองวันแล้วค่ะ ตอนนี้ยังไม่หายเลย” ขณะที่คุณแม่ยังสาวพูดแบบนั้นก็ยกมือขึ้นแตะหน้าผากลูกชายไปด้วย
หญิงชราคนนั้นกลอกตาอย่างนึกดูถูก ในใจคิดว่าวันนี้หล่อนช่างโชคไม่ดีเอาเสียเลย ผู้โดยสารที่หล่อนจ้องจะขอเปลี่ยนที่นั่งล้วนแล้วแต่มีปัญหาสุขภาพกันทั้งนั้น
หล่อนยังคงพูดต่อไปพลางแสดงท่าทีรังเกียจ “ป่วยนิดป่วยหน่อย เธอสั่งสอนให้ลูกทำเป็นป่วยต่อหน้าฉันล่ะสิไม่ว่า ลุกขึ้นได้แล้ว เปลี่ยนที่นั่งกับฉันซะดี ๆ!”
ภายในขบวนรถนอนมีเตียงสองชั้นอยู่แค่สี่ที่นั่ง ผู้โดยสารอีกคนที่นั่งอยู่ในขบวนเดียวกันได้ยินก็หนวกหูไม่น้อย ถึงอย่างนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขา
ต่างจากหลินม่ายที่รู้สึกโกรธขึ้นมา
ไม่ต้องพูดถึงว่าเธอเคยเกิดใหม่มาแล้วสองครั้ง ต่อให้เธอเกิดเป็นมนุษย์มาแล้วสองร้อยชาติ ก็ไม่อาจทนมองหญิงชราตัวแสบรังแกสองแม่ลูกแบบนี้
ถึงนี่จะเป็นแค่เรื่องเล็กน้อย แถมยังไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอเลยด้วยซ้ำ เธอก็ไม่สามารถเพิกเฉยได้อยู่ดี
เป็นคนแก่แล้วอย่างไร? คิดจะรังแกใครก็ได้อย่างนั้นหรือ!
ถึงหลินม่ายจะคอยเตือนตัวเองอยู่เสมอว่าให้ทำเฉยกับเรื่องที่เกิดขึ้นซะ แต่เมื่อต้องเผชิญกับความอยุติธรรม จิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความยุติธรรมของเธอก็พร้อมจะระเบิดออก ไม่สามารถยับยั้งไว้ได้
คุณแม่ยังสาวไม่ยอมหล่อนง่าย ๆ
ใครบ้างอยากนอนเตียงชั้นบน ต้องปีนขึ้นปีนลงไม่สะดวกเอาเสียเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเมื่อเธอมีเด็กป่วยอยู่ความดูแลแบบนี้
นอกจากนี้เตียงชั้นล่างยังมีราคาตั๋วที่สูงกว่าเตียงชั้นบน เรื่องอะไรเธอต้องยอมเสียสละความสบายที่ตัวเองจ่ายเงินแลกมาเพื่อเปลี่ยนที่นั่งกับหญิงชราคนนี้ด้วย!
หนำซ้ำหญิงชราคนนี้ยังมีทัศนคติย่ำแย่ เธอไม่มีความคิดอยากเปลี่ยนที่นั่งกับหล่อนด้วยซ้ำ
คุณแม่ยังสาวเริ่มอารมณ์เสีย พูดด้วยสีหน้ามืดมน “ทำไมฉันต้องเปลี่ยนที่นั่งกับคุณด้วยล่ะ?”
หญิงชราตัวแสบรีบอ้างถึงคุณธรรมขึ้นมาทันที “เพราะฉันเป็นคนแก่ เธอควรเอื้อเฟื้อแก่เด็กและคนชราไม่ใช่หรือ?”
คุณแม่ยังสาวตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน “ในเมื่อคุณรู้จักคำว่าเอื้อเฟื้อแก่เด็กและคนชรา คุณก็เห็นนี่คะว่าลูกชายฉันป่วย เขาก็เป็นเด็กคนหนึ่งจริงไหม?”
หญิงชราตัวแสบถึงกับไปไม่เป็น แต่แล้วจู่ ๆ กลับเอื้อมมือไปคว้าข้าวของของสองแม่ลูกขึ้นมาจากที่นั่ง ก่อนจะโยนพวกมันทิ้งลงพื้น
“วันนี้ต่อให้หล่อนไม่ยอมเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยน เธอต้องเปลี่ยนที่นั่งกับฉัน!”
เด็กชายหน้าตาใสซื่อตกใจจนร้องไห้จ้า
“คุณมาโยนข้าวของของฉันทำไม!?” คุณแม่ยังสาวผลักหญิงชราตัวแสบออกไปด้วยความโกรธ
หญิงชราตัวแสบได้ทีก็ฉวยโอกาสล้มตัวลงไปกองกับพื้น ก่อนจะร้องโวยวายลั่น “ฉันโดนทำร้าย! มีคนทำร้ายฉัน! ”
ยุคสมัยนี้ การสร้างสถานการณ์ว่าตัวเองโดนกระทำไม่ค่อยแพร่หลายนัก
คุณแม่ยังสาวไม่เคยพบเจอเหตุการณ์ทำนองนี้มาก่อน ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นแดงก่ำด้วยความโกรธทันที “ใครทำร้ายคุณกัน? เห็น ๆ กันอยู่ว่าคุณจงใจล้มลงไปเอง!”
หลินม่ายอดคิดในใจไม่ได้ มัวพูดคุยด้วยเหตุและผลกับคนประเภทนี้ ไม่ต่างอะไรจากการเจรจาขอหนังเสือ(3) ไม่ใช่แค่ไม่เกิดประโยชน์ แต่ยังเป็นการเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายกล่าวหาได้รุนแรงขึ้น
เธอตัดสินใจช่วยโดยการตะโกนเสียงดังทันที “คุณป้าคนนี้ชักจะเกินไปแล้วนะ ทำไมถึงได้ทำตัวแบบนี้ คุณไม่เคยมีหลานหรือไง? เพื่อแย่งชิงเตียงชั้นล่างกับคนอื่น ถึงกับต้องลงไม้ลงมือกับลูกของหล่อนเลยหรือ!”
เธอแค่หว่านแหหยั่งเชิงดูเท่านั้น เพื่อดูว่าคุณแม่ยังสาวคนนี้จะยอมเล่นตามน้ำไปหรือไม่
ต้องอาศัยความร่วมมือจากอีกฝ่ายเท่านั้น เธอถึงจะสามารถช่วยสองแม่ลูกคู่นี้ได้ แล้วจัดการสั่งสอนหญิงชราตัวแสบคนนี้ซะ
คนเป็นแม่ค่อนข้างมีไหวพริบทีเดียว เธอรีบยกมือทั้งสองขึ้นจิกผมของตัวเองจนยุ่งเหยิง ก่อนจะร้องไห้คร่ำครวญเสียงดัง “ถ้าคุณไม่พอใจก็มาลงที่ฉันสิ จะเอาอารมณ์ไปลงกับลูกของฉันทำไม?”
แสดงละครได้ดี!
หลินม่ายหันไปพูดกับคุณแม่ยังสาว “ฉันจะไปตามเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยมาจัดการเรื่องนี้!”
พูดจบแล้ว เธอก็เดินออกไปจากขบวนรถนอนอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้หญิงชราตัวแสบทำสีหน้าตื่นตะลึงอยู่อย่างนั้น
ไม่นานหลังจากนั้น เธอก็กลับมาพร้อมกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและเจ้าพนักงานรถไฟหญิงคนหนึ่ง
หญิงชราตัวแสบยังคงนอนกองอยู่กับพื้นไม่ยอมลุกขึ้น พอเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยและเจ้าพนักงานรถไฟเดินเข้ามา ก็แหกปากร้องไห้อย่างน่าสมเพช
“คุณรปภ.คะ ฉันโดนผู้หญิงคนนี้ทำร้ายร่างกาย คุณต้องตัดสินเรื่องนี้แทนฉัน!”
หลินม่ายพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “คุณต่างหากที่เป็นฝ่ายทำผิดกับพวกเขาก่อน ฉันเห็นกับตาว่าคุณพยายามแย่งเตียงชั้นล่างกับพวกเขา แถมยังโยนข้าวของของพวกเขาลงพื้น แล้วยังลงไม้ลงมือกับเด็กอีกด้วย พอเห็นว่าฉันจะออกไปแจ้งเจ้าหน้าที่ให้มาจัดการเรื่องนี้ คุณก็เกิดกลัวความผิดขึ้นมา เลยแกล้งล้มลงกับพื้นแล้วโยนความผิดให้คนอื่น!”
“ฉันเปล่านะ!”
“คุณทำแบบนั้น!”
“ฉันไม่ได้ทำแบบนั้นซะหน่อย เธอจงใจรวมหัวกับสองแม่ลูกคู่นี้กลั่นแกล้งฉัน!”
หลินม่ายถามด้วยเจตนามุ่งร้าย “คุณบอกว่าตัวเองถูกทำร้ายร่างกายไม่ใช่หรือไง?”
หญิงชราตัวแสบเหลือบมองเธอด้วยความสงสัยแวบหนึ่ง ด้วยไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงถามแบบนั้น
แต่พอขึ้นขี่หลังเสือก็หาทางลงยาก(4)แล้ว หล่อนไม่สามารถพลิกลิ้นได้อีก
ร่องรอยเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นในแววตา “เธอถามแบบนี้ คงเพราะเห็นกับตาว่าฉันถูกผู้หญิงคนนี้ทำร้ายใช่ไหมล่ะ?”
“ไร้สาระ! ฉันไม่ทันแตะต้องคุณแม้แต่ปลายนิ้วด้วยซ้ำ!”
คุณแม่ยังสาวยังคงมีไหวพริบหลักแหลมเช่นเคย หล่อนไม่เพียงยืนกรานปฏิเสธว่าตัวเองไม่ได้ทำร้ายร่างกายอีกฝ่าย แม้แต่การผลักหล่อนยังไม่ยอมรับ
“เธอต่างหากที่พูดไร้สาระ! เห็น ๆ กันอยู่ว่าเธอทำร้ายร่างกายฉัน!”
พอเห็นว่าคุณแม่ยังสาวยังคงโต้เถียงกับหญิงชราตัวแสบไม่จบไม่สิ้น หลินม่ายจึงรีบเข้าไปห้ามทัพ
จากนั้นก็แกล้งถามหญิงชราตัวแสบด้วยแววตาซุกซน “เธอทุบตีคุณตรงไหนบ้างล่ะ?”
“ตรงนี้ ตรงนี้ ตรงนี้ด้วย”
หญิงชราตัวแสบชี้ไปที่หน้าอก ตำแหน่งที่ตรงกับตับ และตำแหน่งที่ตรงกับไต หลังจากนั้นก็ไม่วายหันไปร้องขอความยุติธรรมจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย “คุณรปภ. คุณเจ้าพนักงาน คุณต้องตัดสินเรื่องนี้แทนฉันนะคะ!”
หลินม่ายพูดต่อ “ในเมื่อคุณถูกทำร้าย ร่างกายของคุณก็ต้องมีร่องรอยจากการได้รับบาดเจ็บอยู่บ้าง ถ้าอย่างนั้นคุณก็ให้เจ้าพนักงานตรวจร่างกายของคุณดูสิ ความจริงจะได้เปิดเผย”
หญิงชราเกิดความลังเลขึ้นมาทันใด ทำท่าอึกอักไม่ยอมพูดอะไรอีก ปฏิเสธที่จะให้เจ้าพนักงานตรวจร่างกาย
หลินม่ายถามกลับ “เจ้าพนักงานรถไฟก็เป็นผู้หญิงด้วยกัน คุณยังไม่วางใจให้หล่อนตรวจร่างกายอีกหรือ กลัวอะไรกันแน่?”
หญิงชราตัวแสบลูบคอตัวเอง “ใครกลัวกัน!”
“ในเมื่อคุณไม่กลัว ถ้าอย่างนั้นก็ยอมให้เจ้าพนักงานตรวจร่างกายซะสิ!”
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยช่วยเกลี้ยกล่อมด้วยอีกแรง “คุณยอมให้เจ้าพนักงานตรวจร่างกายโดยดีเถอะ พวกเราจะตัดสินความยุติธรรมให้กับคุณก็ต่อเมื่อมีหลักฐานที่ชัดเจน”
………………………………………………………………………………………………………………
1สำนวนนี้มีความหมายเปรียบเทียบว่า คนตกที่นั่งลำบาก ไม่มีคนช่วยเหลือ
2สำนวนจีนนี้เป็นคำเตือนสติชนรุ่นหลังว่า อย่าได้หลงระเริงหรือมั่นใจจนเกินไป ให้คอยระมัดระวังตลอดเวลาว่าอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นได้ แม้โอกาสที่จะเกิดหายนะจะเล็กเท่าเศษเสี้ยวหนึ่งในหมื่น ก็อย่าได้ชะล่าใจเด็ดขาด
3สำนวนนี้เปรียบการเจรจากับคนร้ายเพื่อให้ยอมสละผลประโยชน์ของตัวเอง ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลย
4สำนวนนี้มีความหมายว่า ทำอะไรบางอย่างแล้วเจออุปสรรค แต่โดนสถานการณ์บีบบังคับให้ต้องดำเนินต่อไปจนถึงที่สุด ไม่สามารถหยุดกลางคันได้
สารจากผู้แปล
เออ มันต้องรวมหัวกันจัดการมนุษย์ป้าแบบนี้
ไหหม่า(海馬)