แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 198 รู้ทันหวังหรง
ตอนที่ 198 รู้ทันหวังหรง
ฟางเว่ยตั่งและภรรยาของเขาเป็นคนรักษาคำพูด พวกเขารีบไปที่ธนาคารเพื่อถอนเงินหนึ่งหมื่นหยวนออกมามอบให้หลินม่าย แล้วจัดการเขียนสัญญาชำระหนี้ตามคำขอของเธอ
ทั้งสามตกลงกันว่าจะซื้อตั๋วรถไฟรอบเย็น แล้วออกเดินทางไปยังกว่างโจว
หลินม่ายแวะไปที่โรงพยาบาลผู่จี้ เพื่อเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟางจั๋วหรานรับรู้
เธอถาม “คุณคิดว่าฉันผิดหรือเปล่าคะ ที่ฉวยโอกาสหาประโยชน์บนความเป็นตายของคนอื่น แถมยังทำร้ายความรู้สึกของอารองและอาสะใภ้รองของคุณ?”
ฟางจั๋วหรานส่ายหน้า “เป็นเพราะพวกเขาไม่ยอมอบรมสั่งสอนฟางถิงให้ดีต่างหาก นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณเลย! คุณทำถูกแล้วที่เรียกร้องค่าชดเชยจากพวกเขา แต่ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณถึงได้ตัดสินใจช่วยเหลือศัตรูล่ะ?”
เขาตั้งข้อสงสัย “ผมคงคิดมากไป แต่ไม่รู้ทำไมผมถึงได้เอะใจว่าความผิดฐานกระทำอันธพาลของฟางถิงค่อนข้างแปลก? ในเมื่อก่อนหน้านี้ทางตำรวจไม่ได้ตั้งข้อหานี้กับหล่อน แต่ตอนนี้กลับเพิ่มขึ้นมาเสียได้ หรือว่าผู้สมรู้ร่วมคิดของฟางถิงเปลี่ยนคำรับสารภาพกัน?”
หลินม่ายส่ายหน้า “ใครจะรู้ รอจนกว่าฉันจะไปถึงกว่างโจวแล้วค่อยถามเจ้าหน้าที่ตำรวจดู เดี๋ยวก็รู้เองค่ะ”
หลังจากซื้อตั๋วรถไฟแล้ว หยางโร่วหลันและสามีของหล่อนก็เดินทางกลับบ้านเพื่อเก็บสัมภาระให้พร้อมออกเดินทางในตอนเย็น
ทันทีที่กลับถึงบ้าน เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
หยางโร่วหลันยกหูขึ้นเพื่อรับสาย ปรากฏว่าเป็นสายเรียกเข้าจากหวังหรง
หล่อนถามด้วยน้ำเสียงกังวล “คุณป้าหยางคะ คุณไปหาหลินม่ายแล้วหรือยัง เธอพูดอะไรบ้าง เธอปฏิเสธไม่ยอมช่วยใช่ไหมคะ?”
หยางโร่วหลันตอบกลับไปตามสายด้วยน้ำเสียงสดใส “หลินม่ายตกลงว่าจะถอนแจ้งความ และจะนั่งรถไฟไปที่กว่างโจวกับพวกเราในเย็นวันนี้”
หวังหรงอึ้งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะขบกรามแน่นด้วยความชิงชัง
ไม่นึกเลยว่านังแพศยานั่นจะยอมตกลงช่วยเหลือฟางเว่ยตั่งกับภรรยาของเขา
ก่อนหน้านี้ เพื่อให้เธอยอมถอนแจ้งความจนตำรวจยอมปล่อยตัวพี่ชายของหล่อน ทั้งหล่อนและพ่อแม่เพียรขอร้องอ้อนวอนแทบตายแต่หลินม่ายก็ไม่ยอมตกลง
ที่แท้นังนั่นก็รู้วิธีเอาอกเอาใจฟางจั๋วหราน ยอมช่วยเหลือคนในตระกูลฟางจนได้!
หวังหรงพยายามระงับความโกรธ แสร้งทำทีราวกับว่าดีใจไปกับพวกเขา “หนูคิดไม่ถึงเลยว่าหลินม่ายจะน่ารักขนาดนี้ ทันทีที่คุณป้าไปพบหล่อน หล่อนก็ยอมตกลงโดยดีซะแล้ว ไม่แปลกเลยที่พี่จั๋วหรานจะหลงรักหล่อนมาก นอกจากหน้าตาดีแล้วยังนิสัยดีอีกด้วย หนูล่ะชื่นชมหล่อนจริง ๆ”
“หล่อนไม่ได้ดีเลิศอะไรอย่างที่หนูบอกหรอก! ป้ารับปากว่าจะจ่ายเงินชดเชยให้หล่อนสองหมื่นหยวน หล่อนถึงได้ยอมตกลงช่วยถิงถิง” หยางโร่วหลันอดพูดด้วยความเจ็บใจไม่ได้
หวังหรงอุทานเสียงดังมาตามสาย “ทำไมหล่อนถึงทำกันแบบนี้ล่ะคะ! ต่อให้ถิงถิงทำผิดต่อหล่อน แต่หล่อนจะขูดรีดเงินเอากับคุณลุงคุณป้าได้ยังไง! อีกหน่อยถ้าหล่อนได้แต่งเข้าตระกูลฟาง หลังจากนี้พวกคุณจะทำใจมองหน้าหล่อนได้ลงหรือคะ? พวกคุณต้องเอาเรื่องนี้ไปฟ้องให้คุณปู่ฟางกับคุณย่าฟางรับรู้ ให้พวกเขาตาสว่างเสียทีว่ากำลังอุปถัมภ์นังหมาป่าตาขาวอยู่!”
โทรศัพท์ในยุคสมัยนี้ยังไม่มีระบบป้องกันเสียงปลายสายรั่วไหล
ขณะที่หยางโร่วหลันกำลังคุยโทรศัพท์กับหวังหรง ฟางเว่ยตั่งที่นั่งอยู่ข้าง ๆ จึงได้ยินทุกถ้อยคำอย่างชัดเจน
ทันทีที่ได้ยินดังนั้น เขาก็แย่งโทรศัพท์มาจากมือของภรรยา ก่อนจะกรอกเสียงเย็นชาไปตามสาย “หวังหรง เธอนี่มันจอมสร้างปัญหาจริง ๆ!”
หวังหรงพูดจาติดขัดขึ้นมาทันที “หนูเปล่า หนูเปล่านะคะ คุณลุงอย่าเพิ่งเข้าใจผิดไป หนูพูดแบบนี้ออกมาก็เพราะได้ยินคุณป้าเล่าว่าหลินม่ายขูดรีดเงินจากพวกคุณไปตั้งสองหมื่นหยวน หนูหวังดีอยากช่วยพวกคุณไม่ให้เป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างไม่เป็นธรรม”
ฟางเว่ยตั่งเยาะเย้ย “เธอหวังดีอย่างนั้นหรือ? ถ้าเธอหวังดีจริง ๆ ก็ควรช่วยคุณป้าหยางคิดหาทางแก้ปัญหาหลังจากนี้ ว่าจะบริหารเงินอย่างไรให้ครอบครัวยังมีสภาพคล่อง ถึงยังไงถิงถิงก็เป็นฝ่ายกระทำความผิดก่อน แต่เธอกลับพูดจายั่วยุให้คุณป้าหยางเกลียดหลินม่าย ฉันไม่ใช่ถิงถิงนะที่จะยอมถูกเธอหลอกใช้ได้ง่าย ๆ !”
สีหน้าของหวังหรงที่อยู่ปลายสายซีดเผือดลงทันใด
จุดประสงค์ที่แท้จริงของหล่อนถูกฟางเว่ยตั่งมองออกอย่างทะลุปรุโปร่ง
ฟางเว่ยตั่งพูดต่อไป “เห็นเธอพยายามสร้างปัญหาแบบนี้ ฉันก็อดสงสัยไม่ได้ว่าการที่ถิงถิงของฉันวางแผนทำร้ายหลินม่ายเป็นเพราะถูกเธอยุยงด้วยหรือเปล่า!”
หวังหรงเหงื่อแตกพลั่ก รีบแก้ต่างปกป้องตัวเองทันที “หนูไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นเลยนะคะ ถ้าหนูทำจริง ขอสาบานให้หนูมีจุดจบถึงตาย!”
ฟางเว่ยตั่งตะคอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าคำสาบานมีผลจริง ๆ ตามท้องถนนคงมีศพคนนอนตายกันเกลื่อนกลาด เธอจะทำแบบนั้นจริงหรือไม่จริง รอให้เราไปถึงกว่างโจวแล้วถามจากถิงถิง ประเดี๋ยวความจริงก็คงเปิดเผย” พูดจบแล้ว เขาก็วางหูไป
หยางโร่วหลันจ้องมองสามีด้วยความตกใจ “คุณสงสัยหรือคะว่าหวังหรงเป็นต้นเหตุทำให้ถิงถิงต้องตกอยู่ในสภาพนี้?”
“มีความเป็นไปได้สูงเชียวล่ะ อย่าลืมล่ะว่าหล่อนเคยยืมมือของพี่ชายตัวเองเพื่อกลั่นแกล้งรังแกหลินม่ายมาแล้วครั้งหนึ่ง”
หยางโร่วหลันแค่นเสียงอย่างมาดร้าย “ถ้าเรื่องเป็นแบบนั้นจริง ฉันจะฉีกหล่อนออกเป็นชิ้น ๆ ซะ!”
พวกเขาทั้งสามเดินทางโดยรถไฟ กระทั่งมาถึงกว่างโจวในเช้าวันรุ่งขึ้น
นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางเว่ยตั่งและภรรยาของเขามีโอกาสได้มาที่กว่างโจว จึงสับสนทิศทางไม่รู้เหนือรู้ใต้
หลินม่ายพาพวกเขาไปกินอาหารมื้อเช้าก่อน หลังจากนั้นค่อยพาพวกเขาไปยังสถานีตำรวจ
เธอได้รับเงินจากพวกเขามาหนึ่งหมื่นหยวนแล้ว จึงไม่รังเกียจที่จะปฏิบัติต่อพวกเขาเป็นอย่างดี
ทันทีที่พบเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งรับผิดชอบคดีของฟางถิง หลินม่ายก็รีบเดินเข้าไปถามไถ่ “ตอนนั้นฟางถิงไม่ได้ถูกตั้งข้อหาแค่คดีลอบวางเพลิงหรอกหรือคะ ทำไมภายหลังถึงโดนคดีกระทำอันธพาลพ่วงมาด้วย?”
เจ้าหน้าที่ตำรวจอธิบาย “เพราะผู้สมรู้ร่วมคิดของฟางถิงเปลี่ยนคำให้การรับสารภาพในภายหลัง หล่อนไม่ได้สร้างความเข้าใจผิดว่าคุณเป็นโสเภณีแค่อย่างเดียว แต่หล่อนต้องการให้เขากระทำชำเราคุณ เพื่อให้แฟนของคุณตามมาเจอภาพบาดตา นอกจากทำให้คุณเสื่อมเสียแล้ว ฟางถิงยังอยากให้คุณถึงตาย”
ใบหน้าของหยางโร่วหลันเปลี่ยนเป็นซีดเผือดทันที ถึงอย่างนั้นก็ไม่ลืมตะโกนร้องขอความเป็นธรรม “ถิงถิงไม่ใช่คนเลวร้ายแบบนั้นนะคะ ผู้สมรู้ร่วมคิดคนนั้นต้องใส่ร้ายหล่อนแน่!”
หลินม่ายเหล่ตามองไปทางหยางโร่วหลัน อดคิดคำนึงในใจไม่ได้ ลูกสาวของพวกคุณช่างมีจิตใจที่โหดร้ายเลวทรามจริง ๆ!
แต่เมื่อลองคิดทบทวนอย่างรอบคอบแล้ว ถึงแม้คนร้ายที่ฟางถิงจ้างวานจะมีอาการป่วยทางจิตก็ตาม แต่เขาไม่มีทางยอมรับงานนี้แค่เพราะต้องการเงินแน่
ช่วงเวลานี้ใครไม่รู้บ้างว่าบ้านเมืองมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด!
ต่อให้เขาทำอาชญากรรมสำเร็จ แล้วฟางจั๋วหรานตามมาเจอ ฟางถิงกับอันธพาลโรคจิตคนนั้นก็หนีไม่พ้นถูกตัดสินลงโทษอยู่ดี
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าฟางถิงสามารถจ่ายค่าตอบแทนให้เขาสูงเสียดฟ้าแค่ไหน ถึงเขาได้รับไปก็ไร้ประโยชน์
หลินม่ายจึงลองอธิบายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในสิ่งที่เธอคาดเดาไว้
เมื่อหยางโร่วหลันและสามีของเธอเห็นว่าหลินม่ายเจรจากับทางตำรวจเพื่อช่วยเหลือฟางถิงให้พ้นข้อกล่าวหาด้วยความจริงใจ พวกเขาก็มองเธอด้วยสายตาซาบซึ้ง
ก่อนหน้านี้ถึงแม้เธอจะเอาเปรียบพวกเขาไปบ้าง ทั้งยังเรียกร้องเงินค่าชดเชยสูงถึงสองหมื่นหยวน แต่เธอก็ไม่สนใจเรื่องนั้นอีกต่อไปแล้ว
ท้ายที่สุดแล้วเงินพวกนั้นไม่มีค่าเท่ากับชีวิตลูกสาวของพวกเขาเลย
เจ้าหน้าที่ตำรวจตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ผมลองวิเคราะห์ตามที่คุณตั้งข้อสังเกตแล้ว แต่เรายังไม่ตัดสินว่าผู้สมรู้ร่วมคิดของฟางถิงใส่ร้ายหล่อนโดยทันที วางใจเถอะ ผมจะจัดให้มีการสอบปากคำอีกครั้ง ทางเราไม่มีวันปล่อยคนชั่วให้ลอยนวลแน่”
นี่หมายความว่าคดีจะยังหาข้อสรุปไม่ได้อีกสักระยะหนึ่ง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องอยู่ที่กว่างโจวเพื่อรอฟังผลสรุปของคดี
พวกเขาทั้งสามไม่มีทางเลือกนอกจากหาโรงแรมเพื่อพักอาศัย
หลินม่ายนึกถึงธุรกิจเสื้อผ้ามือสองของตัวเองขึ้นมา จึงหันไปพูดกับหยางโร่วหลันและสามีของเธอว่า “ฉันยังมีธุระที่ต้องจัดการ ต้องขอตัวกลับไปก่อนนะคะ ตราบใดที่คดีมีความคืบหน้า ถึงยังไงฉันก็ต้องกลับมาอีกครั้ง คุณติดต่อฉันผ่านทางจั๋วหรานได้ทุกเวลา แล้วฉันจะรีบมาที่นี่โดยเร็วที่สุด”
หยางโร่วหลันรีบคว้ามือของเธอไว้ราวกับคว้าฟางเส้นสุดท้าย “ม่ายจื่อ เธออย่าเพิ่งกลับไปได้ไหม? ถ้าเธอเทียวไปเทียวมาแล้วเกิดอันตรายขึ้นจะทำยังไง ฉันไม่ยอมให้การลงทุนของฉันเสียเปล่าหรอกนะ”
แววตาของหลินม่ายแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา “คุณป้าหยางคะ ฉันมาที่นี่เพื่อช่วยลูกสาวของคุณ ไม่ใช่เพื่อให้คุ้มค่าการลงทุนของใคร อย่าคิดว่าคุณจ่ายเงินให้ฉันหนึ่งหมื่นหยวนแล้วจะรั้งตัวไว้อย่างไรก็ได้ เชื่อไหมคะว่าฉันสามารถคืนเงินหนึ่งหมื่นหยวนให้คุณได้ทุกเมื่อ ไม่จำเป็นต้องสนใจด้วยซ้ำว่าฟางถิงจะเป็นหรือตาย!”
เมื่อเห็นว่าหลินม่ายกำลังอารมณ์เสีย ฟางเว่ยตั่งจึงหันไปดุหยางโร่วหลันทันที “ถิงถิงเป็นลูกสาวของคุณ คุณจะวิตกกังวลหล่อนก็ไม่แปลก แต่คุณจะดึงเสี่ยวหลินมาร่วมทุกข์ไปกับเราไม่ได้ ปล่อยมือเร็ว ให้เสี่ยวหลินกลับไปเถอะ!”
หยางโร่วหลันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมปล่อยมืออย่างจำใจ
ฟางเว่ยตั่งอาสาจ่ายค่าตั๋วรถไฟให้กับหลินม่าย ทั้งยังรอส่งเธอขึ้นรถไฟด้วยตัวเอง และยังไม่ลืมกล่าวขอบคุณหลายต่อหลายครั้ง
ตกกลางคืน หลินม่ายก็รีบกลับไปที่ร้านเปาห่าวซือเสี่ยวชือเตี้ยน โจวฉายอวิ๋นรีบถามด้วยความประหลาดใจ “ทำไมถึงได้กลับมาเร็วนักล่ะ คดีความคลี่คลายแล้วหรือ?”
หลินม่ายตอบสั้น ๆ “รูปคดีมีการเปลี่ยนแปลงนิดหน่อย ยังอยู่ในขั้นตอนการสืบสวน ฉันก็เลยขอตัวกลับมาก่อน”
…
เสื้อผ้ามือสองพวกนั้นต้องตากแดดจัดเป็นเวลาห้าวัน ถึงจะนำมาซ่อมแซมใหม่ได้
หลินม่ายอาศัยประโยชน์จากวันว่างระหว่างรอ ทำเอกสารแบบทดสอบที่ฟางจั๋วหรานเอามาให้จนเสร็จ
เธอรู้สึกปลาบปลื้มและภูมิใจในตัวเองมาก ไม่คาดคิดเลยว่าความสามารถในการเรียนรู้ของตัวเองจะฟื้นคืนกลับมาได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้
ตอนเที่ยง หลังมื้ออาหารกลางวัน หลินม่ายเม้มริมฝีปาก ก่อนจะส่งยิ้มให้ฟางจั๋วหราน “ฉันมีอะไรอยากให้คุณได้ดูด้วยล่ะ”
ฟางจั๋วหรานก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ผมเองก็มีบางอย่างจะให้คุณดูด้วยเหมือนกัน”
หลินม่าย “ถ้าอย่างนั้นเชิญคุณก่อนเลย”
ฟางจั๋วหราน “คุณก่อนสิ”
“ของของฉันเอาไว้ทีหลังได้”
“ไม่เอา ผมอยากเห็นของคุณก่อน”
โต้วโต้วใช้มือน้อย ๆ ทั้งสองข้างเท้าคางไว้ ดูหนุ่มสาวทั้งสองเกี่ยงกันอยู่พักใหญ่ จนเกือบจะฟุบหลับไปอยู่แล้ว
ในที่สุดฟางจั๋วหรานก็เป็นฝ่ายหยิบของของตัวเองออกมาก่อน
รูปที่พวกเขามีโอกาสถ่ายในกว่างโจวถูกส่งมาถึงแล้ว
หลินม่ายหยิบภาพถ่ายขึ้นมาดูรูปหนึ่ง เห็นแค่นั้นก็ร้องออกมาด้วยความตื่นตาตื่นใจ
ถึงจะเป็นภาพขาวดำ แต่มิติแสงเงาก็สวยมากทีเดียว!
เด็กหญิงตัวน้อยหายง่วงทันที ชะโงกหน้าไปดูภาพถ่ายตรงหน้า ก่อนจะชี้ไปที่ฟางจั๋วหรานในรูป “คนนี้คือคุณอา”
จากนั้นก็ชี้ไปที่หลินม่ายในรูป “คนนี้คือแม่จ๋า”
หล่อนไล่สายตามองทีละรูป พอเห็นชัดแล้วว่าคนในรูปเป็นใคร ทันใดนั้นริมฝีปากก็เบะออก ก่อนจะร้องไห้ออกมา
หลินม่ายกับฟางจั๋วหรานถามด้วยความงุนงง “ทำไมหนูถึงร้องไห้ล่ะ?”
โต้วโต้วที่ไปที่ภาพถ่ายพลางพูดด้วยเสียงสะอึกสะอื้น “คุณอากับแม่จ๋าอยู่ในรูป แต่หนูไม่ได้อยู่ในรูปด้วย”
หลินม่ายหัวเราะ โน้มตัวไปหอมแก้มหล่อนฟอดใหญ่ “รอให้มีเวลาว่างเมื่อไหร่ แม่จะพาหนูไปถ่ายรูปด้วยกัน ทีนี้ในรูปก็จะมีเราทั้งสามคนแล้ว”
โต้วโต้วชูนิ้วก้อยขึ้นมา “สัญญานะ!”
ทั้งสามคนเกี่ยวก้อยเข้าด้วยกัน “เกี่ยวก้อยสัญญา ร้อยปีห้ามเปลี่ยนแปลง”
เด็กหญิงตัวน้อยหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข
ฟางจั๋วหรานหันมองไปทางหลินม่าย “ถึงคราวคุณหยิบของของคุณออกมาให้พวกเราได้ยลโฉมแล้ว”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ยัยหรงเธออย่าคิดว่าคนอื่นเขาจะกินหญ้ากันหมดสิ
เอ็นดูน้องโต้วโต้วจัง น้องอยากมีตัวเองอยู่ในรูปด้วย
ไหหม่า(海馬)