แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 220 ตรวจสอบฐานของอาคาร
ตอนที่ 220 ตรวจสอบฐานของอาคาร
อวี๋เจียจิ้นพูดอย่างหนักแน่น “รับไหวแน่นอน! บ้านในถนนสายนี้สร้างโดยคนร่ำรวยก่อนที่จะปล่อยต่อ ตอนนั้นคนรวยนิยมสร้างบ้านกันมาก พอสร้างตึกสองชั้น ก็ขุดรากฐานของตึกสามชั้น บอกตามตรงว่าบ้านของฉันถูกส่งต่อมารุ่นสู่รุ่น ปู่ของฉันได้ขุดรากฐานของอาคารสามชั้นเพื่อสร้างบ้านหลังนี้แล้ว”
หลินม่ายกลัวว่าอวี๋เจียจิ้นจะหลอกเธอเรื่องการต่อเติม ดังนั้นจึงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ไว้รอฉันปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญก่อน เพื่อยืนยันว่าไม่มีปัญหาในการต่อเติม”
อวี๋เจียจิ้นพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “งั้นหลังจากที่คุณได้รับการยืนยันก็ช่วยบอกผมด้วยนะ”
หลินม่ายพยักหน้าตอบรับ เขาถึงกลับไปที่บ้านของเขา
หลินม่ายเอาเสื้อผ้าทั้งหมดไปตากที่สวนหลังบ้าน ล็อคประตูและไปที่สถานที่ก่อสร้างเพื่อหานายช่างจาง
เจ้าของบ้านไปฮ่องกงแล้ว เขาแจ้งกับเธอเมื่อวันก่อน
เธอต้องการขอให้นายช่างจางปรับปรุงห้องเดี่ยวบนถนนเฉียนจิ้น เพื่อให้หลี่หมิงเฉิงได้ย้ายเข้าไปอยู่
ในยุคสมัยนี้นอกจากห้างสรรพสินค้ากับโรงแรม บ้านของคนทั่วไปไม่นิยมตกแต่ง
ถึงแม้จะตกแต่งก็แค่ทำง่ายๆเช่นการทาสีผนัง ประตูหน้าต่าง ดังนั้นจึงไม่มีงานประเภทช่างด้านการตกแต่ง
หลินม่ายจึงทำได้แค่มาหานายช่างจางที่ทำงานประเภทก่อสร้างมาทำงานตกแต่ง
นายช่างจางชอบให้หลินม่ายมาหาเขามากที่สุด ตราบใดที่เธอมาหาเขา เขาก็จะได้รับเงินพิเศษ
นายช่างจางตามหลินม่ายไปที่ห้องเดี่ยวบนถนนเฉียนจิ้น
หญิงวัยกลางคนรูปร่างผอมกำลังเข้าๆออกจากห้องครัวขนาดหนึ่งตารางเมตรของหลินม่าย
หญิงวัยกลางคนนั้นจำหลินม่ายได้ ครั้งก่อนเคยเจอเธอหนึ่งครั้งตอนมากับเจ้าของบ้านเพื่อดูห้อง แต่ยังไม่เคยพูดคุยกัน
หล่อนรู้สึกประหลาดใจมากที่เห็นหลินม่าย ตัวแข็งทื่ออยู่พักหนึ่ง
หลินม่ายมองไปที่ประตูห้องครัวที่เปิดอยู่ “คุณเปิดประตูครัวหรือเปล่าคะ?”
หญิงคนนั้นฝืนยิ้ม “ไม่ใช่ เหล่าฟู่ลืมปิดก่อนไปน่ะ”
เหล่าฟู่หลินคือเจ้าของบ้าน
หลินม่ายมองดูน้ำที่ไหลรินในครัวและผักในอ่างล้างจาน เธอถามด้วยรอยยิ้ม “ดังนั้นคุณจึงมาที่ครัวของฉันเพื่อล้างผักเหรอ?”
หญิงวัยกลางคนดูเขินอายเล็กน้อย “ครัวของบ้านเราเล็ก หันไปไหนไม่ได้เลย ก็เลยมาใช้ครัวของคุณ”
หลังจากพูดจบ หล่อนก็รีบหันไปปิดก๊อก และนำหม้อผักที่รอล้างออกไป
หลินม่ายเห็นเช่นนี้ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก
อย่างไรก็ตาม หญิงวัยกลางคนนี้จะเป็นเพื่อนบ้านของหลี่หมิงเฉิงในอนาคต ดังนั้นจึงไม่ควรสร้างปัญหา
เธอเปิดประตูครัวแล้วเดินเข้าไปพร้อมนายช่างจาง
เจ้าของบ้านรักษาคำพูด เก็บเครื่องเรือนและวิทยุเก่าไว้ทั้งหมด
หลินม่ายลองแล้ว แม้ว่าคุณภาพเสียงจะมีคลื่นรบกวนเล็กน้อย แต่ก็ไม่มีผลต่อการฟัง
นายช่างจางตรวจสอบน้ำและไฟฟ้าทั้งหมดและพูดกับหลินม่าย “สายไฟเก่าไปหน่อย น้ำไฟต้องเดินสายใหม่”
หลินม่ายพยักหน้า มองไปที่ผนังที่เป็นสีเหลืองและสกปรกแล้วพูดว่า “ผนังก็ทาสีใหม่ แล้วก็มีหน้าต่างและเครื่องเรือนก็ควรทาสีใหม่ด้วยเช่นกัน”
ตอนจะออกไป หลินม่ายจงใจล็อคประตูห้องและห้องครัวเพื่อป้องกันไม่ให้ใครเข้าออก
หญิงวัยกลางคนรูปร่างผอมทักทายเธอ “ไปแล้วเหรอ?”
หลินม่ายยิ้มแล้วอืม นำนายช่างจางไปที่อาคารด้านหน้าของเธอ
นายช่างจางถามด้วยความประหลาดใจ “ที่นี่คุณก็ซื้อด้วยหรอ?”
หลินม่ายพยักหน้าและบอกเขาด้วยเสียงต่ำ “ถ้าคุณมีเงินอยู่ในมือ คุณต้องซื้อบ้านในเมือง ในอนาคตมันจะสามารถทำเงินได้”
เธอไม่ได้ติดต่อกับนายช่างจากเพียงครั้งสองครั้ง รู้สึกว่าเขาเป็นคนดีจึงเปิดเผยความลับบางอย่างให้เขาฟัง
นายช่างจางมองไปที่บ้านหลังใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยความอิจฉาและพูดด้วยรอยยิ้ม “ใครจะไม่รู้ว่าบ้านในเมืองนั้นมีค่า แต่ในมือมีเงินที่ไหนกัน”
อวี๋เจียจิ้นกำลังนั่งนั่งพัดอยู่ในบ้าน เขาสามารถมองเห็นทุกอย่างด้านนอก
เห็นหลินม่ายพาผู้เชี่ยวชาญมา ก็รู้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่เธอเชิญมาตรวจสอบฐานของอาคาร เขาจึงรีบวิ่งออกมาจากบ้าน
เขายิ้มและถาม “ผู้นี้คือผู้เชี่ยวชาญที่คุณเชิญมาตรวจสอบฐานของอาคารใช่ไหม”
หลินม่ายพยักหน้า “ใช่”
หลังจากนั้นเข้าก็หันหน้าไปคุยกับนายช่างจาง “คุณคิดว่าอาคารนี้สามารถต่อเติมได้ไหม?”
นายช่างจางเริ่มตรวจสอบฐานของอาคาร
อวี๋เจียจิ้นเหมือนกับคนเจียงเฉิงส่วนใหญ่ ช่างพูดช่างเจรจา
เขาหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งซองแล้วยื่นให้นายช่างจาง “มา พวกเราสูบบุหรี่แล้วตรวจสอบไปด้วย”
นายช่างจางเหลือบมองเขา จากนั้นมองไปที่บุหรี่ในมือ โบกมือแล้วพูดว่า “ผมไม่สูบบุหรี่”
หลินม่ายแอบยกยิ้มมุมปากในใจ
ลุง คุณบอกว่าไม่สูบบุหรี่ใครจะเชื่อ มีกลิ่นบุหรี่ติดตัวขนาดนั้น
เธอรู้ว่านายช่างจางไม่รับบุหรี่จากอวี๋เจียจิ้นเพราะไม่ต้องการเป็นหนี้บุญคุณ เขามีจุดยืนว่ามาเพื่อตรวจสอบฐานของอาคารให้เธอ
อวี๋เจียจิ้นตบปากอย่างช่วยไม่ได้
นายช่างจางทำงานเป็นช่างก่อสร้างกับพ่อแม่ตั้งแต่เขายังเด็ก เขามีประสบการณ์มากมาย
หลังจากตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน เขาก็ยืดตัวขึ้นแล้วยืนยันกับหลินม่าย “สามารถทำได้!”
ตอนนี้อวี๋เจียจิ้นซื้อน้ำอัดลมมาสองขวด ได้ยินคำพูดแล้วจู่ๆก็หัวเราะ
ส่งน้ำอัดลมให้นายช่างจางหนึ่งขวด อีกขวดหนึ่งให้หลินม่าย “ผมบอกแล้วว่าไม่มีปัญหา”
จากนั้นเขาก็มองไปที่หลินม่ายรอให้เธอพยักหน้าเห็นด้วย
นายช่างจากถามว่า “พวกคุณอยากจะต่อเติมชั้้นเหรอ?”
อวี๋เจียจิ้นชี้มาที่หน้าของตัวเอง “ผมอยากต่อเติมชั้น”
เขาอธิบายด้วยใบหน้าที่ขมขื่น “ลูกที่บ้านสองคนโตกันหมดแล้ว ไม่พออาศัย”
บ้านสองชั้นแบบตะวันตก ครอบครัวมีสี่คนจะไปอาศัยพอได้อย่างไร
หลินม่ายเดาว่าเขาต้องการเพิ่มอีกชั้นเพราะเขาต้องการทำพื้นที่ชั้นแรกให้ว่าง ไม่ว่าจะเป็นส่วนหน้าอาคารเพื่อแลกกับค่าเช่าเล็กน้อย หรือเพื่อเริ่มต้นธุรกิจเล็กๆด้วยตนเอง
ถนนตรงข้ามล้วนทำธุรกิจที่ชั้นหนึ่งของบ้าน เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่เห็น เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่อิจฉา
นายช่างจางลังเลและพูดกับหลินม่าย “อย่าโทษว่าผมเรื่องเยอะเลยนะ ทำไมคุณไม่ต่อเติมชั้นไปพร้อมกับเพื่อนบ้านเลยล่ะ? หากบ้านของพวกเขาเพิ่มขึ้นมาอีกชั้นแล้วบ้านคุณไม่มี โชคของคุณจะไม่ดี”
คนบ้านนอกให้ความสำคัญ บ้านข้างๆไม่ควรสูงกว่าบ้านตัวเอง มิฉะนั้นโชคลาภจะถูกกดทับ
เพื่อให้หลินม่ายพิจารณา นายช่างจางจึงพูดแบบนั้น
อวี๋เจียจิ้นต้องการต่อเติมชั้นอย่างสุดหัวใจ แต่กลัวว่าหลินม่ายจะไม่เห็นด้วย ดังนั้นจึงตกลงอย่างรวดเร็ว “ใช่ เราจะต่อเติมชั้นด้วยกัน”
เดิมทีหลินม่ายก็วางแผนไว้อยู่แล้ว
หากอาคารตะวันตกทั้งสามห้องของเธอได้รับการต่อเติมเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งชั้น ก็จะมีพื้นที่เพิ่มขึ้นอีกเกือบสองร้อยตารางเมตร
สิบปีหลังจากนี้ราคาคงขึ้นไปถึงสี่ถึงห้าแสน ตอนนี้ต่อเติมชั้นก็ไม่ได้ใช้เงินไม่เท่าไหร่ ทำไมถึงจะไม่ต่อเติมล่ะ!
เธอพยักหน้าทันที “ตกลงค่ะ”
อวี๋เจียจิ้นชี้ไปที่เพื่อนบ้านทางด้านซ้าย “เอาล่ะ ไปบอกแม่ของเสี่ยวหงว่าคุณอยากต่อเติมชั้น”
หลินม่ายขานรับ
อวี๋เจียจิ้นเตือน “ถ้าแม่ของเสี่ยวหงเห็นด้วย คุณก็บอกผมนะ พวกเราจะได้เริ่มก่อสร้าง”
หลินม่ายขานรับอีกครั้ง และไปหาแม่ของเสี่ยวหงทันที
เธอมาถึงประตูบ้านของเสี่ยวหง เป็นบ้านแบบเดียวกันกับอวี๋เจียจิ้น เป็นอาคารตะวันตกขนาดเล็กที่มีห้องเดียว
หน้าประตูมีโต๊ะ เก้าอี้กลมอีกสองสามตัว มีตู้ เมื่อมองแวบแรกเหมือนจะทำให้ด้านหน้าประตูเป็นห้องอาหาร
ห้องอาหารที่ว่างเปล่าไม่มีคน
หลินม่ายอยู่ที่ประตูตะโกนอยู่สองสามครั้ง “แม่ของเสี่ยวหงอยู่บ้านหรือเปล่า?”
หญิงสาวที่มีโหนกแก้มสูงเดินออกมาอย่างรวดเร็ว “อยู่!”
เมื่อเห็นว่าเป็นคนแปลกหน้ามาหาเธอจึงถาม “คุณเป็นใคร?”
หลินม่ายแนะนำตัว “ฉันเป็นเพื่อนบ้านใหม่ของคุณ หลินม่าย”
“ที่แท้ก็เสี่ยวหลินนี่เอง!” แม่ของเสี่ยวหงยิ้มราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ “หาฉันมีธุระอะไรหรือ?”
หลินม่ายอธิบายความตั้งใจของเธอ
หลังจากฟัง แม่ของเสี่ยวหงคิดอยู่ครู่หนึ่ง “บ้านของของเราก็จะต่อเติมอีกชั้นหนึ่ง”
หล่อนมีลูกสามคน และจำนวนคนก็มากกว่าครอบครัวอวี๋ ดังนั้นหล่อนจึงไม่อยากพลาดโอกาสในการต่อเติมบ้าน
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
โชคดีจังที่เจอเพื่อนบ้านไม่เรื่องมาก ไม่งั้นแผนคงสะดุดหมด
ไหหม่า(海馬)