แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 242 ราคาคุย
ตอนที่ 242 ราคาคุย
หวังหรงอธิบายต่อพร้อมรอยยิ้ม “พวกเธอก็รู้ว่าเขาเป็นพวกบ้างาน ตอนนี้การงานกำลังไปได้สวย เราตกลงกันว่าจะรอให้เขาได้เป็นศาสตราจารย์เต็มตัวก่อนแล้วค่อยคิดเรื่องแต่งงาน”
เพื่อนคนหนึ่งตบไหล่หล่อน “เขาเป็นคนมีความสามารถ อาจจะได้เป็นศาสตราจารย์ในสิ้นปีนี้ แล้วได้แต่งงานช่วงวันแรงงานปีหน้าก็ได้นะ”
หวังหรงฝืนยิ้มแล้วเริ่มเปลี่ยนเรื่องอย่างเนียน ๆ
หล่อนถามเยี่ยนหงขึ้นมา “เห็นเธอบอกว่ามีร้านเสื้อผ้ามือสองนำเข้ามาเปิดที่ตลาดกลางคืนนี่ เสื้อนำเข้าน่าจะสวย แผงนั้นอยู่ตรงไหน เดินมานานแล้วยังไม่เห็นเลย”
เยี่ยนหงชี้ไปที่ด้านหน้า “ไปอีกหน่อยก็เจอแล้ว ถึงจะเป็นของมือสองแต่เขาเอามาตกแต่งเพิ่ม เหมือนของใหม่เลย ลูกพี่ลูกน้องฉันก็ซื้อไปหลายตัวแล้ว”
หวังหรงมองไปตามทางที่เพื่อนสาวบอก พลันรอยยิ้มบนใบหน้าก็ค่อย ๆ เจื่อนลงไป
ทำให้เพื่อน ๆ พากันสงสัยขึ้นมา “เธอเป็นอะไรไป”
หวังหรงหลับตาลง เอามือกุมที่ท้องน้อยแล้วเอ่ยขึ้นมา “ฉันรู้สึกว่าจะเป็นประจำเดือน ปวดท้องแล้วเนี่ย ไม่อยากซื้อของต่อแล้ว”
เพื่อน ๆ ได้ยินแบบนั้นก็ถามอย่างเป็นห่วงว่ากลับคนเดียวได้หรือเปล่า
หวังหรงจับมือเพื่อน “ไม่เป็นไร สบายมาก” จากนั้นก็หันหลังเดินจากไป
ส่วนเหล่าเพื่อน ๆ ก็ตรงไปที่ร้านของหลินม่าย
เยี่ยนหงพูดกับเพื่อน ๆ ระหว่างมองดูเสื้อผ้า “สวยมากเลยนะเนี่ย”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยแล้วเข้าไปเลือกดูเสื้อผ้าด้วยความสนใจ
หวังหรงยังไม่ได้กลับบ้าน แต่แอบซุ่มดูอยู่ในมุมที่ไม่มีใครสังเกตเห็น จ้องมองหลินม่ายด้วยสายตาเกลียดชัง
เมื่อเห็นว่าร้านเสื้อของอีกฝ่ายกำลังขายดี ก็รู้สึกเหมือนมีมีดกรีดอยู่ในใจ
ช่วงนี้อะไร ๆ ก็ไม่เป็นใจให้หล่อนสักอย่าง แต่ยัยนั่นกลับใช้ชีวิตสบายใจอะไร ๆ ก็ดีไปหมด
ฟางจั๋วหรานกลับมาพร้อมน้ำอัดลมสองขวดในมือ
สาว ๆ ที่เลือกเสื้อผ้าอยู่รวมทั้งเยี่ยนหงจำเขาได้ แต่เพราะอยู่ห่างกันเกินไปก็เลยไม่ได้เอ่ยทักทาย
เมื่อเขาหันมาทางนี้ พวกหล่อนก็ยังเขินอายที่จะเอ่ยทัก เพราะกลัวว่าเขาจะจำไม่ได้ แบบนั้นคงน่าอายแย่
คุณหมอฟางก็เห็นว่าเป็นเยี่ยนหงกับเพื่อน ๆ ชายหนุ่มเพียงมองเฉย ๆ แล้วหันไปสนใจอย่างอื่น ราวกับพวกหล่อนเป็นคนแปลกหน้า
เขาเข้าไปหาหลินม่ายแล้วยื่นน้ำอัดลมให้แฟนสาว
บรรดาเพื่อนของหวังหรงมองเหตุการณ์นั้นอย่างงุนงง
ความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์ฟางกับแม่ค้าตัวเล็กคนนี้เป็นยังไงกันแน่ ทำไมถึงได้มาซื้อน้ำอัดลมให้เธอ
หลินม่ายรับขวดนั้นมาพบว่ามันไม่เย็น จึงเริ่มดื่มและไม่ลืมที่จะเรียกเสี่ยวม่านให้มาเอาไปด้วย
เสี่ยวม่านตรงมารับขวดจากมือคนตัวสูงไปอย่างร่าเริง เมื่อเห็นว่ามันเป็นแบบไม่เย็นก็เริ่มเอ่ยถามคนซื้อ “อากาศร้อนแบบนี้ทำไมไม่เอาแบบเย็นมาล่ะคะ?”
แต่พอถามออกไปแบบนั้นก็ดูเหมือนว่าจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้เอง
หล่อนมองไปที่หลินม่าย จากนั้นก็มองไปที่แฟนหนุ่มของเพื่อน แล้วหันไปพูดกับหลินม่ายด้วยน้ำเสียงปนอิจฉา “แฟนเธอนี่ช่างใส่ใจอะไรขนาดนี้”
กลุ่มเพื่อน ๆ และเยี่ยนหงต่างตกใจเมื่อได้ยินคำพูดของเสี่ยวม่าน ทำเอาหลุดโพล่งถามฟางจั๋วหรานออกไปในเรื่องที่อยากรู้ “อาจารย์ฟางคะ เจ้าของร้านนี้เป็นแฟนคุณเหรอ”
“คุณไม่ได้คบอยู่กับหรงหรงหรอกเหรอคะ”
หรงหรงที่ซ่อนตัวอยู่ก็ทั้งรู้สึกอายและไม่พอใจที่เพื่อนงี่เง่าพวกนั้นถามออกไป เรื่องโกหกของหล่อนกำลังจะถูกเปิดโปง
คุณหมอหนุ่มมองไปยังกลุ่มผู้หญิงที่ยืนอยู่อย่างเย็นชา “เจ้าของร้านคนนี้เป็นแฟนผมคนเดียว ใครบอกคุณว่าผมคบกับหรงหรง?”
ทุกคนในกลุ่มถึงกับใบ้กินเมื่อได้รับคำตอบ
เยี่ยนหงเริ่มหาเสียงตัวเองเจอแล้วก็เอ่ยถามอย่างระมัดระวัง “อาจารย์ฟาง คุณทะเลาะกับหรงหรงเลยเลิกกันเหรอคะ?”
ใบหน้าของฟางจั๋วหรานมืดครึ้ม “ผมไม่เคยเป็นอะไรกับหรงหรง จะให้เลิกกันได้ยังไง?”
ประโยคนั้นทำเอาสาว ๆ รู้สึกอายเล็กน้อย พวกหล่อนรีบเดินหนีไปโดยไม่ทันได้ซื้ออะไร
พอเห็นแบบนั้นเสี่ยวม่านก็ถามหลินม่ายขึ้นมาอย่างไม่สบายใจ “ม่ายจื่อ ฉันพูดอะไรผิดไปหรือเปล่า ลูกค้าหนีหมดเลย?”
หลินม่ายส่ายหน้า “ไม่เกี่ยวกับเธอหรอก ไปขายถุงเท้าเร็ว ลูกค้าเรียกแล้ว”
เสี่ยวม่านหันไปที่ร้าน ก็พบว่ามีลูกค้าหลายคนกำลังดูของอยู่ เลยรีบกลับไปทำงานต่อ
หลินม่ายถามฟางจั๋วหรานเสียงเบา “พวกนั้นคือเพื่อนที่ดีต่อหวังหรงหรือเปล่าคะ?”
ชายหนุ่มคิดอย่างจริงจังแล้วเอ่ยตอบ “ผมรู้แค่พวกหล่อนเป็นเพื่อนกัน แต่ดีต่อกันแค่ไหนก็ไม่แน่ใจนะ”
หลินม่ายคิดว่าตัวเองมองโลกในแง่ร้ายไปหน่อย เพราะเธอไม่คาดคิดว่าเพื่อนของหวังหรงจะเชื่อมั่นในตัวหัวหน้ากลุ่มของตัวเองขนาดนี้
แต่ถ้าหลินม่ายได้ยินบทสนทนาของพวกหล่อนหลังจากนั้น ก็อาจจะรู้สึกว่าตัวเองเดาถูกแล้ว
สาว ๆ เริ่มพูดคุยกันหลังจากเดินออกมาจากร้านของหลินม่าย
คนหนึ่งเริ่มเอ่ยขึ้นอย่างดูถูก “ไม่คิดเลยว่าความจริงแล้วหรงหรงกับลูกพี่ลูกน้องจะไม่ได้คบกัน ที่ผ่านมาคงเป็นแค่ราคาคุย”
อีกคนเม้มปากอย่างดูถูกไม่ต่างกัน “กล้าโกหกแบบนี้ไม่กลัวว่าจะโดนจับได้ตอนที่สุดท้ายไม่ได้แต่งกันจริง ๆ หรือยังไงนะ”
คนต้นเรื่องที่ซ่อนตัวอยู่ได้ยินบทสนทนานั้นก็ขอบตาร้อนผ่าว
หล่อนหันหลังเดินจากไป ตอนนี้อยากจะไปพบคุณย่าเพื่อหาทางจัดการกับฟางจั๋วหราน
คุณย่าพูดถูก ท่านสามารถบังคับให้เขาแต่งงานกับหล่อนได้ ถ้ามัวแต่รอช้า ไม่ยอมใช้ไม้แข็งกับเขา มีหวังพี่ชายได้แต่งงานกับคนอื่นไปก่อนแน่
หญิงสาววิ่งไปที่บ้านคุณย่าในอึดใจเดียว ร้องไห้ออกมาอย่างหมดแรง
คุณย่าหวังเห็นสภาพของหลานสาวก็รู้สึกเป็นห่วงปนรำคาญ
ที่น่าเป็นห่วงคือไม่รู้ว่าหลานสาวตัวดีคนนี้จะไปหาเรื่องอะไรเข้าบ้านอีก และน่ารำคาญคือมาทีไรก็มีเรื่องมาอยู่เรื่อย บ้านนี้จะล้มละลายอยู่แล้ว
คุณย่าหวังถามอย่างกระวนกระวาย “เป็นอะไรมาอีก ร้องไห้อย่างกับญาติเสียตอนดึก ๆ ดื่น ๆ ฉันยังไม่ตายนะ”
หวังหรงเห็นว่าย่าไม่พอใจก็หยุดร้องไห้ เช็ดน้ำตาแล้วละล่ำละลักพูดว่า “พี่ชายอยู่กับนังหลินม่าย หนูเห็นกับตา สองคนนั้นสนิทกันมาก เห็นแบบนั้นหนูก็อดเศร้าไม่ได้”
หญิงชราเพียงฮึมฮัมในลำคอแต่ก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร
หวังหรงพูดต่ออย่างเสียใจ “คุณย่ามีวิธีจะให้เขายอมแต่งงานกับหนูไม่ใช่เหรอคะ ทำไมถึงได้นานขนาดนี้ ถ้าไม่รีบทำอะไรสักอย่าง จนเขาไปแต่งงานกับคนอื่นแล้วหนูจะทำยังไง?”
คนเป็นย่าถอนหายใจยาว “อืม ย่ารู้แล้ว เดี๋ยวจะช่วยเธอเอง กลับไปได้แล้ว”
หวังหรงหน้ามุ่ยแล้วพูดต่อ “คุณย่าก็บอกแบบนี้ตลอด แต่ก็ไม่เห็นว่าจะทำอะไร”
คุณย่าหวังตอบกลับ “อดทนอีกหน่อย รับรองว่าเธอได้สมหวังแน่”
“คุณย่าต้องรักษาคำพูดนะคะ” หวังหรงย้ำอีกครั้งก่อนจะกลับไป
หญิงชรามองดูดอกไม้และต้นไม้ในสวน ดวงตาของนางค่อย ๆ หรี่ลง
ก่อนเริ่มพึมพำกับตัวเอง “จั๋วหราน อย่าโทษที่ยายต้องทำแบบนี้เลยนะ แกต่างหากที่ร้ายกับฉันก่อน”
ที่ถนนเจียงฮั่น
หลินม่ายดื่มน้ำอัดลมจนหมดก็ฝากให้ฟางจั๋วหรานเอาขวดไปคืนที่ร้านแล้วบอกให้เขารีบกลับไปได้แล้ว
ในยุคนี้รถเมล์หมดเร็วมาก มีถึงแค่สามทุ่มเท่านั้น
เธอกลัวว่าเขาจะขึ้นรถเมล์รอบสุดท้ายไม่ทันแล้วกลับบ้านไม่ได้
แต่ชายหนุ่มไม่ได้ห่วงเรื่องนั้น “ถ้าไปไม่ทันก็มีบ้านที่ถนนต้งถิงอยู่อีกที่ เดี๋ยวแวะไปนอนที่นั่นแทนก็ได้”
ถนนต้งถิงที่ว่าอยู่ติดกับถนนเจียงฮั่น ใช้เวลาเดินไม่กี่นาทีก็ไปถึง เพราะอย่างนั้นหลินม่ายเลยเลิกเซ้าซี้ให้แฟนหนุ่มรีบกลับบ้าน
คุณหมอฟางถือขวดน้ำอัดลมไปคืนที่ร้านแล้วเดินกลับมาช่วยแม่ค้าสาวขายเสื้อผ้าต่อ
เพราะการช่วยเหลือของหนุ่มหล่อ ทำให้วันนี้เสื้อผ้าขายดีเหมือนแจกฟรี ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงของที่เหลืออยู่ก็ขายหมด
ระหว่างที่กำลังเก็บแผง หลินม่ายก็เอ่ยหยอกฟางจั๋วหรานแบบติดตลกว่า “เดี๋ยวฉันจะไปรับเสื้อผ้าที่กว่างโจวมาเพิ่มอีก วันไหนว่าง ๆ จะพาคุณมาช่วยขายของด้วย ถึงจะขายแพง ๆ ก็คงหมดเร็วแน่”
ชายหนุ่มกลับยิ้มแล้วตอบตกลงทันที และเริ่มถามถึงแผนการไปกว่างโจวของเธอเพื่อจะได้เตรียมตัวไปด้วยกัน
การสอบมัธยมปลายกำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้า ทำให้หลินม่ายยังไปกว่างโจวช่วงนี้ไม่ได้
เธอมองไปที่เขา “จริงจังไปไหมคะเนี่ย ฉันแค่ล้อเล่น ให้ศาสตราจารย์ศัลยแพทย์มายืนขายเสื้อผ้า ฟ้าดินคงลงโทษกันพอดี ฉันกะว่าจะไปกว่างโจวหลังสอบเสร็จ แต่ไปคนเดียวคนเดียวได้ ไม่ต้องลำบากหรอก”
หลังจากเก็บข้าวของเรียบร้อย ฟางจั๋วหรานก็ไปส่งหลินม่ายที่ร้านด้วยรถสามล้อ
เมื่อทั้งสองมาถึงทางแยกก็มีจักรยานคันหนึ่งตรงเข้ามาด้วยความเร็วสูง
ฟางจั๋วหรานหักหลบอย่างกระทันหัน ไม่ได้ทันคิดว่าหลินม่ายซ้อนท้ายอยู่
รถสามล้อเอียงข้างเพราะเสียสมดุลอย่างกระทันหัน จนหญิงสาวกระเด็นตกจากรถไป
คุณหมอฟางได้ยินเสียงร้องอย่างตกใจของแฟนสาว รีบมองไปทางเธอด้วยความตกใจ
เขารีบตะโกนออกมา “ม่ายจื่อ” ร่างลูกกระโดดลงจากรถวิ่งไปช่วยเธอแล้วรีบถามอย่างร้อนรน “เป็นอะไรไหม”
หลินม่ายเอามือกุมหน้าผากพูดด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี “ฉันน่าจะหัวแตก”
ชายหนุ่มเริ่มสังเกตเห็นว่ามีเลือดไหลซึมจากนิ้วมือที่กุมแผลอยู่ เขาจ้องไปทางคู่กรณีด้วยความโกรธ
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
แม่เฒ่าจะวางแผนอะไรอีกหนอ ขอเดาว่าไม่ทันสำเร็จหรอก โดนช็อตฟีลก่อน
ขี่จักรยานยังไงเนี่ยหา ทำม่ายจื่อบาดเจ็บเลย
ไหหม่า(海馬)