แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 290 พังผิดร้าน
ตอนที่ 290 พังผิดร้าน
ภายในเวลาไม่ถึงสิบห้านาที ฟางจั๋วหรานก็ผ่าตัดเจาะลำคอเสร็จสิ้น ใบหน้าที่บวมและดำคล้ำเนื่องจากมีสิ่งแปลกปลอมกีดขวางทางเดินหายใจของนายหนิวจึงค่อย ๆ เปลี่ยนกลับมามีเลือดฝาดตามปกติ
พอทุกคนรู้ว่าชายชราได้รับการช่วยเหลือแล้ว เสียงปรบมือชื่นชมก็ดังกึกก้องไปทั่วทั้งร้านอาหาร
ชายวัยกลางคนทั้งสองแอบปาดหยดเหงื่อเย็นเยียบออกจากหน้าผากของตัวเองทันที
ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับนายหนิว พวกเขาคงไม่มีปัญญาชดใช้ความสูญเสียที่เกิดขึ้น
ขณะนั้นเอง เสียงไซเรนของรถพยาบาลก็ดังเข้ามาจากด้านนอกร้านอาหาร
ทุกคนราวกับได้ยินเสียงจากสวรรค์ ต่างร้องตะโกนกันอย่างตื่นเต้น “รถพยาบาลมาแล้ว เยี่ยมไปเลย!”
ถึงแม้นายหนิวจะได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นแล้ว แต่มันเป็นเพียงการยื้อชีวิตเขาไว้แค่ชั่วคราวเท่านั้น เขายังต้องถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษาต่อไป
แพทย์ฉุกเฉินหลายคนรีบวิ่งเข้าไปในร้านอาหารเพื่อตรวจสอบอาการของนายหนิว
พอทุกคนมองเห็นภาพตรงหน้า แต่ละคนก็มีหน้าซีดเหมือนพบกับปีศาจร้าย แม้แต่คำพูดคำจายังตะกุกตะกัก “คะ… ใครเป็นคนเจาะคอให้เขา?”
ชายวัยกลางคนทั้งสองที่ร่วมโต๊ะอาหารกับชายชราสังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติ ก็รีบถอยหลังออกไปสองสามก้าว ชี้ไปที่ฟางจั๋วหรานพร้อมกัน “เขาเป็นคนเจาะคอครับ”
การกระทำของพวกเขาแสดงออกให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับเขา
ลูกค้าคนอื่น ๆ จึงหันมองไปทางฟางจั๋วหรานด้วยความเห็นอกเห็นใจ
เพื่อนสนิทของฟางจั๋วหรานระเบิดอารมณ์โกรธออกมาทันที “ถ้าพวกคุณไม่ร้องขอให้เขาช่วยชีวิตคุณลุงคนนี้ เขาจะยอมเสี่ยงผ่าตัดเจาะคอไหม? ช่วยก็ช่วยแล้ว พอมีอะไรเกิดขึ้น พวกคุณกลับโยนความรับผิดชอบให้เขาฝ่ายเดียว ยังมีความเป็นคนกันอยู่หรือเปล่า!”
ชายวัยกลางคนทั้งสองถูกตำหนิแต่กลับไม่รู้สึกละอายใจ หวังแค่ให้ตัวเองรอดพ้นจากเหตุการณ์นี้
หลินม่ายก็โกรธมากไม่แพ้เขา
เธอกลัวว่าการปฐมพยาบาลอาจเกิดข้อผิดพลาด จึงยื่นคำขาดให้ชายวัยกลางคนทั้งสองร่างเอกสารแสดงความรับผิดชอบ
แต่ฟางจั๋วหรานกลับไม่ให้ความร่วมมือ แถมยังยืนกรานว่าจะทำการผ่าตัด ตอนนี้พอชายชราปลอดภัย สองคนนี้กลับผลักความรับผิดชอบไปให้เขา
ถึงอย่างนั้นจะโทษเขาก็ไม่ได้เสียทีเดียว เขาทำลงไปเพราะจรรยาบรรณในฐานะแพทย์
อาจกล่าวได้ว่า พวกเขาเป็นมนุษย์ที่โหดร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานเสียอีก ผู้ชายสองคนนี้คงโยนความผิดให้คนอื่นจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว
แพทย์ฉุกเฉินทั้งหมดล้วนมาจากโรงพยาบาลผู้จี้ พวกเขาจึงจำฟางจั๋วหรานได้ในทันที
ทุกคนต่างแสดงสีหน้าคุ้นเคย “ที่แท้คุณหมอฟางก็เป็นคนผ่าตัดให้เขานี่เอง ไม่น่าแปลกใจเลย!”
ถึงการผ่าตัดเปิดหลอดลมจะเป็นแค่การผ่าตัดเล็กทั่วไป แต่การที่เขาทำการผ่าตัดโดยใช้อุปกรณ์ใกล้ตัวอย่างมีดปอกผลไม้ และไม่มีอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่น ๆ ก็ทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจมาก
ฟางจั๋วหรานถามแพทย์ฉุกเฉิน “คุณลุงคนนี้พ้นขีดอันตรายแล้วใช่ไหม”
แพทย์ฉุกเฉินตอบกลับทันที “คุณหมอฟางลงมือผ่าตัดด้วยตัวเองแบบนี้ เขาจะไม่พ้นขีดอันตรายได้ยังไง!”
เพื่อนสนิทของเขาได้ยินแล้วก็โล่งอก เฝ้าดูแพทย์ฉุกเฉินช่วยกันยกร่างของนายหนิวขึ้นรถพยาบาลด้วยเปลสนาม
นอกเหนือจากชายวัยกลางคนสองคนนั้นแล้ว ทุกคนต่างโล่งใจที่ฟางจั๋วหรานรอดพ้นจากข้อครหา
โดยเฉพาะเพื่อนสนิทของเขา ที่เอาแต่จับมือฟางจั๋วหรานไม่ยอมปล่อยพลางพูดขอบคุณซ้ำ ๆ
ฟางจั๋วหรานพูดติดตลก “อย่าเอาแต่ขอบคุณฉันปากเปล่าเลยน่า ไปหาเมนูที่ราคาไม่แพงมากมาเสิร์ฟให้โต๊ะเราเพิ่มเถอะ”
เพื่อนสนิทของเขาตอบรับอย่างง่ายดาย ยกอาหารจานใหญ่หลายจานมาเสิร์ฟให้ทันที
เมื่อทั้งสองกลับมาที่ร้านหลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว หลี่หมิงเฉิงก็วิ่งไปหาเธอด้วยสีหน้ายินดี “ม่ายจื่อ แม่กับพี่สาวของเธอเพิ่งมาหาที่ร้านแหนะ!”
หลินม่ายถามอย่างไม่เข้าใจ “ทำไมนายถึงได้ดูดีใจนักพอรู้ว่าแม่กับพี่สาวฉันมาที่นี่? นายแปรพักตร์ไปอยู่ฝั่งพวกหล่อนแล้วเหรอ?”
หลี่หมิงเฉิงถึงกับพูดไม่ออก “ต่อให้ประตูจะหนีบคอฉันอยู่ก็เถอะ ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางย้ายไปอยู่ฝั่งเดียวกับแม่และพี่สาวเธอแน่ ที่ฉันดีใจ ก็เพราะถึงแม้พวกหล่อนมาที่นี่ก็จริง แต่พวกหล่อนไม่ได้มาที่ร้านใหม่ ไปที่ร้านของเฮ่อเชิ่งต่างหาก ทันทีที่มาถึงก็จัดการพังข้าวของในร้านซะยับเยิน เฮ่อเชิ่งเลยสั่งให้พนักงานในร้านจับพวกหล่อนมัดไว้ แล้วส่งตัวไปที่สถานีตำรวจ คราวนี้แหละแม่กับพี่สาวของเธอโดนจับเข้าคุกแน่ ฮ่าๆๆ!”
ว่าแล้วหลี่หมิงเฉิงก็หัวเราะงอหงาย
ซุนกุ้ยเซียงกับลูกสาวของหล่อนไปที่ร้านอาหารของเฮ่อเชิ่งแล้วลงมือพังร้านของเขาโดยไม่สนสี่สนแปด เป็นเพราะหลินเพ่ยเป็นคนยุยง
ครั้งสุดท้ายที่หลินเพ่ยเจอหน้าหลินม่ายคือตอนที่หล่อนมาสมัครงาน จนกระทั่งรู้ว่าเจ้าของร้านที่แท้จริงคือหลินม่ายถึงได้เตลิดหนีไป
หลังจากนั้นหล่อนก็ทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็ก พยายามยั่วยวนนายผู้ชาย หวังจะได้ชุบตัวและตั้งหลักอาศัยอยู่ในเมือง
แต่หล่อนมีรูปร่างหน้าตาธรรมดา ก่อนหน้านี้หล่อนอาจจะเคยแกล้งทำตัวไร้เดียงสาดึงดูดความสนใจจากเด็กหนุ่มทั่วไปได้ แต่ชายหนุ่มที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วกลับไม่หลงกลหล่อนง่าย ๆ
หล่อนประสบความล้มเหลวในการพยายามยั่วยวนเขา จนถูกพนักงานต้อนรับจับได้ หล่อนถูกตบตีและขับไล่ออกจากบ้าน
หลินเพ่ยเดินเตร่ไปตามถนนเหมือนสุนัขจรจัด
พอเห็นหญิงขายบริการยืนอยู่ตามริมถนนบ้าง ตามไซต์งานก่อสร้างบ้าง หรือแม้แต่ใต้สะพาน หล่อนก็นึกอยากทำอาชีพนี้ขึ้นมา
ตัวหล่อนห่างไกลจากการเป็นสาวบริสุทธิ์มาตั้งนานแล้ว ดังนั้นจึงไม่รังเกียจที่จะผันตัวเป็นโสเภณี
แค่นอนอ้าขาก็ได้เงินแล้ว สบายจะตายไป!
ยิ่งไปกว่านั้น ในเจียงเฉิงไม่มีใครรู้จักตัวตนจริง ๆ ของหล่อนเสียหน่อย พอเป็นแบบนี้หล่อนก็จะเอาเรือนร่างแลกเงินไปพร้อม ๆ กับการจับเด็กหนุ่มมีฐานะไปพร้อมกันได้
แต่ปัญหาก็คือ ช่วงนี้ตำรวจค่อนข้างกวดขันในการปราบปรามอาชญากรรมทางเพศ
หล่อนกลัวว่าตัวเองอาจพลาดท่าจนโดนจับกุมในข้อหากระทำการอนาจาร จนถูกตัดสินโทษยิงเป้า แบบนั้นชีวิตหล่อนคงถึงคราวจบสิ้นของจริง
ท้ายที่สุดจึงตัดสินใจไม่เบนเข็มไปทำอาชีพดังกล่าว
ท่ามกลางความสิ้นหวัง หลินเพ่ยจำต้องขึ้นรถไฟกลับบ้านโดยเลี่ยงไม่จ่ายค่าตั๋วโดยสาร
หลินเจี้ยนกั๋วเห็นว่าลูกสาวขโมยเงินเก็บที่มีอยู่เพียงเล็กน้อยของครอบครัวไปแล้วยังมีหน้ากลับมา เลยคว้าไม้เรียวออกมาหวังฟาดหล่อนให้ตาย
หลินเพ่ยรีบเล่าให้พ่อแม่ฟังเกี่ยวกับชีวิตในตัวเมืองของหลินม่าย แถมยังบอกด้วยว่าเธอเป็นถึงเจ้าของร้านอาหาร ยุยงให้พวกเขาไปตามขอเงินจากหลินม่าย
ถ้านังน้องสาวตัวดีไม่ยอมให้เงิน ก็ทุบร้านของเธอให้พังราบกันไปข้าง
ซุนกุ้ยเซียงอยากขูดรีดเงินก้อนโตจากหลินม่ายมานานแล้ว พอได้ยินแบบนั้นก็ตาลุกวาว รีบติดตามหลินเพ่ยเข้าไปในเมืองอย่างไม่รอช้า
ตอนนั้นหลินเพ่ยยังไม่รู้ว่าหลินม่ายย้ายร้านไปเปิดที่ใหม่แล้ว จึงพาซุนกุ้ยเซียงตรงดิ่งไปที่ร้านอาหารว่างของเฮ่อเชิ่งโดยไม่ลังเล
ร้านของเฮ่อเชิ่งเพิ่งเปิดกิจการได้ไม่นาน ทั้งยังมีโปรโมชั่นเรียกลูกค้า ธุรกิจจึงดำเนินไปอย่างคึกคัก
พอซุนกุ้ยเซียงเห็นแบบนั้นก็โกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
หล่อนทำงานสายตัวแทบขาดเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูนังสารเลวนั่น ตอนนี้อีกฝ่ายหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำ แต่กลับไม่ส่งเสียเลี้ยงดูตัวเองสักหยวน
หล่อนหันไปคว้าเก้าอี้มาตัวหนึ่ง จากนั้นก็ระดมทุบข้าวของในร้านทันที ปากก็ร้องตะโกนให้หลินม่ายออกมาจากร้านซะ ขู่ว่าจะพังร้านของเธอให้ราบ ส่วนหลินเพ่ยก็ไม่ได้ห้ามปราม
ซุนกุ้ยเซียงลงมือทุบร้านเพียงคนเดียว หลินเพ่ยไม่ได้หยิบจับทำอะไร
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงจับกุมแค่ซุนกุ้ยเซียง ส่วนหลินเพ่ยรอดตัวอย่างฉิวเฉียด
หล่อนขอเงินก้อนโตจากหลินม่ายไม่สำเร็จ ซุนกุ้ยเซียงก็มาโดนจับเข้าคุกไปอีกคน ผู้เป็นแม่ถูกปล่อยตัวออกมาเมื่อไรคงตบตีหล่อนจนตายคามือแน่ หลินเพ่ยจึงคิดว่าตัวเองควรหนีไปให้ไกล
แต่หล่อนไม่มีเงินติดตัวเลย แล้วจะหนีไปไหนได้!
หล่อนต้องตามหาที่อยู่ใหม่ของนังน้องสาวตัวดีให้เจอ จะได้ขอเงินจากอีกฝ่าย
หลินเพ่ยตั้งเป้าหมายแล้วก็ตรงกลับไปที่ร้านอาหารของเฮ่อเชิ่ง เล่นหูเล่นตากับพนักงานผู้ชายสองสามคนในร้าน โดยหวังว่าพวกเขาจะปริปากให้เบาะแสบางอย่างเกี่ยวกับหลินม่าย
ตอนที่หลินเพ่ยกับซุนกุ้ยเซียงเข้ามาสร้างปัญหา พนักงานชายเหล่านั้นต่างก็เห็นเหตุการณ์กับตาตัวเอง
ใครบ้างไม่รู้วีรกรรมของหล่อน ใครบ้างจะหลงเสน่ห์หล่อนง่าย ๆ?
ไม่ใช่แค่พวกเขาไม่หลงกลหล่อนเท่านั้น แต่ยังเกือบจับตัวหล่อนส่งสถานีตำรวจอีกรอบ
หลินเพ่ยตกใจมากจนต้องวิ่งหนี แต่ในขณะนั้นเอง ป้าหูกลับก้าวออกมาขวางหน้าหล่อนไว้
ตอนที่หลินเพ่ยกับแม่ของหล่อนมาที่ร้านของเฮ่อเชิ่งแล้วลงมือพังร้านอย่างเอาเป็นเอาตาย ป้าหูเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดตั้งแต่ต้น
แต่ป้าหูไม่รู้ว่าพวกหล่อนมาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาให้กับหลินม่าย ไม่รู้ว่าพวกหล่อนกำลังพังผิดร้าน กลับสนับสนุนให้พังร้านของเฮ่อเชิ่ง
ป้าหูพยายามเอาใจช่วยอยู่ห่าง ๆ โดยหวังว่าหลินเพ่ยกับแม่ของหล่อนจะสามารถพังร้านของเฮ่อเชิ่งจนเขาไม่สามารถเปิดกิจการต่อได้ เพื่อระบายความแค้นแทนตัวเอง
น่าเสียดายที่สองแม่ลูกทำไม่สำเร็จตามที่คาดหวัง หนำซ้ำยังโดนเฮ่อเชิ่งจัดการ
เมื่อได้ยินหลินเพ่ยถามพนักงานชายในร้านของเฮ่อเชิ่งถึงที่อยู่ใหม่ของหลินม่าย ป้าหูถึงได้รู้ว่าที่แท้สองแม่ลูกมาสร้างปัญหาผิดร้าน
หล่อนรู้ที่อยู่ใหม่ของหลินม่าย และต้องการแก้แค้นอีกฝ่ายอยู่พอดี
ดังนั้นป้าหูจึงออกไปยืนขวางทางหลินเพ่ย ตั้งใจว่าจะบอกที่ตั้งร้านใหม่ของหลินม่าย ตราบใดที่หลินม่ายประสบปัญหา หล่อนย่อมมีความสุขอย่างไม่ต้องสงสัย
พอหลินเพ่ยเห็นป้าหูก้าวออกมายืนขวางทางตัวเองก็รู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่ไม่กล้าร้องเอะอะโวยวาย วางแผนว่าจะเดินเลี่ยงไปอีกทางหนึ่ง
ป้าหูหยุดหล่อนไว้ “สาวน้อย เธอไม่อยากรู้ที่อยู่ใหม่ของหลินม่ายแล้วเหรอ?”
หลินเพ่ยหยุดชะงักฝีเท้าทันที “ป้ารู้เหรอว่าหล่อนอยู่ที่ไหน?”
“รู้สิ!” ป้าหูยกมือขึ้น ชี้ไปยังแผ่นป้ายสีสันสะดุดตาของร้านเปาห่าวซือ กับร้านเซาเข่าเหรินเจียนเยียนหั่วที่อยู่บนถนนฝั่งตรงข้าม “สองร้านนี้เป็นร้านของหลินม่ายทั้งหมด ส่วนหล่อนน่ะพักอยู่บนตึกชั้นสาม” พูดจบแล้วก็เดินจากไป
ป้าหูเข้าหาหลินเพ่ยเพื่อจุดไฟ ไม่ใช่เพราะต้องการจุดไฟเผาตัวเอง เลยไม่กล้าพูดอะไรไปมากกว่านี้
หลินเพ่ยนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เดินข้ามถนนไปยังอาคารฝั่งตรงข้าม ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดเพื่อสังเกตการณ์เป็นเวลานาน
นอกจากนี้ หล่อนพยายามสอบถามจากผู้คนในละแวกใกล้เคียงอย่างลับ ๆ จนแน่ใจว่าป้าหูไม่ได้โกหก ร้านอาหารทั้งสองเป็นของนังหลินม่ายจริง ๆ รู้ด้วยว่าเป็นกิจการที่เธอลงทุนซื้อไม่ใช่แค่เช่า ในที่สุดจึงรวบรวมความกล้าแล้วเดินเข้าไปในร้าน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
มาถึงก็พังผิดร้านเลย น่าจะโดนขังคุกยาวๆ ไปเลยนะคะจะได้ไม่สร้างปัญหาให้ม่ายจื่ออีก
ไหหม่า(海馬)