CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

แม่ปากร้ายยุค​ 80 - ตอนที่ 31 ข้าวเที่ยงหนึ่งมื้อ

  1. Home
  2. แม่ปากร้ายยุค​ 80
  3. ตอนที่ 31 ข้าวเที่ยงหนึ่งมื้อ
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ตอนที่ 31 ข้าวเที่ยงหนึ่งมื้อ

มีคุณปู่ฟางช่วยรับซื้อมันเทศและสินค้าเกษตรอยู่ หลินม่ายจึงเตรียมตัวกลับเมือง

สองแม่ลูกเถียหนิวไม่ชำนาญการค้าขาย เธอจึงไม่วางใจ รีบกลับไปขายเกาลัดต่อ ถือโอกาสทำเงินให้ได้มากที่สุดก่อนปีใหม่

เธอยังไม่ทันได้กล่าวลา คุณย่าฟางเอ่ยกับเธอด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวัง “ม่ายจื่อ ปีใหม่นี้พาโต้วโต้วกลับมาฉลองที่บ้านนะ”

สาเหตุที่หลินม่ายต้องซื้อมันเทศถึงสองพันชั่ง เพราะตั้งใจว่าในช่วงปีใหม่จะเหลือไว้ทำขนมฉาวเมี่ยนวอมาขายในเมือง

การกลับชาติมาเกิดใหม่ครั้งนี้ เธอไม่ได้คิดเรื่องอื่น คิดแต่จะหาเงินให้ได้เยอะ ๆ ให้ตัวเองและโต้วโต้วได้มีชีวิตที่ดี

แต่เมื่อเห็นสายตาที่ดูกระตือรือร้นของคุณย่าฟาง ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ ได้แต่พยักหน้าตอบรับ

คุณย่าฟางคลี่ยิ้มทันใด

หลินม่ายยังสองจิตสองใจ เพราะอยากกลับไปขายของในเมืองโดยเร็ว

คุณย่าฟางจึงต้องตัดใจ “แม้จะบอกว่าการค้าขายเป็นเรื่องสำคัญ แต่ก็ไม่น่ารีบร้อนขนาดนั้น รถไฟขบวนแรกมาถึงสถานีฮั่นโขวเวลาเที่ยงตรง เธอยากไปตอนนี้ก็คงไปไม่ได้ ย่าจะไปซื้อปลา หั่นเนื้อ เตรียมอาหารให้เธอกินก่อนออกเดินทาง ดูเธอตอนนี้สิ ผ่ายผอมเหลือแต่เนื้อหุ้มกระดูกแล้ว” กล่าวจบ ก็หยิบตะกร้าออกไป

หลินม่ายอยากบอกว่าเธอนั่งรถประจำทางกลับเมือง แต่ก็ไม่ได้พูด

รอจนคุณย่าฟางซื้อวัตถุดิบกลับมา หลินม่ายจึงได้แต่พับแขนเสื้อ แล้วลงมือทำอาหาร

ปลาเฉาที่มีน้ำหนักตัวถึงสองชั่งเป็นปลาที่เธอกินได้ถึงสองเมนู หัวปลาและเครื่องในทำเป็นซุปหัวปลาใส่เต้าหู้

ตัวปลาหั่นเป็นชิ้นนำมาทอดน้ำแดง จากนั้นก็เติมผักดองลงไปผัดเข้าด้วยกัน นี่คือทักษะการทำอาหารแบบง่าย ๆ

นำเนื้อส่วนหางจำนวนหนึ่งชั่งมาสับละเอียดจนนุ่มละมุนลิ้นละลายในปาก

เมื่อกินอาหารไปแล้วสองสามอย่างสองปู่ย่าก็ถึงกับชมไม่ขาดปาก

ขณะที่สองปู่ย่ากำลังอิ่มหนำสำราญกับมื้ออาหารนั้น พวกเขาพยายามให้หลินม่ายกินเยอะ ๆ ซึ่งนั้นทำให้เธอรู้สึกผิดในใจมากหลายเท่า

อาวุโสทั้งสองท่านเห็นเธอเป็นเหมือนหลานสาวคนหนึ่ง กลับมาครั้งนี้เธอกลับไม่ได้ซื้ออะไรมาฝากพวกเขา

หลินม่ายจึงรีบกินมื้อเที่ยง จากนั้นก็ตรงขึ้นรถไฟทันที

เมื่อลงจากรถไฟที่สถานีฮั่นโขว หลินม่ายก็ถือโอกาสไปเยี่ยมเยือนแม่เฒ่าผาง

กระทั่งเห็นนางกำลังขายข้าวเหนียวห่อปาท่องโก๋อยู่หน้าบ้านของตัวเองจากที่ไกล ๆ แม้ว่ากิจการค้าขายจะยังไม่ดีมากนัก แต่ก็ไม่ได้แย่ มีคนเข้าไปซื้ออย่างต่อเนื่อง

ลูกชายและลูกสะใภ้ของหญิงหน้าไหว้หลังหลอกสกุลอู๋หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว แต่กลับมีใบหน้าที่คุ้นเคยสองสามคนออกมาตั้งขายเกาลัดและสินค้าตัวอื่น

หลินม่ายไม่ค่อยคุ้นหน้าพวกชาวบ้านที่อยู่ใกล้เมืองซื่อเหม่ยเหล่านั้นมากนัก ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้เดินเข้าไปทักทาย แต่ตรงมาหาแม่เฒ่าผางพลางเรียกขานนางว่าคุณย่า

แม่เฒ่าผางเงยหน้าขึ้นกระทั่งเห็นเธอ ก็พาลดีใจเสียยกใหญ่

ถึงขั้นจะทำข้าวเหนียวห่อปาท่องโก๋ให้เธอกิน แต่ถูกหลินม่ายปฏิเสธ บอกว่าเธอกินมื้อเที่ยงมาแล้ว แม่เฒ่าผางจึงต้องถอดใจ

หลินม่ายเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “กิจการไม่ดีเหรอ?”

แม่เฒ่าผางเอ่ยด้วยสีหน้าพึงพอใจ “ก็พอขายได้อย่างน้อยวันละห้าหยวน สำหรับหญิงแก่อย่างฉันแค่นี้นับว่าไม่เลวแล้ว”

แม้นางจะเป็นคนเก่าคนแก่ของเมืองเจียงเฉิง แต่ก็ไม่มีงานทำ ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีเงินเกษียณรองรับ

แก่ตัวก็ต้องอาศัยลูก ๆ ดูแล กลายเป็นภาระของลูก ๆ ทำให้รู้สึกหดหู่ใจมาตลอด

ตอนนี้อาชีพแม่ค้าขายข้าวเหนียวห่อปาท่องโก๋ไม่เพียงแต่จะหาเลี้ยงตัวเองได้ ยังหาเงินได้มากกว่าลูกชายและลูกสะใภ้อีกด้วย ได้ยืดเส้นยืดสายอยู่ในบ้านบ้างก็ดี

หลินม่ายพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “งั้นก็ดีค่ะ”

จากนั้นก็คุยถึงหญิงหน้าไหว้หลังหลอกคนนั้นว่าทำไมถึงไม่มาขายเกาลัดแล้ว

แม่เฒ่าผางจึงเอ่ยด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “จะมาได้ยังไง ตราบใดที่พวกเขามาเปิดแผงตั้งขาย จะมีนักศึกษาที่ยืนอยู่หน้าแผงขายของพวกเขาเข้ามาโน้มน้าวลูกค้าให้กลับไปทันที พวกเขาจะขายต่อไปได้ยังไง ทำได้แค่ต้องเก็บร้านไป!”

หลินม่ายอึ้งงันไปครู่หนึ่ง เธอคาดไม่ถึงว่าฟางจั๋วหรานจะออกหน้าอย่างร้ายกาจขนาดนี้เพื่อเธอ ใช้วิธีการนี้มาบีบบังคับจนหญิงหน้าไหว้หลังหลอกหนีกระเจิง

เมื่อนำวิธีการของตัวเองมาเทียบกับวิธีการของเขา นับว่าวิธีของเธออ่อนประสิทธิภาพอย่างมาก

ใช่ว่าเธอจะไม่เคยคิดจ้างคนรายงานหลังจากที่ตัวเองจากไป ให้คุณป้าอู๋ไม่สามารถตั้งแผงขายของที่นี่ได้

แต่มันก็หยิกเล็บเจ็บเนื้อ เธอกลัวว่าการทำแบบนี้ นอกจากจะตัดช่องทางหาเงินของหญิงอ้วนข้างบ้านแล้ว หญิงอ้วนคนนั้นอาจจะอาฆาตพยาบาทแม่เฒ่าผางก็ได้

ไม่ว่ายังไง หญิงอ้วนคนนั้นยังพอหาเงินได้เป็นกอบเป็นกำจากหญิงหน้าไหว้หลังหลอกสกุลอู๋คนนั้น

แต่เจ้าตัวถูกนักศึกษาขับไล่ หญิงอ้วนต้องมาหาเรื่องแม่เฒ่าผางแน่นอน

หลินม่ายยังไม่วายเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง “คุณป้าบ้านนั้นถูกขับไล่แบบนั้น เพื่อนข้างบ้านจะมาหาเรื่องคุณยายไหมคะ?”

แม่เฒ่าผางเอ่ยอย่างดูถูก “หล่อนจะมีสิทธิ์อะไรมาหาเรื่องฉันเล่า ฉันไม่กลัวหล่อนหรอก ลูก ๆ ของฉันเยอะ หล่อนไม่กล้ามาหาเรื่องฉันหรอก”

หลินม่ายจึงวางใจ จากนั้นพูดคุยอีกเล็กน้อยแล้วกลับไป

เธอตรงไปยังห้างสรรพสินค้าเมืองเจียงเฉิงที่อยู่ไม่ไกลนัก ตั้งใจจะซื้อของขวัญ กระทั่งช่วงบ่ายคุณปู่ฟางกลับมาถึงจะฝากเขากลับไป

ห้างสรรพสินค้าเจียงเฉิงเป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเจียงเฉิง และมีของแพงที่สุดด้วย สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลูกต้าต่างหลั่งไหลกันมายอย่างไม่ขาดสาย

ตอนนี้เป็นแบบนี้ อีกยี่สิบหรือยี่สิบเอ็ดปีข้างหน้าก็ยังคงเป็นเช่นนี้ พูดได้ว่านครแห่งนี้ไม่มีทางขาดแคลนเศรษฐีมีเงินแน่นอน

หลินม่ายกำลังมองหาอาหารบำรุง

อาหารบำรุงในยุคสมัยนี้หนีไม่พ้นนมผง น้ำผึ้ง ลำไย เม็ดบัว และนมมอลต์

นอกจากนมผงและน้ำผึ้งที่ต้องซื้อด้วยคูปองอาหารแล้ว นอกนั้นไม่จำเป็นต้องใช้คูปอง แต่ราคาแพงจนน่าตกใจ

หลินม่ายอยากซื้อแค่นมผงและน้ำผึ้ง ของเหล่านี้เหมาะกับอาวุโสทั้งสองท่าน

แต่เธอไม่มีคูปองอาหาร จึงต้องเสียเวลาไปตลาดมืดอีกครั้ง แถมเธอยังต้องรีบกลับไปขายของอีกด้วย

กระทั่งนึกถึงบะหมี่แห้งในครั้งที่แล้ว ลูกจ้างหน้าร้านมีคูปองอาหารอยู่ หลินม่ายจึงลองเข้าไปถามพนักงานคนหนึ่ง “พี่สาว พี่มีคูปองอาหารขายบ้างไหมคะ?”

พนักงานหญิงวัยรุ่นในเครื่องแบบคนนั้นมองเธอด้วยสายตาเหยียดหยามตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าราวกับตนเป็นเจ้าหญิงผู้สูงส่ง ก่อนจะจีบปากจีบคอตอบกลับไป “ใบละหนึ่งหยวน เธอจะซื้อไหม?”

หลินม่ายมีน้ำโหอยู่ในใจ แต่ใบหน้ากลับไม่ได้แสดงสีหน้าใด “ซื้อได้ค่ะ พี่มีกี่ใบล่ะ?”

พนักงานขายคนนั้นไม่พูด แต่มองเธอด้วยสายตากึ่งเชื่อกึ่งสงสัย

หลินม่ายแสดงสีหน้าเป็นกังวล “แม่ของฉันป่วยหนัก อยากดื่มนมและน้ำผึ้ง แต่ฉันเป็นแค่เด็กบ้านนอกคนหนึ่ง ไม่มีคูปองอาหารซื้อของพวกนี้ พี่สาวช่วยขายคูปองให้ฉันเถอะค่ะ”

พนักงานขายคนนั้นยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูด้วยเสียงต่ำ “ฉันมีสิบใบ เธอจะเอาหมดเลยไหม?”

“ฉันมีเงิน ซื้อได้ค่ะ” หลินม่ายหยิบธนบัตรสองใบจากในกระเป๋าออกมาแสดง “ฉันขอถามอะไรสักหน่อย คูปองอาหารสิบใบนี้พอซื้อนมผงสองกระป๋องและน้ำผึ้งสองขวดได้ไหมคะ?”

เมื่อพนักงานขายคนนั้นเห็นธนบัตรสองใบในมือของเธอ ดวงตาก็พลันลุกวาวเหมือนกับหลอดไฟในทันที

คูปองอาหารในตลาดมืดถูกขายอยู่ที่สามเหมาต่อหนึ่งใบ ของหล่อนแพงกว่าอยู่ที่ห้าเหมาต่อหนึ่งใบ

แต่เมื่อเห็นหลินม่ายแต่งตัวไร้ราศี หน้าตาสกปรกมอมแมม ทันทีที่เห็นก็คิดว่าเป็นชาวบ้านธรรมดา ก็ตัดสินไปว่าเธอคงซื้อไม่ได้

ดังนั้นจึงตั้งใจเสนอราคาใบละหนึ่งหยวน คิดจะหลอกให้เธอถอดใจ

แต่กลับคาดไม่ถึงว่าชาวบ้านคนนี้จะมีเงินมากมายขนาดนั้น ถึงขั้นล้วงหยิบธนบัตรสองใบออกมาจากกระเป๋า

แล้วรีบเอ่ยว่า “นมผงหยางจื่อเจียงในปริมาณหนึ่งชั่งต้องใช้คูปองอาหารถึงสามใบ น้ำผึ้งหนึ่งขวดต้องใช้คูปองอาหารสองใบ คูปองอาหารสิบใบซื้อนมผงได้สองกระป๋องบวกกับน้ำผึ้งอีกสองขวดได้พอดี”

หลินม่ายยื่นธนบัตรใบหนึ่งให้หล่อน “งั้นพี่สาวขายมันให้ฉันเถอะ”

พนักงานคนนั้นมองซ้ายแลขวา จากนั้นก็ลากเธอเดินเข้ามุม ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำว่า “เรื่องแบบนี้จะทำโจ่งแจ้งได้ยังไงเล่า?”

กล่าวจบก็ยื่นมือออกไปคว้าธนบัตรใบนั้นในมือของเธอ แต่กลับคาดไม่ถึงว่าหลินม่ายจะดึงกลับ

เด็กสาวบ้านนอกนั้นขี้ขลาด ขี้ระแวง กลัวโดนหลอก อนุมานให้เหมือนกับความจริงทุกอย่าง “พี่สาวเอาคูปองให้ฉันก่อนสิ”

พนักงานคนนั้นไม่ยอม “เรามายื่นหมูยื่นแมวกัน”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

พี่หมอร้ายกาจ ตัดหนทางทำกินของป้าอู๋คนนั้นได้โหดร้ายมาก

ม่ายจื่อจะได้คูปองในราคาสมน้ำสมเนื้อไหม

ไหหม่า(海馬)

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 31 ข้าวเที่ยงหนึ่งมื้อ"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์