CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

แม่ปากร้ายยุค​ 80 - ตอนที่ 391 เลื่อนตำแหน่งเหรินเป่าจู

  1. Home
  2. แม่ปากร้ายยุค​ 80
  3. ตอนที่ 391 เลื่อนตำแหน่งเหรินเป่าจู
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ตอนที่ 391 เลื่อนตำแหน่งเหรินเป่าจู

หลินม่ายตกตะลึง

ไหนตอนแรกบอกว่าเชิญนักข่าวจากสำนักหนังสือพิมพ์มาอย่างไรล่ะ ทำไมถึงได้กลายเป็นนักข่าวจากสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นไปได้

นี่ถือเป็นการกดดันให้เธอขยายธุรกิจร้านไป๋เหอโถวซื่อหรือเปล่าเนี่ย?

แต่ในยุคนี้ ระดับความสามารถในการบริโภคของประชาชนทั่วไปยังอยู่ในระดับต่ำ คนทั่วไปจะยอมควักเงินซื้อหมวกที่มีราคาแพงเกินความจำเป็นได้อย่างไร?

ผอ.เขตฆ่าเธอทางอ้อมชัด ๆ!

ถึงอย่างนั้นหลินม่ายก็ยังรักษาท่าทางนิ่งสงบ เข้าไปทักทายเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ผอ.เขตโอวหยางมาถึงแล้ว ยินดีต้อนรับค่ะ”

ผอ.เขตโอวหยางยิ้มรับด้วยความเต็มใจ ชี้ไปทางนักข่าวและช่างภาพพลางพูดว่า “คุณคือผู้ประกอบการเอกชนรายแรกในเมืองเรา อาจเป็นรายแรกของมณฑลด้วยซ้ำที่รับสมัครผู้พิการเข้าทำงาน คนดี งานดี รูปแบบสินค้าดี ผมเลยถือโอกาสเชิญสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นมาสัมภาษณ์คุณ ไม่ได้มีความหมายอื่นใดแอบแฝงเลย แค่ต้องการส่งเสริมคนที่คิดดีทำดีแบบคุณเท่านั้น หวังว่าคุณคงเข้าใจ”

หลินม่ายรีบตอบกลับ “ผอ.โอวหยางคะ ฉันยังไม่ใช่ผู้ประกอบการเอกชน เป็นแค่ผู้ประกอบการอิสระธรรมดา ๆ เท่านั้น ฉันแค่อยากช่วยเหลือผู้พิการให้มีรายได้ จึงถือโอกาสจ้างงานพวกเขาเสียเลย ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขอบคุณความกรุณาจากคุณด้วย ถ้าไม่ได้รับการแนะนำจากคุณ ฉันคงไม่มีทางตระหนักถึงเรื่องแบบนี้ด้วยตัวเองแน่ค่ะ!”

การที่ผอ.เขตโอวหยางพานักข่าวและช่างภาพจากสถานีโทรทัศน์มาสัมภาษณ์หลินม่าย โดยผิวเผินอาจดูเหมือนต้องการยกย่องชมเชยหลินม่าย แต่แท้จริงแล้วเป็นการแสดงความสำเร็จทางการเมืองของเขาต่างหาก

แต่หลินม่ายกลับไม่ละโมบยึดเครดิตไว้คนเดียว แถมยังยกเครดิตทั้งหมดให้กับผอ.เขตโอวหยาง ซึ่งนี่ทำให้ผอ.เขตโอวหยางได้หน้าจนหน้าบาน

นักข่าวยื่นไมโครโฟนสีดำไปจ่อใต้คางของหลินม่าย “คำแนะนำจากท่านผอ.เขตโอวหยางมีอิทธิพลอย่างไรต่อคุณบ้างคะ?”

หลินม่ายเรียบเรียงบทสัมภาษณ์ให้สั้นกระชับ เนื้อหาส่วนใหญ่ไปในทางยกยอผอ.เขตโอวหยาง ยิ่งพูดเลือดลมแห่งความภาคภูมิใจของเขาก็ยิ่งเดือดพล่าน

หลังจากนักข่าวสัมภาษณ์หลินม่ายเสร็จแล้ว ก็หันไมโครโฟนไปสัมภาษณ์ผอ.เขตโอวหยางต่อ

ผอ.เขตโอวหยางเองก็ตอบแทนคำยกยอที่หลินม่ายมอบให้ พูดในเชิงส่งเสริมธุรกิจของเธออย่างเต็มที่

หลังจากนั้นก็มีการตัดริบบิ้น จุดประทัด เชิดมังกรและสิงโต

นักข่าวจากสถานีโทรทัศน์ยังเข้าไปขอสัมภาษณ์หงซิ่วเหมยและพนักงานพิการคนอื่น ๆ ก่อนจะขอตัวจากไปเมื่อได้รับข้อมูลอย่างเพียงพอ

หลินม่ายพาสองสามีภรรยาชราและลูกสาวกลับบ้าน

พวกเขาเพิ่งก้าวเข้าไปในตัวบ้านได้ไม่นาน ฟู่เฉียงก็กลับมาพร้อมกับแม่เสียสติของเขา

หลินม่ายถามด้วยความประหลาดใจ “เธอเพิ่งกลับจากโรงพยาบาลเหรอ?”

ฟู่เฉียงพยักหน้า

หลินม่ายยกมือขึ้นเพื่อดูนาฬิกา “ทำไมถึงได้กลับมาช้าจังล่ะ นี่ก็สิบโมงกว่าแล้ว”

ฟู่เฉียงอธิบาย “ช่วงเช้าคุณหมอออกเอกสารตรวจร่างกายให้พ่อหลายรายการเลยครับ ผมต้องพาพ่อไปตรวจ ใช้เวลาหลายชั่วโมงกว่าจะเสร็จ”

หลินม่ายถามด้วยความเป็นห่วง “แล้วเธอกับแม่กินข้าวมื้อเช้าแล้วหรือยัง?”

จากนั้นก็หันไปบอกโต้วโต้วว่า “ลงไปที่ร้านเปาห่าวซือให้แม่หน่อย สั่งซาลาเปานึ่งมาสองสามเข่งให้พี่ฟู่เฉียงกับคุณป้ากิน”

โต้วโต้วตอบรับอย่างแข็งขัน ตั้งท่าจะเดินลงไปชั้นล่างเพื่อสั่งซาลาเปา

ฟู่เฉียงดึงแขนเธอไว้แล้วหันไปพูดกับหลินม่าย “จวนเที่ยงแล้ว เดี๋ยวผมกับแม่รอกินข้าวมื้อกลางวันที่เดียวเลยก็ได้”

คุณย่าฟางตำหนิ “กว่าจะถึงเวลาอาหารกลางวันก็อีกตั้งสองชั่วโมง เธอทนหิวไหวเรอะ? อย่าลืมว่าแม่ตัวเองป่วย เธอทนหิวไม่ได้แน่ ขืนไม่มีอะไรตกถึงท้องคงคลุ้มคลั่งจนเป็นบ้าแน่ เธอเองก็ต้องดูแลพ่อแม่ จะปล่อยให้ตัวเองอดอยากไม่ได้ ถ้าเธอหิวจนล้มป่วยขึ้นมา แล้วใครจะรับช่วงดูแลพ่อแม่ของเธอ ไม่เห็นเหรอว่าแต่ละวันม่ายจื่อยุ่งแค่ไหน!”

ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ฟู่เฉียงก็ไม่กล้าปฏิเสธความหวังดีอีก “ถ้าอย่างนั้นโต้วโต้วไม่ต้องลงไปชั้นล่างเพื่อซื้อซาลาเปาก็ได้ ผมต้มบะหมี่สักสองชามก็ได้แล้ว”

หลินม่ายพยักหน้า “ในครัวมีบะหมี่กับไข่อยู่พอดี ส่วนต้นหอมกับผักชีอยู่ในตู้เย็น เธอจัดการเองก็แล้วกันนะ เดี๋ยวฉันยังต้องออกไปข้างนอกอีก”

คุณย่าฟางรีบไล่ “ไปเถอะ เดี๋ยวเที่ยงนี้ฉันจะทำกับข้าวเอง ไม่ต้องรีบกลับนัก”

หลินม่ายหยิบหมวกบังแดดมาสวม แล้วออกไปที่โรงงานตัดเสื้อ Unique ท่ามกลางแสงแดดที่แผดจ้า

ถึงโรงงานตัดเสื้อ Unique จะอยู่ใกล้ ๆ กับบ้านของเธอแค่ประมาณยี่สิบนาที แต่ถ้ามีจักรยานสักคันในการเดินทาง คงช่วยประหยัดกำลังและเวลาไปได้มาก

หลินม่ายคิดว่าจะไปขอคูปองอุตสาหกรรมจากฟางจั๋วหรานสักสองสามใบ แล้วเอาไปซื้อจักรยานสักคันให้ตัวเอง

เมื่อมาถึงโรงงานตัดเสื้อ Unique เธอก็เรียกเถาจืออวิ๋นให้มาคุยกันที่สำนักงาน เพื่อที่จะถามว่าเหรินเป่าจูมีความสามารถขนาดไหน

เถาจืออวิ๋นตอบว่า “ฉันว่าจะเล่าให้เธอฟังตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่เธอรีบร้อนออกไปซะก่อน เลยไม่มีเวลาได้คุยกัน”

หลินม่ายถาม “เรื่องที่จะเล่าเกี่ยวกับหล่อนด้วยเหรอ?”

“ฉันแค่อยากเล่าให้ฟังว่าหล่อนเป็นคนที่จัดการเรื่องต่าง ๆ ได้ดีมาก” เถาจืออวิ๋นบอก “เธอคงไม่ทันสังเกตเห็นวัสดุที่โรงงานของเราใช้ทำยางรัดผม กิ๊บติดผม และที่คาดผมสินะ วัสดุที่มีคุณภาพดีแถมยังราคาถูกพวกนี้ ได้มาเพราะหล่อนไปเจรจากับผู้ผลิตรายอื่น ในเมื่อหล่อนมีความสามารถในการจัดการถึงขั้นนี้ จะเรียกใช้หล่อนให้มากขึ้นก็ยังได้”

หลินม่ายพยักหน้า “ฉันเองก็วางแผนไว้แบบนั้นเหมือนกัน ฉันอยากเลื่อนตำแหน่งให้หล่อนเป็นรองผู้จัดการโรงงานตัดเสื้อ พี่มีความเห็นว่ายังไงบ้าง?”

ถึงเถาจืออวิ๋นจะไม่ใช่รองผู้จัดการโรงงาน แต่หลินม่ายก็มอบหมายงานให้จนหล่อนเป็นเหมือนรองผู้จัดการไปแล้ว

ด้วยเหตุนี้ แทนที่หลินม่ายจะเลื่อนตำแหน่งหล่อนขึ้นเป็นรองผู้จัดการ กลับคิดจะเลื่อนคนอื่นขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน หลินม่ายจึงกลัวว่าหล่อนอาจคิดเล็กคิดน้อย จึงมาแจ้งให้อีกฝ่ายทราบด้วยตัวเองเพื่อให้เธอรู้สึกดีขึ้น

แต่แน่นอนว่าถ้าเถาจืออวิ๋นคัดค้าน เธอคงไม่ยอมโอนอ่อนผ่อนปรนตามง่าย ๆ แน่

ในฐานะผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจ เธอยินดีรับฟังข้อเสนอแนะจากผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยหัวใจที่เปิดกว้างเสมอ แต่เธอจะไม่ยอมให้ผู้ใต้บังคับบัญชามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของตัวเองโดยเด็ดขาด

ต่อให้เถาจืออวิ๋นไม่เห็นด้วย เธอก็จะพยายามเกลี้ยกล่อมจนได้

ท้ายที่สุดหากการโน้มน้าวใจไม่สำเร็จ ผลลัพธ์การตัดสินใจก็จะยังคงเดิม ไม่ไขว้เขวหรือเปลี่ยนแปลงเพราะเถาจืออวิ๋น

เถาจืออวิ๋นยิ้มร่า “ฉันต้องออกความเห็นด้วยเหรอ? หัวหน้าเหรินเก่งเจรจามากกว่าฉันซะอีก ถือเป็นเรื่องดีเสียอีกที่เธอจะเลื่อนเขาขึ้นเป็นรองผู้จัดการโรงงาน ไฟฉันไม่แรงพอที่จะจัดการโน่นนี่แบบนั้นแล้ว เธอก็รู้นี่ ว่าฉันชอบออกแบบเสื้อผ้ามากกว่า”

หลินม่ายยิ้มออกทันที “ถ้าอย่างนั้น พี่ช่วยเรียกหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการและทุกคนในแผนกบัญชีมาประชุมร่วมกันที่ห้องประชุมทีนะ”

ถึงจะเรียกอย่างหรูหราว่าหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการ แต่บุคลากรที่ว่ามีแค่เถาจืออวิ๋น เหรินเป่าจู และหัวหน้างานอีกคนหนึ่งเท่านั้น

ไม่นาน ทุกคนก็มาถึงห้องประชุม

หลินม่ายขอตรวจสอบรายงานทำบัญชีก่อนเป็นอันดับแรก เห็นว่ายอดขายเสื้อผ้าแบรนด์ Unique เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ยอดขายพุ่งพรวดอย่างรวดเร็ว

หลินม่ายคาดเดาว่าคงเป็นเพราะตรงกับช่วงใกล้เปิดเทอมพอดี

เธอคืนสมุดบัญชีแยกประเภทให้กับทังชุ่นอิง

สีหน้าตึงเครียดของทังชุ่นอิงผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด

หลินม่ายสอบถามความเป็นไปในโรงงานจากหัวหน้าฝ่ายปฏิบัติการทั้งสองคน รวมถึงทังชุ่นอิง ปรากฏว่าได้รับข่าวดีทั้งหมด

เธอมองไปทางเหรินเป่าจูก่อนจะพูดว่า “ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาหัวหน้าเหรินทำผลงานได้ดีมาก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เธอจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรองผู้จัดการโรงงาน Unique อย่างเป็นทางการ” หลังจากพูดจบ เธอก็ปรบมือเป็นคนแรก

อีกหลายคนในห้องประชุมต่างปรบมือด้วยความยินดี

เหรินเป่าจูหน้าแดงด้วยความตื่นเต้น

หล่อนอายุแค่ยี่สิบเจ็ดปีเท่านั้น เรียนจบชั้นปวช. ทำงานให้กับที่ทำงานเก่ามาประมาณเจ็ดถึงแปดปี

สมัยที่ยังทำงานอยู่ในหน่วยงานเดิม หล่อนเป็นแค่พนักงานระดับล่าง ไม่เคยถูกเรียกใช้งานด้วยซ้ำ งานที่ทำก็มีแต่อะไรที่ซ้ำซากจำเจ

นึกไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะได้รับโอกาสเลื่อนตำแหน่งเป็นรองผู้จัดการ หลังจากที่สมัครเข้าทำงานในโรงงานตัดเสื้อของหลินม่ายได้ไม่นาน แบบนี้จะไม่ให้หล่อนตื่นเต้นได้อย่างไร!

หล่อนตอบกลับทันที “ฉันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดค่ะ!”

หลินม่ายส่งยิ้มให้ “ในฐานะรองผู้จัดการโรงงาน คุณมีงานที่ต้องรับผิดชอบมากกว่าเดิมแน่อยู่แล้ว ไม่ใช่แค่จัดการเรื่องต่าง ๆ ในโรงงานตัดเสื้อ แต่ยังต้องจัดการงานต่าง ๆ ของโรงงานไป๋เหอโถวซื่อด้วย”

ตอนนี้โรงงานทำหมวกของเธอยังเป็นแค่กิจการขนาดย่อม หลินม่ายไม่จำเป็นต้องสรรหาคนมาดูแลอย่างจริงจัง มอบหมายให้เหรินเป่าจูช่วยจัดการชั่วคราวก็ได้แล้ว

รอจนกว่าโรงงานไป๋เหอโถวซื่อจะเติบโตขึ้นอย่างช้า ๆ ถึงตอนนั้นค่อยสรรหาคนมาจัดการแทน

จริง ๆ แล้วเธอคิดวางแผนการหนึ่งไว้ในใจ นั่นคือรอจนกว่าโรงงานไป๋เหอโถวซื่อจะมั่นคงจนสามารถยืนหยัดด้วยตัวเองได้ ค่อยพิจารณาว่าจะเลือกผู้จัดการจากพนักงานพิการสักคนได้ไหม

เหรินเป่าจูตอบกลับยิ้มแย้ม “ฉันไม่กลัวงานหนักแน่ค่ะ”

หลินม่ายส่งยิ้มให้อีกครั้ง ก่อนจะพูดต่อ “ช่วงนี้ยอดขายเสื้อผ้าแบรนด์ Unique ของเรามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งสาขาในห้างเจียงเฉิง และสาขาในห้างซือเหมินโข่ว หมายความว่าตั้งหลักในเจียงเฉิงได้อย่างมั่นคงแล้ว สามารถขายฐานการผลิตได้ ในเมื่อจะขยายฐานการผลิตก็ต้องทำยอดขายให้ได้มากขึ้น” พูดมาถึงจุดนี้ เธอก็มองกลับไปที่เหรินเป่าจูอีกครั้ง “เพราะฉะนั้นคุณต้องรับผิดชอบด้านการเปิดตลาดใหม่”

เถาจืออวิ๋นหันไปพูดติดตลกกับเหรินเป่าจู “ตราบใดที่เธออยากได้งาน งานจะถาโถมเข้ามาหาเธออย่างต่อเนื่อง!”

เหรินเป่าจูหัวเราะออกมาทันที

หลินม่ายพูดกับเธอว่า “ไม่ว่าคุณวางแผนจะเปิดตลาดใหม่ยังไง ฉันอยากให้คุณร่างแผนมานำเสนอโดยเร็วที่สุด อย่างน้อยก็ก่อนถึงเวลาเลิกงานตอนบ่าย”

เหรินเป่าจูตอบกลับอย่างระมัดระวัง “ไม่ต้องรอจนกว่าจะเลิกงานหรอกค่ะ ฉันสามารถนำเสนอแผนงานให้คุณได้ตอนนี้เลย”

หลินม่ายส่งสายตาให้กำลังใจ “ถ้าอย่างนั้นก็นำเสนอตอนนี้เลยสิ”

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เลือกใช้คนเหมาะกับงาน กิจการก็รุ่งเรืองแบบนี้แหละค่ะ

ไหหม่า(海馬)

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 391 เลื่อนตำแหน่งเหรินเป่าจู"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์