แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 404 ไม่เหมาะจะเป็นบันไดความสำเร็จ
ตอนที่ 404 ไม่เหมาะจะเป็นบันไดความสำเร็จ
หลินม่ายกำลังทำไก่ยั่วน้ำลาย ได้ยินดังนั้นจึงถามอย่างไม่ใส่ใจ “อะไรเหรอ คุณพูดสิ”
“คนนั้นเป็นกู้ม่านชือแฟนเก่าผม เราเลิกกันไปนานแล้ว”
หลินม่ายหัวเราะ “น้องชายคุณบอกฉันแล้วค่ะ”
ฟางจั๋วหรานยังพูดต่อ “ผมไม่ได้ตั้งใจจะเก็บรูปคู่กับกู้ม่านชือไว้ ผมแค่เอารูปนั้นไปใช้เป็นที่คั่นหนังสือ คุณเชื่อผมหรือเปล่า?”
มือที่กำลังวุ่นวายของหลินม่ายหยุดลง เธอเงียบไปพักหนึ่งแล้วจึงตอบว่า “ฉันไม่ใช่คนที่มี EQ สูง ไม่รู้ว่าจะต้องตอบคุณยังไง ยิ่งไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงถึงจะสมบูรณ์แบบ ถึงอย่างนั้นฉันก็เลือกที่จะเชื่อคุณ แต่ฉันก็ไม่หวังให้คุณเก็บรูปคู่ของคุณกับแฟนเก่าเป็นที่คั่นหนังสือต่อไปหรอกนะคะ เพราะถ้าคุณเห็นหล่อนบ่อยเข้า จากนั้นก็คงจะคิดถึงหล่อน ฉันหวังว่าคนที่คุณจะคิดถึงคือฉัน ไม่ใช่ผู้หญิงคนอื่นค่ะ”
ฟางจั๋วหรานพูดอย่างตรงไปตรงมา “เป็นความผิดผมเอง ผมจะไม่ทำอีกแล้ว”
หลินม่ายเห็นเขาพูดเช่นนั้นจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ฉันคิดว่าจะเอานมที่คุณสั่งให้ฉันกับโต้วโต้วไปให้คุณปู่คุณย่า พวกท่านอายุมากแล้ว ยิ่งต้องการดื่มนมวัว”
ฟางจั๋วหรานพึมพำ “เรื่องนี้ยากอยู่ คุณปู่คุณย่าไม่ดื่มหรอก จะต้องให้โต้วโต้วกับพ่อฟู่เฉียงกินแน่”
หลังจากคุณปู่คุณย่าเข้ามาในเมือง เธอก็ให้คนเอานมวัวสดๆ จากแถบแม่น้ำเจียงจื่อมาส่งทุกวัน พอหลินม่ายให้พวกเขาดื่ม พวกเขาก็ไม่ดื่มสักอึก อยากเหลือไว้ให้โต้วโต้วกับหลินม่ายดื่ม ไม่อย่างนั้นก็เหลือไว้ให้ฟางจั๋วหรานดื่ม
บอกว่าโต้วโต้วเป็นโรคหัวใจและกำลังโต ต้องดื่มนมวัว
อีกทั้งยังบอกว่าฟางจั๋วหรานและหลินม่ายลำบากทุกวัน ควรดื่มนมเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
พวกเขาอายุมากแล้ว ไม่ได้ทำงานอะไร ดื่มหรือไม่ดื่มก็ไม่มีผลอะไร
เพราะว่าหลินม่ายและฟางจั๋วหรานตั้งใจจะไม่ดื่ม สุดท้ายจึงต้องจัดให้โต้วโต้วหนึ่งขวดและพ่อของฟู่เฉียงหนึ่งขวด
ฟางจั๋วหรานกังวลว่าต่อให้ส่งนมให้คุณปู่คุณย่า แต่สุดท้ายมันก็จะเข้าไปอยู่ในปากโต้วโต้วและพ่อฟู่เฉียงอยู่ดี
หลินม่ายเงียบไปครู่หนึ่งและตอบว่า “ส่งมาก่อนเถอะค่ะ คุณปู่คุณย่าจะให้โต้วโต้วกับฟ่อฟู่เฉียงดื่มก็ตามใจพวกเขาเถอะ ฉันจะซื้อขวดบรรจุนมวัวสดจากคนส่งนมสองขวด แล้วเติมนมผงลงไป บอกคุณปู่คุณย่าว่าฉันกับโต้วโต้วมีนมสด รอให้พ่อฟู่เฉียงหายดี ถ้าคุณปู่คุณย่าเห็นว่าฉันกับโต้วโต้วมีนมสดก็จะดื่มนมสดสองขวดนั้นเอง
ฟางจั๋วหรานฟังแล้วพยักหน้า “เป็นความคิดที่ดี”
หลังจากผ่านการต่อสู้ที่ยาวนานหลายชั่วโมง ตอนนี้มื้อค่ำเลิศรสทั้งหลายก็เสร็จเรียบร้อยแล้ว
มีไก่ยั่วน้ำลาย เป็ดเมาเบียร์ ปลาอู่ชางนึ่งและอื่นๆ อาหารมากมายสิบกว่าอย่าง
ฟางจั๋วเยวี่ยมองโต๊ะอาหารที่เต็มไปด้วยอาหารอันโอชะ ยิ้มกว้างอย่างมีความสุข “ได้กินอาหารที่พี่สะใภ้ทำแล้ว!”
โต้วโต้วที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เลียนแบบเขา ปรบมือและพูดว่า “ได้กินอาหารฝีมือแม่จ๋าแล้ว!”
มื้อค่ำเป็นมื้อที่ทุกคนได้กินอิ่ม หลังจากเก็บล้างเสร็จแล้ว ทั้งครอบครัวก็ไปที่สวนหลังบ้านเพื่อปรับหน้าดินสำหรับปลูกผัก
แม่เสียสติของฟู่เฉียงก็ตามไปด้วย ส่วนฟู่เฉียงไปส่งอาหารเย็นให้พ่อ
หลินม่ายเห็นคุณปู่คุณย่าฟางจะปรับหน้าดินเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าก็คัดค้านทันที
คิดว่าการปรับหน้าดินให้เป็นแบบนั้นจะทำลายความสวยงามของสวนหลังบ้าน
คุณย่าฟางพูดว่า “แปลงผักก็เป็นแบบนี้หมดไม่ใช่เหรอ?”
หลินม่ายยิ้มตอบ “ทำเป็นเหมือนสวนก็ได้ค่ะ แบบนั้นจะได้ทั้งสวนและใช้ได้จริงด้วย”
เธอมีความคิดเช่นนี้ เพราะได้แรงบันดาลใจมาสวนผักของชาวเน็ตคนหนึ่งในชีวิตชาติก่อน
สวนผักของบ้านหล่อนได้รับความนิยมมากบนอินเทอร์เน็ต
หลินม่ายทำการปรับปรุงพื้นฐานของสวนที่บ้าน ให้ทุกคนได้เปรียบเทียบกันดู
แม้ว่าทุกคนจะคิดว่ามันดีมาก แต่ก็ไม่มีใครทำสวนผักตามแบบที่หลินม่ายบอกได้ เพราะไม่มีใครเป็นนักจัดสวนมืออาชีพ
หากปรับหน้าดินให้เป็นสวนสวยตามแบบที่หลินม่ายบอกก็ต้องจ้างนักจัดสวน
ฟางจั๋วหรานให้หลินม่ายวาดแบบออกมาให้ จากนั้นเขาก็ไปเชิญนักจัดสวนมาทำสวนผักตามแบบในภาพ
คนกลุ่มหนึ่งกลับมาที่บ้านด้วย ล้อมหลินม่ายเพื่อดูแบบที่เธอวาดเอาไว้
สวนผักแบบนี้ไม่เพียงแต่จะสามารถปลูกผักได้เท่านั้น ยังสามารถปลูกผลไม้และดอกไม้ได้อีกมากมายด้วย เป็นการส่งเสริมซึ่งกันและกัน
หลินม่ายแบ่งแปลงผักออกเป็นสัดส่วน แปลงผักเล็กๆ แต่ละแปลงมีขนาดตั้งแต่สามถึงเก้าตารางเมตร ทั้งหมดรวมเป็นสิบแปลง ปลูกผักได้สิบชนิด
สามารถปลูกผลไม้ได้สิบกว่าชนิด ส่วนที่เหลือปลูกเป็นดอกไม้ และออกแบบเป็นทางเดินเล็กๆ
ทุกคนบอกชื่อผลไม้ที่ตัวเองชอบอย่างตื่นเต้น ฟางจั๋วหรานบอกนักจัดสวนให้จัดการปลูก จากนั้นก็กินผลไม้ที่ตัวเองชอบได้แล้ว
แม่เสียสติของฟู่เฉียงเข้าร่วมสนุกและเสนอต้นท้อ
หลินม่ายบอกว่าผลไม้ที่เธอชอบกินที่สุดคือทับทิมและส้มเขียวหวาน
จริงๆ แล้วที่เธอชอบที่สุดคือผลไม้เมืองร้อนอย่างลิ้นจี่และมะม่วง ยกเว้นทุเรียน ซึ่งเธอรับไม่ได้กับรสชาติของทุเรียนจริงๆ
แต่สภาพอากาศในเจียงเฉิงไม่สามารถปลูกผลไม้เมืองร้อนได้ จึงต้องยอมแพ้ไป
หลินม่ายอยู่ที่วิลล่าจนถึงสองทุ่มตรง จากนั้นก็กลับบ้าน
เธออยากกลับไปใช้เวลาก่อนนอนทำข้อสอบอีกสักชุด
ฟางจั๋วหรานปั่นจักรยานพาเธอไปส่งที่บ้าน บอกให้เธอล็อกประตูดีๆ แล้วจึงจากไป
เมื่อกลับมาถึงวิลล่า เขาก็ขึ้นไปอ่านหนังสือข้างบน
ตอนที่เดินมาถึงโต๊ะ เขาเห็นว่าหนังสือบนโต๊ะมีภาพกองหนึ่งวางอยู่
เขาสงสัยจึงหยิบมันขึ้นมาดู ดูไปสองสามภาพก็ยกยิ้มที่มุมปาก
รูปภาพพวกนั้นเป็นรูปที่หลินม่ายถ่ายโปสเตอร์
เขาใช้นิ้วลูบหญิงสาวในภาพแผ่วเบา “ต่อไปจะใช้รูปของคุณเป็นที่คั่นหนังสือ จะได้เห็นแค่คุณทุกวัน คิดถึงแต่คุณเท่านั้น”
……
บ้านหลังใหญ่ขนาดร้อยสองร้อยตารางเมตรที่มีเพียงแค่หลินม่ายอาศัยอยู่คนเดียวดูเงียบเหงาอย่างเห็นได้ชัด
แต่เธอกำลังหมกหมุ่นอยู่กับข้อสอบ ทำให้ความเงียบเหงาอะไรไม่ได้แตะเธอแม้แต่น้อย
เธอทำข้อสอบเสร็จหนึ่งชุดใช้เวลาไปกว่าสองชั่วโมง คะแนนก็ไม่แย่ จากนั้นจึงไปอาบน้ำและนอนหลับสนิทเป็นพิเศษในคืนนั้น
ฟางจั๋วเยวี่ยเล่นกับโต้วโต้วที่บ้านคุณปู่คุณย่าจนดึกแล้วจึงจากไป
ดึกขนาดนี้ไม่มีรถกลับไปที่โรงงานแล้ว เขาจึงต้องกลับไปที่บ้านตัวเอง
ทันทีที่เข้าบ้าน หวังเหวินฟางก็เอ่ยถาม “ ลูกเอาเหล้าอู่เหลียงเย่สองขวดของพ่อไปใช่ไหม?”
แม้ว่าบ้านหล่อนจะมีฐานะดี แต่ราคาอู่เหลียงเย่ก็ไม่ได้ถูก
เมื่อไม่เห็นเหล้าอู่เหลียงเย่ทั้งสองขวด หวังเหวินฟางจึงต้องเอ่ยถามเสียหน่อย
หล่อนต้องรู้ให้ได้ว่าลูกชายโง่เง่าของตนเอาเหล้าอู่เหลียงเย่สองขวดไปให้ใคร
ฟางจั๋วเยวี่ยตอบโดยไม่รีรอ “ผมเอาไปเอง”
“เอาไปให้ใคร”
“เอาไปดวลเหล้ากับเพื่อนร่วมงานน่ะ”
หวังเหวินฟางมองเขาด้วยความสงสัย “แกเอาเหล้าราคาแพงขนาดนั้นดวลกับเพื่อนร่วมงานเหรอ? แกล้อเล่นกับใครหา!”
ฟางเว่ยกั๋วถามด้วยท่าทางจริงจัง “บอกความจริงมา แกเอาเหล้าอู่เหลียงเย่สองขวดนั้นไปให้ใคร?”
ฟางจั๋วเยวี่ยไม่อยากบอกพวกเขาว่าคุณปู่คุณย่าย้ายมาอยู่ในเจียงเฉิงแล้ว เพื่อเลี่ยงไม่ให้พวกเขาไปวุ่นวายกับคนชราทั้งสอง จึงตอบไปว่า “ส่งไปให้คนที่ควรให้ พวกพ่ออย่าถามมากเลย ถามไปผมก็ไม่บอกหรอก!”
พูดจบก็เดินเข้าห้องตัวเองไป
ฟางเว่ยกั๋วโกรธมาก ลูกคนโตก็ไม่เชื่อฟังเขาและภรรยา ไม่สนใจใยดีใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนคนเล็กก็ดื้อรั้น
คนโตไม่สนิทกับพวกเขายังพอเข้าใจได้
แต่คนเล็กกลับมีกำแพงต่อเขาและภรรยา ซึ่งเขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไม
อีกฝ่ายเป็นลูกแท้ๆ ของเขาและภรรยา ไม่เหมือนพี่คนโตที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับหวังเหวินฟาง จึงไม่สนิทกันเป็นธรรมดา
หวังเหวินฟางตามไปที่ห้องของลูกชายแล้วเอ่ยถาม “ไม่กี่วันก่อนแม่บอกให้ลูกไปเจอกับลูกสาวของป้าหวัง ทำไมลูกไม่ไป?”
ฟางจั๋วเยวี่ยตอบอย่างรวดเร็ว “ก็บอกแม่แล้วไงว่าผมไม่ไปดูตัว แม่ก็ยังทำตามที่แม่ต้องการอีก แล้วตอนนี้ก็มาโทษผม!”
หวังเหวินฟางพูดอย่างปวดใจ “แม่ให้ลูกไปดูตัว ไม่ใช่เพื่อลูกกับพ่อของลูกเหรอ? ลูกสาวป้าหวังเป็นคนเก่ง แถมยังสวยมากด้วย หล่อนเหมาะสมกับลูก แล้วลุงหวังก็ช่วยเหลือพ่อของลูกในอนาคตได้ มีข้อดีมากมายขนาดนี้ ลูกไม่ไปก็น่าเสียดายออก”
ฟางจั๋วเยวี่ยแค่นหัวเราะ “อย่าพูดว่าทำเพื่อผมเลย พูดมาเลยดีกว่าว่าทำเพื่อให้แม่ได้สุขสบายน่ะ เมื่อก่อนก็อยากใช้พี่ใหญ่เป็นบันไดความสำเร็จ ตอนนี้กลับมาอยากใช้ผมแทน คิดว่าผมดูไม่ออกเหรอ!”
เขาเก็บเสื้อผ้าสองสามชุด จากนั้นก็ออกจากบ้านไป
หวังเหวินฟางถาม “ดึกขนาดนี้แล้วแกจะไปไหน?”
“ไปที่ไหนก็ดีกว่าอยู่บ้านทั้งนั้นแหละ” ฟางจั๋วเยวี่ยเปิดประตูแล้วออกไป
ฟางเว่ยกั๋วเห็นแผ่นหลังของลูกคนเล็กที่จากไปก็ได้แต่ปวดหัว
ลูกชายทั้งสองคนไม่มีสักคนที่เขาจะไม่กังวลและไม่มีสักคนที่จะช่วยเหลือเขาเลย
ฟางจั๋วเยวี่ยตรงไปที่วิลล่าของฟางจั๋วหรานพร้อมกับเสื้อผ้าสองสามชุด
อย่างไรที่วิลล่าของพี่ก็มีหลายห้อง เขาย้ายเข้าไปอยู่ด้วยคงไม่เป็นไร
กว่าฟางจั๋วเยวี่ยจะมาถึงวิลล่าก็ดึกมากแล้ว
ฟางจั๋วหรานที่กำลังเตรียมตัวจะเข้านอนได้ยินเสียงอาหวงเห่าที่ประตูไม่หยุด
จากนั้นก็ได้ยินเสียงฟางจั๋วเยวี่ยตะโกนเรียก
ฟางจั๋วหรานวิ่งออกไปดูที่ประตูหลัง เห็นฟางจั๋วเยวี่ยยืนอยู่จึงถามด้วยความสงสัย “นายมาที่นี่ทำไม?”
ฟางจั๋วเยวี่ยถอนหายใจและเอ่ยเล่าเรื่องให้เขาฟังสั้นๆ
ฟางจั๋วหรานไม่รู้จะพูดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง
สองสามีภรรยานั่นใช้เขาเป็นบันไดความสำเร็จไปแล้ว สุดท้ายมีแม่เลี้ยงก็ต้องมีพ่อเลี้ยง
เพื่อผลประโยชน์ของสองสามีภรรยานั่นแล้ว ก็ทำให้ลูกชายเพียงคนเดียวต้องเสียสละความสุขชั่วชีวิต ความปรารถนาของพวกเขาช่างมากมายอย่างอุกอาจเหลือเกิน!
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เลี้ยงลูกยังไงให้ลูกเกลียดคะเนี่ย ทำไมพ่อไม่ได้ส่วนดีๆ จากปู่ฟางย่าฟางมาเลย
ไหหม่า(海馬)