แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 434 ปฏิเสธหัวหน้าหลู
ตอนที่ 434 ปฏิเสธหัวหน้าหลู
เถาจืออวิ๋นพาฉีฉีเดินออกจากร้านอาหารเล็ก ๆ นั้น เดินกลับบ้านด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง
พอถึงบ้านแล้วก็ผูกผ้ากันเปื้อนไว้รอบเอว แล้วเริ่มทำอาหารมื้อเย็น
ยังไม่ทันที่เนื้อปลาย่างจะสุกพร้อมเสิร์ฟ นิวนิว ลูกสาววัยเจ็ดขวบของหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยหลูก็เดินมาเคาะประตูพร้อมกับตะกร้าใบเล็กที่มีไข่อยู่ประมาณหนึ่งโหล
หล่อนพูดกับเถาจืออวิ๋นด้วยท่าทางเขินอาย “คุณอาเถา พ่อขอให้หนูเอาของมาส่งค่ะ”
เถาจืออวิ๋นชำเลืองมองสิ่งของในตะกร้า จากนั้นก็รีบปฏิเสธ “กลับไปบอกพ่อหนูเถอะค่ะว่าอาไม่อยากได้ บ้านอามีไข่เยอะแล้ว”
นิวนิวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ “ถ้าคุณอาไม่ยอมรับไว้ พ่อคงตีหนูแน่ถ้าหนูกลับไป”
เถาจืออวิ๋นรู้สึกหัวโตขึ้นมาทันที
นับตั้งแต่หัวหน้าหลูมาช่วยหล่อนทวงบ้านคืน เขาก็มักจะส่งนิวนิวมาหาหล่อนพร้อมกับผักนิด ๆ หน่อย ๆ เป็นของฝากเสมอ เมื่อวานนิวนิวก็เอาแตงกวามาให้สองลูก
พอเถาจืออวิ๋นปฏิเสธไม่ยอมรับ นิวนิวก็เบะปากจะร้องไห้ และพูดว่ากลัวพ่อตีเหมือนกับตอนนี้ เพื่อเป็นการบังคับให้หล่อนยอมรับไว้
หล่อนถอนหายใจ จากนั้นก็เอื้อมมือไปหยิบตะกร้าไข่
จากนั้นก็หันไปบอกให้ฉีฉีเอาบิสกิตมาให้นิวนิว
ฉีฉีทำตามอย่างเชื่อฟัง ก่อนจะเดินออกมาหานิวนิวพร้อมกับกล่องบิสกิตที่อยู่ในมือ แล้วยื่นมันให้อีกฝ่ายด้วยมือข้างหนึ่ง พูดด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา “บิสกิตของพี่สาวครับ”
นิวนิวกลืนน้ำลายดังเอื้อก แต่ก็ยังปฏิเสธที่จะรับมันไว้
เถาจืออวิ๋นพูดอย่างจริงจัง “ฉีฉีอุตส่าห์ยกให้หนูนะ รับไว้เถอะ ไม่งั้นอาจะโกรธหนูจริง ๆ ด้วย”
จากนั้นนิวนิวถึงยอมรับกล่องบิสกิตที่ฉีฉียื่นให้
จากนั้นก็จ้องไปที่ตะกร้า แล้วพูดเบา ๆ “คุณอาเถา แล้วตะกร้าของหนู…”
เถาจืออวิ๋นรู้ว่าเธออยากกลับบ้านไปพร้อมกับตะกร้าเปล่า จึงตอบกลับว่า “หลังมื้อเย็น เดี๋ยวอาจะเอาตะกร้าไปคืนที่บ้านหนูเอง”
นิวนิวได้ยินแบบนั้นก็เดินกลับบ้าน
หลังมื้ออาหาร เถาจืออวิ๋นก็ไม่ได้หยิบไข่ในตะกร้าของนิวนิวออกมา แต่กลับใส่น้ำตาลทรายแดงสองห่อลงไปเพิ่ม จากนั้นก็ไปที่บ้านของหัวหน้าหลูพร้อมกับตะกร้าใบนั้น
พอมาถึงประตูบ้านของหัวหน้าหลู หล่อนก็ไม่ได้เข้าไปในบ้าน แต่ตะโกนเรียกเขาอยู่หน้าประตู “หัวหน้าหลูอยู่บ้านหรือเปล่าคะ?”
หัวหน้าหลูฝากนิวนิวไปส่งไข่ไก่ให้เถาจืออวิ๋น และเถาจืออวิ๋นก็ยอมรับไว้โดยดี รู้แบบนี้แล้วเขาก็มีความสุขมาก
ตั้งแต่ตอนที่เขาไปช่วยเถาจืออวิ๋นทวงบ้านคืนครั้งล่าสุด เขาก็เอาแต่คิดวนเวียนอยู่กับหล่อน
เถาจืออวิ๋นเป็นคนสวย มีการศึกษาดี ฐานะทางครอบครัวก็ค่อนข้างดี แถมยังเป็นผู้หญิงแกร่งที่หาเงินเก่งอีกด้วย
ถ้าเขาได้แต่งงานกับหล่อน ชีวิตในอนาคตของเขาจะต้องดีอย่างไม่ต้องสงสัย
ด้วยเหตุนี้ ตอนกินอาหารมื้อเย็น เขาก็ละเลียดเหล้าสองแก้วแกล้มกับผักอย่างมีความสุข
พอได้ยินเสียงของเถาจืออวิ๋น เขาก็ยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่
ไม่นึกเลยว่าเถาจืออวิ๋นจะเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเขาถึงหน้าประตูบ้าน ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เขาตอบกลับหลายครั้ง “อยู่! อยู่!”
เขาเดินออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว แล้วเชื้อเชิญด้วยความกระตือรือร้น “เสี่ยวเถานั่นเอง เข้ามานั่งข้างในก่อน!”
เถาจืออวิ๋นชำเลืองมองไปด้านข้าง เห็นว่าเพื่อนบ้านของหัวหน้าหลูกำลังชะเง้อมองมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
พอรู้ว่าตัวเองถูกจับได้ เพื่อนบ้านก็ส่งยิ้มแห้ง ๆ ให้ แล้วหดคอกลับไปทันที
เถาจืออวิ๋นส่ายหน้าขณะพูดกับหัวหน้าหลู “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันมาที่นี่เพื่อเอาตะกร้ามาคืนคุณ” หลังจากพูดจบก็ยื่นตะกร้าที่ถืออยู่ให้เขา
หัวหน้าหลูเอื้อมไปรับ แต่รู้สึกว่าตะกร้ามีน้ำหนักเพิ่มขึ้นกว่าตอนให้ไป
พอมองลงไป ถึงเห็นว่าภายในตะกร้าไม่ได้ว่างเปล่า
ไม่เพียงไข่ไก่ที่เขาฝากลูกสาวคนเล็กไปส่งให้เธอยังอยู่ครบถ้วนทุกฟอง แต่ยังมีน้ำตาลทรายแดงเพิ่มมาอีกสองห่อ ทันใดนั้นหัวใจของเขาก็จมดิ่งลง
เถาจืออวิ๋นปฏิเสธไม่รับไมตรีจากเขา!
หัวหน้าหลูเริ่มพูดจาติดขัด “คุณ… คุณเอาไข่มาคืนผมทำไมครับ แถมยัง… ให้น้ำตาลทรายแดงมาอีกสองห่อด้วย?”
เถาจืออวิ๋นยิ้มตอบไปตามมารยาท “ที่บ้านฉันมีไข่อยู่เยอะแล้วค่ะ คุณเก็บไข่พวกนี้ไว้ให้ลูก ๆ ของคุณกินเถอะ”
ถึงแม้หัวหน้าหลูจะเป็นพนักงานอาวุโสประจำโรงงาน แต่สถานะทางการเงินของโรงงานตัดเสื้อชุนเหล่ยก็ใช่ว่าจะดี เขามีรายได้จากเงินเดือนพื้นฐานเพียงทางเดียว
แถมเขายังมีลูกหลายคนที่ต้องเลี้ยงดู ไหนจะต้องส่งเสียเลี้ยงดูพ่อแม่อีก ชีวิตของเขาอัตคัดขัดสน แม้แต่ลูก ๆ แต่ละคนของเขายังขาดสารอาหารจนตัวซีดเหลืองและผอมแห้ง
เถาจืออวิ๋นไม่อยากรับอะไรจากเขาทั้งนั้น โดยเฉพาะวัตถุดิบที่มีราคาแพงเช่นไข่ไก่
หล่อนพูดต่อว่า “คุณเอาน้ำตาลทรายแดงพวกนี้ไว้ต้มให้ลูกสาวคนเล็กของคุณดื่มเถอะค่ะ ฉันเห็นปากหล่อนซีดเหมือนไม่มีเลือดฝาด กลัวว่าหล่อนอาจเป็นโรคโลหิตจาง”
หัวหน้าหลูหน้าแดง พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อปฏิเสธไม่รับคืน “แม่ผมที่อยู่ชนบทเลี้ยงไก่ไว้เล้าหนึ่ง ไม่ต้องกังวลว่าลูก ๆ ของผมจะไม่มีไข่กิน คุณรับไข่พวกนี้ไว้เถอะครับ ผมขอไข่คืนสักสองฟองกับรับน้ำตาลทรายแดงสองห่อนี้ไว้ก็ได้”
หัวหน้าหลูไม่ใช่ชายหนุ่มไม่รู้ประสา เขาเข้าใจความซับซ้อนทั้งหมดดี
เถาจืออวิ๋นให้น้ำตาลทรายแดงเขา ก็เพื่อตอบแทนที่เขาสั่งให้ลูกสาวคนเล็กเอาผักไปส่งให้หล่อนเมื่อวันก่อน
พอตอบแทนซึ่งกันและกันแล้ว ทั้งสองฝ่ายก็ไม่มีบุญคุณต่อกันอีก หล่อนก็จะเลิกยุ่งเกี่ยวกับเขาได้
แต่หัวหน้าหลูไม่อยากตัดรอนความสัมพันธ์กับหล่อน ดังนั้นจึงเลือกรับน้ำตาลทรายแดงไว้ แต่ยืนกรานให้เถาจืออวิ๋นยอมรับไข่ไก่ของเขา เพื่อที่เขาจะได้ตอบแทนเถาจืออวิ๋นอีกครั้งในภายหลัง
เถาจืออวิ๋นไม่อยากเปิดโอกาสให้เขา จึงพูดอย่างตรงไปตรงมา “คุณรับไว้ทั้งหมดนี่แหละค่ะ ฉันกลัวการติดค้างคนอื่นที่สุด ดังนั้นวันหลังอย่าให้ลูกสาวคุณเอาอะไรมาฝากฉันอีกเลย มันทำให้ฉันลำบากใจ”
หัวหน้าหลูแสร้งทำเป็นไม่สนใจ “เราเป็นเพื่อนร่วมงานกัน คุณเองก็เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวที่มีลูกชายต้องดูแล ผมควรช่วยเหลือคุณน่ะถูกแล้ว ไม่จำเป็นต้องคิดมากเกี่ยวกับเรื่องน้ำใจของเพื่อนมนุษย์เลยครับ”
เถาจืออวิ๋นพูดเสียงขรึม “คุณก็รู้ว่าฉันเป็นผู้หญิงที่ผ่านการหย่าร้างมา ปกติผู้หญิงม่ายก็ถูกคนอื่น ๆ ซุบซิบนินทามากพออยู่แล้ว ขืนคุณยังส่งข้าวของพวกนี้มาให้ฉัน ไม่คิดบ้างเหรอคะว่าเพื่อนบ้านที่ไม่รู้ความจริงอาจเข้าใจฉันผิด จนกระทบกับชื่อเสียงของฉันได้? อีกอย่าง ฉันไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากคุณซะหน่อย”
หัวหน้าหลูจงใจเพิกเฉยต่อคำพูดของเถาจืออวิ๋นที่ว่าเธอไม่ต้องการความช่วยเหลือ โบกมือตอบ “คนยืนตรงไม่ต้องกลัวเงาเอียง(1) คุณไม่จำเป็นต้องสนใจคำนินทาพวกนั้นหรอกครับ”
สีหน้าเถาจืออวิ๋นเปลี่ยนเป็นน่าเกลียด “คำนินทาพวกนั้นไม่ได้พุ่งเป้ามาที่คุณซะหน่อย คุณจะพูดอะไรก็ได้ทั้งนั้น ตัวคุณก็อายุตั้งสามสิบแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่เข้าใจว่า ‘คำคนสามารถฆ่าคนได้’ หมายความว่ายังไงคะ หรือว่าคุณอยากให้ฉันตายทั้งเป็นเพราะถูกติฉินนินทากันล่ะ?”
พูดจบ หล่อนก็หันหลังเดินจากไปด้วยใบหน้าดำคล้ำ
เถาจืออวิ๋นรู้ว่าหัวหน้าหลูสนใจหล่อนตั้งแต่วันที่เขาขอให้ลูกสาวคนเล็กแวะเวียนเอาข้าวของมาส่งให้หล่อนถึงหน้าบ้านอยู่บ่อยครั้ง
แต่ผักใบเขียวทั้งหลายกับแตงกวาที่หล่อนเคยได้เป็นของที่ไม่มีมูลค่า เลยหาโอกาสส่งคืนได้ยาก
ครั้งนี้หัวหน้าหลูขอให้นิวนิวเอาไข่ไก่มาส่งให้ จึงถือเป็นโอกาสอันดีสำหรับหล่อน
หล่อนอยากให้หัวหน้าหลูเข้าใจความหมายของตนแบบอ้อม ๆ ว่าการคืนไข่ให้กับเขา เท่ากับหล่อนไม่อยากสานต่อความสัมพันธ์กับเขาแต่อย่างใด
ไม่คาดคิดเลยว่าหัวหน้าหลูที่ภายนอกดูเป็นคนมีนิสัยและจิตใจดีกลับพยายามตามตื๊อหล่อนอย่างโจ่งแจ้ง ทำให้เถาจืออวิ๋นเริ่มรังเกียจเขาขึ้นมา
หัวหน้าหลูนึกไม่ถึงว่าหล่อนจะเอาชนะตัวเองได้ด้วยคำพูดแค่ไม่กี่คำ รีบวางตะกร้าลงบนโต๊ะ แล้ววิ่งตามหล่อนไปอย่างรวดเร็ว
เขารวบรวมความกล้าสารภาพกับเถาจืออวิ๋น “เสี่ยวเถา ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมแค่อยากสานสัมพันธ์กับคุณให้มากขึ้น ผะ… ผมชอบคุณ…”
เถาจืออวิ๋นปฏิเสธอย่างเฉียบขาด “ขอโทษด้วยจริง ๆ ค่ะ ฉันไม่คิดจะแต่งงานใหม่อีกแล้ว เปลี่ยนไปชอบคนอื่นแทนฉันก็ยังไม่สาย” หลังจากพูดแบบนั้น หล่อนก็เดินอ้อมหัวหน้าหลูแล้วจากไป
หลังประสบความชอกช้ำจากการแต่งงานกับหม่าเทา หล่อนก็ไม่มีความคิดอยากจะแต่งงานใหม่อีก
ตอนนี้หล่อนมีทั้งเงิน มีทั้งบ้าน หล่อนแค่อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสงบกับฉีฉี ทำไมถึงต้องดิ้นรนที่จะแต่งงานใหม่เพื่อสร้างปัญหาด้วย?
หัวหน้าหลูมองตามแผ่นหลังของเถาจืออวิ๋นที่เดินห่างออกไปเรื่อย ๆ รู้สึกอึดอัดใจไม่น้อย
พวกเขาทั้งสองคน คนหนึ่งเป็นพ่อหม้าย ส่วนอีกคนเพิ่งหย่าร้าง เหมาะสมที่จะเริ่มต้นชีวิตคู่ด้วยกันใหม่ แต่เถาจืออวิ๋นกลับยืนกรานจะตีตัวออกห่างจากเขาให้ไกลหลายพันลี้ ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้เสียดายหล่อนแบบนี้?
เป็นเพราะหล่อนสวย หรือเป็นเพราะหล่อนหาเงินเก่งกันแน่?
ถึงแม้ว่าหัวหน้าหลูจะอารมณ์เสีย แต่เพราะเถาจืออวิ๋นปฏิเสธเขาอย่างชัดเจน หมายความว่าหลังจากนี้เขาไม่สามารถรบกวนชีวิตของหล่อนได้อีกต่อไป จึงจำใจกลับบ้านด้วยความสิ้นหวัง
……………………………………………………………………………………………………………….
คนยืนตรงไม่ต้องกลัวเงาเอียง หมายความว่า ถ้าจิตใจเราบริสุทธิ์ก็ไม่ต้องกลัวคำพูดของคนอื่น
สารจากผู้แปล
คนมันเคยเจ็บกับชีวิตคู่อะ จะให้มารักใครใหม่มันก็ต้องรู้สึกไม่อยากเสี่ยง แล้วยิ่งโดนตามตื้อแบบนี้ด้วย
ไหหม่า(海馬)