แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 473 หม่าเทาถูกทำร้าย
ตอนที่ 473 หม่าเทาถูกทำร้าย
เมื่อหนิวลี่ลี่ได้รับโทรศัพท์ของหลินม่ายก็แสดงความขอบคุณเธอด้วยความตื่นเต้นทันที
ทั้งส่งของขวัญถุงใหญ่อย่างพวกแฮมกระป๋องและลูกกวาดมาให้เธอถึงบ้าน ทั้งให้เธอกินอาหารเช้าที่ร้านเปาห่าวชือของเธอได้ฟรีตลอดชีพ
หนิวลี่ลี่ชอบกินของกินเล่นของเปาห่าวชือสุดๆ
ตั้งแต่ของกินเล่นสไตล์จีนอย่างพวกเกี๊ยว ไปถึงของหวานต่างๆ เช่น ซุปเม็ดบัวเห็ดหูหนู ซุปงาดำ เธอชอบกินไปหมดทุกอย่างแทบทนไม่ไหว
แค่พูดเรื่องกินขึ้นมา หนิวลี่ลี่ก็พูดเป็นน้ำไหลไฟดับ
เธอแนะนำให้หลินม่ายเพิ่มปอเปี๊ยะลงในเมนูของกินเล่น
ปอเปี๊ยะของเมืองเจียงเฉิงนั้นแตกต่างกับปอเปี๊ยะของที่อื่นเล็กน้อย โดยทำด้วยไส้หมูกับผักต่างๆ เช่น เห็ดหอม กุยช่าย ขึ้นฉ่ายหรือผักจี้ไฉ่ทอดในน้ำมัน
หลินม่ายเองนั้นรู้สึกว่า ปอเปี๊ยะของเจียงเฉิงอร่อยกว่าปอเปี๊ยะของที่อื่น
ทว่ามันก็ไม่ได้โด่งดัง เรื่องนี่เองก็เป็นความจริงเช่นกัน
หลินม่ายเองก็อยากจะเพิ่มเมนูปอเปี๊ยะนี้อยู่เหมือนกัน
ไม่ใช่แค่จะเพิ่มเมนูปอเปี๊ยะเท่านั้น ต่อไปในอนาคตเธอก็จะเพิ่มเมนูอร่อยๆ อย่างอื่นเข้าไปด้วย
หลินม่ายตอบตกลงในทันทีอย่างสบายๆ และยังพูดกับหนิวลี่ลี่ว่า เธอจะดูว่าในเทศกาลไหว้พระจันทร์จะเปิดตัวปอเปี๊ยะเมนูใหม่นี้ทันหรือไม่ ถ้าไม่ทัน ก็จะเปิดตัววางขายในวันชาติอย่างแน่นอน
หนิวลี่ลี่ดีอกดีใจอย่างมาก และยังแนะนำให้หลินม่ายเพิ่มหูล่าทัง(1)เข้าไปด้วย
หูล่าทังหน้าตาดูไม่น่าอร่อยนัก นอกจากนี้ยังเห็นได้ยากในเจียงเฉิง
หนิวลี่ลี่กลัวว่าหลินม่ายจะไม่เคยกินหูล่าทังมาก่อน และไม่รู้ว่าหูล่าทังอร่อยมาก จึงตั้งใจพูดหว่านล้อมราวกับกำลังชวนมาเล่นแชร์ลูกโซ่อย่างนั้น ทั้งยังบอกว่าหูล่าทังกินคู่กับซาลาเปาและเกี๊ยวของร้านเธอจะต้องชั้นยอดแน่ๆ
แม้รสชาติของหูล่าทังจะไม่เลว แต่ในนั้นก็ต้องใช้เนื้อแกะเป็นส่วนผสม
เจียงเฉิงอากาศร้อน จะให้ผู้คนกินเนื้อแกะในฤดูร้อน น่ากลัวว่าจะมีใครกินแค่ไม่เท่าไร เพราะกลัวจะเป็นร้อนใน
แต่ว่าตอนนี้ก็ใกล้จะเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ก็พอจะเก็บไว้พิจารณาได้อยู่ แต่ก่อนหน้านั้นต้องซื้อเนื้อแกะให้ได้เสียก่อนถึงจะได้
ตอนนี้เนื้อแกะยังมีแค่ชนกลุ่มน้อยเท่านั้นที่เลี้ยง อย่างน้อยในเมืองเจียงเฉิงตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น
หลินม่านพูดคุยเรื่องอาหารกับหนิวลี่ลี่อย่างอารมณ์ดีอยู่ครู่ใหญ่
หนิวลี่ลี่ถึงเพิ่งนึกขึ้นได้และถามถึงจุดมุ่งหมายที่หลินม่ายโทรหาเธอ
หลินม่ายหัวเราะ “ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ฉันแค่อยากจะบอกข่าวน่าตกใจกับเธอ เธอจะได้มีข่าวดีๆ น่ะ”
หนิวลี่ลี่ได้ยินก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที “ข่าวอะไรเหรอ? รีบแฉมาเลย!”
ยิ่งเป็นข่าวที่น่าตกใจ ก็ยิ่งเรียกยอดขายหนังสือพิมพ์ได้ดี หล่อนก็ยิ่งได้รับความสนใจจากหัวหน้า โบนัสที่ได้ก็จะยิ่งมากขึ้นด้วย
ดังนั้นเธอจึงชอบการที่มีคนมาแฉข้อมูลเด็ดๆ กับเธอมาก
หลินม่ายจึงเล่าเรื่องบัตรกำนัลUniqueของปลอมที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเที่ยงให้หล่อนฟัง ให้หล่อนรีบไปสัมภาษณ์ที่สถานีตำรวจ ทั้งยังบอกกับหล่อนว่าพรุ่งนี้จะเก็บขนมไหว้พระจันทร์ไส้ผลไม้ไว้ให้สองกล่องด้วย
หนิวลี่ลี่ถามอย่างประหลาดใจ “ขนมไหว้พระจันทร์ไส้ผลไม้คืออะไรเหรอ?”
หลินม่ายพูดปิดบังอย่างหลอกล่อ “พรุ่งนี้พอเธอมาเอาขนมไหว้พระจันทร์ กินสักคำก็รู้แล้วล่ะ”
……
ผ่านไปเพียงชั่วแวบเดียวก็ถึงเวลาเลิกงานแล้ว
เถาจืออวิ๋นศึกษานิตยสารแฟชั่นอยู่ตลอดทั้งบ่าย
หล่อนหมุนคอที่ค่อนข้างปวดเมื่อยไปมา จากนั้นจึงเก็บกระเป๋า จัดการการโต๊ะทำงานให้เรียบร้อยแล้วจึงจากไป
ในตอนนี้มาถึงโรงเรียนอนุบาลนั้น โรงเรียนยังไม่เลิกเรียน แต่คุณปู่คุณย่าฟางกลับมารออยู่นอกโรงเรียนอนุบาลแล้ว
คุณย่าฟางเห็นเถาจืออวิ๋น ก็โบกมือทักทายด้วยรอยยิ้ม
เถาจืออวิ๋นรีบวิ่งเหยาะๆ เข้าไปหา
คุณย่าฟางถามอย่างใจดี “เสี่ยวเถา เสื้อผ้าในงานหมั้นของม่ายจื่อ เธอเป็นคนทำให้หล่อนใช่ไหม”
เถาจืออวิ๋นพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ใช่ค่ะ”
“ทำเสร็จแล้วหรือยังจ๊ะ?”
“ใกล้จะเสร็จแล้วค่ะ เหลือเก็บรายละเอียดอีกนิดหน่อยก็เสร็จแล้วล่ะค่ะ”
คุณย่าฟางพยักหน้าอย่างพอใจ แสดงความขอบคุณต่อเถาจืออวิ๋น
เถาจืออวิ๋นพูดด้วยรอยยิ้มพริ้ม “นี่เป็นเรื่องที่ฉันควรทำอยู่แล้วค่ะ ฉันเป็นเพื่อนสนิทกับม่ายจื่อนี่คะ”
ในตอนนั้นเอง เสียงกริ่งเลิกเรียนของโรงเรียนอนุบาลก็ดังขึ้นมา เหล่าเพื่อนตัวน้อยเดินเรียงแถวอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยออกมาจากห้องเรียนโดยมีคุณครูคอยนำอยู่
คุณปู่คุณย่าฟางและเถาจืออวิ๋นต่างคนต่างก็รับโต้วโต้วและฉีฉีของตน ทั้งสองฝ่ายเอ่ยอำลากันแล้วจึงแยกกับกลับบ้าน
เถาจืออวิ๋นพาฉีฉีไปซื้อผักที่ตลาดสดฝูตัวตัว จากนั้นจึงกลับบ้านเหมือนอย่างเคย
ในขณะที่สองแม่ลูกเพิ่งเดินมาถึงบริเวณหน้าประตูโรงงานตัดเสื้อชุนเหล่ย ก็มีใครคนหนึ่งวิ่งออกมาขวางทางของพวกเขาอย่างกะทันหัน
เถาจืออวิ๋นดึงฉีฉีมาปกป้องไว้ข้างหลังโดยสัญชาติญาณ มองคนคนนั้นด้วยความหวาดผวา
จนเมื่อมองเห็นคนที่เข้ามาขวางทางพวกหล่อนสองแม่ลูกได้อย่างชัดเจนแล้ว สีหน้าก็ถมึงทึงทันใด ในขณะเดียวกันก็เพิ่มความระแวดระวังตัวขึ้นไปอีก
คนที่มาขวางพวกหล่อนสองแม่ลูกนั้นไม่ใช่ใครอื่น ก็คือหม่าเทาอดีตสามีของหล่อนนั่นเอง
ทว่าหม่าเทาในตอนนี้ไม่ได้ดูสะอาดสะอ้านอ่อนโยนเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว
เขาในตอนนี้ทั้งหนวดเครารุงรัง เสื้อผ้ายับยู่ยี่ เห็นได้ชัดว่าทั้งท้อแท้ทั้งห่อเหี่ยว แค่ดูก็รู้ว่าคงไม่ได้อยู่ดีนัก
เถาจืออวิ๋นปกป้องฉีฉีเอาไว้ถอยหลังไปสองสามก้าว ถามด้วยความตึงเครียด “คุณคิดจะทำอะไร?”
ขณะที่พูดก็มองสอดส่องไปรอบๆ
เป็นเวลาเลิกงานพอดี คนงานของโรงงานตัดเสื้อชุนเหล่ยไม่น้อยกำลังเดินไปที่หมู่บ้านพอดี
บางคนยังมองมาทางหล่อนอีกด้วย
เถาจืออวิ๋นจึงสบายใจขึ้นมาไม่น้อย
ขอแค่หม่าเทากล้าทำมิดีมิร้ายหล่อนสองแม่ลูก หล่อนก็จะตะโกนขอความช่วยเหลือทันที คนงานของโรงงานตัดเสื้อชุนเหล่ยพวกนั้นจะต้องมาช่วยหล่อนแน่
แม้ว่าหล่อนจะกำลังพักงานโดยไม่รับค่าจ้างอยู่ แต่ก็ยังเป็นพนักงานของโรงงานตัดเสื้อชุนเหล่ย
นอกจากนี้หล่อนยังหาคำสั่งซื้อOEMจำนวนมากให้กับโรงงานตัดเสื้อชุนเหล่ย คนงานถึงได้มีงานทำ โรงงานถึงสามารถจ่ายเงินเดือนได้
หากว่าหล่อนสองแม่ลูกเกิดอันตรายขึ้นมาจริงๆ พนักงานของโรงงานเสื้อผ้าชุนเหล่ยและครอบครัวก็คงยื่นมือมาช่วยแน่
หม่าเทาเห็นว่าเถาจืออวิ๋นเตรียมป้องกันเขาอย่างเต็มที่ จึงไม่กล้าเข้าไปใกล้ กลัวว่าจะทำให้สองแม่ลูกตกใจจนหนีไป
เขาเอ่ยเสียงเบาอย่างอ่อนโยนอยู่ที่เดิม “จืออวิ๋น คุณไม่ต้องกลัวนะ ผมจะไม่ทำร้ายคุณกับลูก ผมมาเพราะอยากจะแต่งงานใหม่กับคุณอีกครั้ง”
เถาจืออวิ๋นมองไปที่เขาอย่างดูแคลน แล้วเอ่ยเหยียดหยาม “คุณได้แต่งงานกับแม่รักแรกของคุณอย่างยากลำบาก ฟูมฟักรักหวานซึ้งกับหล่อนไม่ใช่หรือไง แล้วทำไมถึงอยากมาแต่งงานใหม่ซ้ำกับฉันอีกล่ะ? คุณจะมีความคิดแบบนี้ไม่ได้ คุณต้องซื่อสัตย์จริงใจกับหล่อนสิ!”
หม่าเทาพูดอย่างรักใคร่ลึกซึ้ง “นั่นเพราะผมลุ่มหลงมัวเมาไปชั่วขณะ ถึงได้หย่ากับคุณไปแต่งกับหล่อน พอได้ใช้ชีวิตกับหล่อนจริงๆ ผมก็นึกเสียใจขึ้นมา เวินหงเหมยน่ะเป็นหญิงชั้นต่ำ หมกมุ่นอยู่กับเรื่องหน้าตา แถมยังโคตรขี้เกียจ เทียบกับคุณแล้ว คนหนึ่งสวรรค์ คนหนึ่งนรก ผมหย่ากับยัยชั้นต่ำนั่นแล้ว พวกเรามาแต่งงานกันอีกครั้งเถอะ”
เถาจืออวิ๋นเห็นเขาไม่ตะขิดตะขวงใจแม้แต่น้อย เรียกแม่แสงจันทร์ขาว(2)ของเขาว่าหญิงชั้นต่ำได้เต็มปากเต็มคำ ก็ไม่รู้ว่าถ้าเวินหงเหมยได้ยินเข้าจะรู้สึกยังไง
หล่อนพูดด้วยรอยยิ้มเย็นชา “คุณบอกว่าแต่งใหม่ก็จะแต่ง คุณเอาความมั่นใจมาจากไหนคิดอยากจะแต่งงานใหม่กัน?”
หม่าเทาชี้ไปยังฉีฉีที่หลบอยู่ข้างหลังหล่อน “พวกเรายังมีลูกชายด้วยกันอยู่ไม่ใช่เหรอ ฉีฉีต้องการพ่อนะ!”
เถาจืออวิ๋นพูดโต้ตอบอย่างเสียดสี “แต่ลูกสาวที่เวินหงเหมยมีให้คุณเองก็ต้องการคุณเป็นพ่อเหมือนกันนี่”
ฉีฉีโผล่หัวน้อยๆ ออกมาจากข้างหลังเถาจืออวิ๋น พูดขึ้น “ผมไม่ต้องการพ่อ!”
เสียงของเจ้าตัวน้อยแม้จะเบามาก แต่ก็แน่วแน่อย่างยิ่ง
เถาจืออวิ๋นลูบศีรษะน้อยๆ ของฉีฉี แล้วยิ้มพลางพูดกับหม่าเทา “ได้ยินแล้วหรือยัง ลูกไม่ต้องการคุณ คุณอย่าเอาลูกมาอ้างเลย คุณก็อยู่กับแม่รักแรกของคุณแล้วก็ลูกสาวของพวกคุณ อยู่กันสามคนพ่อแม่ลูกอย่างมีความสุขไปก็แล้วกันนะ”
พูดจบหล่อนก็รีบป้องฉีฉีเอาไว้เดินเข้าไปในหมู่บ้านของโรงงานตัดเสื้อชุนเหล่ย
เมื่อหม่าเทาเห็นสถานการณ์เป็นเช่นนั้น ก็เอื้อมมือไปคว้าแขนของหล่อน “จืออวิ๋น อย่าไปเลย พวกเรามาคุยกันดีๆ เถอะนะ”
เขายังพูดไม่ทันจบ หัวหน้าหลูก็หยิบท่อนไม้ท่อนหนึ่งพุ่งเข้ามาจากด้านหลังของเขา
ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ฟาดท่อนไม้เข้าที่ศีรษะของเขา ทำให้เขาหัวแตก เลือดสดๆ ไหลออกมาในทันใด
หม่าเทามึนงงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะล้มโครมลงกับพื้นและสลบไป
เถาจืออวิ๋นตกใจขวัญหนี เอามือปิดตาฉีฉีแล้วเดินถอยไปข้างหลัง
หัวหน้าหลูเองก็ตะลึงลานอยู่ตรงนั้น เขาไม่คาดคิดว่าตนจะลงมือหนักนั้นนี้ ฟาดแค่ทีเดียวก็ทำหม่าเทาหัวแตกเสียแล้ว จนถึงขั้นเป็นลมไปด้วย
เถาจืออวิ๋นได้สติกลับมา รีบเค้นเสียงร้องตะโกนขึ้นมา “ใครก็ได้รีบมาที มีคนได้รับบาดเจ็บ!”
ทันใดนั้น พนักงานที่เลิกงานแล้วของโรงงานตัดเสื้อชุนเหล่ยก็รุมล้อมเข้ามา
ทุกคนชุลมุนแบกหม่าเทาขึ้นมาแล้ววิ่งไปที่ห้องพยาบาลของโรงงาน
เมื่อหมอที่ห้องพยาบาลเห็นว่าแผลค่อนข้างใหญ่และจำเป็นต้องเย็บแผล เขาไม่สามารถจัดการที่นี่ได้ จึงให้หัวหน้าหลูและคนอื่นๆ ส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล
หัวหน้าหลูและเพื่อนร่วมงานสองสามคนจึงส่งหม่าเทาที่ยังโรงพยาบาลผู่จี้ที่อยู่ใกล้ที่สุดด้วยความรีบเร่งอีกครั้ง
เถาจืออวิ๋นลังเลเล็กน้อย ก่อนอุ้มฉีฉีตามไปที่โรงพยาบาลผู่จี้ด้วยกัน
ในตอนนี้แพทย์ในแผนกฉุกเฉินทำการรักษาให้หม่าเทา ก็ถามคนที่ส่งเขามา ว่าหม่าเทาได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร
เขาต้องทำความเข้าใจว่าผู้บาดเจ็บได้รับบาดเจ็บอย่างไร ถึงจะสามารถตัดสินใจว่าต้องทำการแสกนสมองให้เขาหรือไม่
เหล่าเพื่อนร่วมงานต่างมองมาที่เถาจืออวิ๋น แล้วมองไปที่หัวหน้าหลูอีกครั้ง ไม่มีใครกล้าบุ่มบ่ามพูดอะไร
เพียงแค่บอกว่าเมื่อพวกเขาเห็นหม่าเทาได้รับบาดเจ็บ ก็พามารักษาโดยทันที พวกเขาไม่รู้อะไรอย่างอื่นเลยแม้แต่น้อย
แพทย์ขมวดคิ้ว “แม้แต่เรื่องที่เขาบาดเจ็บได้ยังไงพวกคุณก็ยังไม่แน่ใจ…ช่างเถอะ รอเย็บแผลเสร็จแล้ว ผมจะทำการแสกนสมองให้เขา ดูว่ามีการกระทบกระเทือนในสมองหรือเปล่า”
ในตอนนั้นเอง หม่าเทาก็ตื่นขึ้นอย่างเลือนราง แล้วพูดกับแพทย์ฉุกเฉินด้วยความอ่อนแรง “คุณหมอ ผมถูกคนทำร้าย รบกวนคุณช่วยแจ้งตำรวจให้ผมด้วย”
สีหน้าของเถาจืออวิ๋นและหัวหน้าหลูต่างก็ซีดเผือด
(1)หูล่าทัง คืออาหารประเภทซุปที่มีลักษณะข้นหนืดและรสชาติเผ็ดร้อน เป็นที่นิยมกันมณฑลเหอหนาน ส่านซีและที่อื่นๆ ในประเทศจีน มักเสิร์ฟเป็นอาหารเช้า โดยมักจะกินกับแป้งทอดหรือซาลาเปา
(2)แสงจันทร์สีขาว หมายถึง คนที่หลงรักแต่ไม่สามารถอยู่ด้วยกันและไม่มีวันลืมเลือน
สารจากผู้แปล
โถ ยังจะมาขอคืนดี ดูสารรูปตัวเองมั่งนะอดีตสามี
สวะแบบนี้ฟาดที่อื่นก็พอมั้ง ฟาดหัวแบบนี้ก็เป็นเรื่องเข้าตัวน่ะสิ
ไหหม่า(海馬)