แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 509 คว้าโอกาส
ตอนที่ 509 คว้าโอกาส
หลินม่ายตัดสินใจอย่างฉับพลันว่าจะมอบให้เสื้อผ้าทั้งหมดให้ทางกองถ่าย
ชาติที่แล้วเธอไม่เคยรู้เบื้องลึกเบื้องหลังของทีมงานกองถ่าย ‘มนต์รักภูเขาหลูซาน’ มาก่อน จึงไม่รู้ว่าผู้กำกับหวงให้ความสำคัญกับเสื้อผ้าของนางเอกภาพยนตร์ขนาดนี้
ในเมื่อชาตินี้เธอบังเอิญรู้เข้า ก็ไม่ควรปล่อยให้โอกาสดังกล่าวหลุดมือเป็นอันขาด ต้องคว้าโอกาสเป็นสปอนเซอร์ด้านเครื่องแต่งกายให้ทางกองถ่ายเสียเลย
คนยุคนี้คงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสปอนเซอร์หมายถึงอะไร
ต่างจากหลินม่ายที่เกิดใหม่มาแล้วถึงสองชาติ ไม่ใช่แค่เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าสปอนเซอร์คืออะไรเท่านั้น แต่เธอยังรู้ดีด้วยว่าประโยชน์ที่ตัวเองจะได้รับในฐานะที่เป็นสปอนเซอร์ให้กับอีกฝ่าย ไม่ได้เลวร้ายไปกว่าผลลัพธ์จากการร้องขอให้อีกฝ่ายมาเป็นพรีเซนเตอร์เลย
การที่เธอสนับสนุนเสื้อผ้าแบรนด์Uniqueของตัวเองให้กับกองถ่าย ก็ถือได้ว่าเป็นการโฆษณาทางอ้อมเช่นกัน
เมื่อผู้กำกับหวงหันหน้าไปมอง ก็เห็นหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่ง ผิวพรรณขาวผ่องงดงาม ใบหน้าสวยสะดุดตาราวกับไข่มุกล้ำค่ายืนอยู่ตรงหน้าเขา
ทันใดนั้นดวงตาของเขาพลันสว่างขึ้น ก่อนจะโพล่งออกมาโดยไม่คิด “สหายสาวน้อย คุณอยากแสดงเป็นนางเอกภาพยนตร์ของผมไหม?”
ไม่ใช่แค่หลินม่ายคนเดียว ทุกคนต่างก็ตกตะลึงกันหมด
โดยเฉพาะนางเอกอย่างจางอวี้ นอกเหนือจากความตกตะลึงแล้ว หล่อนยังแสดงสีหน้าไม่สู้ดีอย่างออกนอกหน้า
จู่ ๆ ก็ถูกผู้กำกับหาเรื่องเปลี่ยนตัวนางเอกในที่สาธารณะ แถมยังถูกใครก็ไม่รู้มาเสียบบทแทน ใครบ้างจะทนรับการโจมตีนี้ได้?
หลินม่ายมองไปที่ผู้กำกับหวงด้วยความประหลาดใจ
เธอตั้งใจมาเป็นสปอนเซอร์เครื่องแต่งกายให้ทีมงาน แต่ทำไมผู้กำกับหวงถึงอยากให้เธอเป็นนางเอกเสียอย่างนั้น?
ผู้ชายคนนี้ช่างเดินเกมอย่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย คิดเอาความเกลียดชังมาโยนใส่หัวเธอหรืออย่างไร?
เธอยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่คำพูดไม่กี่ประโยคของผู้กำกับหวง กลับทำให้จางอวี้ขุ่นเคืองเธอจะเป็นจะตายอยู่แล้ว
หลินม่ายได้แต่หัวเราะแหะ ๆ สองครั้ง “ผู้กำกับหวงคะ ฉันแค่อยากสนับสนุนเครื่องแต่งกายสำหรับทีมงานของคุณเท่านั้นเอง ไม่ได้อยากรับบทอะไรซะหน่อยค่ะ”
ว่าแล้วก็ชำเลืองมองไปทางจางอวี้ซึ่งกำลังส่งสายตาไม่สบอารมณ์มาให้ “เรื่อง ‘มนต์รักภูเขาหลูซาน’ ของผู้กำกับหวงมีนางเอกที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการแล้ว คุณจางเป็นคนสวยมาก เธอเหมาะกับบทบาทนางเอกในภาพยนตร์จะตายไป แถมยังมีทักษะการแสดงเป็นเลิศ คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวเธอเลย”
ผู้กำกับหวงหัวเราะ ก่อนจะอธิบายว่า “เข้าใจผิดแล้ว เข้าใจผิดแล้ว! ผมไม่ได้หมายถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่หมายถึงเรื่องถัดไปต่างหาก ภาพยนตร์เรื่องต่อไปของผมมีเนื้อหาเกี่ยวกับนักศึกษา ผมคิดว่าภาพลักษณ์และอุปนิสัยของคุณเหมาะกับบทนางเอกมาก คุณลองกลับไปคิดดูก่อนดีไหม?”
สาวน้อยคนนี้หน้าตาสวยมาก โดยเฉพาะแววตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความฉลาดเฉลียวซึ่งส่อออกมาจากภายใน
ใบหน้านี้แทบจะเรียกได้ว่าสวรรค์ปั้นแต่ง น่าเสียดายที่เธอไม่ได้ทำอาชีพนักแสดง!
จางอวี้แอบตบหน้าอกตัวเองเบา ๆ
ที่แท้อีกฝ่ายก็ไม่ได้ต้องการมาแทนที่หล่อน แต่ทำให้หล่อนกลัวแทบตาย
หลินม่ายปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม “ฉัน… เกรงว่าคงไม่มีเวลาถ่ายทำน่ะค่ะ”
ผู้กำกับหวงตอบกลับ “ผมรอให้คุณมีเวลาว่างแล้วค่อยนัดถ่ายทำก็ได้ ไม่เร่งรีบขนาดนั้น”
หลินม่ายไม่รู้ว่าควรตอบกลับอย่างไรดี ได้แต่ยิ้มตอบอย่างสุภาพด้วยท่าทีอึดอัดใจ
ผู้กำกับหวงถามซ้ำอีกครั้ง “เมื่อกี้นี้คุณเพิ่งพูดว่าอะไรนะ? อยากสนับสนุนเครื่องแต่งกายสำหรับนางเอกให้ทีมงานของเรางั้นเหรอ?”
ขณะที่ถามเขาก็มองดูเสื้อผ้าที่หลินม่ายสวมใส่ตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วถามอย่างมีความหวัง “เสื้อผ้าที่คุณอยากสนับสนุนมีสไตล์ทันสมัยเหมือนกับที่คุณใส่อยู่หรือเปล่าล่ะ?”
เมื่อเห็นว่าในที่สุดเขาก็ดึงบทสนทนากลับมาสู่ประเด็นหลักได้สักที หลินม่ายถึงกับพูดขอบคุณพระเจ้าในใจ แล้วยืนยันอย่างเต็มปากว่า “ทันสมัยกว่าที่ฉันใส่อยู่ด้วยซ้ำค่ะ”
ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นพากันตกตะลึงอีกครั้ง ในใจเกิดความสงสัย
สาวน้อยคนนี้พูดจาชวนเชื่อเกินไปหรือเปล่า ลำพังเสื้อผ้าที่หล่อนสวมอยู่ก็ทันสมัยและดูดีมากอยู่แล้วนะ
ไม่อยากเชื่อเลยว่าเสื้อผ้าที่หล่อนตั้งใจให้การสนับสนุนจะดูดีมากไปกว่าชุดที่หล่อนสวมอยู่ในตอนนี้
แม้แต่ในฮ่องกง ไต้หวัน หรือประเทศหมู่เกาะแห่งหนึ่งที่มีวิถีชีวิตดีเยี่ยมขนาดนั้น พวกเขาก็ไม่เคยเห็นเสื้อผ้าที่ทันสมัยและสวยงามแบบนี้มาก่อน
หลินม่ายวางเสื้อผ้าหลายชุดที่หอบไว้ในมือลงบนโซฟาให้ทุกคนตัดสินด้วยตัวเอง
ทุกคนเห็นพ้องตรงกันว่าเสื้อผ้าพวกนี้ดูดีเหมือนกับที่หลินม่ายโฆษณาไว้จริง ๆ ล้ำสมัยยิ่งกว่าเสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายของเธอเสียอีก จึงกระตุ้นให้จางอวี้ลองสวมดูสักชุด
แค่มองไปทางเสื้อผ้าสไตล์สวยหรูเหล่านั้น จางอวี้ก็รู้สึกกระตือรือร้นขึ้นมาทันที
แต่ถึงหล่อนไม่พูดอะไร หลินม่ายก็พอมองออกว่าหล่อนเขินอายเกินกว่าจะลองสวมมัน
หลินม่ายหันไปช่วยกระตุ้นหล่อนอีกแรงหนึ่ง “ฉันตั้งใจนำเสื้อผ้าพวกนี้มามอบให้กับทางกองถ่ายอยู่แล้วค่ะ แปลว่าพวกมันเป็นชุดของคุณจางทั้งหมดเลย คุณจางลองใส่ดูเถอะค่ะ ทุกคนจะได้ช่วยกันออกความคิดเห็น”
จากนั้นจางอวี้ก็หยิบเสื้อผ้าขึ้นมาชุดหนึ่ง แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนชุด
กระทั่งหล่อนเปลี่ยนชุดเสร็จและเดินออกมาจากห้องน้ำ ทุกคนก็ต้องประหลาดใจไปตาม ๆ กัน
ผู้กำกับหวงถึงกับหน้าแดงเรื่อด้วยความพึงพอใจ พูดอย่างอารมณ์ดีว่า “เสื้อผ้าพวกนี้สอดคล้องกับบทบาทของนางเอกในภาพยนตร์มาก!”
เขาหันกลับมาถามหลินม่ายว่าเธอสามารถสนับสนุนเสื้อผ้าให้ทีมงานได้กี่ชุด
หลินม่ายชูนิ้วขึ้นมา ‘หก’ นิ้ว “อย่างน้อยหกสิบชุดค่ะ”
เธอจำได้ว่าในชาติที่แล้ว นางเอกของภาพยนตร์เรื่องนี้เปลี่ยนชุดไปทั้งหมดสี่สิบสามชุด แต่เธอเตรียมเสื้อผ้ามาให้อีกฝ่ายเลือกถึงหกสิบชุดกันเลยทีเดียว
ผู้กำกับหวงมีความสุขมากเมื่อได้ยินแบบนั้น ตัดสินใจยอมรับหลินม่ายเป็นสปอนเซอร์รายใหญ่ทันที
หลินม่ายรีบตีเหล็กในขณะที่ยังร้อน นำเสนอกับผู้กำกับหวงว่า “ฉันยังต้องการสนับสนุนเครื่องประดับต่าง ๆ ที่นางเอกภาพยนตร์จำเป็นต้องใช้ในระหว่างถ่ายทำด้วยนะคะ ไม่ทราบว่าผู้กำกับหวงจะยอมรับด้วยหรือเปล่า”
ผู้กำกับหวงพูดกลั้วหัวเราะ “งั้นคุณก็ต้องเอาเครื่องประดับพวกนั้นมาแสดงให้ผมดูก่อน ผมถึงจะตัดสินใจได้”
หลินม่ายหยิบเครื่องประดับจากไป๋เหอทุกประเภทมาวางเรียงให้ทุกคนพิจารณา
ถึงเครื่องประดับพวกนี้จะไม่สวยงามน่าตื่นตาเท่ากับเสื้อผ้าแบรนด์Unique แต่ก็ทำให้ดวงตาของทุกคนเปล่งประกายไม่ต่างกัน
อย่างน้อยของพวกนี้ก็สวยกว่าเครื่องประดับที่ฝ่ายฉากจัดหามาให้อีก
ผู้กำกับหวงตัดสินใจอีกครั้ง ในที่สุดก็ยอมใช้เครื่องประดับไป๋เหอที่หลินม่ายให้การสนับสนุน
ถึงอย่างไรของทั้งหมดก็ได้มาฟรี ๆ เขาไม่มีทางใช้พวกมันโดยเปล่าประโยชน์
หลินม่ายพึงพอใจกับผลลัพธ์นี้มาก
เธอไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะบรรลุวัตถุประสงค์การขอเป็นสปอนเซอร์ได้อย่างง่ายดาย
แต่นั่นยังไม่เพียงพอ เธอต้องเจรจาให้ผู้กำกับหวงยอมอนุญาตให้จางอวี้มาถ่ายทำโฆษณาให้ได้
สำหรับยุคสมัยนี้ ภาพยนตร์เรื่องหนึ่งต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งปีกว่าจะถ่ายทำสำเร็จจนถึงวันออกฉาย
ฉะนั้นแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะพึ่งพาตำแหน่งสปอนเซอร์แค่อย่างเดียวเพื่อเพิ่มยอดขายในช่วงวันชาติ ต้องรอหลังจากภาพยนตร์เข้าฉายโน่นเลย ตำแหน่งสปอนเซอร์จึงจะเห็นผล
ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องออกอากาศโฆษณาตามที่วางแผนไว้ในตอนแรกอยู่ดี
ขณะที่หลินม่ายกำลังครุ่นคิดว่าจะเจรจาขอให้จางอวี้มาถ่ายทำโฆษณาอย่างไรให้บรรลุเป้าหมาย ผู้กำกับหวงก็พูดขึ้นก่อนว่า
“สหายสาวน้อย คุณเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลายหรือเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยกันล่ะ? การที่คุณสนับสนุนเสื้อผ้าและเครื่องประดับให้กับกองถ่ายภาพยนตร์ของเรา คงต้องใช้เงินเป็นจำนวนไม่น้อยเลย พ่อแม่ของคุณรู้เรื่องนี้หรือเปล่า?”
ตอนแรกเขาเห็นแค่ว่าเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่ได้รับการสนับสนุนจากหลินม่ายนั้นตรงตามความต้องการของเขาอย่างเหมาะเจาะ จึงไม่คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ และยอมรับทุกอย่างตามที่เธอเสนอมา
แต่เมื่ออารมณ์ตื่นเต้นของเขาสงบลง ก็รู้สึกถึงความไม่เหมาะสมบางอย่าง
เด็กสาวตัวเล็กตรงหน้าเขายังดูละอ่อนเหมือนเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลาย ถึงแม้เธอจะเป็นนักศึกษาก็ตาม แต่เธอก็ไม่มีแหล่งรายได้อื่นนอกจากเบี้ยเลี้ยงจากรัฐ
การที่อีกฝ่ายสนับสนุนเสื้อผ้าและเครื่องประดับจำนวนมากแบบนี้ ตีมูลค่ารวมแล้วไม่ต่ำกว่าหลายพันหยวน
ทุกวันนี้ แม้แต่ครอบครัวทหารฝ่ายเสนาธิการยังเป็นเรื่องยากที่จะมีเงินออมเกินหนึ่งพันหยวน
เมื่อมองจากภายนอกแล้ว ถึงหญิงสาวคนนี้ดูเหมือนมาจากครอบครัวที่มีฐานะดีก็ตาม แต่การที่เธอใช้เงินหลายพันหยวนไปกับการซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประดับมาให้การสนับสนุนกับทางกองถ่าย ไม่ว่าครอบครัวไหนก็ไม่มีทางปล่อยให้ลูก ๆ ของพวกเขาใช้เงินโดยพลการแน่!
ผู้กำกับหวงอดสงสัยไม่ได้ ว่าเด็กสาวคนนี้อาจขโมยเงินออมทั้งหมดของครอบครัวมาให้การสนับสนุนกองถ่ายก็เป็นได้
ถ้าเป็นกรณีนั้นจริง ๆ เขาคงไม่ยอมรับการสนับสนุนจากเด็กสาวคนนี้อย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาก็ไร้คุณธรรมในวิชาชีพสิ้นดี
หลินม่ายเข้าใจความกังวลของผู้กำกับหวงในทันที
ผู้คนในยุคสมัยนี้ยังคงมีนิสัยเรียบง่ายและซื่อสัตย์
ถ้าผ่านพ้นไปอีกสักสามสิบถึงสี่สิบปี มโนธรรมของมนุษย์จะหลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิด
คนรวยส่วนใหญ่เทเงินจำนวนมหาศาลออกจากกระเป๋าอย่างง่ายดายเหมือนเชือดหมู
ยกตัวอย่างเช่นแพลตฟอร์มเกมที่มีอิทธิพลต่อเยาวชนเป็นอย่างยิ่ง เด็กวัยรุ่นถึงขั้นขโมยเงินที่พ่อตัวเองต้องใช้ในการผ่าตัดเพื่อเอาไปเติมเกม ซึ่งเงินจำนวนนั้นไม่ใช่น้อย ๆ เลย
ผู้เป็นแม่เรียกร้องให้แพลตฟอร์มเกมคืนเงิน แต่ทางแพลตฟอร์มกลับเพิกเฉย
หลังจากนั้นข่าวนี้ก็ถูกเผยแพร่ลงในโลกออนไลน์ ภายใต้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของสาธารณชนที่แข็งแกร่ง แพลตฟอร์มเกมดังกล่าวจึงยอมคืนเงินให้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น
ผู้กำกับหวงคงกลัวว่าเธออาจใช้เงินจำนวนมากไปกับการซื้อเสื้อผ้าและเครื่องประดับเพื่อให้การสนับสนุนกับทางกองถ่าย โดยที่ไม่ได้รับความยินยอมจากผู้เป็นพ่อและแม่
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ม่ายจื่อไม่ได้ยืมเงินพ่อแม่มาหรอกค่ะ เพราะแท้จริงแล้วเธอเป็นประธานบริษัท
ไหหม่า(海馬)