แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 544 วันเกิดปีที่สิบแปด
ตอนที่ 544 วันเกิดปีที่สิบแปด
หลินม่าย เหรินเป่าจู และซุนอวิ้นหงไปส่งกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้เสียหายย้ายไปอีกโรงพยาบาลหนึ่งด้วยตัวเอง ทั้งยังดำเนินการติดต่อเรื่องค่ารักษาพยาบาลทั้งหมด นอกจากนี้ยังมอบหมายให้เสิ่นเสี่ยวผิงคอยอยู่ดูแลลูกค้าทั้งหมดในโรงพยาบาล เพื่อที่จะได้ตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้ตลอดเวลา และรายงานปัญหาให้ทราบได้อย่างทันท่วงที
จากนั้นเธอกับเหรินเป่าจูก็ไม่รั้งรออยู่ที่โรงพยาบาลอีกต่อไป รีบกลับไปที่โรงงานเพื่อจัดการเรื่องที่ครีมเสริมขนาดทรวงอกหลุดไปถึงมือผู้บริโภค
หลินม่ายวางแผนว่าจะจัดตั้งฝ่ายประชาสัมพันธ์หลังจากความวุ่นวายนี้คลี่คลายลง
ถ้าเจอเหตุฉุกเฉินทำนองนี้อีกครั้ง แล้วเธอต้องคอยตามแก้ปัญหาด้วยเองตลอด จะเป็นการเสียเวลาเกินไป
เธอมีรายชื่อหัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์ในใจแล้ว คนคนนั้นก็คือซุนอวิ้นหง ผู้จัดการร้านสาขาย่อยที่วางตัวสงบนิ่งแม้ต้องเผชิญกับเหตุการณ์วิกฤต ทั้งยังมีความสามารถในการเดินหน้าและถอยหลังเป็นอย่างดี
เมื่อครู่นี้หลินม่ายคอยแอบดูหล่อนอยู่ห่าง ๆ
ในระหว่างเคลื่อนย้ายไปอีกโรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปลอบโยนหรือพยายามอธิบายกับบรรดาลูกค้าที่หน้าบวมเหมือนหัวหมูไหว้เจ้า หล่อนล้วนมีทักษะทางวาทศิลป์ในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอยู่ในระดับที่ดีเยี่ยม แสดงให้เห็นว่าหล่อนมีคุณสมบัติครบถ้วนสำหรับงานประชาสัมพันธ์
ตอนแรกกลุ่มลูกค้าที่ใช้ครีมเสริมขนาดทรวงอกผิดตำแหน่งต่างหัวเสียกันมาก
ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวราคาสูงที่พวกหล่อนยอมเสียเงินซื้อ นอกจากจะบำรุงผิวพรรณไม่ได้แล้ว ยังทำให้หน้าของพวกหล่อนบวมเป่งราวกับหัวหมู
พวกเขาเตรียมพร้อมจัดหนักกับUniqueอยู่แล้วเชียว ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ก็ต้องได้รับคำอธิบายที่สมเหตุสมผล
ปรากฏว่าทัศนคติของหลินม่ายในการเยียวยาพวกเขาดีมาก จนทำให้ความโกรธเคืองของลูกค้าเหล่านั้นเบาบางลง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนเที่ยง ถึงอาหารมื้อกลางวันที่เสิ่นเสี่ยวผิงจัดเตรียมไว้ให้พวกเขาจะเป็นข้าวกล่อง แต่ก็เป็นเมนูที่ทำจากปลาและเนื้อสัตว์
หลังจากได้กินอาหารอร่อย ๆ ลูกค้าก็มีความสุข ไม่เพียงแต่พวกเขาจะไม่โกรธเคืองUniqueอีกต่อไป แต่ยังยกย่องชื่นชมUniqueอีกด้วย
ใบหน้าของลูกค้าหลายรายเริ่มหายจากอาการบวมตั้งแต่ก่อนช่วงบ่าย
เช้าวันรุ่งขึ้น ใบหน้าของทุกคนก็กลับสู่สภาวะปกติ
ความจริงพวกเธอสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว แต่หลินม่ายขอให้ทุกคนอยู่สังเกตอาการอีกสองวัน
เมื่อเห็นว่าหลินม่ายให้ความสำคัญกับพวกเธอมาก กลุ่มลูกค้าต่างก็ประทับใจในตัวเธอ
ไม่นาน ระยะเวลาสังเกตการณ์สองวันก็ผ่านไป ลูกค้ากลุ่มนั้นก็พร้อมจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว
ทางUniqueได้จ่ายเงินค่าชดเชยให้ทุกคนอย่างเต็มจำนวนตั้งแต่ก่อนที่พวกเขาจะออกจากโรงพยาบาลเสียอีก
ถึงอย่างนั้นหลินม่ายก็ยังมาที่โรงพยาบาล เพื่อแสดงความขอโทษอย่างสุดซึ้งต่อกลุ่มลูกค้าด้วยตัวเองอีกครั้ง
ดังนั้นเมื่อนักข่าวมาขอสัมภาษณ์ลูกค้าเหล่านั้น และสอบถามว่าพวกเขาพึงพอใจกับมาตรการเยียวยาของUniqueหรือไม่ ลูกค้ารีบแสดงความคิดเห็นว่าพวกเธอพึงพอใจมาก
นอกจากนี้พวกเธอยังบอกด้วยว่าไม่เคยเห็นบริษัทหรือเจ้านายขององค์กรไหนที่มีจิตสำนึกขนาดนี้มาก่อน
ทั้งหลินม่ายและแบรนด์Uniqueได้รับคำชื่นชมอย่างล้นหลาม
เมื่อนักข่าวเขียนรายงานบทสัมภาษณ์เหล่านี้ลงในหนังสือพิมพ์ ชื่อเสียงของUniqueก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า
หลังจากดำเนินการแก้ปัญหาให้ลูกค้าทั้งหมดที่ใช้ครีมเสริมขนาดหน้าอกผิดตำแหน่ง จนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเสร็จสิ้น ภายในวันนั้น หลินม่ายก็เริ่มไล่บี้เอาผิดกับคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องเมื่อกลับไปถึงโรงงาน
หลังจากตรวจสอบทีละขั้นตอน ไม่นานเรื่องทั้งหมดก็กระจ่าง
เริ่มจากหลินม่ายกำชับกับเสิ่นเสี่ยวผิง ว่าห้ามไม่ให้ใครเอากล่องบรรจุครีมเสริมขนาดทรวงอกออกไปขายเด็ดขาด
คนที่รับรู้เรื่องนี้จึงมีเสิ่นเสี่ยวผิง เหรินเป่าจู และหัวหน้าฝ่ายคลังสินค้าอย่างเจี่ยงชุนหลิง
แต่พอหลี่กั๋วเซิ่งมารับสินค้า เจี่ยงชุนหลิงกลับไม่ขนกล่องสินค้าออกมาให้เขา ปล่อยให้หลี่กั๋วเซิ่งเข้าไปขนสินค้าออกมาจากโกดังด้วยตัวเอง
หลี่กั๋วเซิ่งไม่รู้ว่ากล่องบรรจุครีมเสริมขนาดทรวงอกที่วางอยู่ตรงมุมนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้ขาย เขาคิดว่ามันคงเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเหมือน ๆ กัน
ดังนั้นเขาจึงนำกล่องบรรจุครีมเสริมขนาดทรวงอกไปให้กับร้านค้าในเครือUniqueสาขาที่ซุนอวิ้นหงดูแลรับผิดชอบ ทำให้เกิดเหตุการณ์หายนะข้างต้น
เจี่ยงชุนหลิงจึงกลายเป็นคนที่มีส่วนผิดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นมากที่สุด หลินม่ายจึงไล่หล่อนออกจากงานทันที
เมื่อเจี่ยงชุนหลิงรู้ตัวว่าตัวเองโดนไล่ออก หล่อนก็ร้องไห้ราวกับชีวิตหมดหนทาง
ทุกวันนี้งานหายากมาก งานที่มีค่าตอบแทนสูงยิ่งหายากกว่า
หล่อนอ้อนวอนขอให้เหรินเป่าจูช่วยไปเจรจาขอโอกาสอีกครั้ง แต่กลับถูกปฏิเสธอย่างเย็นชา
ส่วนหลี่กั๋วเซิ่งแม้จะไม่ถูกไล่ออก แต่เขาก็ถูกสั่งงดจ่ายเงินเดือนเป็นเวลาสามเดือน
เรื่องใหญ่ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เขาทำความผิดที่เล็งเห็นได้อย่างชัดเจนถึงสองอย่าง
อย่างแรก หลังนำสินค้าออกมาจากโกดัง เขาก็เดินออกจากโรงงานไปโดยที่เจี่ยงชุนหลิงไม่ทันเห็น
ถ้าเจี่ยงชุนหลิงทันเห็นว่าเขายกกล่องอะไรไป บางทีเหตุการณ์ดังกล่าวอาจไม่เกิดขึ้น
อย่างที่สอง เมื่อเขานำครีมเสริมขนาดทรวงอกไปส่งให้กับร้านค้าในเครือ ซุนอวิ้นหงเคยถามเขาแล้วครั้งหนึ่งว่ารอบนี้เขาเอาผลิตภัณฑ์อะไรมาบ้าง
พอเขาตอบคำถามไม่ได้ ก็ไม่ยอมกลับมาขอให้ใครช่วยยืนยันประเภทสินค้า การบิดเบือนข้อเท็จจริงของเขา ทำให้พลาดโอกาสครั้งที่สองซึ่งอาจหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาได้
บทลงโทษของหลินม่ายรุนแรงพอสมควร ในขณะเดียวกันมันก็ส่งสัญญาณเตือนไปถึงพนักงานทุกคนให้พวกเขาตระหนักว่า ถ้าพวกเขาอยากทำงานในโรงงานตัดเสื้อUniqueไปนาน ๆ พวกเขาจะต้องจริงจังและมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่
ที่ไหนมีบทลงโทษ ที่นั่นย่อมมีรางวัล
หลินม่ายให้รางวัลซุนอวิ้นหงที่ระงับการจำหน่ายครีมเสริมขนาดทรวงอกได้ทันเวลา
ถ้าหล่อนไม่มีปฏิกิริยาต่อสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือไม่ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ผู้เสียหายอาจมีจำนวนมากกว่านี้
หลินม่ายเลื่อนตำแหน่งให้ซุนอวิ้นหงขึ้นเป็นหัวหน้าแผนกประชาสัมพันธ์ ทำงานร่วมกับฝ่ายบุคคล มีหน้าที่รับผิดชอบในการสรรหาพนักงานของฝ่ายประชาสัมพันธ์ และจัดตั้งฝ่ายประชาสัมพันธ์ขึ้น
หลังจัดการกับปัญหาครีมเสริมขนาดทรวงอก ระยะเวลาโปรโมชั่นช่วงวันชาติก็สิ้นสุดลงเช่นกัน
หลังพ้นช่วงโปรโมชั่นมาแล้ว ทางร้านก็ไม่มีการแจกเครื่องสำอางเวลาลูกค้าซื้อเสื้อผ้าครบโปรโมชั่นอีก ทุกคนต่างก็กังวลว่ายอดขายเสื้อผ้าUniqueอาจลดลง
ซึ่งยอดขายก็ลดลงจริงตามคาด แต่เมื่อเทียบกับอีกบริษัทซึ่งได้รับทุนจากต่างประเทศที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับเสื้อผ้าสตรีเหมือนกัน Uniqueยังคงเป็นผู้นำ ยอดขายหรือก็ล้ำหน้าอยู่หลายขุม จึงยังไม่เป็นปัญหาเท่าใด
ระหว่างการประชุมเช้าของวันนี้ ซุนอวิ้นหงหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์คนใหม่ได้รายงานความคืบหน้าในส่วนของตัวเองกับหลินม่าย
ประมาณสองวันก่อน ผู้หญิงคนหนึ่งมาหาหล่อนที่ร้านเสื้อผ้าในเครือUnique เล่าให้ฟังว่าตัวเองก็เคยใช้ครีมเสริมขนาดทรวงอกตัวเดียวกันนี้จนเกิดปัญหา
หล่อนอ้างว่าซื้อครีมเสริมขนาดทรวงอกมาจากร้านค้าแห่งนี้เช่นเดียวกัน
ตอนนั้นหล่อนใช้แล้วหน้าบวมปูดเหมือนกัน แต่ไม่คิดจะเรียกร้องค่าเสียหายจากทางร้าน
หลังจากอ่านข่าวในหนังสือพิมพ์ ถึงรู้ว่าลูกค้าที่ได้รับประสบการณ์แบบเดียวกันกับหล่อนต่างก็ได้รับเงินชดเชย ดังนั้นหล่อนจึงอยากได้ค่าชดเชยเช่นเดียวกัน
หลินม่ายถาม “แล้วคุณวางแผนจะแก้ไขปัญหานี้ยังไง?”
ซุนอวิ้นหงตอบกลับ “ฉันตั้งใจว่าจะชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้หญิงคนนั้นค่ะ เราไม่สามารถเพิกเฉยต่อหล่อนได้ แค่เพราะว่าหล่อนไม่ได้มาเรียกร้องค่าเสียหายตั้งแต่แรก”
หลินม่ายพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “เป็นวิธีการแก้ปัญหาที่ดีมาก”
เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นคุณไปลงข้อความประชาสัมพันธ์ในหนังสือพิมพ์สิ บอกว่าลูกค้าคนไหนที่ซื้อครีมเสริมขนาดทรวงอกจากร้านUniqueสาขาย่อยของเราไป สามารถเอาสินค้ามาคืนพร้อมกับใบเสร็จได้”
โชคดีที่ครีมเสริมขนาดทรวงอกเพิ่งวางขายไปได้ไม่นาน ต่อให้ลูกค้าที่ซื้อไปจะเอาสินค้ามาคืนทั้งหมด เธอก็สูญเสียรายได้ไปแค่ไม่กี่ร้อยหยวนเท่านั้น
เพื่อแลกกับกระแสความชื่นชมจากทางฝั่งผู้บริโภค เม็ดเงินที่สูญเสียไปก็นับว่าคุ้มค่า
หลังจากข้อความดังกล่าวถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์ มีลูกค้ามาคืนสินค้าที่ร้านกันน้อยมาก
แต่ด้วยความปรารถนาดีที่ผู้ประกอบการมีต่อผู้บริโภค ทำให้ยอดขายของUniqueฟื้นตัวขึ้นจนเป็นที่น่าพอใจ ซึ่งทั้งหมดนี้คือเรื่องราวในภายหลัง
วันอันแสนวุ่นวายผ่านไปจนถึงวันที่ 9 ตุลาคม
คดีลอบวางเพลิงของทังชุ่นอิงยังไม่ถูกตัดสิน แต่ผลการตัดสินคดีทำร้ายร่างกายของแม่สามีทังชุ่นอิงถูกประกาศออกมาก่อน
ถึงจะเป็นแค่การพยายามทำร้าย แม่สามีของทังชุ่นอิงก็ยังถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลาหนึ่งปี
สามีของทังชุ่นอิงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาในตอนนั้นเอง ปรากฏว่าตราบใดที่พวกเขามีเจตนาจะทำร้ายผู้อื่น ไม่ว่าจะทำสำเร็จหรือล้มเหลวก็ตาม อย่างไรก็ถูกตัดสินลงโทษอยู่ดี
ดังนั้นเขาจึงไม่เคยมารบกวนหลินม่ายอีก หายเข้ากลีบเมฆไปเลย
สาเหตุที่คดีวางเพลิงของทังชุ่นอิงค่อนข้างยืดเยื้อ เพราะหล่อนปฏิเสธไม่ยอมรับคำพิพากษาของศาล ข้อที่หล่อนเป็นผู้กระทำความผิดเพียงคนเดียวในคดีลอบวางเพลิง และได้ยื่นอุทธรณ์ใหม่
ทนายความของหล่อนพยายามรวบรวมหลักฐานอย่างแข็งขันเพื่อช่วยบรรเทาข้อกล่าวหา แต่การถอนคำรับสารภาพคงเป็นไปไม่ได้
เนื่องจากหล่อนพยายามจะจุดไฟเป็นครั้งที่สาม แต่ถูกผู้ที่เห็นเหตุการณ์จับได้เสียก่อน
อย่างไรก็ตาม ถ้าสามารถพิสูจน์ได้ว่าทังชุ่นอิงถูกกวนหย่งหัวบงการให้กระทำการวางเพลิง โทษทางอาชญากรรมก็จะบรรเทาลงไปมาก
ส่วนทังชุ่นอิงยังยึดถือความคิดเดิมของตัวเองอย่างแรงกล้า ถ้ากวนหย่งหัวไม่ยอมจ่ายค่าตอบแทนให้ หล่อนก็จะลากเขาให้ล่มจมไปพร้อมกัน
หลังกลับมาจากโรงงานในวันนั้น หลินม่ายก็เอาแต่นั่งอ่านหนังสือเรียนอยู่ในห้อง มีแค่ตอนเที่ยงที่ปลีกตัวลงไปกินข้าวข้างล่าง
พอเธอเงยหน้าขึ้นจากหนังสือเรียนอีกครั้ง ก็เห็นดวงอาทิตย์คล้อยต่ำอยู่นอกหน้าต่าง
เมื่อเหลือบมองนาฬิกาปลุกขนาดเล็กบนโต๊ะถึงรู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาห้าโมงเย็นแล้ว ได้เวลาเข้าครัวทำอาหารมื้อเย็น
เมื่อวานนี้ฟางจั๋วเยวี่ยเรียกร้องว่าอยากกินแกะผัดยี่หร่าและเป็ดยั่วน้ำลาย ดังนั้นเธอจึงสนองความต้องการให้เขา
แต่ตอนนี้จะไปตลาดเพื่อซื้อเป็ดก็ไม่ทันแล้ว
หลินม่ายเดินไปจับห่านขาวตัวใหญ่ที่เธอเลี้ยงไว้ในกรง พอจับได้ตัวหนึ่งแล้วก็จัดการเชือดมัน แล้วเตรียมทำห่านยั่วน้ำลาย
ระหว่างที่ทำอาหารอยู่นั้น คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางก็เพิ่งกลับจากการไปรับโต้วโต้วมาจากโรงเรียนอนุบาล
ตั้งแต่หลินม่ายย้ายมาอยู่ที่วิลล่า โต้วโต้วก็มักจะเดินเข้าไปในครัวเพื่อขโมยของกินทุกครั้งที่เพิ่งกลับมาจากโรงเรียน
วันนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น หล่อนฉวยโอกาสตอนที่หลินม่ายไม่ทันได้สังเกต หยิบเนื้อแกะผัดยี่หร่าชิ้นหนึ่งเข้าปาก ก่อนจะวิ่งจู๊ดหนีไป
หลินม่ายกระตุกมุมปากด้วยความขบขัน ก้มหน้าก้มตาทำอาหารเย็นต่อ
ทันทีที่อาหารเย็นพร้อมเสิร์ฟ เสียงที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจของโต้วโต้วก็ดังมาจากทางห้องนั่งเล่น “คุณอา คุณอาซื้ออะไรมาคะ?”
“เค้กวันเกิด”
“หนูอยากกิน!”
ฟางจั๋วหรานปฏิเสธ “หนูยังกินไม่ได้ ต้องรอให้แม่จ๋าของหนูมาอธิษฐานและเป่าเทียนก่อน หนูถึงจะกินได้ วันนี้เป็นวันเกิดของแม่หนู อาก็เลยซื้อเค้กวันเกิดมาให้หล่อน”
หลินม่ายเงี่ยหูฟังคำพูดของฟางจั๋วหรานอยู่ในครัว ทันใดนั้นก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันเกิดของตัวเอง
วันเกิดปีที่สิบแปด
แต่อายุตามข้อมูลในทะเบียนราษฎร์คือสิบเก้าปี
ชาติที่แล้วไม่เคยมีใครให้ของขวัญวันเกิดเธอมาก่อน ดังนั้นเธอจึงจำวันเกิดของตัวเองไม่ค่อยได้
พอมีโอกาสได้เกิดใหม่อีกครั้ง เขากลับจดจำวันเกิดของเธอได้ แถมยังฉลองวันเกิดให้เธอด้วย ความหวานละมุนอบอุ่นก็แผ่ซ่านไปทั่วหัวใจ
โต้วโต้วหันหลังกลับและวิ่งเข้าไปในครัว เอานิ้วจิ้มก้นหลินม่ายซ้ำ ๆ พลางรบเร้า “แม่จ๋า รีบออกไปอธิษฐานและเป่าเทียนเร็ว หนูอยากกินเค้กวันเกิดแล้ว!”
ฟางจั๋วหรานก้าวขายาว ๆ เดินตามเข้ามา จิ้มไปที่จมูกน้อย ๆ ของโต้วโต้ว “อย่าเร่งแม่สิ”
เมื่อเห็นว่าหลินม่ายเตรียมอาหารมื้อเย็นเสร็จแล้ว เขากับหลินม่ายจึงช่วยกันยกจานไปวางบนโต๊ะ
หลินม่ายเห็นว่าบนโต๊ะอาหารมีเค้กวันเกิดก้อนโตวางอยู่
เธอถามฟางจั๋วหราน “เค้กวันเกิดก้อนนี้คงหาซื้อไม่ง่ายแน่เลย”
ถึงแม้ในเจียงเฉิงจะมีเค้กวันเกิดขายก็จริง แต่ยุคปัจจุบันมีร้านเค้กน้อยนิด ถ้าต้องการซื้อเค้กวันเกิด นอกจากจะต้องเดินทางไกลแล้วยังต้องรอคิวนาน
ฟางจั๋วหรานมองเธอพลางพูดประจบประแจง “ผมไม่ได้ซื้อมาจากร้านเค้กเสียหน่อย ผมเข้าไปสั่งทำกับเชฟที่เชี่ยวชาญด้านขนมอบในภัตตาคารเจียงเฉิงต่างหาก”
หลินม่ายยิ้มแย้มด้วยความเบิกบานใจ
เค้กวันเกิดที่อบสดใหม่โดยฝีมือของเชฟภัตตาคารเจียงเฉิงจะต้องอร่อยมากแน่ ๆ
โต้วโต้วกระตุกชายเสื้อผ้าของเธอหลายครั้ง เร่งเร้าให้ผู้เป็นแม่รีบอธิษฐาน
เธอแทบอดใจรอกินเค้กวันเกิดตรงหน้าไม่ไหวแล้ว น้ำลายแห่งความหิวแทบจะไหลรินออกมาจากมุมปาก
นี่เป็นเค้กวันเกิดก้อนแรกในชีวิตของหลินม่าย เธอเองก็อยากอธิษฐานและแบ่งเค้กวันเกิดให้ทุกคนกินโดยเร็ว ติดที่ว่าน้องชายคู่หมั้นอย่างฟางจั๋วเยวี่ยยังไม่กลับมา
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางไม่พูดอะไรเลย อย่างเช่นบอกให้ทุกคนไม่ต้องรอฟางจั๋วเยวี่ย หรือบอกให้ทุกคนกินข้าวกันไปก่อน
ถึงแม้ภายนอกจะดูเหมือนพวกเขาไม่ค่อยชอบฟางจั๋วเยวี่ย แต่ทุกครั้งที่บนโต๊ะอาหารมีเมนูพิเศษ พวกเขาก็ไม่อยากให้ฟางจั๋วเยวี่ยพลาดชิม
ดังนั้นทุกคนจึงนั่งลงที่โต๊ะอาหารเย็น รอจนกว่าฟางจั๋วเยวี่ยจะกลับบ้าน
……………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
พี่หมอสุดแสนจะเอาใจใส่ ผช.แบบนี้หายากนะคะ
ไหหม่า(海馬)