CatNovel
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
Advanced
  • หน้าหลัก
  • นิยายทั้งหมด
  • โดจิน
  • นิยายทั้งหมด
  • จบแล้ว
  • นิยายวาย Yaoi
ตอนก่อน
ตอนต่อไป
สล็อตเว็บตรง

แม่ปากร้ายยุค​ 80 - ตอนที่ 555 ประชาสัมพันธ์ทำได้ดี

  1. Home
  2. แม่ปากร้ายยุค​ 80
  3. ตอนที่ 555 ประชาสัมพันธ์ทำได้ดี
ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ตอนที่ 555 ประชาสัมพันธ์ทำได้ดี

ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น หล่อนก็คืออู๋เสี่ยวเถานั่นเอง

วันนั้นที่หลินม่ายออกจากหมู่บ้านสกุลอู๋ไป หล่อนได้ขัดขวางเธอไว้ระหว่างทาง ต้องการขอให้เธอรับซื้อผลิตผลทางการเกษตรของตระกูล แต่สุดท้ายก็ถูกปฏิเสธ

เมื่อกลับมาที่บ้าน อู๋เสี่ยวเถาก็ตั้งใจจะทำอะไรบางอย่างอย่างถึงที่สุด พลันเก็บข้าวของของตัวเอง

วันต่อมาฟ้ายังไม่ทันสาง หล่อนก็แอบหนีออกจากบ้าน ไประหกระเหินที่เจียงเฉิง

อู๋เสี่ยวเจี๋ยนมีความคิดของหล่อน

ที่หลินม่ายมีชีวิตที่ดีได้ในวันนี้ ก็เพราะออกมาทำมาหากินด้วยตัวเองที่เจียงเฉิงไม่ใช่เหรอ?

ยัยชั้นต่ำนั่นยังสามารถประสบความสำเร็จที่เจียงเฉิงได้ แล้วทำไมตนจะทำไม่ได้?

ทำไมตนจะต้องอยู่เลี้ยงดูน้องชายน้องสาวที่บ้านนอกด้วย?

เสี่ยวซิ่งน้องสาวกับเสี่ยวชวีน้องชายก็ไม่ได้เด็กกว่าหล่อนมากมายนัก ใช่ว่าจะไม่สามารถทำงานไร่เลี้ยงชีพตัวพวกเขาเองได้เสียหน่อย งั้นให้พวกเขายืนด้วยลำแข้งของตัวเองไปก็ได้แล้ว

หลังจากมาถึงเมืองเจียงเฉิง อู๋เสี่ยวเถาก็บากหน้าไปขออาศัยกับป้าที่เป็นญาติห่างๆ คนหนึ่ง หวังอยากจะประสบความสำเร็จที่เมืองเจียงเฉิง

แต่ทันใดนั้นก็ได้ค้นพบว่าหล่อนทำอะไรไม่เป็นเลย ทำได้เพียงไปเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้ครอบครัวที่สามีภรรยาต้องทำงานทั้งคู่ รวมอาหารและที่พัก มีเงินเดือนเดือนละ 10 หยวน

เมื่อครู่หล่อนไปซื้อกับข้าวที่ตลาดสดฝูตัวตัวให้บ้านนายจ้าง และเดินผ่านโรงงานเสื้อผ้าจิ่นซิ่ว

ก็เห็นหลินม่ายที่เปล่งปลั่งสง่างามไปทั้งตัวเข้าไปในโรงงานเสื้อผ้าจิ่นซิ่วมาแต่ไกล

หล่อนแอบเข้ามาใกล้ๆ อย่างสงสัยใคร่รู้ เมื่อเห็นลุงยามปฏิบัติต่อหลินม่ายอย่างสุภาพนอบน้อม ในใจก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อได้ยินลุงยามกำลังถามหล่อน หล่อนก็ยิ้มพลางส่ายหน้า “ฉันไม่มีธุระอะไรหรอก แค่อยากสอบถามลุงสักหน่อยว่าเด็กสาวคนนั้นที่เพิ่งเข้าไปข้างในคือใครเหรอ”

ลุงยามเฝ้าประตูมาดมั่นอยู่ในใจแล้วว่าอู๋เสี่ยวเถาคงไม่ใช่คนดีแน่ พูดจาก็ไม่ได้น่าฟังอะไรขนาดนั้นด้วย

“เธอจะมาสอบถามเรื่องของหัวหน้าโรงงานฉันทำไม? มีจุดประสงค์ร้ายอะไรอยู่หรือเปล่า? รีบไปให้พ้นซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะปล่อยหมาไปกัดเธอ!”

อู๋เสี่ยวเถาถูกด่าจนหนีไป แต่หล่อนกลับไม่สนใจจะโมโห ยิ่งไม่มีอารมณ์จะสาปแช่งลุงยามนั่นด้วย

สิ่งที่คิดอยู่เต็มหัวนั้นก็คือ นึกไม่ถึงเลยว่าหลินม่ายจะเป็นหัวหน้าโรงงานของโรงงานเสื้อผ้าจิ่นซิ่ว!

แม้ว่าหล่อนจะเข้ามาในเมืองได้แค่ประมาณหนึ่งเดือน แต่พอมีเวลาว่างก็จะไปเดินห้าง ดังนั้นจึงรู้จักแบรนด์เสื้อผ้าจิ่นซิ่วนี้

แม้แต่ตอนฝันก็ยังอยากซื้อเสื้อผ้าฤดูหนาวของเสื้อผ้าจิ่นซิ่วสักชิ้น แต่น่าเสียดายที่ไม่มีเงิน~

เมื่อนึกถึงว่าหลินม่ายได้ดีขนาดนี้ ในใจของหล่อนก็รู้สึกย่ำแย่ราวกับมีมีดมาเชือดเฉือนไปมาอยู่ในใจอย่างนั้น

……

เมื่อเข้ามาในโรงงาน หลินม่ายก็จัดการประชุมเล็กๆ ขึ้นมาเป็นอย่างแรก เพื่อทำความเข้าใจสถานการณ์การดำเนินงานของโรงงานเสื้อผ้าในช่วงเวลานี้ที่เธอไม่อยู่

แม้ตอนอยู่ที่อเมริกาจะโทรศัพท์ติดต่อกับพวกเหรินเป่าจูอยู่เป็นครั้งคราวเพื่อให้รู้สถานการณ์แล้วก็ตาม

แต่ตอนนั้นเธอต้องมุ่งความสนใจไปที่บริษัทข้ามชาติRongxiที่คุณยายของฟางจั๋วหรานเหลือไว้ให้เขา จึงละเลยโรงงานเสื้อผ้าของตนไปบ้างอย่างเลี่ยงไม่ได้

สิ่งที่หลินม่ายถามเป็นอันดับแรกก็คือผลกระทบเชิงลบต่อยอดขาย จากการเปลี่ยนชื่อโรงงานเสื้อผ้า

เหรินเป่าจูพูดขึ้น “ผลกระทบเชิงลบ? ดูเหมือนว่าจะไม่มีนะคะ แต่กลับมีผลกระทบเชิงบวกมากกว่า เสื้อผ้าฤดูหนาวของเราขายดีมากทีเดียวโดยเฉพาะชุดปีนเขาแบบมีฮู้ด สินค้าถึงกับขาดตลาดเลยล่ะค่ะ โรงงานเสื้อผ้าOEMของรัฐที่ร่วมมือกับเราเหล่านั้น เดิมทีให้พวกเขาหยุดการผลิตไปช่วงหนึ่ง แล้วค่อยกลับมาทำงานตามเดิมอีกครั้งก่อนวันปีใหม่ แต่เพราะเสื้อผ้าฤดูหนาวของเราขายดีเกินไป จึงให้พวกเขากลับมาทำงานต่อในสัปดาห์หน้าเลยค่ะ”

หลินม่ายรู้สึกค่อนข้างประหลาดใจ “ทำไมหลังจากที่พวกคุณเปลี่ยนชื่อแล้ว การจำหน่ายสินค้าถึงไม่ได้รับผลกระทบ แถมยังดีขึ้นเรื่อยๆ ด้วยล่ะ?”

ทุกคนใช้สายตาชี้ไปยังซุนอวิ้นหง “เพราะการประชาสัมพันธ์ของหัวหน้าแผนกซุนทำได้ดีน่ะค่ะ”

หลินม่ายมองไปยังซุนอวิ้นหงด้วยรอยยิ้ม “บอกหน่อยสิคะ ทำไมคุณถึงคิดได้ว่าต้องประชาสัมพันธ์ และประชาสัมพันธ์ยังไงเหรอคะ?”

ซุนอวิ้นหงยิ้มอย่างเขินอายเล็กน้อย “ประธานหลินประโคมข่าวกิจกรรมตั้งชื่อชิงรางวัลใหญ่โต นอกจากนี้ยังมีเงินรางวัลก้อนโตด้วย ไม่ใช่เพราะต้องการดึงดูดสายตาของประชาชนทั้งประเทศผ่านกิจกรรมครั้งนี้ ให้ทุกคนต่างรู้กันว่า Unique เปลี่ยนชื่อใหม่แล้วหรอกเหรอคะ จากนั้นก็ฉายโฆษณาที่จางอวี้ถ่ายให้กับเสื้อผ้าจิ่นซิ่วอีก จึงลดผลกระทบเชิงลบจากการเปลี่ยนชื่อไปจนจมดิน ฉันแค่คิดว่า แค่ให้คนทั้งประเทศรู้ว่า Unique เปลี่ยนชื่อแล้วเท่านั้นยังไม่พอ ยังต้องให้พวกเขารู้ถึงความตั้งใจจริงในการเปลี่ยนชื่อของเราด้วย แบบนั้นถึงจะเพิ่มการสนับสนุนพวกเราให้มากขึ้นได้ ถึงอย่างไรที่เราเปลี่ยนชื่อนั้นก็เพื่อความยึดมั่นในชาติและละทิ้งชื่อต่างชาติ ฉันจึงติดต่อกับนักข่าวหนังสือพิมพ์และนิตยสารที่มียอดขายสูงจำนวนไม่น้อย และบอกให้เหตุผลในการเปลี่ยนชื่อของเรา นักข่าวพวกเขาก็วิ่งมาสัมภาษณ์ฉันทันที ทันทีที่บทความการสัมภาษณ์เหล่านั้นตีพิมพ์ออกไป เสื้อผ้าจิ่นซิ่วเราก็ดีขายดิบขายดีขึ้นเรื่อยๆ เลยค่ะ”

หลินม่ายเอ่ยชื่นชม “ทำได้สวยเลยค่ะ!”

ซุนอวิ้นหงยิ้มอย่างถ่อมตัวเล็กน้อย “ที่จริงแล้วการประชาสัมพันธ์ก็เป็นเพียงส่วนเสริมเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ เสื้อผ้าจิ่นซิ่วของเรานั้นคุณภาพดี รูปแบบสไตล์ดี บวกกับโฆษณาที่ถ่ายออกมาดี ดังนั้นจึงทำให้ยอดขายออกมาไม่เลวค่ะ”

คำพูดนี้ของหล่อนไม่ได้โกหกเลย

ไม่ว่าจะเป็นโรงงานปั่นฝ้ายในประเทศก็ดี หรือว่าโรงงานเสื้อผ้าของรัฐก็ดี เนื้อผ้าขนสัตว์และผ้าสักหลาดไม่ใช่สีดำก็เป็นสีเทา ถึงจะมีสีแดงสดก็หาได้ยากมาก

ผ้าขนสัตว์และผ้าสักหลาดที่หลินม่ายซื้อกลับมาจากด่านศุลกากรนั้นแตกต่างกัน

ทั้งสีชมพูอ่อน ฟ้าอ่อน ขาวน้ำนม ชมพูอมม่วง… สีสันมากมายล้วนมีหมด

ทำออกมาเป็นโค้ทตัวสั้นก็ดี ชุดสูทก็ดี เมื่อสวมใส่บนร่างกายเป็นดูสวยเป็นพิเศษ ทั้งเด็กผู้หญิงและหญิงสาวใครๆ ก็ชอบทั้งนั้น!

อย่าว่าแต่เด็กผู้หญิงกับหญิงสาววัยสะพรั่งเลย แม้แต่หญิงวัยกลางคนและสูงอายุเองก็ยังชอบ เพียงแต่ไม่เหมาะกับพวกหล่อนนักเท่านั้นเอง

นอกจากนี้ผ้าที่ลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ ก็คุณภาพดีกว่าของในประเทศมากมายนัก

นี่ไม่ใช่การบูชาต่างชาติ มันคือความเป็นจริง

แม้ว่าจะมีราคาแพง แต่ผู้บริโภคที่มีฐานะทางเศรษฐกิจก็ยังซื้อได้

และยังมีผู้บริโภคส่วนหนึ่งที่ไม่มีกำลังซื้อเองก็สามารถกัดฟันรวบรวมเงินมาซื้อได้สักตัว

เหมือนกับเด็กสาวบางคนที่มีฐานะทางการเงินปานกลางซื้อสินค้าหรูหราฟุ่มเฟือยในชาติก่อน บางคนซื้อเพราะความชอบโดยแท้ และบางคนก็ซื้อเพราะความหมกมุ่นเรื่องหน้าตาและเพื่อโอ้อวด แต่เวลาจ่ายเงินทีก็มือไม้อ่อนหมดแรงเช่นเดียวกัน

ส่วนชุดปีนเขาที่ขาดตลาดนั้น เป็นสิ่งทอจากเส้นในสังเคราะห์ที่ผู้คนในยุคนี้ชื่นชอบมากอยู่แล้ว

บวกกับชุดปีนเขามีจุดเด่นของมัน สีสันสว่างสดใส ทำความสะอาดง่าย

ไม่เหมือนกับเสื้อผ้าจากฝ้าย ตลอดทั้งหน้าหนาวสามารถซักได้เพียงหนึ่งครั้ง นอกจากนี้ยังยุ่งยากอีกด้วย ผู้คนก็ย่อมเต็มใจอยากซื้อชุดปีนเขากันอยู่แล้ว

หลินม่ายเอ่ยกับทุกคนด้วยรอยยิ้ม “ทุกคนล้วนมีผลงานค่ะ”

เธอมองไปยังหัวหน้าฝ่ายบุคคล “เราจะให้รางวัลตอบแทนตามผลงาน เดี๋ยวพวกคุณฝ่ายบุคคลกลับไปพิจารณาดูสักหน่อย จัดทำตารางขึ้นมา ดูว่าแต่ละคนควรจะให้โบนัสเท่าไหร่นะคะ”

หัวหน้าฝ่ายบุคคลพยักหน้า

ในตอนนั้นเอง โฮ่วซินอี้ก็เอ่ยขึ้น “ความจริงแล้วที่เสื้อผ้าจิ่นซิ่วของเราขายดี ก็ยังมีอีกหนึ่งเหตุผล”

หลินม่ายยิ้มพลางถาม “เหตุผลอะไรเหรอคะ?”

โฮ่วซินอี้พูด “เสื้อผ้าซีม่านเลิกกิจการแล้ว ไม่มีใครลอกเลียนแบบเสื้อผ้าของพวกเราแล้วครับ”

เหรินเป่าจูและคนอื่นๆ พูดขึ้นเสียงจอแจ “จริงด้วย พวกเราลืมบอกไปเลยว่าซีม่านปิดกิจการไปแล้ว”

หลินม่ายนึกไม่ถึงว่าเธอไปประเทศสหรัฐอเมริกาแค่ประมาณหนึ่งเดือน แต่กลับเกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ขึ้น

เธอถามอย่างประหลาดใจมาก “ทำไม่เสื้อผ้าซีม่านถึงปิดเลิกการไปแล้วล่ะ?”

เถาจืออวิ๋นพูดอย่างเหยียดหยาม “กวนหย่งหัวประธานใหญ่ของเสื้อผ้าซีม่านเกี่ยวข้องกับคดีลอบวางเพลิงโรงงานเสื้อผ้าของเรา ต้องชดใช้ให้กับเราเป็นเงินก้อนใหญ่ เขายังจะมีอารมณ์มาทำธุรกิจต่อที่ไหนกัน แน่นอนว่าต้องเลิกกิจการไปอยู่แล้ว!”

หลินม่ายค่อนข้างไม่อยากจะเชื่อ ไม่นึกเลยว่าการยื่นอุทธรณ์ของทังชุ่นอิงจะลากกวนหย่งหัวลงน้ำไปด้วย สุดยอดเลยจริงๆ

เธอถาม “ในเมื่อกวนหย่งหัวเกี่ยวข้องกับคดีวางเพลิง ก็ต้องส่งผู้ร้ายข้ามแดนกลับมารับโทษตามกฎหมายไม่ใช่เหรอ?”

เถาจืออวิ๋นโบกมือไปมา “ไม่ถึงขั้นนั้นหรอก”

หลินม่ายไม่ค่อยเข้าใจ “ก็เกี่ยวข้องกับคดีลอบวางเพลิงแล้ว แต่ไม่ต้องตัดสินโทษก็ได้เหรอ?”

เถาจืออวิ๋นอธิบายให้เธอฟัง

หลักฐานที่ทังชุ่นอิงเสนอขึ้นมานั้นล้วนเป็น “ฉันรู้สึกว่า” “ฉันคิดว่า” ทั้งหมดเป็นการวินิจฉัยเชิงอัตนัย ด้วยเหตุนี้จึงถูกศาลตัดสินให้เป็นโมฆะ

แต่ที่กวนหย่งหัวเอาออกมาล้วนเป็นเสียงบันทึกที่ดูน่าเชื่อถือทั้งหมด

โดยเฉพาะเทปบันทึกเสียงนั้นที่สามีของทังชุ่นอิงไปขู่บังคับกวนหย่งหัวถึงบ้าน ทำให้กวนหย่งหัวหลุดจากข้อหาไปอย่างหมดจด แน่นอนอยู่แล้วว่าไม่ต้องรับโทษทางกฎหมาย

แต่ก็เหตุผลที่ศาลตัดสินให้เขารับผิดชอบค่าเสียหายหนึ่งในสามจากไฟไหม้ของโรงงานเสื้อผ้าจิ่นซิ่วนั้น เป็นเพราะตัวแทนว่าความของทังชุ่นอิงกัดไม่ปล่อยว่า :

กวนหย่งหัวเอาแต่พูดอยู่คำเดียวในเสียงบันทึกเกี่ยวกับการสนทนาของเขากับทังชุ่นอิงไม่กี่ประโยคนั้นว่า ไม่ต้องการให้ทังชุ่นอิงไปจัดการหลินม่ายอีก และเงินที่เป็นหนี้เขาเองก็ไม่ต้องรีบร้อนคืน

แต่เขามักจะสั่งให้คนพาทังชุ่นอิงไปหาเขาที่นั่น แล้วพูดถึงเงินที่หล่อนติดหนี้เขาอยู่บ่อยๆ

ในความเป็นจริงมันเป็นการใช้การกระทำบีบบังคับให้ชดใช้หนี้ ซึ่งสร้างความกดดันให้ทังชุ่นอิงอย่างใหญ่หลวง เธอถึงได้ยอมเสี่ยงเพราะเข้าตาจนแล้วไปวางเพลิง

ดังนั้น การที่ทังชุ่นอิงก่อเหตุวางเพลิง เขาเองก็มีส่วนร่วมรับผิดชอบด้วยเช่นกัน

หลินม่ายเอ่ยอย่างนับถือ “ตัวแทนของทังชุ่นอิงคนนี้ช่างเก่งกาจจริงๆ! ถึงดึงกวนหย่งหัวเข้ามาเกี่ยวด้วยได้”

เธอถาม “ค่าเสียหายหนึ่งในสามที่กวนหย่งหัวต้องชดใช้ให้กับเราน่ะ เจ้าหนึ่งในสามนี่มันเท่าไหร่กันเหรอ?”

เหรินเป่าจูพูด “แปดหมื่น”

เศษผ้าและผ้าที่ไม่ได้คุณภาพพวกนั้นที่ถูกเผาในโกดัง รวมทั้งหมดก็ไม่กี่พัน บวกกับค่าซ่อมแซมของตัวอาคารโกดังที่ถูกทำลายไป รวมกันแล้วก็เสียหายไม่เกินหมื่น

ต่อให้มีแค่เงินชดใช้แปดหมื่นหยวนนี้ของกวนหยังหัว หลินม่ายก็ยังได้กำไรอยู่ดี

แม้ว่าจุดประสงค์ของเธอในตอนแรกสุด คือต้องการล่อกวนหย่งหัวออกมาผ่านทังชุ่นอิง และทำให้เขาติดคุก แต่การขูดเลือดขูดเนื้อเขาเองก็ไม่เลวเหมือนกัน ถึงอย่างไรก็ได้ระบายความคับแค้นใจออกมาแล้ว

ทังชุ่นอิงต้องแบกรับค่าเสียหายสองในสามส่วน ทั้งหมดหนึ่งแสนหกหมื่น

โฮ่วซินอี้ถามหลินม่าย ว่าต้องการจะเรียกเงินจากหล่อนไหม

หลินม่ายส่ายหน้า “คนก็เข้าคุกไปแล้ว ไม่จำเป็นต้องกำจัดให้สิ้นซากหรอก เรื่องเงินชดใช้ก็ช่างมันแล้วกัน”

ครอบครัวของทังชุ่นอิงทั้งยากจนและว่างเปล่า ต่อให้ขายหล่อนทั้งครอบครัวก็ยังได้ไม่ใกล้เคียงหนึ่งแสนหกหมื่นเลยด้วยซ้ำ

อย่าว่าแต่หนึ่งแสนหกเลย แต่ร้อยหกสิบหยวนครอบครัวหล่อนก็ยังไม่มีจะให้

อย่างนั้นไม่สู้ไม่เอาเงินชดใช้ของทังชุ่นอิงเสียยังดีกว่า แถมคนนอกยังจะรู้สึกว่าเธอยิ่งใหญ่อีกด้วย

หลังจบการประชุม เมื่อกลับมายังห้องทำงานของตัวเอง หลินม่ายก็ถามถึงเรื่องการหมิ่นประมาทเสื้อผ้าจิ่นซิ่วในที่สาธารณะของแม่หรงเมื่อครั้งกระนู้น เงินชดใช้ค่าเสียหายของ Unique โอนเข้ามาหรือยัง

เสิ่นเสี่ยวผิงส่ายหน้า

หลินม่ายถาม “คุณยังไปเร่งรัดกับสหายที่ศาลอยู่อีกหรือเปล่า?”

เสิ่นเสี่ยวผิงพูดอย่างท้อแท้ “ไปแล้วค่ะ สหายที่ศาลบอกว่า พ่อแม่หวังหรงไม่มีทรัพย์สินให้ดำเนินการได้ เงินชดใช้นี้พวกเราคงจะได้มายากแล้วล่ะค่ะ”

หลินม่ายจมดิ่งอยู่ในความเงียบงัน

ถ้าพ่อหรงแม่หรงไม่มีทรัพย์สินที่สามารถดำเนินการได้จริงๆ ตนก็คงวุ่นวายไปอย่างเปล่าประโยชน์อีกครั้ง

เสิ่นเสี่ยวผิงยังรายงานอีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือ ผู้มีอิทธิพลในวงการบันเทิง ดาราชื่อดังหลิวเหม่ยชิ่งเคยโทรศัพท์มาหา ต้องการถ่ายโฆษณาให้กับเสื้อผ้าจิ่นซิ่ว โดยที่ไม่รับค่าจ้างเลยด้วย

หลินม่ายทั้งรู้สึกเหนือคาด ทั้งดีใจ

ที่เหนือคาดก็คือ คนดังอย่างหลิวเหม่ยชิ่งอยากจะถ่ายโฆษณาให้เสื้อผ้าจิ่นซิ่วแบบฟรีๆ ด้วยตัวเอง นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ด้วยเหตุนี้จึงสามารถเห็นได้ว่า เสื้อผ้าจิ่นซิ่วของเธอมีชื่อเสียงไม่ใช่น้อยๆ เลย

ไม่อย่างนั้นคนที่นิสัยเหยียดหยันทุกสิ่งอย่างหลิวเหม่ยซิ่ง อย่าว่าแต่อยากถ่ายโฆษณาให้พวกเขาฟรีๆ ด้วยตัวเองเลย ต่อให้เอาเงินไปคุกเข่าขอร้องหล่อน หล่อนก็ยังไม่แน่ว่าจะมองตรงๆ สักครั้งเลย

หลินม่ายถาม “คุณตอบกลับไปว่ายังไง?”

“ฉันบอกว่าฉันตัดสินใจเองไม่ได้ ต้องรอให้คุณกลับมาแล้วค่อยว่ากันค่ะ”

หลินม่ายพยักหน้า “เดี๋ยวถ้าหล่อนโทรศัพท์มาอีกครั้งค่อยว่ากันแล้วกันค่ะ”

ไม่นานก็มาถึงเวลาเลิกงาน หลินม่ายไม่ได้เจอโต้วโต้วมีหนึ่งเดือนแล้ว ในใจจึงคิดถึงจนร้อนรน

จึงไปที่โรงเรียนอนุบาลด้วยกันกับเถาจืออวิ๋นต่างกันต่างรับลูกน้อยของตน

ด้วยเหตุนี้ หลินม่ายจึงตั้งใจโทรหาคุณปู่ฟางและคุณย่าฟาง ให้วันนี้พวกเขาไม่ต้องไปรับโต้วโต้ว

วันนี้ลมค่อนข้างแรง ประจวบเหมาะที่ให้ผู้อาวุโสทั้งสองคนหลบอยู่ในบ้าน จะได้ไม่ถูกลมพัดจนจับไข้

หลินม่ายเข็นจักรยานเดินเคียงกันไปกับเถาจืออวิ๋น พร้อมกับมอบสร้อยคอทองคำให้หล่อนด้วยเลย

ส่วนของเฉินเฟิงนั้น รอวันไหนเขามาประชุมที่โรงงานก็ค่อยมอบให้เขา

เลี่ยงการตั้งใจวิ่งไปหาเขา และทำให้เขาเกิดความหวังขึ้นมาอีก

เถาจืออวิ๋นได้รับของขวัญก็ดีอกดีใจอย่างยิ่ง

ทั้งสองคนเดินมาถึงประตูโรงงาน ลุงยามเฝ้าประตูก็ร้องเรียกเธอขึ้น

หลินม่ายหยุดเดิน เห็นว่าลุงยามเพียงแค่เรียกเธอ เดี๋ยวก็ไม่พูด เดี๋ยวพูดจาอึกๆ อักๆ

เธอจึงพูดอย่างใจดี “คุณลุงคะ มีอะไรก็พูดมาได้เต็มที่เลยค่ะ”

ลุงยามเกาหูพูดอย่างลนลาน “ผมพูดเรื่องนี้ออกไป ก็คงจะผิดหูคนอื่น หัวหน้าโรงงานหลินโปรดช่วยเก็บเป็นความลับด้วยนะครับ”

เถาจืออวิ๋นได้ยินคำพูดนั้น ก็รีบยืนห่างออกไปไกลอย่างรู้กาลเทศะ

หลินม่ายพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันจะเก็บเป็นความลับค่ะ คุณพูดมาเถอะ”

ลุงยามเฝ้าประตูมองไปซ้ายที ขวาที

แม้ว่าจะเป็นเวลาเลิกงาน แต่พวกคนงานต่างก็ออกไปกันพอสมควรแล้ว รอบๆ จึงมีคนไม่มากนัก

เมื่อนั้นเขาถึงหรี่เสียงพูดเบาๆ “หัวหน้าโรงงานหลิน ที่โรงงานมีคนแอบขโมยของในโรงงานไปครับ”

สีหน้าของหลินม่ายเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้นมา “คนคนนั้นคือใครคะ? แล้วเอาอะไรไปบ้าง?”

……………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

คดีความใหญ่ๆ ปิดไปยังไม่ทันไร มีคดีเล็กๆ เกิดขึ้นอีกแล้ว ทำบุญสะเดาะเคราะห์ให้โรงงานหน่อยนะม่ายจื่อ

ไหหม่า(海馬)

ตอนก่อน
ตอนต่อไป

ความคิดเห็นทั้งหมดของ "ตอนที่ 555 ประชาสัมพันธ์ทำได้ดี"

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

*

*

  • อ่านนิยาย
  • แทงหวย24

© 2020 cat-novel.com
เว็บอ่านนิยาย นิยาย pdf เว็บ “cat-novel.com” เว็บอ่านนิยายสนุกๆ เพลิดเพลินไปกับนิยายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น นิยายวาย, นิยายจีน, นิยายรัก, แฟนตาซี, กำลังภายใน, ผจญภัย สุดยอดวิชากำลังภายใน อัพเดททุกวัน พร้อมรองรับการอ่านบนมือถือ คอมพิวเตอร์ ไอแพด หรือแท็บเล็ต อ่านได้ตลอดเวลา ไม่มีโฆษณา อ่านนิยายฟรีต้อง เว็บ ”cat-novel.com”
นิยาย อ่านนิยาย นิยาย pdf นิยายวาย อ่านนิยายฟรี นิยายออนไลน์