แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 619 ช่วยนำทาง
ตอนที่ 619 ช่วยนำทาง
หลินม่ายหันศีรษะมองกลับไปและเห็นฟางจั๋วหรานกำลังก้าวเข้ามาหาเธอ
วันนี้อากาศไม่ค่อยดี ฟ้าครึ้ม ร้อนอบอ้าวเหมือนฝนกำลังจะตก
ใบหน้าอันสูงส่งและหล่อเหลาของฟางจั๋วหรานมืดมนเล็กน้อยในแสงสลัว
เขารีบเดินไปที่รถเบนซ์ของหลินม่าย เปิดประตู และเข้าไปในที่นั่งผู้โดยสารทันที
หลินม่ายขับรถไปที่บ้านพักของเขา ชี้ไปยังลิ้นจี่ไม่กี่ลูกที่เหลืออยู่บนรถเพื่อให้ฟางจั๋วหรานกิน
ฟางจั๋วหรานพูดอย่างเคอะเขิน “ผมไม่กิน”
หลินม่ายคิดว่าเขาไม่ชอบจึงไม่ได้ชักชวนเขามากนัก
หลังจากจอดรถในวิลล่าของตัวเอง หลินม่ายก็หยิบลิ้นจี่สีเขียวที่เหลืออยู่ขึ้นมากิน
แม้ที่บ้านจะมีลิ้นจี่มากมาย และเขาก็ไม่ได้สนใจที่จะกิน แต่หลินม่ายก็ไม่ชอบที่จะทิ้งอาหารไปโดยเปล่าประโยชน์
ฟางจั๋วหรานชำเลืองมองเธอแล้วกล่าวขึ้น “ก็แค่ลิ้นจี่ไม่กี่ลูก คุณทิ้งบ้างก็ได้ ไม่เห็นต้องเสียดายอะไรขนาดนั้นเลย”
ทันใดนั้นหลินม่ายก็เข้าใจทันทีว่าอาการของฟางจั๋วหรานในตอนนี้เป็นเพราะเขาหึงที่เธอกินลิ้นจี่ของผู้ชายคนอื่น
ผู้ชายคนนี้… ดูเหมือนว่าจะมีด้านที่เป็นเด็กด้วย
ไม่น่าแปลกใจที่มีการกล่าวว่าผู้ชายจะเป็นเด็กจนกว่าจะตาย
หลินม่ายอธิบาย “ฉันไม่ได้กินเพราะเห็นแก่เฉินเฟิง แต่เพราะเห็นแก่จื่อฉิงต่างหาก”
การแสดงออกของฟางจั๋วหรานจึงผ่อนคลายลง
จากนั้นฟางจั๋วหรานก็มีอารมณ์ที่จะถามหลินม่ายว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอและแม่ไป๋ในตอนเช้า
หลินม่ายตอบกลับ “น้าไป๋ขอให้เพื่อนร่วมงานของคุณจากแผนกห้องปฏิบัติการเพื่อตรวจสอบกรุ๊ปเลือดของฉันโดยด่วน ถ้าฉันปฏิเสธ หล่อนก็คงจะไม่มีความสุข”
ฟางจั๋วหรานขมวดคิ้ว “แต่ดูเหมือนหล่อนจะไม่ชอบคุณมากนักใช่ไหม?”
หลินม่ายพยักหน้า “เป็นไปได้ แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกอะไร”
คำพูดที่เฉยชาของเธอทำให้ฟางจั๋วหรานรักเธอมากยิ่งขึ้น
พ่อแม่บุญธรรมของเธอใจร้ายกับเธอ และพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอก็เป็นแบบนั้นกับเธอเช่นกัน ที่รักของเขาต้องเสียใจมากแน่
เขารู้ว่าแท้จริงแล้วหหลินม่ายเป็นคนที่โหยหาความรักจากครอบครัว
ไม่อย่างนั้นเมื่อครั้งอยู่ในครอบครัวหลิน เธอก็คงไม่กตัญญูและทำงานหนักเพื่อเอาใจพวกเขา และเพื่อให้ได้รับความรัก
แต่ท้ายที่สุดแล้วเธอไม่ได้อะไรเลยจากการกระทำแบบนั้น
ตอนนี้ชายหญิงคู่นี้ที่กำลังคิดว่าตนเป็นพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของหลินม่ายมาที่ประตูบ้านของพวกเขา และปฏิบัติต่อหลินม่ายด้วยท่าทางอบอุ่น แต่หัวใจของหญิงสาวกลับเย็นชาดุจภูเขาน้ำแข็ง
เขาจับมือหลินม่ายอย่างแน่นหนา “ม่ายจื่อ ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ผมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอนะ”
หลินม่ายเงยหน้ายิ้มให้เขา “ชีวิตนี้ฉันจับมือคุณไว้ ไม่มีทางหันหลังกลับ ดังนั้นเราต้องพึ่งพากันและกันแล้วนะคะ”
เธอโหยหาความรักในครอบครัวอย่างมากในชาติที่แล้ว แต่ในชีวิตใหม่ของเธอ เธอกลับรู้สึกแย่ไปเสียทุกอย่าง
เป็นการดีกว่าที่จะไม่มีความรักจากครอบครัวที่ทำให้เธอเศร้า
คำบอกรักของหลินม่ายทำให้ฟางจั๋วหรานอดไม่ได้ที่จะจูบแก้มเธอ
ทันใดนั้นคุณย่าฟางก็เปิดประตูดูว่าพวกเขากลับมาแล้วหรือไม่ และบังเอิญเห็นฉากนี้เข้า
นางยิ้มและบอกพวกเขาว่า ‘ฉันไม่เห็นอะไรทั้งนั้น’ จากนั้นก็ปิดประตูอีกครั้ง
หลินม่ายหน้าแดง แต่ฟางจั๋วหรานยังคงสงบ
หลินม่ายถามด้วยความสงสัย “ทำไมพวกผู้ชายถึงไม่อายเมื่อเจอเรื่องแบบนี้?”
ฟางจั๋วหรานผลักประตูเปิดออกและหรี่ตามองเธอ “ถ้าผู้ชายขี้อาย พวกเขาจะทำลูกได้ยังไงล่ะครับ?”
เมื่อทั้งครอบครัวมารับประทานอาหารร่วมกัน คุณย่าฟางก็ถามหลินม่ายอย่างกระวนกระวายใจว่าผลการตรวจกรุ๊ปเลือดเป็นอย่างไร และกรุ๊ปเลือดของเธอตรงกับตระกูลไป๋หรือไม่?
หลินม่ายพยักหน้า “เหมือนกันค่ะ แต่กรุ๊ปเลือดไม่สามารถอธิบายอะไรได้ ต้องรอผลการตรวจดีเอ็นเอเพื่อยืนยันอีกที”
คุณย่าฟางกล่าว “ไม่ต้องกลัว สัปดาห์หน้าก็คงจะรู้ผลแล้ว”
หลินม่ายยิ้ม เธอไม่ได้สนใจเกี่ยวกับผลลัพธ์
หลังจากรับประทานอาหารกลางวัน แม่ไป๋ก็โทรมาบอกหลินม่ายว่าพ่อไป๋ได้รายงานกรณีที่หลินเจี้ยนกั๋วและภรรยาของเขาสลับตัวเธอและไป๋ซวงเมื่อสิบแปดปีก่อนแล้ว
ตำรวจได้ยื่นฟ้องและจะทำการสอบสวนหลินเจี้ยนกั๋วและภรรยาของเขาในบ่ายวันนี้
แม่ไป๋หวังว่าหลินม่ายจะช่วยนำทางได้
หลินม่ายคิดจะจัดการหลินเจี้ยนกั๋วและภรรยาของเขาอยู่แล้ว จึงตอบตกลง
เพื่อให้ความร่วมมือทันต่อกำหนดการของตำรวจ หลินม่ายวางโทรศัพท์และขับรถไปยังสถานีตำรวจเพื่อพบกับแม่ไป๋และคนอื่น ๆ ทันที
แม่ไป๋สั่งให้ไป๋ซวงนั่งในที่นั่งผู้โดยสารข้างหลินม่าย ส่วนพ่อไป๋ แม่ไป๋ ไป๋เซี่ย และไป๋ลู่นั่งเบาะหลัง
โชคดีที่ยุคนี้ไม่มีการบรรทุกเกินพิกัด และตำรวจจราจรก็ไม่สนใจกับสี่คนที่เบียดเสียดกันบนเบาะหลัง
แต่ปัญหาคือ พ่อไป๋มีรูปร่างค่อนข้างล่ำสัน เขาจึงรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อต้องเบียดเสียดท่ามกลางภรรยาและลูก
ไป๋ซวงตัวเล็กและผอม หากหล่อนได้นั่งกับแม่ไป๋ ไป๋ลู่ และไป๋เซี่ย สถานการณ์จะดีขึ้นแน่นอน
และพ่อไป๋จะนั่งสบายมากขึ้นในที่นั่งข้างคนขับ
หลินม่ายแนะนำวิธีการนั่งตามความคิดของเธอ แต่ทั้งพ่อไป๋และแม่ไป๋กลับคัดค้าน
พวกเขาบอกว่าเป็นห่วงสุขภาพของไป๋ซวง ไม่ต้องการให้หล่อนต้องเบียดเสียดกับใคร
สามีภรรยาคู่นี้ช่างรักใคร่ไป๋ซวงเสียจริง
หลินม่ายหุบปากและไม่พูดอะไรอีก
หลินม่ายขับรถเร็วมากเพื่อประหยัดเวลา
ในเวลาประมาณบ่ายสามโมง รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ของหลินม่ายหยุดอย่างมั่นคงที่ประตูลานบ้านอันทรุดโทรมของตระกูลหลิน และรถหรูนี้ก็เกือบจะดึงดูดทุกคนให้มากันทั้งหมู่บ้าน
ในหมู่บ้านบนภูเขาที่ยากจนและล้าหลังแห่งนี้ แม้แต่รถแทรกเตอร์ก็หายาก
ครั้งสุดท้ายที่ฟางจั๋วหรานขับรถจี๊ปไปที่หมู่บ้านก็ทำให้เกิดเสียงฮือฮาอย่างมาก
การปรากฏตัวของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในหมู่บ้านครั้งนี้จึงยิ่งสะดุดตามากขึ้น
คนเหล่านั้นยืนห่างจากรถเมอร์เซเดส-เบนซ์สองหรือสามเมตร ล้อมรอบรถคันนั้นอย่างแน่นหนาเพื่อเชยชมและเบิกตากว้างด้วยความสงสัยใคร่รู้ว่าใครลงจากรถเมอร์เซเดส-เบนซ์
หลินม่ายก้าวลงจากรถเป็นคนแรก
การขับรถผ่านสิบแปดโค้งของถนนบนภูเขาทำให้เธอเหนื่อยจนร่างแทบแหลกสลาย แทบรอไม่ไหวที่จะยืดเหยียดร่างกาย
ทันทีที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ของหลินม่ายปรากฏตัวที่ประตูบ้านของหลินเจี้ยนกั๋ว มันก็ดึงดูดความสนใจของคนทั้งครอบครัว
ซุนกุ้ยเซียงเป็นคนแรกที่เห็นว่าหลินม่ายลงจากรถ และพุ่งเข้าหาหลินม่ายเหมือนสุนัขแก่คลุ้มคลั่งที่ต้องการสู้กับหลินม่าย “นังสารเลว ยังกล้ากลับมาที่นี่อีกนะ!
เติ้งซิ่วจือที่วิ่งตามมากอดหล่อนไว้แน่น และหันหน้าไปเรียกหลินสงเพื่อขอความช่วยเหลือ “มาช่วยกันจับแม่หน่อยเร็ว แม่กำลังจะทำร้ายหลินม่าย!”
หลินสงเป็นลูกชายแท้ ๆ ของหลินเจี้ยนกั๋วและภรรยาของเขา และทั้งคู่มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
นอกจากนี้ ซุนกุ้ยเซียงยังคอยล้างสมองเขาตลอดเวลาที่ผ่านมา โดยบอกเขาว่าอย่าฟังเติ้งซิ่วจือ เพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นหญิงนิสัยไม่ดี
ดังนั้นเมื่อได้ยินเสียงเรียกของเติ้งซิ่วจือ หลินสงจึงไม่ตอบสนอง
ซุนกุ้ยเซียงเปี่ยมด้วยพละกำลัง ไม่นานเติ้งซิ่วจื้อก็ถูกหล่อนเหวี่ยงลงกับพื้น และมองดูซุนกุ้ยเซียงพุ่งไปหาหลินม่ายอย่างใจจดใจจ่อ
ไม่เสียแรงที่หลินม่ายพยายามเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้มาเป็นเวลานาน
ทันทีที่ซุนกุ้ยเซียงเข้ามาใกล้ เธอก็เตะอีกฝ่ายออกไปอย่างไร้ความปรานี
ในขณะนี้ไป๋ซวงลงจากรถ หล่อนก็ได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จึงตะโกนทันที “ม่ายจื่อ! ไม่ว่ายังไงลุงหลินและป้าหลินต่างเป็นพ่อแม่บุญธรรมของเธอนะ เธอเตะป้าหลินแบบนี้ได้ยังไง?”
หลินม่ายยิ้มอย่างสดใสและพูดประชดประชัน “ขนาดคนที่เป็นลูกสาวแท้ ๆ ยังไม่คิดจะแนะนำตัวให้พวกเขาได้รู้จัก ฉันก็คงเดาได้ไม่ยากว่าผู้หญิงคนนี้เป็นแม่ของคุณ! คุณจะเรียกพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดว่าลุงหลินและป้าหลินได้ยังไง? แบบนี้มันไม่ถูกต้องนะ!”
ไป๋ซวงได้ยินดังนี้ หล่อนก็รู้สึกไม่สบายใจและทำอะไรไม่ถูก
เดิมทีหล่อนต้องการใช้ศีลธรรมอันสูงส่งในการกล่าวโทษหลินม่ายและทำให้ผู้คนรู้สึกไม่ดีต่ออีกฝ่าย นี่คือกลอุบายตามปกติของหล่อน
แต่กลอุบายนี้กลับล้มเหลวต่อหน้าหลินม่าย และทำให้ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนกับหลินเจี้ยนกั๋วและภรรยาของเขา
หล่อนไม่ต้องการก้าวขาเข้าไปเกี่ยวข้องกับสองสามีภรรยาคู่นี้
ซุนกุ้ยเซียงที่นอนอยู่บนพื้นและหลินเจี้ยนกั๋วที่ยืนอยู่ข้างหลังหล่อนต่างมองไปยังไป๋ซวง แม่ไป๋ และคนอื่น ๆ ที่ลงจากรถด้วยความประหลาดใจ
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ไม่ให้เตะยัยป้านี่ งั้นให้ม่ายจื่อฟาดแข้งกับก้านคอหล่อนไหมล่ะยัยไป๋ซวง ปากดีเหลือเกิน
ไหหม่า(海馬)