แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 632 เปลี่ยนเรื่องคุย (2)
ตอนที่ 632 เปลี่ยนเรื่องคุย (2)
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ไป๋ซวงก็สงบลงและพูดด้วยความโกรธ “เธอโกหก ฉันจะรู้เรื่องการมีอยู่ของเธอได้ยังไง?!”
หลินม่ายกล่าวว่าเธอเคยไปเมืองหลวงก่อนวันชาติเมื่อปีที่แล้วและได้ไปเยี่ยมเยียนไป๋ลู่
ตอนนี้เองก็ถึงคราวของไป๋ลู่ที่จะถามด้วยความประหลาดใจ “เธอมาเยี่ยมฉันในวันชาติเมื่อปีที่แล้วเหรอ? แล้วทำไมเราไม่ได้เจอกันล่ะ? อย่าบอกนะว่าเธอลืมที่อยู่บ้านที่ฉันบอกไป”
บ้านตระกูลไป๋มีโทรศัพท์ สิ่งที่ไป๋ลู่ทิ้งไว้ให้หลินม่ายในเวลานั้นคือหมายเลขโทรศัพท์และที่อยู่บ้าน
หลินม่ายมองไปยังไป๋ซวงอย่างมีเลศนัย “ฉันจำที่อยู่บ้านของพี่ได้ถูกต้อง ฉันค้นหาตามที่อยู่ที่พี่บอก และฉันก็มาถึงประตูบ้านแล้วด้วย”
ไป๋ลู่ถามอย่างงุนงง “ในเมื่อมาถึงบ้านแล้ว ทำไมเราไม่ได้เจอกันล่ะ?”
หลินม่ายอธิบาย “ไม่ใช่ว่าฉันไม่ต้องการพบพี่ แต่เป็นเรื่องบังเอิญอย่างมากที่ฉันได้พบกับไป๋ซวงก่อน หล่อนบอกว่าหล่อนไม่เคยได้ยินใครชื่อไป๋ลู่เลยในตรอกนี้ และฉันก็เพิ่งรู้ว่าคำพูดทั้งหมดของหล่อนเป็นเรื่องโกหก”
ตอนนี้หลินม่ายเข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงรู้สึกแปลกประหลาดทุกครั้งที่เห็นไป๋ซวง
เพราะดวงตาคู่นั้นของหล่อนดูคล้ายคลึงกับซุนกุ้ยเซียงและหลินเพ่ยมาก เป็นดวงตารูปสามเหลี่ยมที่น่ากลัว
เพียงแต่ว่าเธอไม่ทันสังเกตรายละเอียดทั้งหมดของไป๋ซวง จึงรู้สึกประหลาดใจ แต่ไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ
เมื่อพูดถึงเรื่องนั้น ทุกคนก็พลันเข้าใจในทันที ปรากฎว่าคนที่หลอกเธอในวันนั้นคือไป๋ซวง
เมื่อหลินม่ายพูดเช่นนั้น ไป๋ซวงก็ตื่นตระหนกและพยายามอย่างเต็มที่ที่จะปฏิเสธ “โกหก! ปีที่แล้วฉันไม่ได้พบเธอเลย!”
เธอคิดว่าตัวเองเพียงพบหลินม่ายโดยบังเอิญ และคงจะไม่มีโอกาสได้พบเจอกันอีก
ไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่มีหลักฐาน ตราบใดที่เธอปฏิเสธที่จะยอมรับ หลินม่ายก็ไม่อาจทำอะไรได้
“ฉันโกหกงั้นเหรอ?” หลินม่ายหัวเราะเยาะ “หลังจากที่เธอหลอกลวงฉันและเดินหันหลังเข้าบ้านไป เพื่อนบ้านของเธอก็ปรากฏตัวขึ้น เธอคงไม่รู้สินะว่าตอนที่เธอกำลังหลอกฉัน ป้าเพื่อนบ้านของเธอก็เปิดประตูโผล่หน้าออกมาจ้องมองฉันพักหนึ่งด้วย หากอยากรู้ว่าฉันโกหกหรือเปล่า ก็ให้พ่อ พี่ชาย และพี่สาวเธอไปถามป้าข้างบ้านดูสิ อาจจะได้รับคำตอบก็ได้นะ”
ไป๋ซวงตกตะลึงสุดขีด
หล่อนจำได้ว่าตอนที่หลอกหลินม่ายในวันนั้น ตนได้ยินเสียงเคลื่อนไหวบางอย่างทางด้านซ้าย แต่น่าเสียดายที่หล่อนไม่สนใจความเคลื่อนไหวนั้น
ไม่เคยคิดเลยว่าการเพิกเฉยในครั้งนั้นจะนำหายนะมาสู่ตนในวันนี้
หากหล่อนรู้ว่าป้าข้างบ้านกำลังจ้องมองมายังตนและหลินม่ายในเวลานั้น หล่อนจะปิดปากป้าข้างบ้านอย่างแน่นอน แล้วทุกอย่างก็จะไม่เป็นอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้
เมื่อเห็นว่าแม่ไป๋ไม่ได้พูดอะไร หลินม่ายก็จ้องมองด้วยความสงสัย รู้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูด
เธอยิ้มและกล่าว “คุณสงสัยว่าฉันโกหกเหรอคะ? ป้าข้างบ้านของคุณมีใบหน้ากลมหรือเปล่าคะ? หล่อนมีไฝบนใบหน้าด้วยใช่ไหมคะ?”
เมื่อแม่ไป๋ได้ยินสิ่งนี้ ความสงสัยในดวงตาของเธอก็สลายไปทันที
ป้าโหยวซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของพวกเขามีลักษณะหน้าตาเช่นนั้นจริงๆ
แม่ไป๋มองไปยังไป๋ช่วงที่กำลังเหงื่อแตกซิกด้วยความผิดหวัง
หลินม่ายจ้องมองไป๋ซวงและพูดประชดประชัน “อย่าคิดว่าฉันจำเธอไม่ได้ถึงแม้เธอจะสวมหน้ากากก็ตาม! ฉันก็แค่ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจเท่านั้นแหละ!”
แม่ไป๋ขัดเธอด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย “เอาล่ะ แม้ว่าซวงเอ๋อร์จะทำผิด แต่เธอก็ไม่ควรก้าวร้าวและไร้มารยาทเหมือนไม่มีใครสั่งสอนแบบนี้นะ!”
พ่อไป๋เห็นว่าภรรยาของเขายังคงปกป้องไป๋ซวง ก็รู้สึกเสียใจมากและพูดด้วยสีหน้าหม่นลง “ซวงเอ๋อร์ทำผิด แต่ทำไมใคร ๆ ถึงแตะต้องหล่อนไม่ได้?”
แม่ไป๋รีบปฏิเสธ “ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมม่ายจื่อไม่เรียนรู้ที่จะให้อภัยเท่านั้นเองค่ะ”
หลินม่ายยิ้มพลางเอ่ย “ในเมื่อฉันเป็นคนรักความยุติธรรม ทำไมต้องให้อภัยผู้กระทำผิดด้วยล่ะค่ะ? เราไม่ควรทำให้ใครต้องตกที่นั่งลำบากไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม!”
แม่ไป๋พูดไม่ออก
พ่อไป๋ยกนิ้วให้หลินม่ายพลางเอ่ยชื่นชม “พูดได้ดี!”
แม่ไป๋แทบจะระเบิดอารมณ์ด้วยความโกรธ ถลึงมองสามีของตนอย่างไม่พอใจ
พ่อไป๋ไม่ได้สนใจ กล่าวต่อไป๋ซวงด้วยท่าทางใจสลาย “ซวงเอ๋อร์ ลูกทำให้พ่อผิดหวังมาก!
“ยิ่งเมื่อรู้ว่าทั้งพ่อและแม่อยากได้ลูกสาวซึ่งเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง ลูกก็ยิ่งพยายามวางแผนที่จะขับไล่ม่ายจื่อไป!”
น้ำตาของไป๋ซวงไหลริน ตัวสั่นริกราวกับสัตว์ตัวเล็กที่กำลังหวาดกลัว “พ่อคะ หนูรู้ว่าหนูผิด ฮือ”
ไป๋เซี่ยกลอกตาพลางกล่าว “รู้ตัวว่าผิดแล้วจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อครั้งต่อไปก็ทำเหมือนเดิม!”
แม้ว่าแม่ไป๋จะผิดหวังต่อไป๋ซวง แต่ไป๋ซวงก็ถูกหลินม่ายถากถางก่อน อีกทั้งยังทำให้หล่อนโดนพ่อไป๋ตำหนิ และตอนนี้ไป๋เซี่ยก็มาเยาะเย้ยซ้ำ
ในสายตาของแม่ไป๋ ทุกคนกำลังปฏิเสธที่จะปลอบโยนไป๋ซวงและกลั่นแกล้งหล่อน
แม่ไป๋รู้สึกว่าไป๋ซวงน่าสงสารมาก ทำให้หล่อนเป็นทุกข์มาก
หล่อนพูดกับไป๋เซี่ยด้วยสีหน้าหม่นลง “ไม่พูดอะไรก็ไม่มีใครหาว่าลูกเป็นใบ้หรอกนะ!”
เมื่อเห็นภรรยาของเขาปกป้องไป๋ซวงอย่างไร้เหตุผล พ่อไป๋ก็โกรธจนตาลุกเป็นไฟพร้อมกับกล่าวขึ้น “ที่เซี่ยเซี่ยพูดมันเป็นความจริงไม่ใช่เหรอ? ซวงเอ๋อร์พยายามทุกอย่างเพื่อทำให้เราและม่ายจื่อไม่ได้พบกัน หล่อนทำทุกอย่างเพื่อกีดขวางเรา ทุกครั้งที่โดนจับได้หล่อนก็จะสารภาพผิด แต่มีครั้งไหนบ้างที่คิดแก้ไข? คุณเอาแต่ปกป้องหล่อนและไม่เคยคิดสั่งสอน ซวงเอ๋อร์จึงรู้สึกปลอดภัยและได้ใจเมื่อกระทำสิ่งเลวร้าย เรื่องนี้ไม่ยุติธรรมสำหรับม่ายจื่อ เพราะหล่อนเองก็เป็นเหยื่อ!”
แม่ไป๋ดูเหมือนจะตระหนักได้จากคำพูดของพ่อไป๋ หล่อนมองไปยังหลินม่ายด้วยความรู้สึกผิดและดูเหมือนต้องการจะพูดบางอย่างกับเธอ แต่ก็ไม่อาจเปล่งเสียงออกมาได้ และในที่สุดแม่ไป๋ก็ตัดสินใจไม่พูดออกมา
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลินม่ายก็แค่นเสียงเยาะอย่างเย็นชา
แม่ไป๋เห็นดังนั้น ความรู้สึกผิดที่เพิ่งเกิดขึ้นในใจของตนพลันสลายไปทันที
เด็กคนนี้เติบโตขึ้นมาในชนบท หลินเจี้ยนกั๋วและภรรยาของเขาต่างเป็นคนเลว ดังนั้นเด็กที่พวกเขาเลี้ยงดูก็ย่อมไม่มีการศึกษา ลูกที่ไหนจะทำกิริยาเช่นนี้กับแม่บังเกิดเกล้า?
ทันใดนั้นรถไฟก็แล่นเข้าสู่สถานี
หลินม่ายช่วยพวกเขาขนของขึ้นรถไฟ เธอบอกไป๋เซี่ยและไป๋ลู่ว่าผลิตภัณฑ์จากเนื้อสัตว์ นม และน้ำผึ้งบริสุทธิ์ที่เธอเตรียมไว้ทั้งหมดเป็นของฝากจากเธอและฟางจั๋วหรานเพื่อมอบให้กับเหล่าผู้อาวุโสแทนคำทักทาย
บนรถไฟมีคนดีและคนเลวปะปนกันมากมาย สองพี่น้องต้องจับตาดูแล้วระมัดระวังเป็นอย่างดี
สองพี่น้องกลัวว่าจะต้องเผชิญกับคนนิสัยไม่ดีและฉกฉวยเอาสิ่งของของพวกเขาไป หากเป็นเช่นนั้นคงไม่ดีแน่
เพราะบนรถไฟมีคนเลวมากมาย
แน่นอนว่าเมื่อคนเลวเหล่านั้นเห็นของดี พวกเขาก็จะหมายปองและคิดอยากจะขโมยเอาไป เป็นไปได้ที่พวกเขาอาจทำการวางยาพิษหรือก่ออันตรายอื่น ๆ
แต่การวางยาพิษผู้คนไม่ก่อประโยชน์ใดต่อพวกเขา ปล้นเอาสินทรัพย์เพื่อนำไปขายจะไม่เป็นการดีกว่าเหรอ?
เห็นได้ชัดว่าโจรนั้นก็คือไป๋ซวง
หล่อนเท่านั้นที่จะเล่นตลกกับสิ่งของเหล่านี้ของหลินม่าย
จากนั้นหล่อนก็จะบอกว่าหลินม่ายจงใจให้ของไม่ดีแก่ผู้อาวุโส หล่อนมีแผนการชั่วร้ายซึ่งจะทำให้ผู้อาวุโสทุกคนเกลียดหลินม่าย
ไป๋ลู่และไป๋เซี่ยกล่าวต่อหลินม่าย “ไม่ต้องกังวล เราสัญญาว่าจะส่งสิ่งเหล่านี้ให้ผู้อาวุโสอย่างปลอดภัย”
ไป๋ซวงโกรธจนอยากจะร้องไห้
แต่หล่อนรู้ว่าการร้องไห้ในเวลานี้มีแต่จะทำให้พ่อไป๋ไม่พอใจ ดังนั้นจึงทำได้เพียงกลั้นน้ำตาเอาไว้!
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สับสนกับตรรกะของยัยแม่ไป๋มากเลยค่ะ ตอนแรกทำเป็นกระตือรือร้นอยากเจอหลินม่าย พอตอนนี้ไหงมาโอ๋ยัยงูพิษไป๋ซวงออกนอกหน้าไปได้
ไหหม่า(海馬)