แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 635 แผนการอันขมขื่น
ตอนที่ 635 แผนการอันขมขื่น
แม่ไป๋ตกใจจนแทบเสียสติ ตะโกนด้วยความเศร้าโศก หลังกล่าวแล้วก็ทิ้งตัวลงบนร่างของไป๋ซวง “ซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์ผู้น่าสงสารของฉัน!”
เมื่อไป๋เซี่ยและไป๋ลู่ได้ยินเสียงตะโกนของแม่ไป๋ พวกเขาก็วางตะเกียบแล้ววิ่งไปยังห้องของไป๋ซวง
พ่อไป๋ตรวจสอบลมหายใจของไป๋ซวงก่อนจะหันหาไป๋เซี่ยพลางกล่าว “ซวงเอ๋อร์ยังมีชีวิตอยู่ รีบไปหากระดานรองนอนมา เราต้องพาซวงเอ๋อร์ไปโรงพยาบาล!”
ท่ามกลางช่วงเวลาแห่งความโกลาหล ทุกคนในตระกูลไป๋ต่างรีบเร่งไปโรงพยาบาล พ่อไป๋อุ้มไป๋ซวงที่กำลังหมดสติไปด้วยความตื่นตระหนก
แม่ไป๋วิ่งตามมาข้างพลางร่ำไห้ ไป๋ลู่ทำตัวไม่ถูกทันที ความรู้สึกผิดและความรู้สึกมากมายที่อธิบายไม่ได้ปรากฏขึ้น
เพื่อนบ้านในละแวกนั้นมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ
พวกเขาอยากจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นว่าพ่อไป๋และแม่ไป๋ดูกระวนกระวายใจจึงไม่มีใครกล้าถาม ด้วยกลัวว่าจะช่วยชีวิตเด็กได้ล่าช้า
เมื่อพวกเขามาถึงโรงพยาบาล พยาบาลที่แผนกต้อนรับเห็นว่าอาการของไป๋ซวงย่ำแย่มาก จึงเปิดช่องรักษาฉุกเฉินให้หล่อนทันที
แพทย์ในแผนกฉุกเฉินพยายามอย่างหนักและทำงานอย่างรวดเร็วเพื่อช่วยชีวิต มากกว่าหนึ่งชั่วโมงต่อมา ไป๋ซวงก็พ้นขีดอันตรายและถูกนำตัวออกจากห้องฉุกเฉิน
แม่ไป๋และคนอื่น ๆ รวมตัวกันด้านหน้าเพื่อรอคอยข่าว
ไป๋ซวงที่เพิ่งได้รับการช่วยเหลือมีสภาพอ่อนแอมาก หล่อนมองแม่ไป๋ด้วยความรักใคร่และเอ่ยเรียกอย่างแผ่วเบา “แม่”
แม่ไป๋จับมือหล่อนทันทีพลางกล่าว “แม่อยู่นี่”
หลังเข้าสู่ห้องพักและทุกคนในครอบครัวมาถึง พยาบาลก็เข้ามาพร้อมฉีดยาให้หล่อนแล้วจึงจากไป
แม่ไป๋อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาและกล่าว “เด็กโง่ ทำไมถึงคิดกินยาฆ่าตัวตายแบบนี้? โชคดีที่เรามาทันเวลา ไม่งั้น… ไม่งั้น…”
แม่ไป๋สะอึกสะอื้นและร่ำไห้ออกมา ไม่สามารถพูดเป็นคำได้อีกต่อไป
น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของไป๋ซวง หล่อนยื่นมือออกไปเพื่อเช็ดน้ำตาให้แม่ไป๋และพูดอย่างอ่อนแรง “เป็นความผิดของหนูเองที่ทำให้แม่เสียใจ ไม่ใช่ว่าหนูทำอะไรไม่คิด แต่หนูแค่รู้สึกผิดต่อพ่อและแม่ รู้สึกผิดต่อม่ายจื่อ หนูไม่รู้จะไถ่โทษยังไงนอกจากฆ่าตัวตาย”
ไป๋เซี่ยซึ่งอยู่ด้านข้างกล่าวขึ้น “ให้ฉันบอกไหมว่าควรไถ่โทษยังไง เธอก็แค่ออกจากตระกูลของเราไป ไม่จำเป็นต้องฆ่าตัวตายแบบนี้!”
แม่ไป๋เงยหน้าขึ้น ใบหน้านองน้ำตาตะโกนใส่เขาอย่างรุนแรง “ซวงเอ๋อร์เกือบตาย แทนที่จะปลอบโยนน้อง แต่กลับต่อว่าน้องอีก ลูกออกจากที่นี่ไปซะ!”
ไป๋เซี่ยไม่ยอมแพ้เช่นกัน “ผมออกไปก็ได้! ถ้าแม่จะยอมใจอ่อนเพียงเพราะหล่อนใช้การฆ่าตัวตายมาข่มขู่ แม่ช่างเป็นแม่ที่ไม่ฉลาดเอาซะเลย!”
เขาหันหลังจากไปทันทีที่กล่าวจบ
เมื่อเห็นดังนั้น ไป๋ลู่ก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเดินตามเขาออกไปและถามไป๋เซี่ยอย่างไม่มั่นใจว่า “พี่ ไป๋ซวง…หล่อนแกล้งฆ่าตัวตายอย่างนั้นเหรอคะ?”
ไป๋เซี่ยเหล่มองหล่อนและพูดอย่างโกรธเคือง “เธอคงไม่ได้โง่เหมือนแม่ที่จะมองไม่เห็นกลอุบายของไป๋ซวงหรอกใช่ไหม? เธอเคยจำคำกล่าวหนึ่งได้ไหม คนดีอายุไม่ยืน แต่คนเลวอายุยืนนับพันปี ทำไมคนเลวถึงอยู่ได้นานนับพันปีน่ะเหรอ? ก็เพราะกลัวตายยังไงล่ะ! ไป๋ซวงคิดจะขอโทษด้วยความตายอย่างงั้นเหรอ? เป็นไปไม่ได้หรอกที่สมองของหล่อนจะคิดเรื่องความตายแบบนั้น! หากหล่อนต้องการฆ่าตัวตายจริง ทำไมต้องกินยาฆ่าตัวตายในตอนเช้าที่มีคนมากมายแบบนี้? ทำไมหล่อนไม่ฆ่าตัวตายเสียตั้งแต่ตอนดึก? เพราะกว่าแม่จะไปเห็นก็คงรุ่งสาง ถึงเวลานั้นหล่อนคงตายสนิทแล้ว!”
ไป๋ลู่กำหมัดมือขวาแน่นแล้วทุบมือซ้ายของตัวเอง กล่าวอย่างโกรธเคือง “ไป๋ซวงชั่วร้ายมาก กล้าแม้กระทั่งวางแผนฆ่าตัวตาย ฉันเกือบจะหลงเชื่อและรู้สึกผิดในใจจนสงสารหล่อน และแอบคิดว่าต่อจากนี้ไปจะดูแลหล่อนอย่างดีเสียแล้วสิ”
.
ไป๋เซี่ยยืนพิงผนังทางเดินพลางพูดอย่างเหนื่อยอ่อน “ถึงเธอจะไม่หลงเชื่อไป๋ซวง ผู้หญิงเลวเจ้าเล่ห์คนนั้น แต่แม่จะต้องหลงเชื่อหล่อนอย่างแน่นอน ทั้งหมดที่เราทำเพื่อแม่นั้นช่างไร้ประโยชน์จริงๆ”
ไป๋ลู่ถามอย่างกระวนกระวาย “แล้วเราควรทำยังไงดีคะ?”
ไป๋เซียลูบหน้าผาก “ฉันก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าเราต้องทำอย่างไร คงต้องลองทีละขั้นตอน”
ไป๋ลู่พยักหน้า
ไป๋ซวงนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาลและร้องไห้อย่างขมขื่น “แม่ หนูผิดเองที่ทำให้แม่ทะเลาะกับพี่ชาย”
แม่ไป๋ลูบหัวเพื่อปลอบโยน “ไม่เป็นไร แค่ลูกสบายดีก็พอแล้ว”
เมื่อคิดว่าไป๋ซวงยังไม่ได้กินข้าวเช้า แม่ไป๋จึงขอให้พ่อไป๋ซื้อเกี๊ยวมาให้หล่อน
พ่อไป๋จ้องไป๋ซวงอย่างเคร่งขรึมครู่หนึ่ง จากนั้นจึงออกไปซื้อเกี๊ยวแล้วกลับมา
จากนั้นก็เห็นว่าเริ่มสายแล้วและต้องไปทำงาน เขาจึงออกจากวอร์ดไป
แม่ไป๋รีบกล่าวต่อพ่อไป๋ทีทันที “หมิงหยวน ซวงเอ๋อร์สารภาพผิดแล้ว เรามายกโทษให้หล่อนกันเถอะค่ะ”
พ่อไป๋เย้ยหยันอย่างเย็นชา “แม้แต่เซี่ยเซี่ยก็ยังเห็นว่าซวงเอ๋อร์วางแผนอะไรไว้ คุณไม่เห็นจริง ๆ เหรอ?”
เขาถามด้วยความจนใจ
บนรถไฟ เขาและลูกสองคนพยายามหาเหตุผลเพื่อให้ภรรยาตาสว่างและให้หล่อนเห็นพฤติกรรมของไป๋ซวงอย่างชัดเจน แต่ไม่คาดคิดว่ากลอุบายของไป๋ซวงจะทำให้ความพยายามของพวกเขาสูญเปล่า
แม่ไป๋ส่ายศีรษะ “นั่นไม่ใช่แผนการของหล่อนหรอก คุณไม่ได้ยินที่หมอพูดเหรอคะว่า หากเรามาส่งหล่อนช้ากว่านี้ ซวงเอ๋อร์อาจเสียชีวิตได้ หากเป็นแผนการของหล่อนจริง ซวงเอ๋อร์คงไม่ยอมเสี่ยงชีวิตถึงขนาดนี้
พ่อไป๋เงียบไปนาน
เพื่อไม่ให้เรื่องราวไปกันใหญ่ ในที่สุดเขาก็ยอมจำนนและพยักหน้าเพื่อให้อภัยไป๋ซวง
แม่ไป๋กล่าวด้วยความดีใจ “แสดงว่าเราจะไม่ส่งซวงเอ๋อร์ให้กับพ่อแม่แท้ๆ ของหล่อนแล้วใช่ไหมคะ?”
พ่อไป๋พยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “นั่นขึ้นอยู่กับคุณ แต่หากซวงเอ๋อร์ทำผิดอีก ผมจะขับไล่หล่อนออกจากตระกูลไป๋ของเราอย่างแน่นอน! “
แม่ไป๋พยักหน้าอย่างกระฉับกระเฉง “ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันจะจับตาดูซวงเอ๋อร์ให้ดี”
พ่อไป๋จากไปด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
หลังจากที่พ่อไป๋เดินลงมา เขาก็เห็นสองพี่น้องไป๋ยืนอยู่ที่มุมบันได มองเขาอย่างไม่มีความสุข
พ่อไป๋มองเด็กทั้งสองด้วยความฉงน “ทำไมถึงมองพ่อแบบนี้ล่ะ?”
ใบหน้าของไป๋เซี่ยหม่นลง“เราได้ยินการสนทนาระหว่างพ่อและแม่แล้ว พ่อจะยังรับไป๋ซวงไว้ตามคำขอของแม่เหรอครับ? แล้วจะเอาม่ายจื่อไปไว้ที่ไหนครับ?”
ไป๋ลู่ก็เอ่ยถามเช่นกัน “พ่อเต็มใจจะรับไป๋ซวงไว้ในครอบครัวเราจริงเหรอคะ? หล่อนนิสัยแย่มากขนาดนั้น ทำไมพ่อถึงยังให้โอกาสหล่อนอีกล่ะคะ?”
พ่อไป๋พูดไม่ออกเมื่อได้ยินคำถามของลูกทั้งสอง
เขามองดูนาฬิกา “พ่อต้องไปทำงานแล้ว หลังเลิกงาน เราจะคุยเรื่องพวกนี้อย่างละเอียดอีกครั้ง”
พี่น้องไป๋มองหน้ากันอีกครั่งก่อนจะตัดสินใจปล่อยพ่อไป๋ไป
ในห้องพัก ไป๋ซวงรู้สึกกลัวจับใจอยู่พักหนึ่ง
เดิมทีหล่อนเพียงต้องการทำให้พ่อไป๋กับแม่ไป๋ตกใจ เพื่อที่ทั้งสองจะได้ให้อภัยและยอมให้หล่อนอาศัยอยู่ในบ้านของตระกูลไป๋อีกต่อไป
น่าเสียดายที่หลังจากกินยาเข้าไปแล้วก็ไม่มีใครเข้ามาในห้องหล่อนเป็นเวลานาน
หล่อนคิดว่าการแสร้งฆ่าตัวตายจะสามารถเอาชนะทุกคนได้
โชคดีที่ในช่วงสุดท้ายแม่ไป๋รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ หล่อนจึงได้รับการช่วยเหลือไว้ ไม่เช่นนั้นหล่อนคงสูญสิ้นชีวิตไปแล้วจริงๆ
หล่อนใช้แผนการนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เพราะมันเสี่ยงเกินไป
…
หลังส่งครอบครัวไป๋จากไป หลินม่ายก็เริ่มยุ่ง
เครื่องจักรผลิตอาหารที่ซื้อจากฮ่องกงมาถึงและถูกนำไปใช้ผลิตสินค้าแล้ว
ซาลาเปาสีขาวอวบอ้วนออกจากเครื่องจักรผลิตอาหารทีละชิ้น จากนั้นก็ถูกแช่แข็งอย่างรวดเร็วและส่งไปยังร้านค้าต่าง ๆ ซึ่งช่วยประหยัดแรงงานอย่างมาก
ยุคนี้ไม่มีรถบรรทุกอาหารแบบห้องเย็น ดังนั้นหลินม่ายจึงต้องใส่ก้อนน้ำแข็งบนรถบรรทุกเพื่อแก้ปัญหาการรักษาสภาพความเย็น
ถึงอย่างไรทุกอย่างก็มีหนทางแก้ไขหลายทางหากใคร่ครวญใช้สติปัญญาสักหน่อย
อย่างไรก็ตาม เครื่องจักรผลิตอาหารในยุคนี้ก็มีข้อบกพร่องเช่นกัน
ซาลาเปาและเกี๊ยวสามารถผลิตได้ด้วยเครื่องจักรผลิตอาหาร แต่อาหารชนิดอื่น ๆ เช่น ขนมจีบและปอเปี๊ยะไม่สามารถทำได้ด้วยเครื่องผลิตอาหารในขั้นตอนสุดท้าย จึงทำได้เพียงห่อด้วยมือเท่านั้น
แต่หลินม่ายไม่สนใจ การห่อขนมจีบและปอเปี๊ยะง่ายกว่าซาลาเปาและเกี๊ยวมาก หากไม่ใช่บุคคลที่มีข้อบกพร่องทางสติปัญญาก็สามารถเรียนรู้ได้อย่างง่ายดาย
ทางออกของเรื่องนี้ก็ไม่ได้ยากเย็น
เพียงรับสมัครกลุ่มคนหนุ่มสาวที่เชี่ยวชาญมาห่อขนมจีบและปอเปี๊ยะ
ในสายการผลิต หลินม่ายได้เพิ่มซาลาเปาสองแบบ
ร้านอาหารว่างของหลินม่ายไม่เคยขายซาลาเปามาก่อน เพราะการว่าจ้างคนทำซาลาเปานั้นมีราคาสูง แต่ราคาขายกลับต่ำและได้กำไรน้อยเกินคุ้ม
แต่ตอนนี้เธอมีเครื่องจักรที่สามารถใช้ทำซาลาเปาและเกี๊ยวได้ ดังนั้นจึงช่วยเธอลดต้นทุนในเรื่องของค่าแรง แม้เครื่องจักรก็จำเป็นต้องมีค่าซ่อมบำรุงเมื่อสึกหรอ แต่กำไรจากการขายซาลาเปาก็จะเพิ่มขึ้นทวีคูณเช่นกัน
ผ้าชุดแรกที่เฉาชุนไฉผลิตมาถึงแล้ว เถาจืออวิ๋นแสดงความพึงพอใจหลังจากการตรวจสอบ
ที่ดินสองผืนที่ซื้อในฮ่องกงยังไม่ได้เริ่มก่อสร้าง เพราะยังไม่ได้ทำการเขียนแบบ
หลินม่ายหยิบแผนที่ภูมิประเทศของที่ดินสองผืน และขอให้ผู้อาวุโสอี๋วาดแบบเพื่อเริ่มก่อสร้าง
หลังจากสัปดาห์อันแสนวุ่นวายผ่านไปก็ถึงวันประกาศผลสอบเข้าวิทยาลัย
ในวันที่ไปมหาวิทยาลัยเพื่อรับใบรายงาน หลินม่ายก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะผ่านการคัดเลือกหรือไม่ แต่ถ้าผ่าน ไม่ว่ามหาวิทยาลัยปักกิ่งหรือมหาวิทยาลัยชิงหวาก็ล้วนเป็นมหาวิทยาลัยที่ดี
เพื่อความโชคดี หลินม่ายจึงสวมกี่เพ้าสีแดงแบบเดียวกับที่สวมเมื่อตอนสอบอีกครั้ง
ฟางจั๋วหรานจ้องมองขาอันเรียวยาวของเธอที่เผยออกมาข้างนอกและอดไม่ได้ที่จะกล่าว “ม่ายจื่อ ผมว่าเปลี่ยนกระโปรงจะดีกว่านะ”
หลินม่ายถามอย่างสับสน “ทำไมล่ะคะ?”
ฟางจั๋วเยวี่ยเดินผ่านทั้งสอง “ไม่ฉลาดเอาเสียเลย ยังไม่รู้อีกเหรอว่าพี่ชายของผมไม่ต้องการให้ใครเห็นขาอ่อนคุณ”
ฟางจั๋วหรานรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยเมื่อน้องชายพูดความจริง
หลินม่ายมองลงไปยังต้นขาของเธอด้วยความรู้สึกปกติ และเธอก็ไม่ได้คิดว่าชุดนี้โป้เปลือยจนเกินเหตุ
เธอกล่าวพลางเท้าสะเอว “คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ควบคุมการสวมใส่เสื้อผ้าของฉัน!”
ฟางจั๋วหรานเสียอารมณ์ทันทีและกล่าวด้วยท่าทางจนใจขั้นสุด “คุณอยากใส่อะไรก็ใส่ไปเถอะ”
เมื่อฟางจั๋วเยวี่ยเห็นโต้วโต้วก็บีบแก้มหล่อนพลางกล่าว “คุณอาฟางของหนูโดนกำราบแล้วล่ะ ในอนาคตภรรยาของเขาจะต้องโหดเหี้ยมมากแน่”
โต้วโต้วถามด้วยความสงสัย “คืออะไรเหรอคะ?”
ฟางจั๋วเยวี่ยเกาจมูกน้อย ๆ ของหล่อน “กินๆๆ กินเยอะ ๆ จะได้ดูอ้วนเหมือนลูกบอล”
โต้วโต้วยิ้มและสัมผัสท้องของหล่อน
หลังอาหารเช้า หลินม่ายก็เดินทางไปยังมหาวิทยาลัย
เมื่อเห็นนักข่าวสองสามคนเกาะอยู่ที่ประตูมหาวิทยาลัย เธอก็รู้สึกงุนงงเล็กน้อยเพราะคิดว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้นที่โรงเรียน ดังนั้นเธอจึงเข้าไปหานักข่าว
หลินม่ายถามนักเรียนหลายคนที่ประตูมหาวิทยาลัย แต่นักเรียนทุกคนต่างก็นิ่งเงียบและตะลึงงัน พวกเขาต่างบอกว่าไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีอะไรเกิดขึ้นในมหาวิทยาลัย
แต่ถึงจะเกิดเรื่องใหญ่ในโรงเรียน พวกเขาก็ไม่สนใจ พราะทุกวันนี้พวกเขาสนใจเพียงผลสอบเข้ามหาวิทยาลัย
ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในมหาวิทยาลัย นักศึกษาทุกคนก็ต่างเร่งรีบไปยังกระดานประชาสัมพันธ์
คะแนนและรายชื่อของผู้ที่มีผลการสอบเข้าวิทยาลัยโดดเด่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาจะถูกติดประกาศบนกระดานประชาสัมพันธ์
นักเรียนจำนวนมากมารวมตัวกันที่หน้ากระดานประชาสัมพันธ์ และทุกคนก็จ้องไปยังกระดานนั้นโดยหวังว่าจะเห็นชื่อของพวกเขา
หลินม่ายเองก็เช่นเดียวกัน
นักเรียนบางคนที่เห็นหลินม่ายก็ทักทายเธออย่างกระตือรือร้นพลางชี้ไปยังกระดานประชาสัมพันธ์และพูดอย่างอิจฉา “หลินม่าย เธอมีคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยสูงถึง 689 คะแนนเลยนะ หากฉันคาดเดาไม่ผิด เธอน่าจะเป็นนักเรียนอันดับหนึ่งในการสอบเข้าวิทยาลัยแห่งหูเป่ยของเรา”
คะแนนรวมในการสอบเข้าวิทยาลัยในปี 1983 คือ 710 คะแนน และหลินม่ายได้ 689 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนที่สูงจนน่าตกใจ
เพื่อนร่วมชั้นคู่หนึ่งต่างพูดคุยกัน “ฉันมั่นใจมากว่าหลินม่ายเป็นนักเรียนที่มีอันดับหนึ่งในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในมณฑลของเราแน่นอน”
หลินม่ายรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เธอคาดว่าของตัวเองคะแนนจะอยู่ที่ประมาณ 650 คะแนน แต่ไม่คาดคิดว่าจะสูงถึง 689 คะแนน
แม้จะดีใจ แต่การแสดงออกของเธอก็ยังสงบนิ่งและยิ้มให้เพื่อนร่วมชั้นทั้งสองคนอย่างเป็นมิตร ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองกระดานประชาสัมพันธ์
ชื่อของเธอถูกติดไว้ให้เป็นนักเรียนอันดับหนึ่งบนกระดานประชาสัมพันธ์
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
น่าจะไปช้ากว่านี้ ยัยไป๋ซวงจะได้เน่าสมใจอยาก อยากเล่น russian roulette กับชีวิตตัวเองดีนัก
ม่ายจื่อได้ท็อปสินะ
ไหหม่า(海馬)