แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 654 ขอโทษถึงหน้าประตู
ตอนที่ 654 ขอโทษถึงหน้าประตู
เจ้าหน้าที่ฝ่ายรับเข้าศึกษาเห็นหลินม่ายไม่ได้แค่ขู่ จึงกลัวว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ได้แต่กัดฟันยอมรายงานเบื้องบน
เบื้องบนไม่ได้เลอะเลือนเหมือนเขา เพื่อที่จะไม่ถูกลงโทษ ถึงขั้นคิดจะจบเรื่องคนสวมรอยให้แล้ว ๆ ไป
เรื่องแบบนี้สามารถมองข้ามได้หรือ?
ในมหาวิทยาลัยมีนักศึกษามากมาย โดยเฉพาะนักเรียนปีหนึ่งที่คิดว่าว่านฮุ่ยเป็นนักศึกษาที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้เป็นอันดับหนึ่ง
ขอแค่หลินม่ายประกาศลงหนังสือพิมพ์ว่าเธอเป็นนักเรียนที่ได้อันดับหนึ่งในการสอบเข้า มหาวิทยาลัยชิงหวาเกิดข้อผิดพลาดในการรับนักศึกษา มันก็จะกลายเป็นช้างตายทั้งตัวเอาใบบัวมาปิดทันที
ถึงตอนนั้น เรื่องที่มหาวิทยาชิงหวาต้องการปกปิดความผิดพลาดในการรับนักศึกษา ให้หลินม่ายยอมอ่อนข้อให้นักศึกษาที่สวมรอยเธอ ก็จะเป็นที่รู้กันทั่วประเทศทันที
แทนที่จะปล่อยให้เรื่องหลุดการควบคุมไปถึงตอนนั้น ไม่สู้ยอมรับผิดเสียตั้งแต่ตอนนี้ แล้วขอโทษหลินม่ายอย่างจริงใจสุดความสามารถ
และจะผ่อนปรนให้ว่านฮุ่ยไม่ได้เป็นอันขาด ให้ส่งหล่อนไปที่สถานีตำรวจท้องที่ทันที
มีแค่การทำแบบนี้เท่านั้น เรื่องเลวร้ายถึงจะกลายเป็นเรื่องดีได้ และกู้คืนภาพพจน์ของมหาวิทยาลัยชิงหวากลับมาได้
ผู้หลักผู้ใหญ่ไม่ให้โอกาสเจ้าหน้าที่ฝ่ายรับนักศึกษาคนนี้ได้ปฏิบัติหน้าที่นี้ เพียงแค่สั่งพักงานเขา และเลื่อนตำแหน่งเจ้าหน้าที่อีกคนอีกคนมาแก้ไขปัญหานี้
ว่านฮุ่ยที่กำลังนั่งดีอกดีใจอยู่ในห้อง เห็นชายคนหนึ่งเข้ามาพร้อมกับพนักงานรักษาความปลอดภัยสองคน
ชายคนนั้นเดินเข้ามาถาม “เธอคือว่านฮุ่ยใช่ไหม?”
ว่านฮุ่ยยังไม่รู้สถานการณ์ จึงพยักหน้า “ฉันเองค่ะ”
ชายคนนั้นผายมือให้พนักงานรักษาความปลอดภัยสองคนที่อยู่ข้างหลังเขา “พาหล่อนไปที่สถานีตำรวจ”
ว่านฮุ่ยตกตะลึง “ทำไมต้องพาฉันไปที่สถานีตำรวจท้องที่? ฉันไม่ได้ทำผิดกฎหมายนะคะ!”
“เธอสวมรอยคนอื่นเข้าเรียนมหาวิทยาลัย หากไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย งั้นเธอกำลังทำความดีหรือ?” ชายคนนั้นเหน็บแนม
เท่านั้นเองว่านฮุ่ยถึงเริ่มหมดเรี่ยวแรง ร้องขอให้ชายคนนั้นปล่อยตัวเองไป
แต่ชายคนนั้นกลับไม่สบตาหล่อนแม้แต่น้อย แค่เร่งให้พนักงานรักษาความปลอดภัยทั้งสองคนพาหล่อนไปส่งยังสถานีตำรวจท้องที่
ถ้าหล่อนยังอยู่ คงต้องคอยหาข้าวเย็นให้หล่อนอีก คนเลวแบบนี้ กินอาหารของมหาวิทยาลัยไปก็เสียดายของ อาหารของคุกสิถึงเหมาะกับหล่อนมากกว่า
หลังจากหลินม่ายกลับมาถึงที่บ้าน โทรศัพท์ในห้องนั่งเล่นก็ส่งเสียงดังขึ้น
เธอวิ่งเหยาะ ๆ ไปรับสาย และได้ยินว่ามีคนอยากแนะนำเธอให้เจ้าของบ้านเช่าที่อยากขายเรือนสี่ประสาน
ถึงเธอจะซื้อเรือนสี่ประสานหนึ่งหลังแล้ว หลินม่ายก็ยังอยากจะซื้ออีกสักสองสามหลัง
เรือนสี่ประสานดี ๆ หนึ่งหลังในอนาคตจะมีมูลค่าสูงถึงหลายร้อยล้าน ในช่วงกลางยุค 80 ผู้ประกอบการรายใหญ่หลายคนในฮ่องกงลงทุนในเรือนสี่ประสานไปไม่ใช่น้อย ๆ
หลินม่ายชิงประโยชน์จากความจริงที่ว่าเหลือเวลามากกว่าหนึ่งปีกว่าจะถึงกลางยุค 80 ตัดสินใจที่จะใช้ความแตกต่างของเวลานี้ซื้อเรือนสี่ประสานให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ในเมื่อหลินม่ายซื้อเรือนสี่ประสานที่เธอกำลังอาศัยอยู่ในปัจจุบันแล้ว เธอไม่คิดที่จะลงทุนในเรือนสี่ประสานธรรมดา ๆ อีก
อย่างน้อยเธอต้องซื้อเรือนสี่ประสานที่มีมากกว่าสองวง
แต่เมื่อคนแนะนำบอกว่าเป็นเรือนสี่ประสานหนึ่งวง หลินม่ายจึงปฏิเสธไปทันที
หลังจากวางสายแล้ว เธอก็ไปตลาดสดเพื่อซื้อผักเตรียมทำอาหารเย็น
ถึงแม้การลงทะเบียนที่มหาวิทยาลัยชิงหวาวันนี้จะเป็นการเริ่มต้นที่ไม่ดีนัก แต่อาหารก็ยังต้องอร่อย
มีแค่กินอิ่มเท่านั้นถึงจะมีแรงสู้กับมหาวิทยาลัยชิงหวา
เธอคิดดีแล้ว เธอไม่สามารถไปเรียนที่มหาวิทยาลัยชิงหวาได้แล้ว และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะสอบเข้าซ้ำ
เพื่อที่จะได้เรียนเร็ว ๆ เธอพยายามเรียนอย่างหนัก เรียนข้ามขั้นอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้ถ้าเธอกลับมาเรียนอีกครั้ง จะไม่เท่ากับว่ากลับไปก่อนที่จะปลดปล่อยเสรีภาพหรอกหรือ?
เธอไม่ยินยอมให้เป็นอย่างนั้น
หากไม่อยากไปเรียนที่มหาวิทยาลัยชิงหวา ถ้าอย่างนั้นก็ไปเรียนที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง
เธอเป็นนักเรียนที่สอบได้อันดับหนึ่งของการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เธอไม่เชื่อหรอกว่ามหาวิทยาลัยปักกิ่งจะไม่ยินดีรับเธอเข้าเรียน
เธอตั้งใจจะพูดคุยกับอธิบดีมหาวิทยาลัยปักกิ่งพรุ่งนี้ นอกจากนี้เรื่องที่ว่านฮุ่ยสวมรอยเธอจะต้องถึงหูสถานีโทรทัศน์อย่างแน่นอน
ยิ่งมหาวิทยาลัยชิงหวาไม่อยากทำให้เรื่องใหญ่เท่าใด เธอยิ่งอยากทำให้เรื่องใหญ่เท่านั้น
เธอทำแบบนี้ ไม่ใช่แค่ต้องการสู้กับมหาวิทยาลัยชิงหวาและว่านฮุ่ย แต่อยากทวงคืนความยุติธรรมให้กับคนที่ถูกสวมรอยเหล่านั้นด้วย
หลังจากร่ำเรียนอยู่ใต้หน้าต่างอันเยียบเย็นเป็นเวลาสิบปี กลับถูกคนสวมรอยแทนที่
แค่เพียงเพราะคนสวมรอยเรียนจบ ได้รับความรู้มา สามารถสร้างคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติและสังคมได้ กฎหมายและสังคมกลับยอมรับปรากฎการณ์นี้ ซึ่งเป็นการกระทำที่ซ้ำเติมเหยื่อ
ในชีวิตครั้งก่อนของเธอหลินม่ายพบเห็นหลายกรณีที่คนสวมรอยมาเรียนแทน
ก่อนปี 2010 เป็นเรื่องยากมากที่เหยื่อจะคืนความยุติธรรมให้กับตัวเองได้ ยากกว่าเหาะเหินขึ้นฟ้าเสียอีก
กระทั่งปี 2010 ที่อินเตอร์เน็ตเริ่มเข้ามา เหยื่อเหล่านั้นจึงสามารถใช้อินเตอร์เน็ตลากคนสวมรอยเหล่านั้นให้เผยโฉมหน้า
หลินม่ายอยากจะจบสิ้นปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ดังนั้นเธอต้องเชือดไก่ให้ลิงดู
และว่านฮุ่ยก็คือไก่
หลินม่ายคิดตลอดทางที่กลับบ้านหลังจากซื้อผักแล้ว กลับมาก็เห็นคนระดับผู้นำหลายคนยืนอยู่ที่ประตูหน้าบ้านเธอ ท่ามกลางพวกเขามีเจ้าหน้าที่ฝ่ายรับเข้าศึกษา
แต่สิ่งที่หลินม่ายไม่รู้ก็คือ เขากลายเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายรับเข้าศึกษาแล้ว
ทันทีที่อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายรับเข้าศึกษาเห็นหลินม่าย เขาก็ชี้มาที่เธอแล้วบอกกับคนอื่น ๆ “เธอคือนักศึกษาหลินม่ายที่สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้อันดับหนึ่ง”
ชายวัยกลางคนแต่งตัวดูดีคนหนึ่งเดินเข้ามาหลินม่ายเป็นคนแรก แนะนำตัวเอง “นักศึกษาหลินม่าย ผมคือกู้หมิงฮุยรองอธิบดีมหาวิทยาลัยชิงหวา มีเรื่องอยากจะกล่าวกับคุณสักหน่อย”
หลินม่ายมองเขา จากนั้นมองคนที่อยู่ข้างหลังเขา แล้วพยักหน้าตกลง
รองอธิบดีมหาวิทยาชิงหวาเป็นข้าราชการระดับหัวหน้ากอง ซึ่งถือว่าตำแหน่งสูงมากทีเดียว
ไม่ว่ารองอธิบดีกูอยากพูดคุยเรื่องอะไรกับหลินม่าย เธอก็ไม่อาจเมินเขา
กระดูกของเธอแข็งก็จริง แต่เธอจะพุ่งชนคนตรง ๆ ไม่ได้ ถ้าทำแบบนั้นมันไม่ใช่คนโง่หรือไง?
หลินม่ายเปิดประตูบ้านแล้วเชิญทุกคนเข้าไป
ทุกคนตกตะลึงเมื่อเห็นเรือนสี่ประสานอันโอ่อ่าตรงหน้าพวกเขา
รองอธิบดีกู้พึมพำ “บ้านพวกคุณช่างใหญ่โตหรูหราจริง ๆ!”
หลินม่ายยิ้มแล้วพูดอย่างกำกวม “เรือนสี่ประสานของเพื่อนค่ะ ฉันแค่อยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราว”
เธอไม่อยากสร้างภาพจำให้ผู้นำเหล่านี้ว่าเธอค่อนข้างรวยเป็นพิเศษ
เป็นคนต้องรู้จักถ่อมตัวเอาไว้
แต่สิ่งที่เธอพูดก็เป็นเรื่องจริงครึ่งหนึ่งโกหกครึ่งหนึ่ง เพื่อนของเธอก็รวมถึงสามีของเธอด้วย
เธอซื้อเรือนสี่ประสานหลังนี้ในชื่อของฟางจั๋วหราน การที่เธอบอกว่าบ้านเป็นของเพื่อนเธอ เรื่องนี้จึงไม่มีอะไรไม่ถูก
หลินม่ายเชิญทุกคนนั่งลงในห้องนั่งเล่น เธอเดินเข้าไปต้มน้ำในครัว ชงชาแล้วถือออกมา
ก่อนพูดกับกู้หมิงฮุยด้วยความเคารพนับถือ “ไม่รู้ว่ารองอธิบดีกู้มีเรื่องอะไรจะบอกกล่าวหรือคะ?”
รองอธิบดีกู้แสดงความเป็นกันเองและถ่อมตัวมาก “พูดคุยเรื่องกฎระเบียบน่ะ พวกเรามาที่นี่เพื่อขอโทษคุณกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้”
หลินม่ายแสดงสีหน้าจริงใจและตื่นตระหนก “ขอโทษไม่ได้หรอกค่ะ ฉันเป็นแค่นักศึกษาคนหนึ่งจะรับคำขอโทษนี้ได้อย่างไร!”
ข้าราชการเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยมาขอโทษขอโพยเธอ นับว่าเป็นมาตรฐานที่สูงมากแล้ว
รองอธิบดีกู้ยิ้มแล้วพูดว่า “จำเป็นสิ จำเป็น เป็นความผิดของพวกเราเอง เราไม่ควรขอให้คุณอ่อนข้อให้คนแอบอ้างคนนั้นเพื่อชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย นั่นมันไม่ยุติธรรมสำหรับคุณ พวกเราส่งคนที่แอบอ้างให้ตำรวจแล้ว และยังปลดเจ้าหน้าที่ฝ่ายรับเข้าศึกษาคนที่จัดการเรื่องนี้ผิดพลาดแล้ว”
เจ้าหน้าที่ฝ่ายรับเข้าศึกษาคนนั้นก็ยิ้มเจื่อน ๆ ให้หลินม่าย “ผมจัดการได้ไม่ดีเองครับ ขออภัยจากใจจริง”
หลินม่ายแค่ต้องการความยุติธรรม ในเมื่ออดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายรับเข้าศึกษาผู้ที่อายุมากกว่าห้าสิบปีเต็มใจที่จะขอโทษนักศึกษาคนหนึ่งอย่างจริงใจ แน่นอนว่าเธอต้องยิ้มรับและขจัดความขุ่นข้องหมองใจออกไป
หลินม่ายยิ้มแล้วพูดว่า “คุณไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ ถึงแม้วิธีจัดการของคุณจะผิด แต่คุณก็ไม่ได้พุ่งเป้ามาที่ฉัน แต่เพื่อรักษาชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย ฉันเข้าใจได้”
ถึงแม้เธอจะเป็นคนตรงไปตรงมา แต่เมื่อถึงเวลาเธอก็สามารถปรับได้
แม้เธอจะรู้อยู่แก่ใจว่า อดีตเจ้าหน้าที่รับเข้าศึกษาอยากให้เธอปล่อยว่านฮุ่ยไป เป็นเพราะความเห็นแก่ตัวล้วน ๆ ไม่ใช่เพื่อชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย
แต่คนฉลาดก็ต้องทำและพูดสิ่งที่ฉลาด ไม่จำเป็นต้องพูดความจริงที่รู้ไปเสียทุกเรื่อง ทั้งยังปิดทองลงบนหน้าของอดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายรับเข้าศึกษา
เมื่ออดีตเจ้าหน้าที่รับเข้าศึกษาเห็นหลินม่ายพูดดีกับเขา เขาก็มองเธออย่างซาบซึ้งและเสียดายอยู่ในใจ
เด็กสาวคนนี้พูดจาเฉลียวฉลาดมาก ถ้าตอนนั้นเขากระทำอย่างไม่ลำเอียง เกรงว่านักศึกษาคนนี้จะช่วยพูดเรื่องดี ๆ ของเขาต่อหน้าผู้นำเหล่านี้ และเขาไม่ต้องจบลงที่ถูกปลด
ถึงแม้เขาจะถูกลงโทษ แต่โทษก็ไม่ร้ายแรงนัก
โลกนี้มียาแก้เสียดายอยู่ที่ไหน? เขาอยากจะกินสักขวดสองขวดจริง ๆ!
รองอธิบดีกู้ถามอย่างระมัดระวัง “ถ้าอย่างนั้นคุณยังจะเต็มใจเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของเราหรือไม่?”
หลินม่ายพยักหน้า “ใช่ ทำไมจะไม่เต็มใจล่ะคะ! ตัวเลือกอันดับแรกของฉันก็คือมหาวิทยาลับของคุณ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าฉันชอบมหาวิทยาลัยของคุณมากแค่ไหน ก่อนหน้านี้ฉันบอกว่า ฉันไม่อยากเข้าเรียนในสถาบันของคุณ เป็นเพราะกำลังโมโหเท่านั้นเอง อย่างไรก็ตามแต่ฉันหวังว่ารองอธิบดีกู้จะลงโทษคนที่แอบอ้างตัวขั้นรุนแรง นี่เป็นวิธีที่จะยับยั้งไม่ให้คนอื่นกล้าแอบอ้างอีก ฉันจะได้เรียนที่สถาบันของคุณอย่างสบายใจค่ะ”
รองอธิบดีกู้รู้ว่าสองประโยคสุดท้ายเป็นเงื่อนไขที่หลินม่ายยื่นให้พวกเขา หากทำได้เธอถึงจะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชิงหวา
ถ้าไม่ตกลงกับเงื่อนไขนี้ เธออาจจะไม่มาเรียนที่มหาวิทยาลัยชิงหวา
ไม่ใช่แค่จัดการกับคนแอบอ้างที่ชื่อว่านฮุ่ยหรือ?
เด็กคนนั้นไม่ใช่ลูกของเขาเองเสียหน่อย หลังไร้เรื่องกังวลใจแล้ว รองอธิบดีกู้จึงตกลงทันทีโดยไม่ลังเลใจ
คำพูดของเขาฟังดูไพเราะเพราะพริ้งเป็นพิเศษ “สำหรับคนแอบอ้างแบบนี้สมควรตีให้ตายจริง ๆ”
เขาจะไม่ปล่อยให้นักเรียนที่สอบได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งในการสอบเข้าหลุดลอยไปเพราะคนแอบอ้างแค่คนเดียว
หากเรื่องนี้ไปถึงหูสื่อมวลชน คนเหล่านั้นคงหัวเราะพวกเขาแทบตาย!
เขารับประกันได้เลยว่า ถึงตอนนั้นมหาวิทยาลัยดัง ๆ หลาย ๆ ที่จะต้องหยิบยื่นโอกาสดี ๆ มาให้หลินม่ายอย่างแน่นอน
ความตั้งใจหลักของหลินม่ายคือจัดการกับว่านฮุ่ย ไม่ใช่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับชิงหวา
เมื่อเห็นว่ารองอธิบดีกู้ตกลงกับเงื่อนไขของเธอแล้ว ก็อารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย เชิญรองอธิบดีกู้และคนอื่น ๆ รับประทานอาหารเย็นด้วยกัน
เพราะเธอกินคนเดียว หลินม่ายจึงไม่ได้ซื้อวัตถุดิบมามากนัก
หลินม่ายทำอาหารง่าย ๆ สี่จานและแกงหนึ่งถ้วยด้วยวัตถุดิบที่มีจำกัด
ถึงแม้อาหารจะมีน้อย แต่รสชาติก็ยอดเยี่ยมมาก รองอธิบดีกู้และคนอื่น ๆ ล้วนพึงพอใจ
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
แข็งแกร่งมากม่ายจื่อ ขนาดทางม. ต้องมาขอโทษถึงบ้านเลย
ไหหม่า(海馬)