แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 680 ปฏิเสธที่จะยอมรับ
ตอนที่ 680 ปฏิเสธที่จะยอมรับ
ไป๋ซวงเดินตามตำรวจเข้าไปในห้องสอบสวนอย่างใจจดใจจ่อด้วยความตื่นตระหนก
สิ่งแรกที่ตำรวจพูดคือการถามว่าหล่อนยังจำใบหน้าของเหล่าชายที่หลินเพ่ยพาตัวมาข่มขืนหล่อนได้หรือไม่
อาชญากรรมของหลินเพ่ยที่มีต่อไป๋ซวงเป็นความผิดทางอาญาที่ร้ายแรงมาก
ต้องมีหลักฐานเพื่อตัดสินลงโทษหลินเพ่ย ซึ่งเรื่องนี้ไม่อาจพึ่งพาคำสารภาพของพ่อไป๋และคนอื่น ๆ ได้
และหลักฐานที่ทรงพลังที่สุดคือ คำให้การของหล่อนที่บ่งบอกลักษณะของชายที่หลินเพ่ยนำมาข่มขืนหล่อน
ตราบใดที่ผู้ชายเหล่านั้นยอมรับว่าพวกเขาได้รับคำสั่งจากหลินเพ่ยให้ข่มขืนไป๋ซวง หลินเพ่ยก็จะถูกตัดสินลงโทษตามความผิดทันที
หลังจากได้ยินคำถามของตำรวจ ไป๋ซวงก็ร่ำไห้อย่างขมขื่น
การถูกผู้ชายมากกว่าสิบคนรุมข่มขืนคือฝันร้ายสุดท้ายที่หล่อนไม่อยากพูดถึง แต่ตำรวจกลับหยิบยกขึ้นมา
หล่อนแสร้งทำเป็นประหลาดใจ “สิ่งที่คุณ… พูด… ฉันไม่เข้าใจเลย ฉันไม่เคยถูกข่มขืนมาก่อน!”
หล่อนตั้งใจแน่วแน่ที่จะไม่ยอมรับว่าถูกข่มขืน มิฉะนั้น ชื่อเสียงของหล่อนจะถูกทำลาย
หล่อนโกหกลวี่กั๋วต้งว่าหลินม่ายถ่ายภาพอนาจารของหล่อน เพราะหลินม่ายเป็นผู้หญิง แม้ว่าหล่อนจะถูกถ่ายรูปอนาจาร แต่ตราบใดที่ภาพถ่ายอนาจารไม่รั่วไหลออกไปก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของหล่อน
ตำรวจแสดงหลักฐานทั้งหมดของพ่อไป๋และคนอื่น ๆ รวมถึงแม่ไป๋ให้หล่อนดู “สมาชิกในครอบครัวของคุณทุกคนยอมรับว่าสิ่งนี้เกิดขึ้น คุณไม่ต้องการให้อาชญากรที่ทำร้ายคุณถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเหรอ?”
ไม่ต้องพูดถึงไป๋ซวงที่กำลังตกที่นั่งลำบากในเวลานั้น หล่อนไม่เห็นด้วยซ้ำว่าผู้ชายที่ล่วงละเมิดหล่อนมีหน้าตาเป็นอย่างไร แต่ต่อให้เห็น หล่อนก็ไม่ยอมบอก
ดังนั้น ไม่ว่าตำรวจจะมีเหตุผลและใช้อารมณ์บีบบังคับเพียงใด ไป๋ซวงก็ปฏิเสธที่จะยอมรับว่าหล่อนถูกกลุ่มชายข่มขืน
ตำรวจไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากปล่อยหล่อนกลับบ้าน
เมื่อส่งหล่อนออกจากสถานีตำรวจ ตำรวจก็บอกว่าหากหล่อนรู้เมื่อใด ก็สามารถมาให้ปากคำที่สถานีตำรวจได้ทุกเมื่อ
เมื่อออกมาจากสถานีตำรวจ ไป๋เซี่ยก็ถามหลินม่ายอย่างตรงไปตรงมา “ฉันได้ยินจากตำรวจว่าเธอมีบริษัท? นี่เรื่องจริงเหริอ?”
เมื่อหลินม่ายถูกตำรวจสอบสวนว่าเธอถ่ายภาพอนาจารของไป๋ซวงหรือไม่ เธอให้ปากคำว่าตนกำลังยุ่งกับงานบริษัทและกำลังเตรียมตัวสำหรับการสอบ ดังนั้นจึงไม่มีเวลาไปปักกิ่งเพื่อถ่ายภาพอนาจารของไป๋ซวง แต่เธอไม่คาดคิดว่าไป๋เซี่ยจะรู้เรื่องนี้
หลินม่ายมองไปยังการแสดงออกของพ่อไป๋และไป๋ลู่อีกครั้ง พวกเขาทั้งหมดกำลังรอคำตอบของเธออย่างใจจดใจจ่อ
ดูเหมือนว่าเมื่อตำรวจสอบปากคำพวกเขา ตำรวจจะพูดถึงเรื่องที่เธอก่อตั้งบริษัทให้พวกเขาฟัง
หลินม่ายลูบผมยาวข้างหูให้เรียบ “คืนนี้พ่อ พี่ชาย และพี่สาวไปกินข้าวที่บ้านฉันดีไหมคะ? ฉันอยากคุยเรื่องนี้อย่างละเอียด อย่าลืมชวนพี่สาวคนโตด้วยนะคะ”
พ่อไป๋ตอบตกลงอย่างง่ายดาย
หลังจากคุยกันไม่กี่คำ หลินม่ายก็กลับไปเรียนที่มหาวิทยาลัย
สิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือข่าวการถูกทำร้ายของเธอได้แพร่กระจายไปทั่วมหาวิทยาลัย
ทันทีที่หลินม่ายปรากฏตัวในห้องเรียน เพื่อนร่วมห้องของเธอก็มารุมล้อมทันทีและถามถึงอาการบาดเจ็บ
แน่นอนว่าจะไม่มีใครเชื่อหากเธอบอกว่าตนต่อสู้กับคนเหล่านั้นโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ
แต่เป็นพวกอันธพาลเองที่ได้รับบาดเจ็บ หลินม่ายไม่ต้องการพูดถึงเรื่องนี้ จึงตอบกลับเพื่อนของเธอว่าไม่เป็นอะไร
เพื่อนร่วมห้องต่างซุบซิบกันถึงสาเหตุที่เธอถูกลอบทำร้าย
เหมียวเหมียวกล่าว “ฉันได้ยินคนพูดว่าเธอยั่วยุพวกอันธพาลนอกมหาวิทยาลัยเหรอ?”
หลินม่ายพยักหน้า “ถูกต้อง”
กัวเซี่ยงหงตบไหล่เธอ “เราเป็นลูกแห่งสวรรค์ที่น่าภาคภูมิใจ เธอคือธิดาแห่งสวรรค์ที่ถูกเลือก อย่ามั่วสุมกับขยะสิ”
หลินม่ายถึงกับพูดไม่ออก “ฉันไม่ได้มั่วสุมกับขยะ แฟนของหนึ่งในอันธพาลพวกนั้นเป็นลูกสาวบุญธรรมของแม่ฉัน พวกเขาต้องการทำร้ายฉันเพื่อแก้แค้นแทนหล่อน~”
เพื่อนร่วมห้องทุกคนเห็นอกเห็นใจ “เธอช่างโชคร้ายจริง ๆ”
เพียงพริบตาเดียวก็ถึงเวลาเลิกเรียน หลินม่ายเก็บกระเป๋านักเรียนและกลับบ้าน
เมื่อเธอเดินออกมาจากหอพัก เธอก็เห็นฟางจั๋วหรานพิงอยู่บนรถจี๊ปสีเขียวของเขา
ทั้งคนและรถยนต์คันนั้นช่างสมบูรณ์แบบ
สาว ๆ ที่เดินผ่านฟางจั๋วหรานและอดไม่ได้ที่จะมองกลับมายังเขา สายตาของพวกหล่อนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
หลินม่ายตะโกนอย่างมีความสุข “จั๋วหราน!”
ฟางจั๋วหรานตอบกลับด้วยรอยยิ้ม เปิดท้ายรถ หยิบดอกกุหลาบสีสดใสช่อใหญ่ เดินไปหาเธอ และกล่าวอย่างแผ่วพเบา “สุขสันต์วันเกิดนะครับ นี่ของขวัญวันเกิดย้อนหลัง”
วันเกิดของหลินม่ายคือวันที่ 9 ตุลาคม เดิมทีฟางจั๋วหรานตั้งใจมามหาวิทยาลัยเพื่อฉลองวันเกิดของเธอในวันนั้นและเซอร์ไพรส์เธอ
แต่สุดท้ายเขามีผ่าตัดใหญ่จึงมาไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงเดินทางมาที่นี่ในวันนี้เพื่อมอบของขวัญให้แก่เธอ
เนื่องจากเขาถูกย้ายไปที่โรงพยาบาลเฉียเหอ เขาจึงดำเนินการเป็นผู้นำหลัก
หลินม่ายรับดอกกุหลาบช่อใหญ่ด้วยความดีใจและเขินอาย “ก่อนวันเกิดฉัน คุณก็ให้แล้วไม่ใช่เหรอคะ? ทำไมให้อีกล่ะ?”
“นั่นคือสิ่งที่มีปู่กับย่าช่วยทำด้วย แต่ของขวัญชิ้นนี้เป็นของขวัญที่ผมมอบให้คุณด้วยตัวเอง”
หลินม่ายพูดอย่างเขินอาย “ทีหลังไม่ต้องทำขนาดนี้ก็ได้นะคะ มีคนมากมายกำลังจับจ้องเราอยู่”
ฟางจั๋วหรานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม เปิดประตูที่นั่งผู้โดยสารให้หลินม่ายเข้าไปในรถ
ทั้งสองเข้าไปในรถจี๊ป ฟางจั๋วหรานแสดงทะเบียนสมรสสีแดงเรืองแสงสองใบให้หลินม่ายดู
หลินม่ายรู้สึกประหลาดใจ “ออกทะเบียนสมรสแล้วเหรอคะ?”
ฟางจั๋วหรานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
หลินม่ายวางดอกกุหลาบไว้บนตักและหยิบทะเบียนสมรสขึ้นมาเปิดอ่าน
เมื่อเห็นว่าฟางจั๋วหรานยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยใน รอยยิ้มจาง ๆ ของเขาก็เจาะเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของหัวใจเธอ
เธอรู้สึกราวกับมีผีเสื้อนับร้อยตัวบินอยู่ในท้อง
หญิงสาวใช้มือลูบท้องตัวเองอย่างแผ่วเบาด้วยรอยยิ้ม
เมื่อฟางจั๋วหรานเห็นว่าหลินม่ายมีความสุข เขาก็พลันยกยิ้ม “คุณต้องแสดงความยินดีกับผมนะครับ”
หลินม่ายถามด้วยความสงสัย “ยินดีเรื่องอะไรคะ?”
“ยินดีที่ผมได้แต่งงานกับนางฟ้าตัวน้อยอย่างคุณ และเรายังได้จดทะเบียนสมรสกันอย่างถูกต้องแล้วด้วย” หลังกล่าวจบ ฟางจั๋วหรานก็จูบแก้มของเธอก่อนจะสตาร์ทรถ
หลินม่ายหัวเราะคิกคัก และตบต้นขาฟางจั๋วหราน “จากนี้ไป คุณก็จะเป็นของฉัน”
ฟางจั๋วหรานยิ้มกว้าง “คุณก็เป็นของผมเช่นกัน เป็นของผมตามตามกฎหมาย”
ทั้งสองขับรถกลับบ้าน
โต้วโต้วกลับมาจากโรงเรียนอนุบาลและกำลังเล่นอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้านกับเพื่อน ๆ ที่หล่อนเพิ่งรู้จัก
เมื่อเห็นหลินม่ายกลับมา หล่อนก็หยุดเล่นกับเพื่อนทันที
หล่อนโผเข้าสู่อ้อมแขนของหลินม่ายอย่างมีความสุข โต้วโต้วเอ่ยถามหลินม่ายถึงสาเหตุที่เธอไม่เดินทางกลับบ้านทุกวันเหมือนครั้งอยู่ในเจียงเฉิง เพราะหล่อนคิดถึงแม่มาก
หลินม่ายอุ้มหล่อนขึ้นมาหอมพร้อมอธิบายเหตุผลให้ฟังก่อนจะวางลูกลงบนพื้น
เนื่องจากเธอเชิญพ่อไป๋และคนอื่น ๆ มากินอาหารเย็น ดังนั้นตอนนี้เธอจึงต้องเตรียมอาหาร
ก่อนเวลาหกโมงเย็น ไป๋เหยียนพี่สาวคนโตก็มาพร้อมกับของขวัญและเถียนเถียน
ทันทีที่มาถึง ไป๋เหยียนก็เอ่ยถามหลินม่ายว่าเธอได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับพวกอันธพาลหรือไม่
ฟางจั๋วหรานกำลังช่วยหลินม่ายในครัว เมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็ขมวดคิ้วและมองไปยังหลินม่ายและถามอย่างจริงจัง “คุณต่อสู้กับใคร?”
หลินม่ายรีบแก้ตัวทันที “ฉันไม่ได้ต่อสู้กับใคร ฉันแค่ป้องกันตัวเอง”
จากนั้นเธอก็บอกฟางจั๋วหรานเรื่องที่ลวี่กั๋วต้งและพรรคพวกทำร้ายเธอ
ฟางจั๋วหรานอดไม่ได้ที่จะลากเธอไปยังห้องนอน ดึงเสื้อผ้าของเธอขึ้นและตรวจสอบอย่างระมัดระวัง
เขาพบรอยฟกช้ำอย่างน้อยเจ็ดถึงแปดรอยบนร่างกายของเธอ แม้ว่าอาการบาดเจ็บจะไม่ร้ายแรง แต่เขาก็เป็นทุกข์มาก
เขาจัดระเบียบเสื้อผ้าของหลินม่ายและถาม “คุณโดนทำร้ายแบบนี้ ตำรวจให้พวกเขารับผิดชอบหรือชดเชยอะไรให้คุณไหม?”
หลินม่ายพยักหน้า “ให้ค่ะ พวกเขาต้องชดเชยค่ารักษาพยาบาลให้ฉันหกสิบหยวน”
ฟางจั๋วหรานยังคงรู้สึกไม่สบายใจหลังจากได้ยินสิ่งนี้
เมื่อถึงเวลาหกโมงครึ่ง พ่อไป๋ ไป๋เซี่ย และไป๋ลู่ก็เดินทางมาถึงพร้อมกับของขวัญ
หลังจากเข้าประตู เขาก็หัวเราะและพูดคุยกับคุณปู่ฟางและย่าฟางเป็นเวลานาน
หลังจากที่พวกเขาพูดคุยกัน หลินม่ายและฟางจั๋วหรานก็จัดเรียงอาหารทั้งหมดบนโต๊ะอาหารแล้ว
ทุกคนมายังโต๊ะอาหารและหลินม่ายก็รินไวน์ให้กับพวกเขา
เหมาไถถูกรินให้กับผู้อาวุโส และแชมเปญถูกรินให้กับคนรุ่นหลัง
โต้วโต้วก็อยากดื่มด้วย ดังนั้นหลินม่ายจึงรินโค้กให้หล่อน
เถียนเถียนที่ยังพูดไม่ได้นั่งอยู่ในอ้อมอกแม่พลางชี้ไปยังโค้กของโต้วโต้วพลางพึมพำไม่หยุด
ไป๋เหยียนยิ้ม “อยากดื่มเหรอ?”
หล่อนกล่าวพลางเทโค้กให้กับเถียนเถียนเล็กน้อย
เถียนเถียนเพียงจิบจากนั้นก็ขมวดคิ้วและหยุดดื่ม
หล่อนยังเด็กเกินกว่าจะดื่มน้ำอัดลม
หลินม่ายหยิบแก้วแชมเปญขึ้นมา ชนแก้วกับทุกคน และกล่าวขอโทษพ่อไป๋และพี่ๆ ของเธอ
“พ่อคะ พี่ ๆ คะ ขอโทษนะคะที่ฉันไม่ได้บอกว่าร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วที่ทุกคนชื่นชอบเป็นบริษัทในเครือของบริษัทของฉัน”
พ่อไป๋ถามหลินม่ายอย่างระมัดระวังว่าว่านถงกรุ๊ปของเธอดำเนินธุรกิจประเภทใด
หลินม่ายเล่าให้ทุกคนฟัง
พ่อไป๋และคนอื่น ๆ ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง
พวกเขาไม่เคยคิดฝันว่าหลินม่ายจะชาญฉลาดและมีความสามารถตั้งแต่อายุยังน้อยและมีธุรกิจมากมาย
ไป๋ลู่ลุกขึ้นทันทีพลางกล่าว “หมายความว่าฉันไม่ต้องจ่ายค่าเสื้อผ้าของจินซิ่วในอนาคตงั้นเหรอ?”
ไป๋เหยียนตบหลังหล่อน “เธอกำลังคิดอะไรอยู่?”
หลินม่ายยิ้มพลางกล่าว “ใช่ ฉันจะให้ซูพรีมการ์ดแก่พี่กับพี่ใหญ่ในภายหลังโดยใส่ชื่อของฉัน พวกพี่จะได้ไม่ต้องจ่ายเงิน”
พ่อไป๋พูดกับไป๋ลู่อย่างจริงจัง “ก็ลองดูสิ ถ้าไม่อุดหนุนน้องตัวเอง พ่อหักขาลูกแน่!”
ไป๋ลู่หัวเราะคิกคัก “ฉันแค่พูดเล่นค่ะพ่อ”
หลินม่ายพูดถึงหัวข้อนี้ต่อไป “เหตุผลที่ฉันไม่บอกพ่อและพี่น้องว่าฉันมีบริษัท เป็นเพราะพวกเรายังไม่รู้จักกันดีและฉันไม่กล้าบอก และเมื่อตัดสินใจจะบอก ฉันก็ไม่มีโอกาสที่ดีที่จะบอกเลย”
เธอเกากลางคิ้ว “ฉันไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากขอโทษค่ะ”
พ่อไป๋พูดอย่างใจดี “ลูกรัก เราเข้าใจไม่ว่าลูกจะทำอะไร ดังนั้นไม่จำเป็นต้องขอโทษ”
ไป๋เซี่ยกล่าว “เสวี่ยเป่า เธอคิดว่าเราโกรธเธอเพราะฉันถามเธอตอนอยู่หน้าสถานีตำรวจว่าเธอเปิดบริษัทใช่ไหมงั้นเหรอ? ใครจะโกรธเธอในเรื่องเล็กน้อยแบบนี้กันล่ะ? เราแค่ต้องการยืนยันว่าเธอสามารถเริ่มต้นบริษัทตั้งแต่อายุยังน้อยได้จริง ๆ”
พ่อไป๋และไป๋เหยียนต่างก็พยักหน้า แสดงว่าพวกเขาแค่ต้องการยืนยันความจริงของเรื่องนี้ และพวกเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะทำอะไรกับบริษัทของเธอ
หลังจากพูดคุยกัน หลินม่ายรู้สึกโล่งใจและได้รับประทานอาหารกับทุกคนอย่างมีความสุข
ขณะเดียวกันนี้เอง ฝ่ายแม่ไป๋ก็ถูกกดและกระชากลากถูไปกับพื้น สภาพน่าอับอายยิ่งนัก
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ขัดใจจังค่ะ ที่ยัยงูพิษนี่ไม่โดนทุบสักที
ตกใจกันหมดล่ะสิที่นักศึกษาอย่างหลินม่ายแท้จริงแล้วเป็นซีอีโอ
ยัยแม่ไป๋โดนใครทำร้ายกันนะ? คราวนี้ไปมีเรื่องกับใครอีก?
ไหหม่า(海馬)