แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 692 แผนการของหลินม่าย (2)
ตอนที่ 692 แผนการของหลินม่าย (2)
นี่คือเหตุผลประการที่หนึ่ง
ประการที่สองคือ ปริมาณการผลิตของเสื้อผ้าจิ่นซิ่วมีจำนวนมาก การจะขยายร้านแฟรนไชส์ให้ใหญ่ขึ้นก็ต้องหยุดธุรกิจขายส่ง แต่การหยุดธุรกิจขายส่งจะทำให้สินค้าตกค้างจำนวนมาก
หลังจากได้ยินการวิเคราะห์ของหลินม่าย ทุกคนก็ทำอะไรไม่ถูก
หลินม่ายครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและขอให้ผู้จัดการทั่วไปเช่าร้านค้าสิบแห่งในพื้นที่ที่ผู้คนพลุกพล่านของเมืองหลวงอย่างน้อยหนึ่งปี เพื่อเปิดร้านสาขาด้วยตัวเอง
ผู้จัดการทั่วไปถาม “คุณจะไม่ดูแลแฟรนไชส์นี้เองเหรอครับ?”
หลินม่ายพยักหน้า “หากฉันเข้ามาดูแลเอง ธุรกิจก็ต้องสำเร็จ และจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมาก การครอบครองเงินทุนมากเกินไปจะฉุดการพัฒนาขององค์กรทั้งหมดลง และสถานการณ์นี้จะไม่เกิดขึ้นหากคุณเข้ามามีส่วนร่วมในธุรกิจแฟรนไชส์”
ผู้จัดการทั่วไปพึมพำในใจ หากเธอต้องการให้เขามีส่วนร่วมในธุรกิจแฟรนไชส์ ทำไมถึงไม่ให้เขาเปิดร้านสาขาด้วยตัวเอง?
แม้ว่าจะมีคำถามอยู่ในใจ แต่ก็ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้านายอย่างเคร่งครัด
นอกเหนือจากการขอให้ผู้จัดการทั่วไปจัดเตรียมร้านค้าเพื่อเปิดร้านเสื้อผ้าในเครือจิ่นซิ่วแล้ว หลินม่ายยังวางแผนที่จะจัดงานแฟชั่นโชว์อีกด้วย
แม้ว่าในปี 1979 ปิแอร์ การ์แดงจะเคยจัดงานแฟชั่นโชว์ครั้งแรกที่ประเทศจีนมาแล้ว
แต่สมัยนั้นทีวีมีน้อยและแฟชั่นโชว์ก็ไม่ได้สร้างผลกระทบต่อสังคมมากนัก
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทำให้ชื่อเสียงของปิแอร์ การ์แดงเริ่มโด่งดังขึ้น
หลายปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว และอัตราการเข้าถึงโทรทัศน์ในจีนก็เพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับปี 1979
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองหลวง มีเพียงไม่กี่ครัวเรือนเท่านั้นที่มีทีวี
นอกจากนี้ในเวลานี้ คนเมืองโดยทั่วไปต่างอาศัยอยู่ในบ้านแบบตึกแถว และความสัมพันธ์ในละแวกใกล้เคียงก็ดี
เป็นเรื่องปกติมากสำหรับคนที่ไม่มีทีวีที่จะไปดูทีวีที่บ้านของคนที่มีทีวี
หากงานแฟชั่นโชว์ของแบรนด์เสื้อผ้าจิ่นซิ่วจัดขึ้นในเวลานี้ ประชากรผู้ชมของเมืองควรจะมากกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์จะมีบทบาทที่ดีมากในการประชาสัมพันธ์
อย่างไรก็ตาม หลินม่ายไม่ได้ตั้งใจจะจัดเพียงแฟชั่นโชว์เหมือนแฟชั่นโชว์ครั้งแรกที่จัดโดยชาวต่างชาติ
เธอวางแผนที่จะจัดแฟชั่นโชว์ในรูปแบบการประกวดนางแบบซึ่งจะสะดุดตาและมีอิทธิพลมากขึ้น
สำหรับแฟชั่นโชว์การประกวดนางแบบครั้งนี้ กำหนดให้นางแบบทุกคนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าของร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วเท่านั้น
โหมดการแข่งขันหมายถึงโหมดการคัดเลือกนางแบบตามยุคปัจจุบัน ซึ่งแบ่งเป็น การออดิชั่น การคัดเลือกขั้นต้น การแข่งขันรอบรองชนะเลิศ และการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ
หลินม่ายสรุปความคิดของตนและบอกผู้จัดการทั่วไปให้แผนกวางแผนพร้อมสั่งให้แผนกประชาสัมพันธ์ของสำนักงานใหญ่ร่วมกันวางแผนและประชาสัมพันธ์ให้แล้วเสร็จ
จากนั้นหลินม่ายก็สอบถามสถานการณ์ของร้านเปาห่าวชือเพื่อวางแผนขยายร้านต่อไป
ผู้จัดการทั่วไปกล่าวว่าส่วนหน้าอาคารได้รับการยืนยันแล้ว สองในสี่หลังถูกซื้อขาด และการบูรณะจะเริ่มต้นขึ้นในเดือนหน้า
หลินม่ายพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
เธอบอกว่าจะจัดตกแต่งร้านด้วยตัวเอง
เนื่องจากลูกชายของนายช่างจางได้ก่อตั้งบริษัทตกแต่งภายในตามคำแนะนำของเธอ เมื่อหลินม่ายต้องการทีมตกแต่งภายในจึงหันไปหาลูกชายของนายช่างจางเสมอ
หลินม่ายผู้ตกแต่งร้านเปาห่าวชือสาขาเจียงเฉิงและวางแผนที่จะส่งมอบหน้าที่ตกแต่งภายในให้กับลูกชายของนายช่างจาง
การตกแต่งร้านเปาห่าวชือและร้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วของหลินม่ายในเจียงเฉิงถูกดำเนินการโดยลูกชายของนายช่างจาง
จึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขาในการตกแต่งร้านค้าเครือข่าย
หลังจากการประชุม หลินม่ายได้พูดคุยกับเฉินเพิง เถาจื่ออวิ๋น และคนอื่น ๆ จากสำนักงานใหญ่เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในเจียงเฉิง
เจิ้งซวี่ตงได้ยินจากหลินม่ายว่าเธอกำลังจะเปิดร้านเครือข่ายในเมืองหลวง จึงวางแผนที่จะพาทีมงานไปเปิดร้านด้วยตัวเอง
แน่นอนว่าหลินม่ายเห็นด้วย
เดิมทีเขารับผิดชอบด้านอาหารและจัดเลี้ยง เขามีประสบการณ์มากในสำนักงาน หากได้รับผิดชอบการเปิดร้านใหม่ในเมืองหลวง ทุกอย่างจะต้องราบรื่นอย่างแน่นอน
หลังจากทำงานเสร็จ หลินม่ายสั่งให้ผู้จัดการทั่วไปจัดเตรียมคนเพื่อขนส่งเครื่องผสมไส้และเครื่องผสมแป้งทั้งหมดที่ฟางจั๋วเยวี่ยนำมาที่ร้านเปาห่าวชือของเธอ
แม้จะใช้งานมากเกินความจำเป็น แต่เครื่องจักรได้ถูกจัดส่งไปแล้ว หากไม่ใช้จะเป็นการสิ้นเปลืองเกินไป
ผู้จัดการทั่วไปกล่าว “ผมส่งคนไปขนส่งเครื่องจักรทั้งสองเครื่องเมื่อวานนี้ และผมยังมอบงานให้ช่างผสมเครื่องบรรจุทั้งสองเครื่องด้วย”
หลินม่ายพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นผู้จัดการทั่วไปก็พูดต่อ “มีเครื่องผลิตถุงพลาสติกด้วย ฟางจั๋วเยวี่ยบอกว่าเขาต้องขายเครื่องนี้ให้คุณด้วยครับ”
ดวงตาของหลินม่ายเบิกกว้างทันที
เขาไม่เคยบอกมาก่อนว่ามีเครื่องผลิตถุงพลาสติกด้วย หรือเขาจะทดลองการตลาดโดยขายให้เธอก่อน?
ผู้ชายคนนี้!
หลินม่ายถาม “เขาต้องการขายราคาเท่าไหร่?”
ผู้จัดการทั่วไปชูนิ้ว “หนึ่งหมื่นหยวน”
นับเป็นราคาค่อนข้างยุติธรรม
หลินม่ายกล่าว “ฉันจะขอให้ฝ่ายบัญชีสั่งจ่ายเงินให้เขา หลังจากนั้นคุณก็รับหน้าที่จัดหาบุคคลที่มีความเชี่ยวชาญในการผลิตถุงพลาสติก และหาพนักงานถ่ายเราสองสามคนมาขายถุงพลาสติก”
หลังจากอธิบายเสร็จสิ้น หลินม่ายก็ขับรถกลับบ้าน
เธอเห็นซูอวี้อิ๋งและซูอวี้เจี๋ยคุยกับฟางจั๋วหรานที่ประตูหลังจากระยะไกล
พฤติกรรมของซูอวี้อิ๋งนั้นค่อนข้างอ่อนโยน แต่ซูอวี้เจี๋ยก็เหมือนกับซูอวี้อิ๋งเมื่อสองปีที่แล้ว หล่อนกระโดดโลดเต้นต่อหน้าฟางจั๋วหรานและดูระริกระรี้อย่างมาก
ในทางตรงกันข้าม บุคลิกของซูอวี้อิ๋งดีขึ้นมากหลังจากผ่านการแต่งงาน
ได้ยินมาว่าหล่อนแต่งงานกับเจ้าหน้าที่รุ่นที่สองที่มีฐานะครอบครัวสูงกว่าหล่อน
หล่อนไม่ได้แต่งงานข้าราชการรุ่นที่สองซึ่งเป็นสามีของหล่อนในปัจจุบันนั้นด้วยความรักใคร่ เพราะตัวหล่อนมีแฟนหนุ่มซึ่งเข้ากันได้อย่างดีมาก่อนแล้ว
การแต่งงานที่ไม่มีรากฐานของความรักนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ไม่ลงรอยกันระหว่างสามีและภรรยา
นอกจากนี้ การศึกษาด้วยทุนสาธารณะในต่างประเทศของซูอวี้อิ๋งเป็นเพียงการเรียนไปส่งๆ เท่านั้น หล่อนไม่มีพรสวรรค์ที่แท้จริงในการเรียนรู้
และแฟนเก่าของหล่อนก็เรียนที่ต่างประเทศด้วยทุนสาธารณะ แต่เขากลับประเทศจีนพร้อมกับความสำเร็จทางการศึกษาและทำงานเป็นวิศวกรในโรงงาน
เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองคน แม่สามีของซูอวี้อิ๋งก็ดูถูกซูอวี้อิ๋งอย่างมาก โดยบอกว่าหล่อนเป็นหญิงไร้ประโยชน์
อาจเป็นเพราะสถานการณ์ในครอบครัวของสามีไม่ดี ซูอวี้อิ๋งจึงไม่มีอำนาจเหมือนตอนที่หล่อนยังไม่ได้แต่งงาน
หลินม่ายขับรถไป และได้ยินฟางจั๋วหรานพูดกับซูอวี้อิ๋งอย่างเย็นชา
“ถ้าคุณกล้าทำให้ภรรยาของผมขายหน้า คุณต้องรับผลที่ตามมา ผมจะไม่พูดดีหรือไว้หน้าใคร แม้แต่ครอบครัวคู่หมั้นของคุณ!”
หลินม่ายหยุดรถก่อนจะก้าวลงมาและจ้องมองหญิงทั้งสองจากตระกูลซูอย่างเย็นชา “อย่ารังควานสามีของฉัน ออกไป!”
“นังบ้า กล้าดียังไงมาขับไล่เราแบบนี้ ฉันจะสั่งสอนเธอให้รู้จักมารยามซะบ้าง!”
ซูอวี้เจี๋ยตะโกนและพุ่งไปหาหลินม่าย พยายามเอื้อมมือข่วนใบหน้าที่บอบบางของเธอ
ก่อนที่นิ้วของเธอจะแตะหลินม่าย ฟางจั๋วหรานก็คว้าคอเสื้อของหล่อนแล้วเหวี่ยงออกไป
เขากล้าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “อย่าคิดแม้แต่จะแตะต้องม่ายจื่อด้วยปลายนิ้ว ไม่เช่นนั้นเธอจะได้รับบทเรียนราคาแพง!”
ซูอวี้เจี๋ยโกรธมาก หล่อนต่อว่าและลากซูอวี้อิ๋งออกไป
ซูอวี้เจี๋ยทำให้ครอบครัวฟางขุ่นเคือง ดังนั้นซูอวี้อิ๋งจึงต้องมาที่นี่กับซูอวี้เจี๋ยเพื่อขอให้ฟางจั๋วหรานปล่อยหล่อนไป
แต่ซูอวี้เจี๋ยกลับไม่มีท่าทางที่จะสำนึกผิด และทำให้สิ่งต่าง ๆ เลวร้ายยิ่งขึ้น
ซูอวี้อิ๋งทำได้เพียงลากหล่อนออกไปเพื่อหลีกเลี่ยงการรุกรานตระกูลฟาง เพราะไม่อย่างนั้นคนตระกูลซูทั้งหมดอาจได้รับผลกระทบ
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เปิดสาขาร้านเป็นว่าเล่นเลยม่ายจื่อ
พวกเธออย่ามาสู้สามีภรรยาคู่นี้เลย ไม่งั้นล่มทั้งตระกูลแน่
ไหหม่า(海馬)