แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 701 ไปซื้อของ
ตอนที่ 701 ไปซื้อของ
วันนี้ไม่ใช่เพียงวันเปิดตลาดสดฝูตัวตัวแรกในกรุงปักกิ่งของหลินม่ายเท่านั้น แต่ยังเป็นวันเปิดร้านขายเซาปิ่งของหยางจิ้นด้วย
นับตั้งแต่ที่ไป๋เหยียนถูกหลินม่ายชักชวนให้เปิดร้านขายเซาปิ่ง ทั้งคู่ก็เริ่มมองหาร้าน
หยางจิ้นวางแผนที่จะเปิดร้านขายเซาปิ่ง เขาต้องจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง จึงวางแผนจะขายเฉพาะเซาปิ่งไส้เนื้อและนมถั่วเหลือง ดังนั้นร้านจึงไม่จำเป็นต้องใหญ่เกินไป
ภายใต้การแนะนำของหลินม่าย หยางจิ้นได้เช่าร้านขนาดแปดสิบเก้าตารางเมตรใกล้กับโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งและเปิดร้านขายขนมเซาปิ่ง
วันนี้เป็นวันอาทิตย์และนักเรียนก็ไม่ไปโรงเรียน จึงแทบไม่มีนักเรียนคนไหนมาซื้อเซาปิ่งของหยางจิ้น
แต่ร้านขายเซาปิ่งของเขาอยู่ในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยครอบครัว และลูกค้าจำนวนมากจากพื้นที่นั้นก็มาเยี่ยมชม เรียกได้ว่าธุรกิจของเขาดำเนินไปได้ด้วยดี
เมื่อครอบครัวของหลินม่ายมาเยี่ยมเยียน หยางจิ้นก็มีหน้าที่ทำเซาปิ่ง ส่วนไป๋เหยียนมีหน้าที่เก็บเงินและขายขนม พวกเขายุ่งกันมาก
เถียนเถียนถูกพ่อของตนมัดไว้ที่หลัง เมื่อเห็นหลินม่ายและคนอื่น ๆ มาเยี่ยม หล่อนก็ยิ้มเผล่ให้จนน้ำลายหยดลงบนหลังของพ่อ
ในร้านมีโต๊ะและเก้าอี้เพียงสองชุด ซึ่งมีลูกค้านั่งอยู่แล้ว
ครอบครัวของหลินม่ายไม่มีแม้แต่ที่นั่ง ดังนั้นพวกเขาจึงต้องยืนกินเซาปิ่งไส้เนื้อที่ไป๋เหยียนยื่นให้
มีเนื้อสัตว์สองชนิดในเซาปิ่งของหยางจิ้น คือเนื้อแกะและเนื้อวัว
หลินม่ายลองทั้งสองอย่างแล้วรู้สึกว่าอร่อยทุกอย่าง
ตลาดสดฝูตัวตัวของหลินม่ายเป็นคนจัดหาเนื้อวัวและเนื้อแกะให้หยางจิ้น เซาปิ่งของคนอื่นไม่มีเนื้อวัวและเนื้อแกะได้ แต่เซาปิ่งของหยางจิ้นมีเนื้อแสนอร่อยเหล่านี้ขายอยู่ด้วย นี่เป็นข้อได้เปรียบ
แต่เซาปิ่งเนื้อวัวและเนื้อแกะนั้นมีราคาสูง คนส่วนมากจึงไม่ค่อยซื้อมันนัก
หลินม่ายแนะนำให้หยางจิ้นทำเซาปิ่งหมูขายด้วย
เนื้อหมูถูกกว่าเนื้อวัวและเนื้อแกะมาก หากเขานำมาขาย จะต้องมีลูกค้ามากมายเข้ามาชิมและซื้อกลับบ้านอย่างแน่นอน
ขณะที่ยุ่งอยู่กับงาน หยางจิ้นพูดด้วยรอยยิ้ม “ถ้าต้องการให้ราคาถูกลง ใช้เนื้อหัวหมูจะดีกว่า เซาปิ่งที่ทำจากเนื้อหัวหมูก็อร่อยเช่นกัน”
หลินม่ายพยักหน้า “งั้นก็ใช้เนื้อหัวหมูแล้วกันค่ะ”
ในขณะที่ทุกคนกำลังคุยกัน พ่อไป๋ก็มาพร้อมกับไป๋เซี่ยและไป๋ลู่
ลูกเขยเปิดร้านเพื่อเริ่มต้นธุรกิจ พ่อตาจึงต้องมาร่วมแสดงความยินดีด้วย
พ่อไป๋ยิ้มให้ครอบครัวของหลินม่ายจากระยะไกลพลางกล่าว “หนาวขนาดนี้ ทำไมมากันเร็วจังล่ะ?!”
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางยิ้มพลางกล่าว “เราเดินมาจึงไม่ค่อยหนาวนัก”
พ่อไป๋เดินมาหาพวกเขาและสัมผัสมือเล็ก ๆ ของหลานสาวทั้งอย่างคนอย่างโต้วโต้วและเถียนเถียน มือของเด็กทั้งสองยังคงอุ่น ดังนั้นเขาจึงรู้สึกโล่งใจ
เขากล่าวกับไป๋เหยียน “เสื้อโค้ทกับกางเกงผ้าฝ้ายบนตัวของเถียนเถียนสั้นเกินไปนะ ลูกต้องทำใหม่แล้ว”
“สัปดาห์นี้ฉันไม่มีเวลาเลย คงต้องสัปดาห์หน้าล่ะค่ะฉันถึงจะหาเวลาไปร้านตัดเสื้อเพื่อทำชุดใหม่สองชุดให้เถียนเถียน”
ไป๋เหยียนยิ้มและยื่นเซาปิ่งเนื้อให้พ่อไป๋ก่อนจะมอบให้กับน้อง ๆ ของหล่อน
พวกเขากินและแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเซาปิ่งเนื้อของหยางจิ้น จากนั้นแม่ไป๋ก็ตามมา
เมื่อเห็นหล่อน พ่อไป๋ก็รีบกินเซาปิ่งในมือแล้วบอกลาไป๋เหยียนกับสามีของหล่อนราวกับจะรีบเร่งเดินทางกลับ
วันนี้หลินม่ายซื้อวัตถุดิบมามากมาย เพราะเธอต้องการชวนพ่อไป๋และคนอื่น ๆ มาที่บ้านเพื่อกินหม้อไฟ
แต่ก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไร พ่อไป๋ก็วิ่งไปไกลจนมองไม่เห็นเงาราวกับมีผีไล่ตามเขาแล้ว
ช่างเถอะ กลับไปแล้วค่อยโทรหาเขาเพื่อชวนมากินหม้อไฟก็ได้
เมื่อเห็นว่าแม่ไป๋กำลังมา หลินม่ายก็ไม่ต้องการอยู่อีกต่อไป เธอบอกลาพี่สาวและพี่เขยก่อนเตรียมจะจากไป
ก่อนจากไป เธอบอกพี่สาวคนโตและพี่เขยว่าให้พวกเขาทำธุระให้เสร็จและไปกินหม้อไฟที่บ้านตอนเที่ยง
เธอตบแขนของไป๋ลู่ “พี่สาวและพี่ชายก็ไปด้วยกันนะคะ”
ไป๋เซี่ยมองไปยังตะกร้าผักในมือของฟางจั๋วหราน ดวงตาของเขาเปล่งประกายพลางกล่าว “กินหม้อไฟเนื้อสินะ ฉันจะไปแน่นอน!”
ไป๋เหยียนเหลือบมองแม่ไป๋ผู้โดดเดี่ยวและทนไม่ได้ “ให้ลู่ลู่กับเซี่ยเซี่ยไปกินหม้อไฟที่บ้านเธอเถอะ เราคงไม่ได้ไป พี่เขยของเธอกับฉันต้องยุ่งกับการจัดการเปิดร้านใหม่ทั้งวัน!”
หลินม่ายรู้ว่าไป๋เหยียนปฏิเสธเธอเพราะกลัวแม่ไป๋จะเสียหน้า
หล่อนเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของแม่ไป๋และเติบโตมากับแม่ไป๋ แน่นอนว่าย่อมมีความรักต่อแม่ไป๋มาก
ตราบใดที่แม่ไป๋เต็มใจที่จะหันหลังกลับเมื่อหลงทาง ไป๋เหยียนก็จะให้อภัยหล่อน
ไป๋เหยียนจะปฏิบัติต่อแม่ไป๋อย่างไรก็เรื่องของหล่อน
หลินม่ายจะไม่ห้ามคนอื่นไม่ให้ปฏิบัติดีต่อแม่ไป๋เพียงเพราะเธอไม่ชอบแม่ไป๋
หลินม่ายบอกลาไป๋เหยียนและจากไปพร้อมกับฟางจั๋วหรานและคนอื่น ๆ
แม่ไป๋ฝืนยิ้มและทักทายพวกเขา “ไปกันเถอะ เอาเซาปิ่งสองชิ้นกลับไปให้โต้วโต้วกินด้วยสิ”
หลินม่ายปฏิเสธ “ไม่เป็นไรค่ะ โต้วโต้วกินไปแล้ว”
รอยยิ้มบนใบหน้าของแม่ไป๋ค่อย ๆ เลือนหายไป ขณะเฝ้าดูครอบครัวของพวกเขาเดินจากไปอย่างเศร้าโศก
ก่อนเที่ยง ไป๋ลู่และไป๋เซี่ยมาที่บ้านของหลินม่ายอย่างตื่นเต้น
ในช่วงวันหยุด คุณป้าพี่เลี้ยงลาพักร้อน เมื่อเห็นหลินม่ายล้างผักด้วยตัวเอง สองพี่น้องจึงเข้ามาช่วยเธอ
หลินม่ายถามอย่างเป็นกันเอง “ทำไมพ่อถึงวิ่งหนีเมื่อเห็นคุณหลัวล่ะ?”
แม้ว่าพ่อไป๋และแม่ไป๋จะหย่าร้างกัน แต่พวกเขาก็ควรเข้ากันได้ดีเหมือนคนทั่วไป
แต่พ่อไป๋วิ่งหนีทันทีที่เห็นแม่ไป๋ ซึ่งทำให้หลินม่ายงุนงงเล็กน้อย
ไป๋เซี่ยใส่ผักโขมที่ล้างแล้วลงในชามผัก “แม่อยากขอคืนดีกับพ่ออีกครั้ง แต่พ่อไม่อยาก พอเขาเห็นแม่ก็เลยวิ่งหนี”
ไป๋ลู่ถอนหายใจ “มันเป็นความผิดของแม่ทั้งหมด แม่ทำร้ายจิตใจพ่อเพราะไป๋ซวง ตอนนี้คงเป็นไปไม่ได้ที่จะหันหลังกลับแล้วล่ะ”
เมื่อถึงเที่ยงวัน พ่อไป๋ได้รับโทรศัพท์จากหลินม่ายให้มากินหม้อไฟ
ทุกคนร่วมกันกินหม้อไฟแสนอร่อยและพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
ส่วนที่บ้านของไป๋เหยียน แม่ไป๋ไม่อาจกลืนอาหารที่ไป๋เหยียนปรุงเป็นพิเศษได้เลย
หล่อนร่ำไห้บอกลูกสาวคนโตและลูกเขยว่าอยากคืนดีกับพ่อไป๋ และอยากให้ลูกทั้งสอง ช่วยทำให้พวกเขาคืนดีกัน
ไป๋เหยียนเงียบไปนาน ก่อนจะกล่าวด้วยความกระดากใจ “แม่ แม่เคยขอให้พ่อกลับมาอยู่ด้วยกันหลายครั้งนะคะ แต่พ่อน่ะสิไม่ยอม ถ้าแม่ให้เราคุยอีก ผลลัพธ์ก็ยังเหมือนเดิมนั่นแหละค่ะ”
แม่ไป๋ยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตา “ลูกขอให้ลู่ลู่และเซี่ยเซี่ยบอกพ่อของลูกว่าพี่น้องทุกคนต้องการให้พ่อกับแม่คืนดีกันได้ไหม? บางทีพ่อของลูกอาจจะเห็นด้วย”
ไป๋เหยียนมองแม่ของตนและพูดไม่ออก
หล่อนคิดว่าแม่ไป๋ถอยห่างจากไป๋ซวงและกลายเป็นคนที่ดีขึ้นและไม่ใช่คนเอาแต่ใจอีกต่อไปแล้วเสียอีก
แต่จากมุมมองของวันนี้ หล่อนยังเหมือนเดิม ไม่ว่าคนอื่นจะคิดอย่างไรและอยู่ในฐานะไหนก็ต้องฟังหล่อนอยู่ดี
หล่อนบอกว่าอยากคืนดีกับพ่อไป๋ และต้องการให้ทุกคนช่วยเหลือเพื่อให้การคืนดีนี้สำเร็จ
แม้ไป๋เหยียนจะรู้สึกไม่ชอบการกระทำของแม่ไป๋ แต่หล่อนก็เต็มใจที่จะปฏิบัติต่อแม่อย่างดีเพราะแม่ไป๋คือแม่บังเกิดเกล้าของหล่อน
แต่หล่อนจะไม่บังคับพ่อไป๋เพราะเห็นแก่แม่ไป๋ เพราะนั่นจะไม่ยุติธรรมกับพ่อไป๋
ไป๋เหยียนปฏิเสธอย่างราบเรียบ “ฉันจะไม่กดดันพ่อเพราะแม่ต้องการคืนดีกับพ่อหรอกค่ะ”
แม่ไป๋เปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ
หากเมื่อก่อนไป๋เหยียนปฏิเสธหล่อนเช่นนี้ หล่อนจะต้องกล่าวหาว่าไป๋เหยียนไม่อยากช่วยเหลือตนอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้หล่อนได้แต่ถอนหายใจ
ณ เรือนสี่ประสาน
หลังจากที่ครอบครัวกินหม้อไฟเสร็จ หลินม่ายและสามีก็พาทุกคนไปยังห้างสรรพสินค้าเพื่อรับประทานอาหารและซื้อเสื้อผ้ากันหนาวสำหรับทุกคน
หลินม่ายมีเสื้อผ้ามากมาย ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องซื้อเพิ่ม เธอต้องการซื้อเสื้อผ้ากันหนาวสำหรับฟางจั๋วหรานและคนอื่น ๆ เป็นหลัก
ทั้งฟางจั๋วหรานและคุณปู่ฟางต่างโบกมือ
ครั้งล่าสุดที่ฟางจั๋วเยวี่ยมาที่นี่ หลินม่ายซื้อเสื้อผ้าให้พวกเขาแล้ว
เสื้อผ้าบางตัวที่มียังไม่เคยได้ใส่ ดังนั้นหากซื้อใหม่อีกคราก็คงเยอะเกินไป หลินม่ายจึงตัดสินใจไม่ซื้อ
หลินม่ายไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้และซื้อเสื้อผ้าให้โต้วโต้ว พ่อไป๋ ไป๋ลู่และไป๋เซี่ย
ไป๋เซี่ยไม่ต้องการรับเสื้อผ้าเหล่านั้น โดยให้เหตุผลว่าเขาเป็นพี่ชาย
มีเพียงพี่ชายที่ต้องดูแลน้องสาว ดังนั้นไม่มีทางที่น้องสาวจะซื้อเสื้อผ้าให้พี่ชายได้
เมื่อไป๋ลู่ได้ยินเรื่องนี้ หล่อนก็รู้สึกละอายเกินกว่าจะรับเสื้อผ้าไว้ เพราะหล่อนเป็นพี่สาวของหลินม่าย
หลินม่ายกล่าวพลางเอามือเท้าสะเอว “ในบรรดาพวกพี่มีใครรวยกว่าฉันบ้าง? ถ้าพวกพี่รวยกว่าฉัน ฉันก็จะไม่ซื้อเสื้อผ้าให้”
ไป๋ลู่และไป๋เซี่ยต่างนิ่งเงียบ
ในที่สุดหลินม่ายก็ซื้อเสื้อกันหนาวให้พ่อไป๋และพี่ ๆ ของเธอคนละตัว
อันที่จริงเธอต้องการซื้อให้ทุกคน คนละสองตัว แต่พวกเขาปฏิเสธที่จะรับ
พ่อไป๋สวมแจ๊กเก็ตขนเป็ดสีดำที่หลินม่ายเพิ่งซื้อให้เขา และลังเลที่จะถอดมันออก ใบหน้าที่มีความสุขของเขาเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
วันนี้ไป๋ซวงแต่งตัวเหมือนต้นคริสต์มาสพร้อมกับทาปากสีแดงสดมายังห้างสรรพสินค้าเช่นกัน
เมื่อเห็นหลินม่ายพูดคุยและหัวเราะกับพ่อไป๋และพี่น้องไป๋ด้วยความสนิทสนม หล่อนก็รู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมาก
แต่ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากสาปแช่งพวกเขาในใจ
ไป๋ซวงไม่ต้องการดูพ่อและลูกทั้งสองแสดงความรักต่อหลินม่าย หล่อนจึงหันหลังจากไป
หลังจากเดินไปได้สองก้าว หล่อนก็รู้สึกคันที่ร่างกายส่วนล่าง
ในช่วงเวลานี้หล่อนรู้สึกคันที่ร่างกายส่วนล่างมาโดยตลอด แต่อายเกินกว่าจะไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาล
(ชี้แจง: ในทศวรรษที่ 1980 ยังไม่มีคลินิกรักษาโรคหรือร้านขายยา ดังนั้นจึงต้องไปยังโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษาโรคทุกชนิด)
หล่อนเคยโกหกเรื่องที่เป็นโรคหัวใจ และกลัวว่าการไปโรงพยาบาลจะทำให้เหล่าแพทย์และพยาบาลจ้องมองหล่อนด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
ทั้งหมดเป็นเพราะหลินม่าย ผู้หญิงคนนั้นทำให้หล่อนต้องขายตัวเพื่อหาเลี้ยงชีพ
ไป๋ซวงหันกลับไปมองหลินม่ายด้วยสายตาเกลียดชัง และรู้สึกคันจนเหลือทน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ทั้งพ่อและลูกสาวหมดใจขนาดนั้นจะตามง้อขอคืนดีได้เหรอแม่ไป๋ คงต้องตัดใจแล้วมูฟออนแล้วมั้ง
ใครแอบเอาหมามุ่ยไปโรยใส่กระโปรงยัยงูพิษหรือเปล่าน้า ถึงได้คันคะเยอขนาดนั้น หรือไม่งั้นก็น่าจะเป็นหนองในแล้วล่ะ
ไหหม่า(海馬)