แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 717 น้ำเย็นหนึ่งถัง
ตอนที่ 717 น้ำเย็นหนึ่งถัง
หลังจากกลับจากมหาวิทยาลัยในวันเสาร์ หลินม่ายก็เข้าไปในห้องนอนพร้อมที่จะอ่านหนังสือหลังรับประทานมื้อเย็นเสร็จสิ้น
การสอบปลายภาคจะเริ่มขึ้นหลังวันปีใหม่
เพียงแต่การสอบปลายภาคของมหาวิทยาลัยไม่เหมือนโรงเรียนประถมและมัธยมต้นที่สอบเสร็จได้ภายในอึดใจเดียว
หลินม่ายทำการสอบในวันแรก และต้องเว้นระยะไปอีกสองวันจึงจะมีการสอบอีกครั้ง กินระยะเวลายาวนานมาก และจะสิ้นสุดในช่วงกลางของวันปีใหม่ จากนั้นก็จะมีวันหยุดฤดูหนาว
ในบรรดาวิชาที่จะทำการสอบในภายหลัง มีสองวิชาที่ยังถือว่ายากสำหรับหลินม่าย ดังนั้นเธอจึงต้องแข่งกับเวลาเพื่อทบทวนอย่างรอบคอบ
เนื่องจากเธอได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยชิงหวาในฐานะผู้ทำคะแนนสูงสุดในวิชาวิทยาศาสตร์ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยแห่งชาติ หากเธอสอบตกในปลายภาคเรียน เธอจะต้องถูกเยาะเย้ยจากฝูงชนแน่
หลินม่ายรู้ตัวดีว่าเธออาจทำคะแนนสอบได้ไม่ดีนัก ดังนั้นจึงรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก
ทันทีที่หลินม่ายนั่งลงบนโต๊ะอ่านหนังสือ โทรศัพท์ข้างเตียงก็ดังขึ้น
เธอเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย
ผู้ที่โทรมาคือเสิ่นเสี่ยวผิง หล่อนถามหลินม่ายว่าวันหยุดฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึงคือเมื่อใด
หลินม่ายนั่งลงข้างเตียง “วันที่สิบเจ็ดของเดือนนี้”
เธอถามกลับ “มีเรื่องด่วนอะไรในสำนักงานใหญ่ที่ฉันต้องแก้ไขหรือเปล่า?”
หากไม่ใช่เพราะมีเรื่องเร่งด่วนที่สำนักงานใหญ่ เสิ่นเสี่ยวผิงจะไม่โทรหาเธอในเวลานี้
“ก็ประมาณนั้นค่ะ” เสิ่นเสี่ยวผิงกล่าว “ตอนนี้มีเพียงที่ปักกิ่งเท่านั้นที่จะเข้าร่วมธุรกิจแฟรนไชส์ของเรา นอกจากนี้ สำนักงานใหญ่ก็ได้รับการตกแต่งและตกแต่งเสร็จแล้ว คุณเจิ้งบอกว่าเราจะย้ายเข้าไปยังสำนักงานใหม่ทันทีเมื่อคุณกลับมา”
หลินม่ายกล่าว “การส่งเสริมการลงทุนและแฟรนไชส์ในเมืองต่าง ๆ สามารถทำได้ แต่ต้องทำตามข้อกำหนดของฉัน ส่วนการย้ายสำนักงานใหม่ พวกเธอย้ายกันได้เลย ไม่ต้องรอฉัน บอกคุณเจิ้งว่า ให้พวกเขาย้ายได้เลย แต่เฟอร์นิเจอร์ต้องมีสไตล์ และเครื่องใช้สำนักงานต้องทันสมัย”
หลังจากพูดแบบนี้ เธอก็ถามเสิ่นเสี่ยวผิงว่ามีอะไรจะรายงานอีกหรือไม่
เมื่อเห็นว่าเสิ่นเสี่ยวผิงไม่พูดอะไรอีก หลินม่ายจึงวางสายแล้วโทรหาเฉินเฟิงอีกครั้งและถามเคอจื่อฉิงก่อน
เคอจื่อฉิงกำลังนั่งดื่มซุปรังนกอยู่บนโซฟา
เมื่อได้ยินเสียงของหลินม่ายทางโทรศัพท์ หล่อนพลันคว้าโทรศัพท์และคุยกับหลินม่ายอย่างมีความสุขพักหนึ่ง
จากนั้นเฉินเฟิงก็พูดคุยกับหลินม่ายในเรื่องธุรกิจ
หลินม่ายถามเขาว่า โครงการของเขาในฮ่องกงเป็นไปด้วยดีหรือไม่
เฉินเฟิงกล่าวว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี ขอให้เธอตั้งใจเรียนและอย่ากังวลเรื่องนี้
อันที่จริงงานของเขาในฮ่องกงไม่ได้ราบรื่นเลย
โครงการอสังหาริมทรัพย์สองโครงการของหลินม่ายที่กำลังก่อสร้างตกเป็นเป้าหมายของสังคม และพวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้เริ่มดำเนินการหากไม่จ่ายค่าคุ้มครอง
สมาคมเหล่านั้นในฮ่องกงแท้จริงแล้วเป็นแก๊งอันธพาล และการกระทำของพวกเขานั้นชั่วร้ายมาก แม้แต่ตำรวจก็ไม่กล้าทำอะไรพวกเขา
เฉินเฟิงมีอำนาจในโลกใต้ดินของเจียงเฉิง แต่เขาไม่มีอิทธิพลในฮ่องกง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะแก้ไขเรื่องนี้
แต่นั่นก็ไม่ถึงขนาดสิ้นหวัง เขาจึงไม่ต้องการให้หลินม่ายรู้เรื่องปัญหาเหล่านี้
……
การสอบวิชาเทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์ความถี่สูงจะมีขึ้นในเช้าวันอังคาร วิชานี้ยากมาก วิชาคณิตศาสตร์ขั้นสูงยังไม่อาจเทียบได้
หลินม่ายตื่นก่อนหกโมงเช้า
เธอกลัวว่าแสงที่สาดส่องเข้ามาจะแยงตารูมเมท จึงนำหนังสือออกมาอ่านตรงทางเดินจนถึงเวลาหกโมงครึ่ง หลังจากนั้นรูมเมททุกคนก็ตื่นจากหลับใหล
ฤดูหนาวในเมืองหลวงนับว่าหนาวนัก หลังจากอ่านหนังสือที่ทางเดินเป็นเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง หลินม่ายก็รู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วร่างกาย โดยเฉพาะเท้าและมือที่สูญเสียความรู้สึกทั้งหมด
เธออ่านหนังสือต่ออีกชั่วโมงในหอพักก่อนจะออกไปพร้อมข้าวกล่อง
วันนี้เพื่อนร่วมห้องไม่มีสอบ จึงเดินทางไปเรียน
ขณะที่หลินม่ายเดิน เธอวางแผนที่จะไปยังร้านซาลาเปาของตัวเองเพื่อกินซุปเนื้อแกะชามใหญ่ให้ร่างกายอบอุ่น
ทันทีที่เธอเดินออกจากหอพัก น้ำเย็นสายหนึ่งก็พลันสาดเทลงมาจากข้างบน เปียกทั่วใบหน้าและร่างกายของเธอ
โชคดีที่หลินม่ายสวมเสื้อโค้ทขนเป็ดซึ่งค่อนข้างกันน้ำ ดังนั้นเธอจึงไม่เปียกมาก
แต่น้ำเย็นนั้นถูกสาดลงมาจากข้างบน ซึ่งทำให้เธอรู้สึกหนาวเย็นและตกตะลึง
น้ำเย็นไหลซึมเข้าไปในเสื้อคลุม ไหลตามเส้นผมที่ยาวปกคลุมไหล่ราวกับว่าเธอถูกโยนเข้าไปในถ้ำน้ำแข็งขนาดใหญ่ หนาวเหน็บจนไม่อาจจินตนาการได้
หยดน้ำที่คางหยดลงบนหน้าอกและซึมเข้าไปในเสื้อผ้า ผมยาวสลวยเปียกชื้นทั่ว ลมหนาวพัดโชยมาจนทำให้หนาวสั่น
แม้จะเป็นเพียงน้ำ แต่ก็ยังมีน้ำหนักภายใต้แรงดึงดูดของโลก
เมื่อมันไหลกระแทกศีรษะหลินม่าย เธอก็รู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมากและตกตะลึงไปชั่วขณะ
แต่ภายในสองวินาที เธอก็ฟื้นคืนสติและรีบเงยหน้าขึ้น
เธอมองไม่เห็น จึงไม่รู้ว่าใครเป็นคนสาดน้ำใส่เธอ
ทันใดนั้นเสียงสาปแช่งพลางดังขึ้นจากชั้นสอง “ไปลงนรกซะ นังสารเลว!”
หลินม่ายรีบวิ่งขึ้นไปบนชั้นสองราวกับลูกธนูพุ่งออกคันศร ท่ามกลางเสียงสาปแช่งอันเกรี้ยวกราดของเพื่อนร่วมชั้นที่ได้รับผลกระทบ
ทางเดินบนชั้นสองว่างเปล่า ไร้ผู้คน
ในเวลานี้ ระฆังการสอบดังขึ้น และไม่มีเวลาสำหรับหลินม่ายในการตรวจสอบและวิเคราะห์ว่าผู้ต้องสงสัยหลบซ่อนอยู่ที่ใด หรือหลบหนีขึ้นไปชั้นบนแล้ว
เธอรีบเช็ดร่างกายที่เปียกชุ่มและวิ่งไปเข้าห้องสอบ ทว่าก็ยังสาย
โชคดีที่ไม่ใช่การสอบเข้ามหาวิทยาลัย เธอจึงไม่ถูกปฏิเสธให้เข้าห้องสอบเพราะมาสาย
อาจารย์ผู้คุมสอบส่งสัญญาณให้หลินม่ายเข้าไปในห้องและยื่นเอกสารให้เธอ
ผู้คุมสอบจ้องมองผมที่เปียกโชกของเธอแล้วพึมพำ “นี่มันฤดูหนาวแล้ว เธอสระผมทำไม? ถึงจะอยากสระก็อย่าเพิ่งสระเลย ถ้ามานั่งในห้องสอบนาน ๆ จะทำให้เธอหนาวเอาได้!”
หลินม่ายตอบกลับ “ฉันไม่ได้สระผมค่ะ แต่มีคนเอาน้ำราดหัวฉัน”
ผู้คุมสอบเดินจากไปด้วยแววตาแห่งความงุนงงและบอกผู้คุมอีกคนเกี่ยวกับสถานการณ์ของหลินม่าย
ผู้คุมสอบออกจากห้องไปและกลับมาอย่างรวดเร็วพร้อมนำผ้าขนหนูแห้งและถ้วยน้ำร้อนมาให้หลินม่าย
ผู้คุมขอให้เธอเช็ดน้ำออกจากผม ไม่อย่างนั้นน้ำที่เปียกโชกบนเส้นผมจะไหลลงบนกระดาษซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อการสอบ
จากนั้นผู้คุมสอบก็นำถ้วยน้ำร้อนมาเพื่อให้เธอดื่มเพื่อเพิ่มความอบอุ่น
นี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาสามารถช่วยเหลือเธอได้
แต่เพียงเท่านี้หลินม่ายก็รู้สึกขอบคุณอย่างมากแล้ว
เธอเช็ดผมหลายครั้งด้วยผ้าขนหนูที่ผู้คุมให้มาจนไม่มีหยดน้ำเหลือ ก่อนจะดื่มน้ำร้อนในถ้วยและเริ่มทำข้อสอบอย่างจริงจัง
ห้องสอบเป็นห้องเรียนสาธารณะ พื้นที่ใหญ่มากและจุคนได้หลายร้อยคน การไหลเวียนของอากาศไม่ดีนัก หากมีผู้คนแออัดกันจำนวนมากก็จะนำมาซึ่งความอบอุ่นได้
แต่แน่นอนว่าเมื่อถูกใช้เป็นห้องสอบก็จะมีคนไม่มากนัก
ไม่เพียงคนน้อย แต่นักศึกษาทุกคนยังถูกจับให้นั่งแยกจากกันเพื่อป้องกันการฉ้อโกง
จำนวนคนในห้องเรียนจึงมีน้อย อากาศถ่ายเทสะดวก และอุณหภูมิต่ำกว่าห้องเรียนปกติมาก
เพื่ออำนวยความสะดวกในการเฝ้าระวังเคลื่อนที่ ประตูด้านหน้าและด้านหลังของห้องเรียนถูกเปิดกว้าง สายลมพัดผ่าน ซึ่งทำให้อากาศหนาวเย็นยิ่งขึ้น
นักศึกษาคนอื่นไม่รู้สึกหนาวเพราะพวกเขาสวมเสื้อโค้ตผ้าฝ้าย
แต่หลินม่ายเปียกไปทั้งตัวจนดูน่าสงสาร
สายลมแผ่วเบาที่พัดผ่านเส้นผมก็ทำให้เธอรู้สึกหนาวสั่นจนไม่อาจควบคุมตัวเองได้
อีกทั้งเธอยังไม่ได้กินอาหารเลยตลอดทั้งเช้าซึ่งทำให้อุณหภูมิของร่างกายเย็นลงกว่าเดิม
หลังจากนั่งสอบไปสักพัก เธอก็รู้สึกอึดอัดและวิงเวียนศีรษะ
หลังจากยืนกรานที่จะทำข้อสอบให้เสร็จ เสียงระฆังก็ดังขึ้นเมื่อสิ้นสุดการสอบ
นักเรียนคนอื่น ๆ วางเอกสารและจากไป แต่หลินม่ายนั่งนิ่งอยู่บนโต๊ะราวกับว่าเธอหมดเรี่ยวแรง
ผู้คุมสอบเดินไปช่วยพยุงเธอ เก็บเอกสาร และถามเธอว่าเป็นอะไรไหม
หลินม่ายโบกมือและบอกว่าเธอสบายดี
เธอเก็บข้าวของและลากร่างอันหนักอึ้งของตนออกจากห้องเรียน
มีเด็กสาวหลายคนในชั้นเรียนเดียวกันรอเธออยู่นอกห้องสอบ
หวังหมิงฮวา เพื่อนสาวร่วมชั้นถามอย่างห่วงใย “เธอไม่เป็นอะไรใช่ไหม? ฉันเห็นเธอดูไม่ค่อยดีนักตอนที่อยู่ในห้องสอบ เธอไม่สบายหรือเปล่า ให้ฉันพาไปหาหมอไหม?”
หลินม่ายไม่คาดคิดมาก่อนว่าผู้คนจะสนใจเธอในระหว่างการสอบ ซึ่งทำให้เธอรู้สึกประทับใจมาก
หลินม่ายเผยรอยยิ้ม “ฉันไม่เป็นไร ไม่ต้องถึงขั้นไปหาหมอหรอก แค่ดื่มน้ำร้อนอีกสักสองแก้วก็คงจะหายดี”
ไม่ใช่เพราะเธอเกรงใจ แต่เป็นเพราะสมรรถภาพทางกายของเธอดีมาก
ไม่ว่าจะเป็นประจำเดือน หวัด หรืออาการเจ็บป่วยเล็กน้อยอื่น ๆ สำหรับเธอแล้ว เพียงนำร้อนสักถ้วยก็ช่วยให้หายได้
เพื่อนหลายคนถามเธอซ้ำ ๆ ว่าสบายดีไหม แล้วเธอก็ตอบว่าไม่เป็นอะไร เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนก็จากไป
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ใครแกล้งม่ายจื่อเนี่ย แถมแกล้งได้ถูกเวลาด้วยนะ พี่หมอรู้เรื่องเมื่อไหร่เจอดีแน่
ไหหม่า(海馬)