แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 723 แนะนำเพื่อนร่วมชั้นเพื่อถ่ายทำภาพยนตร์
ตอนที่ 723 แนะนำเพื่อนร่วมชั้นเพื่อถ่ายทำภาพยนตร์
หลินม่ายเรียกผู้กำกับกลับมาในวันอาทิตย์
เธออ่านบทแล้วและไม่ต้องการแสดงบทนี้ แต่เธอสามารถลงทุนร่วมกับเขาได้ แต่การลงทุนนั้นมีเงื่อนไข
ผู้กำกับพยายามเกลี้ยกล่อมให้เธอร่วมแสดงอย่างเต็มที่ โดยให้เหตุผลว่ารูปร่างหน้าตาของเธอคล้ายกับนางเอกมาก
หากเธอไม่แสดงก็ยากที่ภาพยนตร์เรื่องนี้จะประสบความสำเร็จ
แม้ผู้กำกับจะพูดถึงเรื่องนี้ แต่หลินม่ายก็ไม่ยอมรับข้อตกลง
เพื่อไม่ให้ผู้กำกับเกลี้ยกล่อมเธออีก หลินม่ายจึงอาสาแนะนำคนสองคนให้เป็นนักแสดงแทน
ผู้กำกับพูดอย่างขุ่นเคือง “ได้ครับ เจอกันที่โรงเรียนตอนเที่ยงพรุ่งนี้นะครับ เราจะดูว่าผู้หญิงทั้งสองคนที่คุณแนะนำอยู่นั้นเหมาะสมหรือไม่”
หลินม่ายต้องการแนะนำเสิ่นอวิ้นและตู้เจวียนให้ผู้กำกับ
เสิ่นอวิ้นและตู้เจวียนนั้นมีหน้าตางดงาม มีรูปลักษณ์ที่โดดเด่น รูปร่างสมบูรณ์แบบ และเหมือนดารามาก
ทันทีที่โรงเรียนเปิดในวันจันทร์ หลินม่ายบอกเสิ่นอวิ้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ทันทีที่เข้าหอพัก
ไม่เพียงเสิ่นอวิ้นเท่านั้นที่มีความสุข แต่เพื่อนร่วมห้องของหล่อนก็มีความสุขด้วย
ทุกคนส่งเสียงร้องดีใจพร้อมบอกให้พาเพื่อนไปเลี้ยงอาหารหากได้รับการคัดเลือกจากผู้กำกับ
เสิ่นอวิ้นตอบด้วยรอยยิ้ม
หลินม่ายกล่าวกับเสิ่นอวิ้น “ฉันไม่ได้แนะนำเธอเพียงคนเดียวให้ผู้กำกับคนนั้นรู้จัก แต่ฉันยังแนะนำตู้เจวียนด้วย แต่ฉันไม่ค่อยชอบพฤติกรรมและนิสัยของตู้เจวียนนัก หากผลการตัดสินเป็นยังไงอย่าลืมบอกฉันด้วยนะ”
เสิ่นอวิ้นตกลงอย่างง่ายดาย
ในช่วงพัก หลินม่ายกำลังจดจ่ออยู่กับการทบทวน จากนั้นตู้เจวียนก็เข้ามาหาด้วยรอยยิ้มและกล่าวขอบคุณเธอ
หลินม่ายรู้ถึงสาเหตุที่อีกฝ่ายมาเพื่อขอบคุณ จึงตอบกลับอย่างแผ่วเบา “ไม่ต้องขอบคุณหรอก ฉันไม่ใช่ผู้กำหนดโชคชะตา ไม่ว่าผู้กำกับจะเลือกเธอหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับโชคของเธอ ฉันไม่เกี่ยว ฉันแค่ให้ในสิ่งที่เธอควรได้รับ”
คำพูดของเธอดูถ่อมตัวจนทำให้ตู้เจวียนหน้าแดง
หล่อนเคยประพฤติตัวอย่างไรเหตุผลมากมายกับหลินม่าย เมื่อลองเปรียบเทียบดูแล้ว หล่อนและหลินม่ายแตกต่างกันอย่างลิบลับ
ผู้กำกับเดินทางมาถึงในเวลาเที่ยงตามนัดหมาย
หลินม่ายพาเสิ่นอวิ้นและตู้เจวียนมาพบเขาก่อนจะจากไป ผู้กำกับหยุดเธอพลางกล่าว “อยู่กินอาหารเที่ยงด้วยกันก่อนสิครับ เราจะได้พูดถึงเรื่องการลงทุนไปด้วยเลย”
หลินม่ายคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพยักหน้าเห็นด้วย
ผู้กำกับพาสามสาวไปยังโรงแรมแห่งหนึ่งและสั่งอาหารมากมายเต็มโต๊ะ
ตู้เจวียนและเสิ่นอวิ้นรู้สึกเขินอายเล็กน้อย พวกหล่อนเขินอายจนไม่รู้ว่าจะต้องทำตัวอย่างไร
ในขณะที่รับประทานอาหาร หลินม่ายใช้ตะเกียบในมือคีบอาหารให้กับเพื่อนของเธอ
ยิ่งกว่านั้นการพูดคุยเรื่องราวธุรกิจของทั้งสองดูจริงจังอย่างมากจนทำให้พวกเธอทำตัวไม่ถูก
ผู้กำกับบอกว่าหากหลินม่ายลงทุนในภาพยนตร์เรื่องใหม่ของเขา เขาและผู้อำนวยการสร้างจะมอบเงินปันผลให้กับเธอเป็นจำนวนห้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์
แต่มีข้อแม้คือ หลินม่ายต้องแสดงเป็นนางเอก
หลินม่ายรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
โดยปกติแล้ว เมื่อนักลงทุนลงทุนในภาพยนตร์ อัตราเงินปันผลที่พวกเขาจะได้รับคือสามสิบห้าเปอร์เซ็นต์
อัตราส่วนที่กำหนดโดยผู้กำกับคนนี้ค่อนข้างสูง
เงินจำนวนมหาศาลทำให้หลินม่ายรู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย
เธอชนแก้วกับผู้กำกับก่อนจะกล่าวพลางจิบไวน์ “ฉันขอคุยกับสามีก่อนแล้วจะตัดสินใจอีกทีนะคะ”
ผู้กำกับพยักหน้าเห็นด้วย
ตู้เจวียนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้
เนื่องจากผู้กำกับยังคงต้องการให้หลินม่ายแสดง ดังนั้นหล่อนและเสิ่นอวิ้นก็ไม่มีประโยชน์อีกต่อไป
เมื่อรับประทานอาหารไปสักพัก ผู้กำกับก็ยิ้มและถามเสิ่นอวิ้นว่าหล่อนอยากจะเล่นเป็นนักแสดงประกอบในภาพยนตร์หรือไม่
มีบทบาทให้หล่อนเพียงไม่กี่ฉากและมีเวลาออกอากาศไม่เกินสิบนาที
ภาพยนตร์มีความยาวประมาณเก้าสิบนาทีถึงหนึ่งร้อยยี่สิบนาที
เสิ่นอวิ้นมีความสุขมากหากหล่อนจะได้ปรากฏในภาพยนตร์ แม้เป็นเวลาเพียงสิบนาที ดังนั้นหล่อนจึงพยักหน้าเห็นด้วย
เมื่อตู้เจวียนเห็นว่าเสิ่นอวิ้นเป็นที่ชื่นชอบของผู้กำกับและหล่อนเป็นคนเดียวที่แพ้การเลือกก็รู้สึกอึดอัดมาก
หลังมื้ออาหาร ผู้กำกับให้บทหลินม่ายและเสิ่นอวิ้นเพื่อทำความคุ้นเคยกับโครงเรื่องก่อน
หลินม่ายปฏิเสธการรับบทพร้อมบอกว่าเธอได้รับไปเมื่อครั้งก่อนแล้ว
ผู้กำกับยิ้มพลางกล่าว “แต่บทของวันนี้เป็นบทที่ได้รับการแก้ไขจากผู้กำกับฉบับล่าสุด”
จากนั้นหลินม่ายก็หยิบบทขึ้นมาและพลิกดู ชื่อเรื่องของหนังทำให้เธอตะลึง
ครั้งก่อนชื่อเรื่องคือ “ชีวิตที่สดใสของเสี่ยวจู” แต่คราวนี้เปลี่ยนเป็น “ดอกแดนดิไลอันแห่งท้องฟ้า”
หลินม่ายตกตะลึงเมื่อเห็นชื่อเรื่องของภาพยนตร์ที่เปลี่ยนใหม่ เพราะเธอมีความทรงจำเกี่ยวกับชื่อภาพยนตร์จากชาติที่แล้ว
ในชีวิตที่แล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้เปิดตัวในแผ่นดินใหญ่และสร้างรายได้มากถึงหกร้อยล้านจนกลายเป็นตำนาน
ในช่วงเวลานี้ในชีวิตที่แล้วของเธอ เธอเพิ่งซื้อร้านอาหารสองแห่งและอยู่ในช่วงของการเริ่มต้นธุรกิจ ดังนั้นจึงทำงานหนักทุกวัน
เธอไม่มีเวลาดูภาพยนตร์ยอดนิยมเรื่องดอกแดนดิไลอันแห่งท้องฟ้าเลย
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนพาหลินเพ่ยไปดูหลายครั้ง
ทุกครั้งที่กลับมาจากดูหนัง อู๋เสี่ยวเจี๋ยนก็จะเรียกเธอว่าขยะ
เธอเป็นเด็กผู้หญิงจากชนบทอีกและหาเงินได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่เสี่ยวจูในภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลกและซื้อบ้านพักตากอากาศให้กับพ่อแม่บุญธรรมที่หูหนวกและเป็นใบ้ของเธอ
คำพูดดูถูกและทำร้ายจิตใจของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนทำให้หลินม่ายจดจำชื่อของภาพยนตร์เรื่องนี้และความหมายได้ชัดเจน
ไม่น่าเชื่อว่าภาพยนตร์ที่โด่งดังมากในชาติที่แล้วเรื่องนี้ เดิมทีจะมีชื่อว่า ‘ชีวิตที่สดใสของเสี่ยวจู’
ในเมื่อหนังเรื่องนี้สามารถทำรายได้ถึงหกร้อยล้าน แล้วเธอจะต้องกลัวอะไร?
ส่วนแบ่งห้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์ หลังหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้วก็จะเหลือประมาณสองร้อยล้านหยวน และไปถึงจุดสุดยอดของชีวิตได้ไม่ยาก
หลินม่ายกลับไปยังมหาวิทยาลัยพร้อมกับตู้เจวียนและเสิ่นอวิ้นด้วยความดีใจ
ทันทีที่หลินม่ายและเสิ่นอวิ้นกลับมาถึงหอพัก พวกเธอถูกห้อมล้อมด้วยรูมเมท หลายคนถามเสิ่นอวิ้นว่าผู้กำกับสนใจหล่อนหรือไม่
เสิ่นอวิ้นพูดอย่างตื่นเต้น “ฉันไม่ได้รับคัดเลือกให้เป็นนักแสดงนำหญิง แต่ได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวประกอบล่ะ”
เหล่ารูมเมทต่างให้กำลังใจหล่อนและบอกว่าบทบาทของตัวประกอบก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร
เสิ่นอวิ้นมองไปยังเงินในกระเป๋าสตางค์ของหล่อนและเห็นเงินอยู่เล็กน้อย จึงถามอย่างใจดี “พวกเธออยากกินอะไร?”
รูมเมทพูดพร้อมกันว่าอยากกินปิ้งย่าง
หลินม่ายเห็นว่าคำตอบของพวกเธอพร้อมเพียงกันมาก ราวกับอยู่ในการฝึกทหาร จึงสงสัยว่าพวกหล่อนตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
เสิ่นอวิ้นกัดฟันและตกลงโดยบอกว่าหล่อนจะเลี้ยงปิ้งย่างในตอนเย็น
ฝูงชนโห่ร้อง
เหมียวเหมียวถาม “ในเมื่อเธอได้รับเลือกจากผู้กำกับให้เล่นเป็นตัวประกอบ แสดงว่าบทนักแสดงนำหญิงก็ต้องเป็นของตู้เจวียนใช่ไหม?”
กั๋วเซี่ยงหงกล่าว “ตู้เจวียนได้รับบทนักแสดงนำหญิงอย่างนั้นเหรอ? ฉันคิดว่าเธอไม่เหมาะสม หล่อนขาดอารมณ์ที่จะเป็นเหมือนตัวละคร”
รูมเมทอีกหลายคนพยักหน้าตาม พวกหล่อนก็รู้สึกแบบเดียวกัน
เสิ่นอวิ้นตบไหล่หลินม่าย “ผู้กำกับยังคงต้องการให้หลินม่ายแสดงนำ”
“แล้วเธอตกลงไหม?” เหมียวเหมียวถาม
หลินม่ายยิ้ม “ฉันยังลังเลอยู่ ต้องถามความคิดเห็นจากสามีก่อน”
รูมเมทของเธอกลอกตาพร้อมกัน “นี่มันยุคใหม่แล้ว ทำไมเธอถึงทำตัวเหมือนคนโบราณอยู่ได้ เธอกำลังจะได้เป็นนางเอกภาพยนตร์ แต่กลับยังต้องรอฟังความคิดเห็นของสามี ถ้าเขาไม่อนุญาตเธอก็ทุบหัวเขาซะ!”
หลินม่ายยืนขึ้นและต่อต้าน “ทุบหัวพวกเธอน่ะสิ ฉันจะทุบหัวพวกเธอทุกคน! เอาให้เสียสติกันไปข้างนึงเลย!”
หลินม่ายและรูมเมทของเธอหัวเราะ แต่ตู้เจวียนกลับไปที่หอพักด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
เมื่อเห็นหล่อน กงเสวี่ยฉินก็ถามด้วยความเป็นห่วง “เธอเป็นอะไรไป? ใครทำร้ายเธออีก?”
หลังจากครุ่นคิดอยู่สองสามวินาที จู่ ๆ หล่อนก็นึกขึ้นได้ “ผู้กำกับไม่เลือกเธอเหรอ?”
หล่อนปลอบโยน “ถ้าเขาไม่เลือกก็ไม่เป็นไร ผู้กำกับอาจมองว่าเธอยังไม่เหมาะสมกับบทบาทนี้ก็ได้จริงไหม?”
เมื่อพูดเช่นนี้ ดวงตาของกงเสวี่ยฉินก็เปล่งประกายความใจดี
หล่อนแอบยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างตู้เจวียนและหลินม่าย โดยเห็นว่าพวกเธอพบกันในมหาวิทยาลัยและเพิกเฉยต่อกัน
จนหล่อนคิดว่ากลอุบายของตนสำเร็จแล้ว
ไม่คาดคิดว่าหลินม่ายจะแนะนำตู้เจวียนให้ผู้กำกับ ซึ่งทำให้หล่อนตกใจ
แล้วความสัมพันธ์ที่ไม่ดีและความเกลียดที่มีต่อกันล่ะ?
เมื่อเห็นว่าตู้เจวียนอาจไม่ได้รับความสนใจจากผู้กำกับในตอนนี้ กงเสวี่ยฉินจึงฉวยโอกาสอีกครั้งในทันที
ตู้เจวียนนั่งลงบนเตียงและพูดอย่างเศร้าใจ “อันที่จริงหากผู้กำกับไม่เลือกใครเลยก็คงไม่เป็นอะไร แต่เสิ่นอวิ้นกลับเข้าตาผู้กำกับจนถูกเลือกให้แสดงเป็นตัวประกอบ”
กงเสวี่ยฉินถามอย่างสงสัย “เสิ่นอวิ้นได้รับเลือกให้เล่นเป็นตัวประกอบแสดงว่าตำแหน่งนักแสดงนำยังว่างอยู่ใช่ไหม?”
หล่อนต้องการทราบจากปากของตู้เจวียนเพื่อหาคำตอบว่าผู้กำกับพักอยู่ที่โรงแรมใด
จากนั้นหล่อนจะรอเวลากลางคืนเพื่อแอบไปเยี่ยมชมผู้กำกับพร้อมแนะนำตัวเอง
หล่อนสวยกว่าตู้เจวียน บางทีหล่อนอาจจะดึงดูดสายตาของผู้กำกับและได้รับบทนำ
ใครกันจะคาดเดาโชคชะตาได้?
ตู้เจวียนพูดอย่างหดหู่ “ตำแหน่งนักแสดงนำหญิงไม่ว่างอีกต่อไปแล้ว เพราะผู้กำกับยังต้องการให้หลินม่ายเล่น”
กงเสวี่ยฉินรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
ราวกับว่าหลินม่ายฉกสิ่งของของหล่อนไป
แม้หล่อนจะรู้ว่าความคิดของตนช่างอุกอาจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะคิดอย่างนั้น
หล่อนกลอกตาและพูดกับตู้เจวียนอย่างหนักแน่น “ตามความคิดเห็นของฉัน ไม่ว่ายังไงผู้กำกับก็ไม่เลือกเธอ”
ตู้เจวียนเงยหน้าขึ้นมองหล่อนด้วยความประหลาดใจ “เธอเป็นอะไรกับผู้กำกับ เธอจะรู้ได้ไงว่าเขาจะเลือกฉันหรือไม่?”
กงเสวี่ยฉินนั่งลงข้างหล่อนและพูดโดยไม่พูดอะไร “ต่อให้ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับผู้กำกับ ฉันก็มองออกว่าเขาจะไม่มีวันเลือกเธอให้เป็นนักแสดงนำหญิง! เพราะเธอไม่เคยสร้างสัมพันธ์อันดีต่อหลินม่าย ดังนั้นไม่ว่ายังไงเขาก็จะไม่เลือกหรือให้โอกาสเธอ”
ตู้เจวียนถามด้วยความสับสน “แล้วทำไมหลินม่ายยังแนะนำผู้กำกับให้ฉันล่ะ?”
“เพราะหล่อนต้องการแสร้งทำเป็นใจดีเพื่อให้เธอขอบคุณยังไงล่ะ”
ตู้เจวียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่ายศีรษะพลางกล่าว “หลินม่ายไม่ใช่คนแบบนั้น ฉันคิดว่าหล่อนทำทุกอย่างด้วยใจจริง และเป็นไปไม่ได้ที่หล่อนจะเลวร้ายขนาดนี้”
กงเสวี่ยฉินตะคอกอย่างเย็นชา “เด็กสาวอายุน้อยกว่ายี่สิบปีสามารถเป็นเจ้าของโรงงานเสื้อผ้าได้ เธอยังจะคิดว่าคนแบบนั้นเป็นคนเรียบง่ายและใจดีอีกเหรอ? เธอต่างหากที่ไร้เดียงสา เธอต่างหากที่ใจดี ถึงถูกใครเขาเอาแต่กลั่นแกล้งอยู่แบบนี้ไง”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ ตู้เจวียนก็นิ่งเงียบ
กงเสวี่ยฉินเตือน “ลองนึกถึงความไม่เป็นธรรมที่เธอแสดงออกในการประกวดนางแบบสิ หากไม่ใช่เพราะความเหลื่อมล้ำพวกนั้น หากไม่ใช่เพราะมีเส้นสาย นางแบบหลายคนก็คงถูกคัดออกจากการแข่งขันไปนานแล้ว”
ใบหน้าของตู้เจวียนหม่นลงเล็กน้อย
กงเสวี่ยฉินเห็นดังนั้นก็รู้สึกพึงพอใจ
หลังเลิกเรียนในตอนบ่าย หลินม่ายก็ไปกินปิ้งย่างกับรูมเมทของเธอ
เธอพบตู้เจวียนยืนอยู่ริมถนนและจ้องเขม็งมายังตน
รูมเมทของหลินม่ายต่างก็งุนงง และถามหลินม่ายว่าเธอทำให้ตู้เจวียนขุ่นเคืองอะไรหรือไม่?
ทำไมตู้เจวียนจึงจ้องเขม็งมายังเธอโดยไร้เหตุผล?
หลินม่ายคิดอย่างจริงจังพลางกล่าว “หากฉันทำอะไรให้เธอขุ่นเคืองก็คงจะมีแค่เรื่องที่ฉันแนะนำเธอให้รู้จักกับผู้กำกับแต่ไม่ผ่านการคัดเลือกนี่แหละ”
กัวเซี่ยงหงกล่าว “หากตู้เจวียนจะโกรธเธอเพราะเรื่องแค่นั้นก็คงปัญญาอ่อนไปหน่อย ทุกอย่างไม่ได้ขึ้นอยู่กับเธอ และเธอก็ไม่ใช่ผู้ตัดสิน ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลทีตู้เจวียนจะโกรธเคืองเธอในเรื่องนี้”
หลินม่ายโบกมือ “ช่างมันเถอะ อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย ฉันไม่อยากจะวิ่งวุ่นวายกับใครมากมาย”
หลังจากมาถึงนอกประตูโรงเรียน หลินม่ายก็ตามเพื่อนร่วมห้องไปที่ร้านปิ้งย่าง เธอเพิ่งรู้ว่ามีร้านปิ้งย่างเปิดใหม่ที่ประตูโรงเรียนด้วย
ร้านปิ้งย่างแห่งนี้มีอาหารมากมายหลายชนิดให้เลือก
อีกทั้งร้านอาหารแห่งนี้ยังมีอาหารที่คนท้องถิ่นชอบกินอีกด้วย
รสชาติของเมนูปิ้งย่างในร้านอาหารแห่งนี้ก็ค่อนข้างน่าพอใจ ดังนั้นจึงมีลูกค้ามากมาย
เมื่อคิดว่าผู้คนในเมืองหลวงชอบกินปิ้งย่างมาก หลินม่ายจึงวางแผนที่จะเปิดร้านหม้อไฟและร้านปิ้งย่างในเมืองหลวงหลังวันปีใหม่
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
แนะนำเลยค่ะตู้เจวียนว่าถ้าอยากก้าวหน้า เลิกคบยัยกงเสวี่ยฉินนี่ไปซะ มีเพื่อนที่ชอบแทงข้างหลังแบบนี้ไม่มียังจะดีกว่า
ไหหม่า(海馬)