แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 746 หญิงสวมหมวกผู้ลึกลับ
ตอนที่ 746 หญิงสวมหมวกผู้ลึกลับ
เป็นอย่างที่หลินม่ายคาดเดา เป็นตลาดฮุ่ยหมินที่ส่งคนไปขับไล่พนักงานของตลาดสดฝูตัวตัว
พนักงานที่ได้รับการว่าจ้างจากตลาดสดฝูตัวตัวเป็นหญิงสาววัยกลางคนที่ว่างงานหลายคน
ทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวันเพื่อรับค่าจ้าง 6 หยวน
อากาศข้างนอกหนาวเย็นมากสำหรับการออกไปแจกใบปลิว แม้จะได้รับค่าจ้างรายวันสูง แต่พวกเขาต้องทนทุกข์อย่างมาก
แต่ผู้คนในยุคนี้ไม่กลัวความยากลำบาก หญิงสาววัยกลางคนที่ว่างงานจำนวนมากเร่งรีบมาสมัครงานแจกใบปลิวโฆษณาของตลาดสดฝูตัวตัว
แค่หวังอยากหาเงินมาจุนเจือครอบครัวบ้าง
จ้าวเลี่ยงต้องเลือกลูกจ้างจากคนนับพัน โดบมอบหมายหน้าที่เพียงสองถึงสามอย่าง ซึ่งเขาเลือกหญิงวัยกลางคนที่เข้มงวดมาทำหน้าที่นี้
หน้าที่ดังกล่าวคือ ทำงานอย่างสุจริต ไม่ใช้เล่ห์เหลี่ยม
ทั้งต้องมีความแข็งแกร่ง กล่าวคือ หากมีใครมาจับผิดพวกเขา พวกเขาต้องไม่กลัวปัญหาตรงหน้า
ดังนั้นเมื่อหญิงวัยกลางคนเหล่านั้นกำลังแจกใบปลิวอย่างขะมักเขม้น จู่ๆ ก็มีวัยรุ่นสองถึงสามคนปรี่เข้ามาด่าทอและบอกให้พวกหล่อนออกไป ทั้งยังบอกว่าไม่ให้พวกหล่อนมาแจกใบปลิวที่นี่ หญิงวัยกลางคนจึงสวนกลับ “คุณเป็นเจ้าของถนนเส้นนี้เหรอ?”
เด็กหนุ่มคนหนึ่งพูดขึ้น “ถึงผมไม่ได้เป็นเจ้าของ แต่พวกคุณก็ไม่ได้รับอนุญาตให้แจกใบปลิวที่นี่!”
หญิงวัยกลางคนกลอกตา “ถ้าไม่ได้เป็นเจ้าของ แล้วมีสิทธิ์อะไรมาห้าม? คุณช่างไร้ยางอายจริงๆ พ่อแม่และบรรพบุรุษของคุณที่อยู่ในนรกจะรู้บ้างไหม?”
หลินม่ายแอบยกนิ้วโป้งให้หญิงวัยกลางคนอย่างถูกใจ
ทักษะการด่าทอของหญิงวัยกลางคนจากเมืองหลวงนั้นสูงมาก
พวกหล่อนด่าทอบรรพบุรุษของอีกฝ่ายนับสิบแปดชั่วโคตรโดยไม่ใช้คำหยาบคายแม้แต่คำเดียว
เด็กหนุ่มเดือดดาลจนหน้าแดง “คุณแก่หงำเหงือกแล้ว จะไปเข้าใจอะไร พวกคุณแจกใบปลิวโฆษณาของตลาดสดฝูตัวตัวที่ทางเข้าตลาดฮุ่ยหมิน ช่างน่ารังเกียจจริงๆ”
ป้าใหญ่อีกคนเถียงกลับ “นี่คือทางเข้าตลาดฮุ่ยหมินของคุณเหรอ? พ่อหนุ่ม ทำไมถึงน่าสงสารขนาดนี้ ตามืดบอดตั้งแต่อายุยังน้อย ทางเข้าตลาดฮุ่ยหมินอยู่ห่างออกไปตั้งเกือบ 50 ถึง 60 เมตร!”
คนหนุ่มสาวเหล่านั้นต่างก็เผยท่าทางขุ่นเคือง
ชายหนุ่มรูปร่างสูงและท้วมตะคอก “พวกเราบอกให้ออกไปก็ออกไปซะ อย่ามัวแต่พูดเรื่องไร้สาระ ระวังจะเจ็บตัว!”
ป้าใหญ่คนหนึ่งโน้มตัวเข้าหา “มาเลย ตีฉันเลยสิ แล้วพวกคุณจะเสียใจ!”
หญิงสาววัยกลางคนหลายคนนั่งลงพื้นพลางตะโกนดัง “มีคนตีเรา พวกเขาจะตีเราให้ตาย!”
คนหนุ่มสาวเหล่านั้นตื่นตระหนก “อย่ามากล่าวหากันนะ!”
“เราไม่ได้กล่าวหา แต่พวกคุณกำลังจะตีเรา!”
หลินม่ายฉวยโอกาสจากข้อพิพาทของพวกเขาและแอบไปรายงานต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ
มีสถานีตำรวจตั้งอยู่ห่างออกไปราว 300 เมตร
ไม่นานเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาถึง
คนหนุ่มสาวอยากวิ่งหนีไป แต่พวกเขาถูกเหล่าป้าใหญ่จับเสื้อไว้แน่นและไม่ยอมปล่อย
เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถามว่าเกิดอะไรขึ้น
ฝูงชนผู้แทะเมล็ดแตงพลางเฝ้าดูอย่างตื่นเต้นให้การกับตำรวจ
พวกเขาไม่รู้เหตุการณ์ความเป็นมา เพียงแต่ได้ยินเสียงหญิงวัยกลางคนเหล่านี้ตะโกนขึ้นว่าถูกกลุ่มหนุ่มสาวทำร้าย
การสอบสวนของตำรวจพบว่าคนหนุ่มสาวเหล่านี้ถูกส่งมาจากตลาดฮุ่ยหมิน และหญิงวัยกลางคนเหล่านี้ไม่ได้รับอนุญาตให้แจกใบปลิวที่นี่
ตำรวจสงสัยว่าเป็นเพราะการแข่งขันระหว่างตลาดทั้งสองแห่ง พวกหนุ่มสาวเหล่านั้นจึงมาทุบตีกลุ่มป้าใหญ่
แต่เนื่องจากไม่มีพยาน ตำรวจทำได้เพียงตักเตือนและให้ความรู้แก่เยาวชนเหล่านั้น ก่อนจะปล่อยพวกเขาไป
คนหนุ่มสาวเหล่านั้นกลับไปที่ตลาดฮุ่ยหมินด้วยความสิ้นหวัง รายงานต่อผู้จัดการว่าพวกเขาทำผิดพลาด
พวกเขาไม่สามารถไล่คนแจกใบปลิวของตลาดสดฝูตัวตัวออกไปได้ แล้วยังดึงดูดเจ้าหน้าที่ตำรวจมากอีกด้วย
ผู้จัดการเบิกตากว้างด้วยความโกรธ “ขี้ขลาดเหมือนกับหนู พวกคุณจนปัญญาทำอะไรไม่ได้หลังจากโดนตำรวจเตือนแค่นี้เหรอ? ไปจัดการมนุษย์ป้าพวกนั้นซะ ถ้าเกิดเรื่องผิดพลาดอีกจะถูกลงโทษ!”
คนหนุ่มสาวมองหน้ากันด้วยความตกใจ จากนั้นจึงหันหลังกลับไปเพื่อจัดการกับป้าใหญ่เหล่านั้น
หญิงสาวลึกลับสวมหมวกไหมพรมสีแดงและแว่นตาดำด้านข้างผู้จัดการเรียกพวกเขาให้หยุด “อย่าไปสนใจป้าพวกนั้นอีก”
ผู้จัดการถามอย่างงุนงง “ปล่อยป้าพวกนั้นไปจะดีหรือครับ? พวกหล่อนยังคงแจกใบปลิวที่นั่นต่อไป ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจตลาดผักของเรา”
หญิงลึกลับกล่าวคำ “ตอนนี้ตำรวจตื่นตัวแล้ว หากเราไปจัดการป้าพวกนั้นอีก เราจะกลายเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง ในเวลานั้นตำรวจจะมาหาเราถึงหน้าประตูบ้าน บอกให้เราจ่ายค่าปรับและขอโทษอีกฝ่าย หลังจากนั้น พวกหล่อนจะแจกใบปลิวต่อโดยไม่ได้รับอิทธิพลใดๆ ส่วนเราต้องประสบกับความยากลำบากมากมาย”
ผู้จัดการครุ่นคิดตามเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขารู้สึกว่าคำพูดของหญิงสาวฟังมีเหตุผล “แล้วเราควรทำอย่างไรดี? ตลาดสดฝูตัวตัวนำเข้าผักโรงเรือนราคาถูกจำนวนมากจากหูเป่ย พวกมันกดราคาผักโรงเรือนต่ำมาก จนลูกค้าหันไปหาพวกมันทั้งหมด”
ผู้จัดการพูดเสริม “หรือเราต้องไปหูเป่ยเพื่อซื้อผักโรงเรือนที่นั่น”
หญิงลึกลับโคลงศีรษะ “เราไม่คุ้นเคยกับหูเป่ย การไปที่นั่นเพื่อขอซื้อผักโรงเรือนอาจเป็นเรื่องยากลำบาก แทนที่จะทำแบบนั้น ไม่เป็นการดีกว่าหรือที่เราจะกดราคาผักโรงเรือนของเกษตรกรในเขตชานเมืองของปักกิ่ง แค่ลดราคาลงครึ่งหนึ่ง ผักโรงเรือนของเราก็จะมีราคาถูกไม่ต่างกับตลาดสดฝูตัวตัว”
ผู้จัดการเงียบไปครู่หนึ่งและกล่าวด้วยความกังวล “ลดราคาลงครึ่งหนึ่ง มันแทบจะเป็นราคาต้นทุนของเกษตรกรเหล่านั้นเลยนะครับ พวกเขาจะยอมขายให้เราหรือ?”
หญิงสาวกล่าวอย่างเหยียดหยาม “ถ้าพวกเขาไม่ยอมขายให้เรา ก็ปล่อยพวกเขารอให้ผักในโรงเรือนเน่าเสียทั้งหมดไปเถอะ นอกจากตลาดของเราแล้ว ใครจะซื้อผักโรงเรือนของพวกเขาอีก? ต่อให้ไปติดต่อเพื่อขายให้กับตลาดสดฝูตัวตัว แต่ตลาดสดฝูตัวตัวรับผักโรงเรือนจากหูเป่ยอยู่แล้ว พวกเขาคงไม่ต้องการรับผักโรงเรือนจากที่อื่นอีก สำหรับฟาร์มผักที่บริหารโดยรัฐในเมืองหลวง พวกเขาเกียจคร้านเกินกว่าจะเข้ามายุ่งเกี่ยว และเป็นการเพิ่มภาระงานให้ตัวเองเท่านั้น แล้วถ้าเรายัดเยียดซื้อผักโรงเรือนของเกษตรกรเหล่านั้นในราคาต้นทุนล่ะ? เดิมทีผักโรงเรือนเหล่านั้นไม่ใช่ของพวกเขา แต่เป็นของตลาดสดฝูตัวตัว พวกเขาก็แค่เอาผักคนอื่นมาขายไม่ใช่หรือไง? เรากดราคาต่ำกว่านี้ได้!”
แม้ผู้จัดการจะรู้สึกว่าสิ่งที่กล่าวมานั้นมีเหตุผล แต่เขากลับรู้สึกว่าหล่อนใจร้ายเกินไป
อนิจจา ถ้าเจ้านายเป็นคนใจดี เขาคงไม่ต้องปล้นโรงเรือนผักของตลาดสดฝูตัวตัวในเขตชานเมืองของปักกิ่ง
เกษตรกรในเขตชานเมืองปักกิ่งไม่ได้ใจดีถึงขนาดนั้น เขาคงต้องปล่อยเจ้านายไปกดราคาผักโรงเรือนด้วยตัวเอง
…
เดิมทีหลินม่ายวางแผนจะไปเยี่ยมชมตลาดฮุ่ยหมินทั้งสองแห่ง
อย่างไรก็ตามข้อพิพาทที่เกิดขึ้นกับหญิงสาววัยกลางคนทำให้แผนการของเธอล่าช้า
แทนที่จะไปตลาดฮุ่ยหมินอีกแห่ง เธอเลือกที่จะขับรถกลับบ้าน
คุณย่าฟางชำเลืองมองถุงอาหารในมือของเธอ เห็นอักษรตัวเขื่อง “ตลาดฮุ่ยหมิน” แปะอยู่บนถุง
คุณย่าฟางถามด้วยความงุนงง “ทำไมไปซื้อของจากตลาดคนอื่นล่ะ? ตลาดผักของครอบครัวเราก็ขายอาหารพวกนี้เหมือนกัน”
หลินม่ายตอบ “หนูอยากลองลิ้มรสอาหารของคู่แข่งค่ะ รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง”
หลังเลิกงานตอนเที่ยง หลินม่ายโทรหาฟางจั๋วหรานโดยบอกให้เขากลับบ้าน
ทั้งครอบครัวรวมตัวและรับประทานอาหารกลางวันด้วยกัน
หลินม่ายยกซุปไก่ชามใหญ่มาให้ฟางจั๋วหราน ซึ่งมีเห็ดและบะหมี่เส้นแบนดูน่ารับประทาน
ฟางจั๋วหรานรับซุปไก่และถามด้วยความประหลาดใจ “ทำไมคุณถึงนำมาให้ผมก่อนล่ะ?”
หลินม่ายเคารพผู้สูงอายุและเมตตาต่อเด็ก ทุกครั้งที่เธอทำอาหารแสนอร่อยที่บ้าน เธอมักยกมาให้ปู่ฟางและย่าฟาง จากนั้นให้โต้วโต้ว ก่อนจะเป็นเขา และให้เธอเองเป็นคนสุดท้าย
แต่วันนี้เธอกลับยกมาให้เขาก่อน
คุณย่าฟางกัดซาลาเปาจากตลาดฮุ่ยหมินและพูดว่า “ม่ายจื่อเคี่ยวซุปไก่นี้เป็นพิเศษเพื่อให้หลานดื่ม หล่อนทำซุปไก่ให้เราทุกวันตอนอยู่ที่เมืองเจียงเฉิง แต่หลานไม่ได้กินเพราะอยู่ในปักกิ่ง”
ฟางจั๋วหรานเห็นว่าหลินม่ายใส่ใจตัวเขาในทุกเรื่อง เขารู้สึกอบอุ่นหัวใจและยิ้มให้เธอ “คุณใจดีกับผมมากเลย”
หลินม่ายยิ้มตอบเขา “คุณใจดีกับฉันเหมือนกัน แต่อย่าคั้นน้ำอ้อยให้ฉันอีก มันเปลืองแรงเกินไป ฉันกินยาขมได้”
ปู่ฟางและย่าฟางมองหน้ากันอย่างมีความสุข ขณะมองคู่รักหนุ่มสาวแสดงความรักต่อกัน
คุณย่าฟางกล่าว “สามีภรรยาควรเป็นเหมือนคู่ของหลาน เคารพและดูแลอีกฝ่ายอย่างดี”
หลินม่ายเข้าใจในความจริงข้อนี้ดี ความรักที่มาจากความพยายามทั้งสองทางนั้นหอมหวานที่สุด
ย่าฟางพลันขมวดคิ้วหลังจากกินซาลาเปานึ่งไปครึ่งหนึ่ง “ซาลาเปาจากตลาดฮุ่ยหมินรสชาติแย่เกินไป วันหน้าก็อย่าซื้อมาอีก แม้แต่สุนัขก็คงไม่รับประทาน”
อาหวงกำลังกินซุปไก่และข้าว เมื่อได้ยินแบบนั้น มันรีบหันมองย่าฟางราวกับขอกินอาหารนั้นเอง
ตราบใดที่ยังเป็นซาลาเปาไส้เนื้อ ไม่เกี่ยงว่าซื้อมาจากไหน มันไม่ใช่มนุษย์ ไม่สามารถลิ้มรสและบอกได้ว่าอร่อยหรือไม่ ขอแค่มีเนื้อก็เป็นพอ
ย่าฟางเห็นท่าทางของมัน จึงโยนซาลาเปาไส้เนื้อจากตลาดฮุ่ยหมินให้อาหวง
อาหวงกินมันเข้าไปจนหมดเพียงสองคำ
ย่าฟางลองชิมอาหารเรียกน้ำย่อยและหลู่ไช่จากตลาดฮุ่ยหมินอีกครั้ง แต่นางเกลียดมันทั้งหมด พลางเอาแต่พูดว่าไม่อร่อย
“มันไม่อร่อยขนาดนั้นเลยหรือคะ?” หลินม่ายลองชิมอาหารเรียกน้ำย่อยและหลู่ไช่ที่ซื้อมาจากตลาดฮุ่ยหมิน
แม้ว่ารสชาติจะไม่ดีเท่าของตลาดสดฝูตัวตัว แต่ก็น่าทึ่งเช่นกัน
เสียแต่ว่าไส้เนื้อในซาลาเปานี้มีน้อยไปหน่อย ขณะที่ราคาขายเท่ากับที่ขายในตลาดฝูตัวตัว
คุณย่าฟางไม่ชอบอาหารรสชาติแย่ มันทำให้นางเสียอารมณ์มาก
หลินม่ายวางแผนที่จะเปิดตลาดสดฝูตัวตัวตรงข้ามกับตลาดฮุ่ยหมินทั้งสองแห่งทันทีหลังสิ้นสุดช่วงปีใหม่ โดยการเปิดแข่งกับพวกเขา และบีบบังคับให้อีกฝ่ายปิดตัวลง
ใครบอกให้เถ้าแก่เนี้ยของตลาดฮุ่ยหมินผิดศีลธรรมและขโมยผักโรงเรือนของเธอไปก่อนกันล่ะ
เช่นนั้นเธอจะทำให้เถ้าแก่เนี้ยตลาดฮุ่ยหมินได้ลิ้มรสความรู้สึกของการถูกช่วงชิงสิ่งสำคัญของคนอื่นบ้าง
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สงครามตลาดเริ่มขึ้นแล้ว ยกที่หนึ่งใครจะชนะกันนะ
ไหหม่า(海馬)