แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 759 จำกัดการซื้อ
ตอนที่ 759 จำกัดการซื้อ
ธุรกิจของตลาดฮุ่ยหมินวันนี้เป็นไปค่อนข้างดี
ในเขตชานเมืองของเมืองหลวงมีผู้คนแวะเวียนมาซื้ออาหารสดวันละสามครั้ง
ทุกครั้งที่วางขายมักถูกลูกค้าบ่นว่าของหมดอีกแล้ว
มีการเติมเนื้อหมูถึงสามครั้ง ซึ่งทั้งหมดดำเนินการโดยจี้เจี้ยนจวิน
เนื่องจากเป็นการอ้างนามของคุณพ่อซู ทำให้ง่ายต่อการรับสินค้า
ผู้นำของสมาพันธ์เนื้อสัตว์ไม่กล้าขายเนื้อสัตว์ที่มีการวางแบบแผนไว้แล้วแก่พวกเขา เพราะเกรงว่าจะถูกตรวจสอบจากเบื้องบน ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงหันไปใช้เนื้อสำรอง
แม้ว่าเนื้อสำรองจะเป็นวัตถุดิบเชิงกลยุทธ์ แต่ไม่อนุญาตให้มีการซื้อขายส่วนตัว และการควบคุมเข้มงวดกว่าเนื้อสัตว์ที่วางแผนไว้
แต่ในกรณีพิเศษที่เนื้อสำรองไม่ได้ถูกใช้งาน ก็จะไม่มีใครตรวจสอบ
เมื่อครบสี่เดือนและถึงเวลาผลัดเปลี่ยนเนื้อสำรองใหม่ จะไม่มีใครมาตรวจสอบเนื้อสำรองเดิม
ดังนั้นการใช้เนื้อสำรองจึงปลอดภัยกว่าเนื้อสัตว์ที่วางแผนไว้
เนื้อสัตว์ที่วางแผนไว้เพื่อวางขายในท้องตลาดสามารถตรวจสอบปริมาณได้ตลอดเวลา
เมื่อถึงเวลาปิด ผักทุกชนิด เนื้อสำรอง ธัญพืช น้ำมัน และนมผงในตลาดฮุ่ยหมินถูกขายจนหมด แม้แต่น้ำตาลทรายแดงและน้ำตาลทรายขาวก็ขายดีเช่นกัน
ซูอวี้อิ๋งและจี้เจี้ยนจวินมองดูการหมุนเวียนของเงินในตลาดวันนี้ พวกเขาต่างก็ฉีกยิ้มแทบถึงใบหู
ซูอวี้อิ๋งขอให้จี้เจี้ยนจวินไปยังสมาพันธ์เนื้อสัตว์ในวันพรุ่งนี้เพื่อซื้อเนื้อสำรองเพิ่ม เพื่อจะได้ไม่ต้องวิ่งวุ่นสามครั้งต่อวัน
ผู้นำเบื้องบนไม่คัดค้าน แต่พนักงานระดับล่างล้วนพร่ำบ่น ท้ายที่สุดวันส่งท้ายปีเก่าส่งผลกระทบต่อวันหยุดของเขา
จี้เจี้ยนจวินกล่าวคำเฉยเมย “ไม่ใช่ว่าฉันจะไม่ให้อั่งเปาแก่สุนัขเฝ้าบ้านพวกนั้นเสียหน่อย ทำไมถึงมาเห่าหอนน่ารำคาญนัก!”
ซูอวี้อิ๋งรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้
การติดสินบนหรือสร้างความเชื่อมโยงกับบุคลากรระดับล่างที่จัดการเรื่องนี้นับว่าปลอดภัยกว่า
บางครั้งความโชคร้ายของการทำผิดก็ตกอยู่บนบ่าของพนักงานตัวเล็กๆ
ซูอวี้อิ๋งยังบอกจี้เจี้ยนจวินอีกว่า อย่าลืมไปที่คลังธัญพืชจีนเพื่อซื้อธัญพืชและน้ำมันในวันพรุ่งนี้ จากนั้นไปโรงงานนมเพื่อขอซื้อนมผง
จี้เจี้ยนจวินพยักหน้ารับก่อนกล่าวคำด้วยรอยยิ้มเหยียดหยาม “บ่ายวันนี้ผู้จัดการทังจากตลาดสดฝูตัวตัวไปโรงงานนมของรัฐหลายแห่งเพื่อขอซื้อนมผง แต่กลับถูกปฏิเสธทั้งหมด ฮ่าๆๆ! ปากพูดว่าตนเองเป็นมังกรที่แข็งแกร่ง แต่มังกรต่างถิ่นที่แข็งแกร่งก็ไม่สามารถเอาชนะงูท้องถิ่นอย่างเราได้ พวกเขาต้องการแย่งซื้อนมผงจากเรา แต่กลับไม่สำนึกว่าตัวเองมีคุณสมบัตินั้นหรือไม่”
จี้เจี้ยนจวินไม่รู้ว่าตระกูลฟางมีอิทธิพลมากเพียงใด แต่ซูอวี้อิ๋งรู้ดี
หล่อนขมวดคิ้วกล่าว “เอาล่ะ เรามาสร้างโชคลาภของตัวเองดีกว่า ส่วนเรื่องคนอื่นก็ช่างปะไร”
เธอหันไปพูดกับผู้จัดการสองคนด้านข้างว่า “ในเมื่อตลาดสดฝูตัวตัวไม่สามารถหาซื้อนมผงได้ เช่นนั้นให้ขึ้นราคานมผง 20% ในวันพรุ่งนี้”
ผู้จัดการทั้งสองตอบรับทันที
พวกเขาคุ้นเคยกับเจ้านายที่ต้องการทำกำไรมหาศาล
จี้เจวี้ยนจวินเป็นกังวลเล็กน้อย “หากเราขายในราคาสูงเช่นนี้ จะทำให้ลูกค้าไม่พอใจหรือเปล่า?”
ซูอวี้หยิ่งพูดอย่างเหยียดหยาม “ถ้าไม่ชอบก็แค่อย่าซื้อ ใครขอร้องให้พวกเขาซื้อกัน? ถ้าพวกเขาไม่พอใจฉัน ฉันก็ไม่พอใจพวกเขาเหมือนกัน อย่าเห็นแก่กำไรเล็กน้อย ของใครถูกก็ไปซื้อที่นั่น ตอนนี้ฉันจะขึ้นราคาแพงๆ เพื่อลงโทษพวกเขา ถ้าไม่พอใจนัก ก็ไปยังตลาดสดฝูตัวตัวซะสิ!”
…
ลมเหนือพัดแรงในชั่วข้ามคืน และหิมะก็ตกหนักยิ่งขึ้นในวันที่ห้า
หลังจากที่หลินม่ายกินอาหารเช้า เธอก้าวย่ำบนพื้นหิมะหน้าหนึ่งฟุตไปยังตลาดสดฝูตัวตัว
เมื่อเดินเข้าไปในตลาดฝูตัวตัว เธอเห็นทังอี้รายล้อมไปด้วยลูกค้ามากมาย
ทุกคนถามไม่หยุดหย่อนว่าทำไมตลาดของพวกเขาถึงไม่มีข้าวหรือน้ำมันขายในวันนี้
ผู้จัดการทังอธิบายอย่างอดทน “มีครับ มี เรามีขายทั้งหมด เพียงแต่ว่าหิมะตกหนักเกินไป เพื่อความปลอดภัย รถบรรทุกจึงไม่สามารถขับเร็วได้ ในพื้นที่ที่หิมะตกสะสมหนาเกินไป คนขับต้องลงไปโกยหิมะเอง ทำให้การจัดส่งสินค้าล่าช้ากว่าเดิม ทุกคนค่อยกลับมาในช่วงบ่ายนะครับ สภาพอากาศตอนนี้หนาวเย็นเกินไปที่จะยืนรอในตลาด”
ลูกค้าคนหนึ่งพูดขึ้น “เราจะไม่ไปไหนทั้งนั้น ถ้าเรากลับไปแล้วคุณนำสินค้าออกมาวางขาย เราคงพลาดโอกาสนั้นไป ครอบครัวของฉันแทบไม่มีอาหารกินแล้ว”
เหล่าแม่บ้าน หญิงวัยกลางคน และผู้สูงอายุมากมายต่างถามว่านมผงจะวางขายเมื่อไร
ทารกบางคนในครอบครัวไม่มีนมผงกิน และต้องกินแป้งแทน
แม่บ้าน หญิงวัยกลางคน และผู้สูงอายุพร่ำบ่นพลางร้องไห้เมื่อนึกถึงทารกที่หิวโหย
ถ้าพวกหล่อนรู้ว่าจะมีพายุหิมะ พวกหล่อนคงจะซื้อนมผงเพิ่มอีกสักสองสามห่อเพื่อเก็บไว้ที่บ้าน
แต่เหตุผลหลักคือนมผงราคาแพงเกินไป ครอบครัวธรรมดาส่วนใหญ่จะซื้อเพียงครั้งละถุง เมื่อลูกน้อยดื่มใกล้หมดจึงออกมาซื้อถุงใหม่เพิ่ม และไม่เคยนึกถึงการซื้อตุนนมผงเลย
เป็นเพราะตลาดสดฝูตัวตัวมีนมผงขายเมื่อวานนี้ พวกเขาจึงไม่เฉลียวใจ ดังนั้นจึงมาซื้อนมผงในเช้าวันนี้แทน แต่กลับพบว่ามันหมดไปแล้ว
หลินม่ายได้ยินคำร้องทุกข์ของสตรีเหล่านี้ จึงเดินไปบอกกล่าวยืนยันว่านมจากซูกั๋วจะถูกขนส่งมาถึงก่อนหกโมงเย็น
หลินม่ายเป็นเจ้าของตลาดสดฝูตัวตัว ดังนั้นคำพูดของเธอจึงน่าเชื่อถือ
แม่บ้าน หญิงวัยกลางคน และผู้สูงอายุถามขึ้นทันทีด้วยความกังวลว่าราคาจะเพิ่มขึ้นหรือไม่ หากราคาเพิ่มขึ้น แล้วพวกเขาจะขายในราคาเท่าใด
แม่บ้าน หญิงวัยกลางคน และผู้สูงอายุเหล่านี้ส่วนใหญ่มีฐานะยากจน
ถ้านมผงของหลินม่ายแพงเกินไป พวกเขาอาจไม่มีเงินพอที่จะซื้อ
หลินม่ายตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ขึ้นราคาค่ะ”
นมผงที่ตลาดของเธอขายเคยได้กำไร แต่ถ้ายังขายราคาเดิมคงไม่ได้กำไรเลย เพราะค่าขนส่งเพิ่มขึ้นมาก
แม่บ้าน หญิงวัยกลางคน และผู้สูงอายุต่างก็โห่ร้องด้วยความยินดีเมื่อได้รับคำตอบดังกล่าว
ลูกค้ารายอื่นต่างกระตือรือร้นวางแผนจะมาซื้อนมผงตอนหกโมงเย็น
คุณภาพของนมผงจากซูกั๋วนั้นดีมากและยากที่จะหาซื้อในประเทศจีน
ไม่เพียงหาซื้อมันได้จากตลาดผักฝูตัวตัว แต่ราคายังไม่เพิ่มขึ้นหลังผจญกับสภาพอากาศที่มีพายุหิมะ แล้วใครบ้างจะอยากพลาดโอกาสนี้?
หลินม่ายใช้ความพยายามอย่างมากในการขนส่งนมผงมายังเมืองหลวง ไม่ใช่เพื่อลูกค้าที่ไม่เกี่ยวข้อง แต่เพื่อเด็กทารกจะได้มีนมผงไว้ชงดื่ม
เธอรีบพูดเสียงดัง “ทุกคนรู้ว่าเพราะพายุหิมะนี้ ถนนสู่เมืองหลวงจึงลำบากมาก มันไม่ง่ายเลยที่จะขนส่งสินค้าบางอย่างเข้ามายังเมืองหลวง
นอกจากนี้นมผงจากซูกั๋วชุดนี้เป็นของในคลังตลาดสดฝูตัวตัวของฉันในเมืองเจียงเฉิง มันมีจำนวนไม่มากและสามารถจัดสรรให้แก่ลูกค้าที่มีลูกน้อยหรือเด็กเล็กที่บ้านเท่านั้น ฉันหวังว่าทุกคนจะเข้าใจค่ะ”
เมื่อแม่บ้าน หญิงวัยกลางคน และผู้สูงอายุเหล่านั้นได้ยินว่าสินค้ามีปริมาณจำกัด พวกเขาต่างก็ตื่นตระหนกและเบียดเสียดตัวเองเข้าหาหลินม่าย เพื่อร้องขอจองถุงนมผงสำหรับเจ้าตัวเล็กของพวกหล่อน
หลินม่ายขอให้ผู้จัดการทังจัดแถวลูกค้าที่ต้องการนมผง
เพื่อป้องกันผู้แอบอ้างว่ามีทารกและต้องการซื้อนมผง หลินม่ายจึงกำหนดให้ลูกค้าที่ต้องการสั่งจองนมผงทุกคนให้นำทะเบียนบ้านมาแสดงตนว่ามีทารกอายุไม่เกิน 2 ขวบอยู่ที่บ้าน
แม่บ้าน หญิงวัยกลางคน และผู้สูงอายุต่างก็แย่งชิงและก่อปัญหา เพราะเกรงว่าคนอื่นจะแย่งที่ของตนทันทีที่พวกเขาจากไป
หลินม่ายจึงขอให้ผู้จัดการทังทำป้ายขนาดเล็กจำนวนมากที่มีตราอย่างเป็นทางการของตลาดสดฝูตัวตัว
จากนั้นแจกจ่ายป้ายทะเบียนให้กับคุณแม่ หญิงวัยกลางคน และผู้สูงอายุตามลำดับ
เพื่อเป็นการนัดหมายให้มารับนมผงพร้อมนำทะเบียนบ้านมายืนยัน
ด้วยลำดับที่กำหนดชัดเจนบนป้าย ทำให้ลูกค้าที่กลับไปเอาทะเบียนบ้านได้รับนมผงอย่างไม่ต้องกังวล
สตรีเหล่านี้รีบกลับไปเอาสมุดทะเบียนบ้าน
ลูกค้าที่ต้องการฉวยโอกาสจากความวุ่นวายต่างต้องยอมแพ้ที่จะซื้ออาหารสดจากหลินม่าย
หมูทั้งสามตัวที่นำมาเมื่อวานขายหมดแล้ว วันนี้พนักงานไปที่ชานเมืองรอบนอกของเมืองหลวงและประสบอุบัติเหตุขาหัก ดังนั้นเขาจึงนำหมูกลับมาเพียงสองตัวเท่านั้น
หมูพื้นเมืองที่เลี้ยงโดยเกษตรกรมีน้ำหนักเพียง 300 ชั่ง และหลังจากชำแหละแล้ว พวกมันมีน้ำหนักเพียง 200 ชั่งเท่านั้น
หลังจากฆ่าหมูทั้งสองตัว ทำให้มีจำนวนเนื้อหมูทั้งหมดประมาณ 500 ชั่ง แต่ลูกค้าที่ต้องการซื้อมีมากเกินไป พวกเขามีเนื้อหมูไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงต้องจำกัดการซื้อของลูกค้า
นอกจากการจำกัดการซื้อเนื้อหมูแล้ว ยังการจำกัดในการซื้อสินค้าโภคภัณฑ์หลายอย่าง เช่น ไข่และผักกาดขาว
น่าเสียดายที่ต้องจำกัดการซื้อ มิฉะนั้นลูกค้าจำนวนมากจะไม่สามารถซื้อได้ทุกคน
ป้าร่างท้วมคนหนึ่งต้องการตกปลาในน่านน้ำมีปัญหา หล่อนสั่งให้นำนมผงมาให้ แต่เนื่องจากกฎและข้อบังคับของหลินม่าย หล่อนที่ไม่มีนัดหมายจึงไม่สามารถฉวยโอกาสนี้ได้
มีการจำกัดปริมาณซื้อเนื้อหมูและไข่ จำกัดการซื้อผักกาดขาวและหัวไชเท้า รวมถึงจำกัดในการซื้อน้ำตาลทรายแดง
ทันใดนั้น ลูกค้าที่ไม่พอใจโพล่งคำอย่างเดือดดาลกลางตลาด “อะไรๆ ก็ถูกจำกัดไปหมด ทำไมถึงไม่ปิดตลาดไปเลยเล่า ทำไมถึงยังเปิดอยู่อีก!”
แม้ว่าหลินม่ายจะไม่เชื่อโชคลางเหมือนนักธุรกิจคนอื่นๆ แต่คำพูดของผู้หญิงร่างท้วมนั้นรุนแรงมาก
แต่มันคุ้มค่าแล้วหรือที่จะมีปากเสียงกับคนเช่นนี้
หลินม่ายกล่าวด้วยรอยยิ้มกับลูกค้าคนอื่น “ลูกค้าที่รักทั้งหมด เพราะมีคนไม่เห็นด้วยกับการจำกัดการซื้อ เช่นนั้นเราควรยกเลิกข้อจำกัดดีไหมคะ?”
ทันทีที่เธอพูดสิ่งนี้ ลูกค้ากว่า 80% คัดค้านทันที
ลูกค้ากว่า 80% เหล่านั้นตะโกนขึ้น “ถ้ายกเลิกข้อจำกัดการซื้อ พวกเราที่ต่อคิวไว้ก็จะซื้อไม่ทัน เราขอคัดค้านการยกเลิกข้อจำกัดการซื้ออย่างหนักแน่น ใครไม่เห็นด้วยกับการจำกัดการซื้อ ก็ไปตลาดฮุ่ยหมินซะสิ ที่นั่นไม่มีการจำกัด อยากซื้อเท่าไหร่ก็ซื้อได้เลย”
หลินม่ายผายมือใส่ป้าร่างท้วม “ไม่ใช่ว่าฉันไม่ต้องการยกเลิกการจำกัดการซื้อนะคะ แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ต้องการให้ยกเลิก ฉันคงต้องขออภัยจากใจจริง”
ป้าร่างท้วมเดือดดาลหนัก หล่อนตั้งใจจะทุบกะหล่ำปลีบนแผงให้แหลกเหลวคามือในทีเดียว
เมื่อหลินม่ายเห็นดังนั้น เธอจึงพูดผ่านโทรโข่งว่า “อาหารสดทั้งหมดในตลาดเราขายในราคาทุน ดังนั้นห้ามทำลายหรือฉีกใบนอกทิ้งโดยเด็ดขาด หากเกิดสถานการณ์เช่นนั้น เราจะยุติการขาย”
หลังเห็นว่าหลินม่ายกำลังพุ่งเป้าไปที่ตน ป้าร่างท้วมก็โกรธจัด ก่อนจะเดินจากไปโดยไม่ซื้ออะไร
หลินม่ายไม่คิดสนใจอีก
ไม่ใช่ลูกค้าทุกคนที่สมควรได้รับการปฏิบัติเหมือนพระเจ้า
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เวลาวิกฤตขนาดนี้ยังมีคนจะฉวยโอกาสอีกเหรอ โชคดีที่ม่ายจื่อสกัดทางไว้หมดแล้ว
ไหหม่า(海馬)