แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 760 การโฆษณา
ตอนที่ 760 การโฆษณา
ธัญพืช น้ำมัน และเสบียงอื่น ๆ ของหลินม่ายมาถึงล่าช้าเนื่องจากหิมะตกหนักและสภาพถนนย่ำแย่
แม้จะมีของสดขาย แต่ก็มีจำนวนจำกัดและขายในราคาต้นทุน ทำให้ชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงรีบซื้อ แม้จะมีข้อจำกัดในการซื้อแล้วก็ยังขายหมดก่อนสิบโมง
ลูกค้าทยอยแยกย้ายกันไป และตลาดทั้งหมดก็ดูรกร้าง
ของในตลาดฝูตัวตัวขาดสต็อก แต่ของในตลาดฮุ่ยหมินยังมีเพียงพอ
แม้ราคาจะสูงลิ่ว แต่ประชาชนที่ต้องการวิ่งเหล่านั้นก็ยังคงซื้อ และตลาดฮุ่ยหมินทั้งสองแห่งก็แน่นขนัด
ซูอวี้อิ๋งตรวจสอบตลาดทั้งสองแห่ง หล่อนนั่งในสำนักงานของตลาดฮุ่ยหมิน เมืองเฉาหยาง เฝ้าดูธุรกิจที่เฟื่องฟู และเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน
พลางคิดในใจว่า หลินม่ายเคยพยายามทำให้ตลาดฮุ่ยหมินของหล่อนไร้ผู้คน คราวนี้หล่อนจะทำให้ตลาดฝูตัวตัวของหลินม่ายไร้ผู้คนเช่นกัน
……
ใกล้เวลาเที่ยง รถบรรทุกขนาดใหญ่ที่บรรทุกธัญพืชและน้ำมันก็เคลื่อนเข้ามายังประตูโกดังด้านหลังตลาดฝูตัวตัว
หลินม่ายขอให้ทังอี้ไปยังร้านอาหารเล็ก ๆ ตรงข้ามตลาดฝูตัวตัวเพื่อซื้ออาหารให้กับคนขับรถ และพยายามเลือกอาหารที่ดีที่สุด
แม้ว่าผู้จัดการทั่วไปจะจัดการชำระค่าเช่ารถและคนขับรถเช่าให้กับแผนกขนส่งที่ดำเนินการโดยรัฐแล้ว
แต่ธุรกิจคือธุรกิจ ความโปรดปรานและการความช่วยเหลือเป็นน้ำใจของมนุษย์
คนขับรถบรรทุกเหล่านี้ฝ่าลมและหิมะเพื่อขนส่งสินค้าของเธอ ซึ่งไม่ใช่แค่งานหนักเท่านั้น แต่ยังอันตรายอีกด้วย
การปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยการจัดหาอาหารรสเลิศให้กินก็เป็นน้ำใจที่ดีไม่น้อย
หลินม่ายเองก็จัดแจงหาคนขนเมล็ดพืชและน้ำมันลงจากรถเพื่อขนส่งไปยังตลาดผักและโกดัง
หลังจากทังอี้จัดเตรียมอาหารให้กับคนขับรถแล้ว เขาก็มาขนธัญพืชและน้ำมัน
พนักงานขับรถเหล่านั้นก็มีน้ำใจเช่นเดียวกัน หลังรับประทานอาหาร พวกเขาก็ช่วยขนธัญพืชและน้ำมันด้วย
เมื่อมีกำลังคนเพื่มมากขึ้น พวกเขาก็สามารถขนย้ายเมล็ดพืชและน้ำมันไปยังตลาดผักและโกดังภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง
ก่อนที่ทุกคนจะทันได้หายเหนื่อย รถบรรทุกที่ขนนมผงและผลิตผลทางการเกษตรต่าง ๆ ก็แล่นตามมา
รถบรรทุกที่แล่นเข้ามาทำให้กลุ่มคนที่จ้องมองอยู่รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
ทุกคนช่วยกันขนนมผงและผลิตผลทางการเกษตรออกจากรถและนำไปเก็บไว้
กว่าจะเสร็จสิ้นก็ปาไปเกือบสองทุ่มแล้ว
ไม่ว่าคนขับที่กลับมาทีหลังหรือพนักงานของตลาดก็ต่างหิวโหย
หลินม่ายส่งอั่งเปาให้กับคนขับรถทุกคนเพื่อแทนคำขอบคุณที่ช่วยย้ายของ
พนักงานขับรถกลุ่มก่อนหน้าที่กินอาหารแล้วต่างเดินจากไปอย่างมีความสุขพร้อมซองแดง
ต่อมาหลินม่ายก็ได้จัดเตรียมอาหารกลางวันสำหรับคนขับรถรอบต่อมา
ทังอี้ชี้ไปยังสถานที่แห่งหนึ่งและพูดกับหลินม่าย “คุณหมอฟาง สามีของคุณหลินอยู่ที่นั่น ช่วยจัดเตรียมอาหารกลางวันให้พนักงานและคนขับรถด้วยล่ะครับ”
หลินม่ายหันศีรษะมองและเห็นฟางจั๋วหรานยืนอยู่ในมุมที่ไม่เด่นชัดนัก
เธอวิ่งลงมาอย่างมีความสุข “คุณมาที่นี่นานแค่ไหนแล้ว?”
“ไม่นานหรอก” ฟางจั๋วหรานยิ้มอย่างอ่อนโยน และส่งกระติกน้ำร้อนสองขวดในมือให้เธอ “รีบไปกินข้าวกลางวันกัน”
หลินม่ายพาเขาไปที่สำนักงานของผู้จัดการทังเพื่อรับประทานอาหารกลางวัน
เธอนั่งลงบนที่นั่งของผู้จัดการทังและเปิดกระติกน้ำร้อนทั้งสองใบ
กระติกใบหนึ่งบรรจุซุปไก่ ส่วนอีกใบบรรจุข้าว ผัก ปลาแห้ง และเนื้อหมู
หลินม่ายกังวล “เยอะขนาดนี้ ฉันจะกินหมดยังไงคะ?”
ฟางจั๋วหรานตอบกลับ “ถ้าคุณกินไม่หมด ผมจะกินเอง”
หลินม่ายถามด้วยความประหลาดใจ “คุณยังไม่ได้กินข้าวเหรอ?”
“ผมชอบกินข้าวกับคุณ”
หลินม่ายได้ยินดังนั้นก็เริ่มกินอย่างรวดเร็ว
ในฤดูหนาวของทางตอนเหนือ หากไม่มีเครื่องให้ความอบอุ่นในอาคาร ความเร็วในการกินก็จะช้าลง และอาหารก็จะเย็น
เธอไม่ต้องการให้ฟางจั๋วหรานกินอาหารเย็นชืด
เมื่อดื่มซุปไก่ หลินม่ายพบว่ามีขาไก่สองขาอยู่ในนั้น
เธอเอ่ยถาม “ทำไมคุณถึงเอาขาไก่มาให้ฉันกินล่ะคะ? น่าจะเก็บไว้ให้ปู่กับย่าหรือไม่ก็โต้วโต้ว”
“โต้วโต้วและปู่กับย่าบอกว่าคุณทำงานหนักเลยอยากยกขาไก่ให้คุณกิน กินเร็วเข้า อย่ามัวพูด ระวังจะสำลัก”
หลินม่ายกินขาไก่ทั้งสองข้างอย่างมีความสุข ดื่มซุปไก่สองสามอึก และให้ฟางจั๋วหรานซุปไก่ที่เหลือทั้งหมด
ฟางจั๋วหรานดื่มซุปไก่ที่เหลือของเธอโดยไม่รังเกียจ
มีเพียงชายที่รักภรรยาของตนมากเท่านั้นที่จะยอมกินและดื่มของเหลือจากเธอ
หลินม่ายรู้สึกเป็นสุขในใจที่ได้พบกับชายที่รักเธออย่างสุดซึ้ง
ในชีวิตที่แล้ว เธอได้แต่เฝ้าดูคนอื่นแสดงความรักต่อกัน ช่างอ้างว้างเหลือเกิน
แต่ในชีวิตนี้ เธอมีชีวิตที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก
หลังอาหารกลางวัน เมื่อเห็นว่ามีลูกค้าไม่มากนัก หลินม่ายจึงถามทังอี้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
ตอนนี้ตลาดฝูตัวตัวของเธอขายทุกอย่างในราคาทุน ไม่ควรมีลูกค้าน้อยขนาดนี้
ทังอี้กล่าว “คุณหลินขอให้ลูกค้ากลับมาที่ตลาดของเราเพื่อซื้อของอีกครั้งตอนหกโมงเย็นไม่ใช่เหรอครับ? ตอนนี้ยังไม่เย็นมาก ลูกค้าก็เลยคงยังไม่เยอะ”
หลินม่ายพึมพำ “พวกเขาอาจยังไม่เดินทางออกจากบ้าน รอดูก่อนก็ได้”
“กำลังหลักในการซื้อของของเราคือ ลุง ๆ ป้า ๆ หรือแม่บ้านทั้งนั้น ด้วยพายุหิมะที่หนักหนาขนาดนี้คงทำให้เดินทางออกไปไหนได้ยากลำบาก ผู้คนก็คงกลัวที่จะเดินทาง พวกเขาจะไม่ออกมาก่อนเวลาหกโมงเย็นอย่างแน่นอน”
หลินม่ายคิดว่าธุรกิจของเธอกำลังย่ำแย่ และไม่รู้ว่าธุรกิจของซูอวี้อิ๋งจะเป็นอย่างไร ดังนั้นจึงถามทังอี้
ทังอี้ส่งคนไปเฝ้าตลาดฮุ่ยหมินทั้งสองแห่ง เขาต้องการรู้ว่าสถานการณ์ของอีกฝ่ายเป็นอย่างไร
เขาบอกหลินม่ายว่าธุรกิจของตลาดฮุ่ยหมินทั้งสองแห่งกำลังเฟื่องฟู
หลินม่ายเปรยถามด้วยความเหลือเชื่อ “สินค้าของพวกเขามีราคาแพงมาก แต่กลับมีคนซื้อมากมายเนี่ยนะ!”
ทังอี้กล่าว “ก็เป็นเพราะว่าสินค้าในตลาดของหล่อนมีเพียงพอและครบถ้วน หากไม่ไปที่ตลาดของหล่อนแล้ว ลูกค้าจะไปซื้อที่ไหนล่ะครับ?”
หลินม่ายยิ้มอย่างชั่วร้าย “ฉันจะทำให้ธุรกิจของหล่อนตกต่ำ”
ทังอี้ถามด้วยความสับสน “คุณหลินกำลังวางแผนจะทำอะไรครับ?”
หลินม่ายพูดอย่างลึกลับ “คุณจะรู้ในไม่ช้านี้แหละค่ะ ฉันอยากให้คุณเรียกพนักงานกะเช้าทั้งหมดกลับมาเพื่อเตรียมรับมือกับยอดขายที่พุ่งกระฉูด”
แม้ทังอี้จะเต็มไปด้วยความสงสัย แต่เขาก็ยังทำตามคำสั่งของหลินม่าย และเรียกพนักงานที่เพิ่งออกจากกะเช้ากลับมาทำงานล่วงเวลา
พนักงานเหล่านั้นทำงานหนักกันทั้งเช้าและขนย้ายสินค้าอย่างเหน็ดเหนื่อย
พวกเขาเพิ่งกลับบ้านและได้พักไม่ถึงสองชั่วโมง แต่กลับถูกเรียกตัวกลับมาทำงาน ซึ่งทำให้รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
ทังอี้ขอโทษพนักงานที่ต้องให้พวกเขาทำงานล่วงเวลา “ผมรู้ว่าทุกคนไม่พอใจที่ผมเรียกให้ทุกคนกลับมาทำงานล่วงเวลาในช่วงปีใหม่ ผมอยากทุกคนทำงานอย่างหนักในช่วงเวลานี้และฝ่าฟันความยากลำบากไปพร้อมกับพลเมืองของเรา เมื่อภัยพิบัติหิมะสิ้นสุดลง พวกคุณจะได้พักผ่อนในวันหยุดอย่างแน่นอน”
พนักงานที่มาทำงานล่วงเวลาถามอย่างอ่อนใจ “คุณมีค่าล่วงเวลาและอั่งเปาสำหรับเทศกาลตรุษจีนให้เราไหมครับ?”
เขากังวลมากว่าจะสูญเสียค่าล่วงเวลาและอั่งเปาในเทศกาลปีใหม่เนื่องจากต้องเดินทางมาทำงาน
เมื่อได้ยินคำถามของพนักงานคนนั้น ทุกคนก็มองไปยังหลินม่ายอย่างกระตือรือร้น
หลินม่ายสัญญา “แน่นอน การทำงานล่วงเวลาก็คือการทำงานล่วงเวลา การพักผ่อนชดเชยก็คือการพักผ่อนชดเชย ไม่มีข้อขัดแย้งใด ๆ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็ต่างทำงานด้วยความสบายใจ
พวกเขาคิดว่าหลินม่ายเป็นเจ้านายที่มีจิตใจดีและปฏิบัติต่อพนักงานของตนด้วยความกรุณา
เพื่อประโยชน์ของประชาชนในเมืองหลวง และพวกเขาก็สามารถสร้างโชคลาภจากภัยพิบัติได้ ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะฝ่าฟันความยากลำบากไปกับชาวเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี
พวกเขาต้องการได้รับผลประโยชน์และต้องการช่วยเหลือชาวเมืองปักกิ่งด้วย
พวกเขายังคงต้องเลี้ยงดูครอบครัว ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะละทิ้งค่าล่วงเวลาและตั้งเป้าสำหรับเทศกาลปีใหม่
ขณะทังอี้กำลังพูดคุยกับพนักงานล่วงเวลา หลินม่ายก็กำลังโทรหาสถานีวิทยุปักกิ่ง
เธอโทรหาสถานีวิทยุเพื่อบอกพวกเขาว่า เธอต้องการลงโฆษณาในรายการยอดนิยมของพวกเขา
ในวันที่มีหิมะตกหนักเช่นนี้ แต่กลับมีคนต้องการซื้อช่วงเวลาโฆษณาของพวกเขา ซึ่งทำให้ผู้อำนวยการสถานีวิทยุมีความสุขอย่างมาก
เขาถามหลินม่ายว่าจะลงโฆษณาอะไรและจะออกอากาศกี่วัน
หลินม่ายตอบกลับ “เวลาออกอากาศไม่นาน อาจจะสองหรือสามวันค่ะ”
ผู้อำนวยการสถานีวิทยุรู้สึกผิดหวังมากเมื่อได้ยินดังนั้น เขาคิดไว้ในใจว่าจะปฏิเสธการโฆษณาของหลินม่าย
ทว่าพลันได้ยินหลินม่ายพูดต่อ “นอกจากการออกอากาศโฆษณาแล้ว ฉันยังจะขอให้คุณช่วยสร้างโฆษณาด้วยค่ะ แล้วฉันจะจ่ายเงินให้คุณในภายหลัง”
ผู้อำนวยการสถานีวิทยุมีกำลังใจขึ้นเล็กน้อยหลังจากได้ยินสิ่งนี้
พวกเขาสามารถสร้างรายได้ด้วยการโฆษณา
ผู้อำนวยการสถานีวิทยุเอ่ยถาม “คุณต้องการจะทำโฆษณาอะไรครับ?”
“เป็นโฆษณาง่าย ๆ เพียงสองชิ้นค่ะ ฉันต้องการโปรโมทอาหารที่ขายในตลาดฝูตัวตัว และต้องการประกาศว่าน้ำมัน ไข่ นมผง และผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรมากมายเดินทางมาถึงแล้ว สินค้าทุกชิ้นจะไม่มีการขึ้นราคา และฉันต้องการให้ย้ำสามครั้งว่าจะไม่มีการขึ้นราคา เราพร้อมยินดีต้อนรับทุกท่านที่จะเดินทางมาจับจ่ายที่ตลาดของเรา”
ผู้อำนวยการสถานีวิทยุตอบกลับอย่างจริงจัง “โฆษณาของคุณเป็นเรื่องจริงหรือเท็จครับ? คุณไม่ได้หลอกผู้บริโภคให้ไปซื้อของที่ตลาดฝูตัวตัวของคุณใช่ไหม?”
หลินม่ายกล่าว “หากอยากรู้ว่าเป็นจริงหรือเท็จ คุณก็สามารถมาตรวจสอบได้ด้วยตัวเอง ฉันกล้าที่จะสาบานต่อพระเจ้าเลยว่าไม่มีคำโกหกแม้แต่คำเดียว”
ผู้อำนวยการสถานีวิทยุตกใจทันที “อันที่จริงก็ไม่ควรขึ้นราคาในสภาพอากาศที่เลวร้ายเช่นนี้เลย คุณถือเป็นคนมีจิตใจดี ผมจะรายงานผู้บังคับบัญชาของผมให้จัดทำและออกอากาศโฆษณาให้คุณโดยไม่คิดค่าบริการ”
เขาขอให้หลินม่ายรอ และเขาก็ไปรายงานผู้บังคับบัญชาของตน
ราวสิบห้าต่อมา ผู้อำนวยการสถานีวิทยุได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อคุยกับหลินม่ายอีกครั้ง
เขาบอกหลินม่ายอย่างมีความสุขว่า ผู้บังคับบัญชาของเขาตกลงที่จะทำและออกอากาศโฆษณาให้เธอโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
หลินม่ายกล่าวขอบคุณหลายครั้ง
ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกล่าว “ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ ตลาดฝูตัวตัวของคุณสามารถสร้างประโยชน์ให้กับผู้คนในเมืองหลวงได้ ทำไมเราจะไม่ช่วยคุณสร้างและออกอากาศโฆษณาโดยไม่คิดค่าบริการล่ะครับ?”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา สถานีวิทยุปักกิ่งเริ่มเผยแพร่โฆษณาเกี่ยวกับตลาดฝูตัวตัวของหลินม่าย
ในเวลานั้น ตลาดทั้งสองแห่งของตลาดฮุ่ยหมินเต็มไปด้วยลูกค้ามาที่จับจ่ายซื้อของ
ลูกค้าหลายคนเห็นว่าราคาของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดในตลาดฮุ่ยหมินเพิ่มขึ้นอีกครั้ง พวกเขาก็รู้สึกเสียดายเงินจนแทบหลั่งน้ำตา
แต่ของบางอย่างก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงหรือเลือกที่จะไม่ซื้อได้
เช่น ธัญพืช น้ำมัน นมผง และน้ำตาลทรายแดง
แต่ยิ่งมีความจำเป็นมากเท่าใด ตลาดฮุ่ยหมินก็ยิ่งขายแพงขึ้นเท่านั้น แม้ลูกค้ามากมายจะพร่ำบ่น แต่ก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้
เมื่อมองไปยังเมืองหลวงทั้งหมด มีเพียงตลาดฮุ่ยหมินที่มีสินค้าเพียงพอและครบถ้วน หากไม่ซื้อผลิตภัณฑ์ของพวกเขา ก็คงไม่อาจหาซื้อจากที่ไหนได้อีกแล้ว
ทันใดนั้นโฆษณาตลาดฝูตัวตัวของหลินม่ายก็ดังขึ้นในวิทยุที่ชายชราคนหนึ่งถืออยู่
ลูกค้าทุกคนรอบตัวชายชราล้วนได้ยินโฆษณา
ทุกคนต่างก็สงสัยกับสิ่งที่ได้ยิน
หลายคนกล่าวด้วยความเหลือเชื่อ “เป็นไปไม่ได้ ด้วยหิมะที่ตกหนักแบบนี้ ราคาของสินค้าทั้งหมดในตลาดตลาดฝูตัวตัวกลับไม่เพิ่มขึ้นงั้นเหรอ?”
ลูกค้าคนหนึ่งสันนิษฐาน “สินค้าทางการเกษตรจำนวนมากของพวกเขาถูกขนส่งมาจากระยะไกล ตอนนี้รถไฟหยุดให้บริการหมดแล้ว และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะขนส่งสินค้าจะมายังเมืองหลวง แล้วทำไมไม่ขึ้นราคาล่ะ? แบบนั้นพวกเขาจะได้กำไรเหรอ?”
ลูกค้าคนหนึ่งกล่าวขึ้น “อย่ามัวคาดเดาอยู่เลย เราไปดูที่ตลาดฝูตัวตัวเลยจะไม่ดีกว่าเหรอ?”
ลูกค้าคนหนึ่งเอ่ยคัดค้าน “หิมะตกหนักขนาดนี้ คงเดินทางไปที่ตลาดฝูตัวตัวได้ไม่ง่าย หากเราไปแล้วพบว่าในโฆษณาไม่ใช่เรื่องจริงก็จะเสียเที่ยวเปล่าไม่ใช่เหรอ? ฉันไม่ไปหรอก!”
แต่ก็ยังคงมีลูกค้าจำนวนมากที่ถูกดึงดูดด้วยคำว่า ‘ไม่ขึ้นราคา’ พวกเขาต่างรีบเร่งไปยังตลาดฝูตัวตัว
เหตุผลหลักที่พวกเขาย่อมเดินทางไปที่นั่นก็คือ สินค้าในตลาดฮุ่ยหมินมีราคาแพงเกินไป การขึ้นราคาอย่างก้าวกระโดดของตลาดแห่งนี้ทำให้พวกเขารับไม่ได้
ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะเดินทางไปยังตลาดฝูตัวตัวท่ามกลางหิมะที่ตกหนัก
หากสินค้าทั้งหมดในตลาดฝูตัวตัวไม่ขึ้นราคา พวกเขาก็จะสามารถประหยัดเงินได้มาก และแน่นอนว่าพวกเขาจะจับจ่ายซื้อของในตลาดฝูตัวตัวโดยไม่สนใจผลกระทบใด
ซูอวี้อิ๋งซ่อนตัวอยู่ในสำนักงานด้วยความโกรธที่ลูกค้าส่วนใหญ่ตัดสินใจออกจากตลาดของหล่อน
หล่อนไม่คาดคิดมาก่อนว่าหลินม่ายจะปฏิเสธการขึ้นราคาและฉวยโอกาสใช้ช่วงเวลาอันยากลำบากนี้ดึงดูดลูกค้าของหล่อน
หล่อนตัดสินทุกอย่างด้วยอารมณ์และความโกรธ คิดว่าหลินม่ายต้องการทำลายหล่อน
และหลินม่ายก็ปรารถนาจะทำลายหล่อนและธุรกิจของหล่อน โดยทำให้ตลาดฝูตัวตัวเหนือกว่าตลาดฮุ่ยหมิน
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สถานการณ์พลิกแล้วจ้า ทีนี้จะสู้ยังไงต่อดีอวี้อิ๋ง
ไหหม่า(海馬)