แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 765 เรื่องเลวร้าย
ตอนที่ 765 เรื่องเลวร้าย
นักข่าวสาวคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากถงชิงหยาง ลูกพี่ลูกน้องห่าง ๆ ของซูอวี้อิ๋ง
ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ หล่อนจงใจนำหัวข้อนี้เชื่อมไปยังตลาดฮุ่ยหมิน
เดิมทีหล่อนต้องการสร้างกระแสเพื่อทำการโฆษณาตลาดฮุ่ยหมิน แต่ก็ไม่ได้คาดหวังว่าทุกอย่างจะเป็นเช่นนี้ สิ่งที่ได้รับคือมุมมืดของตลาดฮุ่ยหมินแทน
หล่อนต้องรายงานซูอวี้อิ๋งในตอนนี้ เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้เตรียมตัวสำหรับเรื่องนี้
หล่อนรีบไปยังหน่วยงานของซูอวี้อิ๋งและเล่าเรื่องทั้งหมดพร้อมข้อเท็จจริงที่นักข่าวกำลังสืบสวน
แน่นอนว่าหล่อนไม่ได้พูดถึงความร้ายแรงของเหตุการณ์นี้ด้วยซ้ำ
ใบหน้าของซูอวี้อิ๋งซีดลงด้วยความตกใจ
หล่อนไม่คาดคิดว่าเรื่องราวอื้อฉาวของตลาดจะถูกเปิดเผย
บรรดาผู้บริโภคที่ซื้อปลาและเนื้อเน่าเสียของหล่อนไปรับประทานต่างก็อาหารเป็นพิษจนต้องเข้าโรงพยาบาล ทำให้สมาชิกในครอบครัวของพวกเขาต้องหาเงินมาทำการรักษา แต่ตำรวจกลับไม่คิดบีบบังคับให้ซูอวี้อิ๋งรับผิดชอบ
สำหรับสารกำจัดศัตรูพืชบนผักเรือนกระจกของพวกเขาตำรวจก็สืบสวนความจริงเช่นกัน และมีรายงานว่า สารกำจัดศัตรูพืชทั้งหมดไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหล่อน ทุกอย่างเป็นความผิดของเหล่าเกษตรกร
แม้ว่าก่อนหน้านี้หล่อนจะเคยขึ้นราคาสินค้า แต่ตอนนี้ก็ลดลงมากแล้ว
แม้ว่าหน่วยงานระดับสูงจะรู้ว่าพวกเขาต้องรับผิดชอบ แต่พวกเขาก็เพียงตำหนิและเรียกเก็บค่าปรับจากหล่อน และก็ไม่ได้มีปัญหายิ่งใหญ่อะไรนับจากนั้น
หล่อนกังวลเพียงว่าการซื้อธัญพืช น้ำมัน และเนื้อสัตว์อย่างผิดกฎหมายจากสหพันธ์การเก็บรักษาธัญพืชและเนื้อสัตว์แห่งประเทศจีนจะถูกเปิดโปงออกไป และนั่นจะเป็นเรื่องร้ายแรง
ไม่ใช่เพียงหล่อนต้องพบกับจุดจบ แต่พ่อของหล่อนก็ต้องพบกับจุดจบด้วย และทุกคนที่เกี่ยวข้องจะไม่สามารถหลบหนีได้
ซูอวี้อิ๋งคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และกลับไปยังบ้านแม่ของเธอหลังเลิกงาน
พ่อซูยังไม่กลับมา
ผู้นำระดับสูงมักยุ่งกับงาน และพวกเขาไม่ค่อยกลับบ้านตรงเวลา
แม่ซูรู้สึกประหลาดใจมากที่เห็นลูกสาวกลับมาบ้านมือเปล่า
ลูกสาวของหล่อนหน้าตาดี ทุกครั้งที่กลับบ้านก็จะมาพร้อมของขวัญชิ้นโต เพื่อไม่ให้เพื่อนบ้านต้องตำหนิหรือดูถูกสามีของหล่อน
แต่คราวนี้กลับมาพร้อมมือเปล่า~
แม่ซูถามอย่างลังเล “สามีภรรยาทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ?”
ซูอวี้อิ๋งไม่ต้องการให้แม่ซูรู้ว่าหล่อนสร้างปัญหาง ดังนั้นจึงฝืนยิ้ม “ไม่ค่ะ ฉันแค่อยากกลับมากินอาหารเย็น”
เมื่อเห็นว่าลูกสาวไม่ยอมบอกความจริง แม่ซูก็หยุดถามและช่วยพี่เลี้ยงทำอาหาร
ยังไม่ทันที่จะได้ซักถาม ก็พลันมีเสียงรถดังขึ้นข้างนอก ซึ่งอาจเป็นพ่อซูที่เดินทางมาถึงบ้านแล้ว
ซูอวี้อิ๋งรีบออกไปต้อนรับและเห็นพ่อซูลงจากรถ
เขาค่อนข้างประหลาดใจที่เห็นซูอวี้อิ๋ง เช่นเดียวกับคนขับรถที่ได้เห็นแต่ก็ไม่ได้ถามสิ่งใด เพียงเผยรอยยิ้มเท่านั้น “คุณหนูกลับบ้านมาหาคุณพ่อกับคุณแม่เหรอครับ?”
เมื้อเห็นพ่อซู ซูอวี้อิ๋งก็งรู้สึกโล่งใจจึงพยักหน้าและตอบกลับ “ใช่ค่ะ”
เมื่อพ่อซูกลับมา แม่ซูก็เริ่มตั้งโต๊ะอาหารเย็น
ซูอวี้อิ๋งกำลังรับประทานอาหารเย็นอย่างเหม่อลอยในขณะที่จ้องมองไปยังข่าวที่กำลังออกอากาศ
หลังจากข่าวในประเทศจบลง เธอก็ไม่เห็นข่าวเกี่ยวกับตัวเองจึงลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
อย่างไรก็ตาม ข่าวเกี่ยวกับหล่อนไม่ได้อยู่ในเครือข่ายข่าวส่วนกลาง แต่อาจจะเป็นในเครือข่ายข่าวท้องถิ่น
ซูอวี้อิ๋งปรับทีวีไปยังช่องเป่ยจิงทีวี
ซูอวี้อิ๋งไม่ชอบอ่านข่าว แต่วันนี้หล่อนกลับให้ความสนใจแก้ข่าวเป็นพิเศษจนพ่อและแม่ซูที่เฝ้าดูพฤติกรรมผิดปกติของลูกสาวพูดไม่ออก
คนหนึ่งมองหล่อนอย่างสงสัย อีกคนมองหล่อนอย่างเป็นกังวลพลางตักอาหารเข้าปากอย่างเงียบงัน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ครอบครัวของพวกเขาก็กินอาหารเย็นเสร็จสิ้น การออกอากาศข่าวท้องถิ่นของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งก็จบลงโดยไม่มีข่าวเกี่ยวกับซูอวี้อิ๋ง
ในที่สุดซูอวี้อิ๋งก็หันไปมอง พ่อซูซึ่งก็มองมาที่เธอเช่นกัน
หล่อนรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย จึงกล่าวอย่างแผ่วเบา “พ่อคะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับพ่อ”
พ่อซูพาหล่อนไปยังห้องทำงานและขอให้หล่อนนั่งลง “บอกพ่อมาสิ ลูกต้องการคุยกับพ่อเรื่องอะไร?”
จากนั้นซูอวี้อิ๋งก็ลังเลก่อนจะบอกเล่าถึงความผิดของหล่อนในการขึ้นราคาและขายอาหารเน่าเสีย
พ่อซูตกใจจนพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง
เขาคิดเสมอว่า การที่ลูกสาวของเขาขายผักเรือนกระจกที่มียาฆ่าแมลงให้กับคนอื่นก็ถือเป็นความผิดมหันต์แล้ว
แต่ลูกสาวของเขากลับยังทำเรื่องอื้อฉาวเช่นนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เขารับไม่ได้อย่างยิ่ง
หล่อนขึ้นราคาสินค้าจนแพงเกินกว่าเหตุ!
พ่อซูตะโกนด้วยสีหน้าไม่พอใจ “กล้าดียังไงถึงขึ้นราคาสินค้าท่ามกลางภัยพิบัติแบบนี้ ลูกทำแบบนั้นได้ยังไง!”
“แต่ฉันทำลงไปแล้ว” ซูอวี้อิ๋งเถียง
พ่อซูพูดอย่างเคร่งขรึม “แล้วตอนที่ทำไม่คิดถึงผลกระทบที่ตามมาบ้างเหรอ? หากผู้มีอำนาจระดับสูงไม่รู้ก็คงไม่เป็นไร แต่เมื่อไหร่ที่พวกเขารู้ พวกเขาจะต้องสืบสวนลูกอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น ลูกจะไม่สามารถปกปิดเรื่องการได้รับธัญพืช น้ำมัน และเนื้อหมูอย่างผิดกฎหมายจากสหพันธ์การเก็บรักษาธัญพืชและเนื้อสัตว์แห่งประเทศจีนได้ และเรื่องราวทั้งหมดจะถูกค้นพบ หากเวลานั้นมาถึง ไม่ใช่เพียงลูกที่จะซวย แต่ตระกูลซูทั้งหมดของเราก็จะซวยไปด้วย!”
เมื้อซูอวี้อิ๋งเห็นว่าพ่อซูพูดอย่างจริงจังก็รู้สึกกลัวจนอยากจะร้องไห้ “พ่อคะ เหตุการณ์มันเกิดขึ้นไปแล้ว ตอนนี้เรามาช่วยกันหาทางแก้ไขก่อนดีกว่า แล้วจะทุบตีหรือด่าทอฉันก็ค่อยเอาไว้ทีหลัง”
พ่อซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และในไม่ช้าก็จัดการวางแผนในใจของเขา
เขาต้องไม่ล้มเหลว เนื่องจากการเสียชีวิตของเสาหลักตระกูล เขาจึงกลายเป็นเสาหลักของตระกูลซู
หากเขาล้มลง ครอบครัวซูทั้งหมดก็จะล้มลงเช่นกัน
โชคดีที่เพื่อความสะดวกในการซื้อของให้ลูกสาว เขาเพียงกล่าวทักทายและสั่งซื้อด้วยคำพูดคลุมเครือ ไม่ได้แสดงออกถึงตัวตนอย่างชัดเจน
พวกเขาแปรรูปธัญพืช น้ำมัน และเนื้อหมูเพื่อให้ลูกสาวขายและทำกำไรได้มากขึ้น
เขาไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับการขอให้พวกเขาขายธัญพืชสำรองและเนื้อสำรองให้กับลูกสาวของเขา
อันที่จริงพ่อซูตั้งใจจะปกป้องตัวเองเท่านั้น ไม่ได้คำนึงถึงลูกสาวสุดที่รักของเขา
ภัยพิบัติเกิดจากหล่อน และหล่อนควรรับผลที่ตามมา
หากเขาต้องการปกป้องลูกสาวของเขาในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อนี้ เขาต้องเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย
พ่อซูพูดเสียงแผ่วราวกับว่าแก่ไปหลายปี “หลังจากวันนี้ อย่ากลับมาที่บ้านพ่อกับแม่อีก รอจนกว่าเรื่องนี้จะได้รับการแก้ไข เราถึงจะยอมให้ลูกเดินทางกลับบ้านเกิดและกลับมายังบ้านของเราได้ หากข้ามผ่านไปไม่ได้และต้องวุ่นวายกับเรื่องนี้ ลูกต้องเป็นคนแบกรับทั้งหมดเอง ถ้าเรื่องแค่นี้ผ่านไปไม่ได้ เรื่องจะวุ่นวายมาก และลูกต้องแบกรับมันเองทั้งหมด อย่าลากฉันไปลงนรกด้วย และอย่าลากใครจากตระกูลซูไปซวยด้วย เข้าใจที่พ่อหมายถึงไหม?”
ซูอวี้อิ๋งพยักหน้าด้วยใบหน้าซีด “เข้าใจแล้วค่ะ”
พ่อซูหาทางซัดทอดได้แล้ว หล่อนจึงไม่นึกเสียใจ
ท้ายที่สุด พวกเขาก็เป็นลูกของข้าราชการระดับสูง แม้ว่าบางครั้งพวกเขาจะไม่เคารพกฎหมาย แต่ก็ยังพึ่งพิงได้ในช่วงเวลาวิกฤต
หากพ่อของหล่อนยังอยู่ หล่อนก็ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวอะไร
พ่อของหล่อนคือเขาเขียวขจี และถ้าภูเขาเขียวอยู่ที่นั่น ก็ไม่ต้องกลัวฟืนหมด
ตราบใดที่พ่อของหล่อนยังมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหล่อน พ่อของหล่อนจะช่วยหล่อนอย่างแน่นอน
แต่หากพ่อของหล่อนถูกพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องและถูกกำจัดออกจากตระกูลซู หลังจากนี้จะมีใครที่ไหนช่วยเหลือหล่อนอีก?
ซูอวี้อิ๋งหยิบกระเป๋าของตนและจากไป
…….
นักข่าวกลุ่มนั้นได้เยี่ยมชมตลาดฮุ่ยหมินสองแห่งโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า
สมาชิกในครอบครัวของผู้ป่วยกล่าวว่า ในช่วงภัยพิบัติหิมะ ผลิตภัณฑ์จากตลาดฮุ่ยหมินทั้งสองแห่งมีราคาแพงมาก
นักข่าวส่วนใหญ่มีความยุติธรรม และพวกเขาก็ดูหมิ่นผู้ที่ฉวยโอกาสทำเงินมหาศาลในช่วงวิกฤต
หลังจากเสร็จสิ้นการสืบสวน พวกเขาก็กลับไปเขียนหรือแก้ไขวิธีการ เตรียมเปิดโปงตลาดสดฮุ่ยหมินที่เน่าเฟะ
เด็กชายพิการล้มลงในโรงพยาบาลระหว่างทาง เพราะเขาต้องการซื้อธัญพืช น้ำมัน และผักจากตลาดฝูตัวตัว เหตุการณ์นี้ถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ของวันรุ่งขึ้นพร้อมกับเรื่องอื้อฉาวของตลาดฮุ่ยหมิน
เมื่อหลินม่ายอ่านหนังสือพิมพ์ในตอนเช้า เธอรู้ว่ามีคนเกือบประสบอุบัติเหตุครั้งใหญ่เพราะต้องการมาที่ตลาดฝูตัวตัวของเธอ
อีกทั้งยังเห็นว่าตลาดฮุ่ยหมินสองแห่งถูกรายงานในหนังสือพิมพ์เรื่องที่ขายของเกินราคา อีกทั้งยังขายของเน่าเสีย เธอก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
ในที่สุด การขึ้นราคาสินค้าของซูอวี้อิ๋งในช่วงที่เกิดภัยพิบัติหิมะก็ได้เปิดเผยต่อสื่อ
ทุกวันนี้ สื่อทุกสำนักล้วนเป็นของชาติ
ตราบใดที่มีการรายงานการขึ้นราคาสินค้าของซูอวี้อิ๋งในช่วงภัยพิบัติหิมะต่อสื่อ รัฐบาลก็จะต้องตกเป็นเป้าหมายอย่างแน่นอน
ไม่ต้องพูดถึงซูอวี้อิ๋ง แม้แต่ครอบครัวซูทั้งหมดก็อาจถึงวาระสุดท้าย
เธอเพียงรอชมเรื่องราวที่เกิดขึ้นในฐานะผู้ชมที่ดี
ซูอวี้อิ๋งไม่มีนิสัยชอบอ่านหนังสือพิมพ์ในตอนเช้า และหล่อนมักจะอ่านหนังสือพิมพ์เมื่อไปถึงที่ทำงาน
ในยุคนี้ พนักงานออฟฟิศส่วนใหญ่ใช้เวลาหนึ่งวันไปกับการดื่มชาและหนังสือพิมพ์
แต่หล่อนกลับอ่านหนังสือพิมพ์ทันทีที่ตื่นขึ้นในเช้าวันนี้ และเห็นว่าความผิดทั้งหมดของตนถูกเขียนและตีพิมพ์โดยนักข่าวหลายสำนัก ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ
หากผู้นำที่เกี่ยวข้องเห็นข่าวนี้ก็คงกระวนกระวายจนทำตัวไม่ถูก และอนาคตในเส้นทางธุรกิจของหล่อนอาจต้องจบลง
ตอนนี้หล่อนไม่สามารถดูแลงานของตัวเองได้อีกต่อไป ได้แต่หวังว่าการซื้อธัญพืชสำรองและเนื้อสัตว์สำรองอย่างผิดกฎหมายของหล่อนจะไม่ถูกเปิดเผย เพราะนั่นคือความผิดที่ร้ายแรงที่สุด
………..
พรุ่งนี้เป็นเทศกาลโคมไฟ หลังอาหารเช้า หลินม่ายฝ่าลมและหิมะไปยังตลาดของตัวเองเพื่อดูว่ามีการจัดอุปกรณ์เทศกาลอย่างไร
ตั้งแต่เกิดพายุหิมะ เธอก็ยืนยันที่จะขายสินค้าเท่าราคาทุนในตลาดฝูตัวตัว
และเรื่องราวการช่วยเหลือเด็กที่ต้องเข้าโรงพยาบาลหลังจากการรับประทานผักเรือนกระจกที่มียาฆ่าแมลงตกค้างมากเกินไปก็แพร่สะพัดออกไป
เกษตรกรในหลายเมืองรอบกรุงปักกิ่งก็ยินดีที่จะจัดหาสินค้าหรือผลผลิตทางการเกษตรต่าง ๆ ให้กับตลาดฝูตัวตัวในราคาที่ยุติธรรม
ตอนนี้ผลผลิตทางการเกษตรของตลาดฝูตัวตัวนั้นสมบูรณ์มาก
หลินม่ายต้องการมอบความไว้วางใจจึงรับซื้อสินค้าทุกประเภทที่ประชาชนเสนอขาย จากนั้นก็ให้พวกเขานำไปแจกจ่ายให้กับประชาชนในเมืองหลวงที่ขาดแคลน
การเดินทางสำหรับผู้คนในยุคนี้ถือเป็นเรื่องลำบาก ดังนั้นหลินม่ายจึงต้องการช่วยเหลือประชาชนที่เดินทางมายังตลาดของเธอด้วยใจจริง โดยไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
ด้วยเหตุนี้หลินม่ายจึงแบ่งพื้นที่ในตลาดเพื่อแจกจ่ายผลิตภัณฑ์หรือสินค้าบางชนิดให้กับประชาชน
แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนจะได้รับ เธอจะมอบให้เฉพาะครอบครัวที่ยากจน และครอบครัวที่มีผู้สูงอายุมากกว่าหกสิบปีขึ้นไป รวมถึงผู้พิการด้วย
กลุ่มคนพิเศษเหล่านั้นต้องมีใบรับรองที่ออกโดยคณะกรรมการพื้นที่และเข้าแถวอย่างเป็นระเบียบเพื่อรับของฟรี
ยุคนี้ไม่มีอาหารแช่แข็งที่สามารถกินได้อย่างรวดเร็ว พวกเขาทำได้เพียงต้องซื้อวัตถุดิบและนำกลับไปปรุงเอง
ทันทีที่หลินม่ายเดินเข้าไปในตลาดฝูตัวตัว เธอได้มองเห็นแป้งเกี๊ยวสีขาวเหมือนหิมะกองพะเนินเหมือนเนินเขา และมีไส้มากมาย
หมู ไก่ เป็ด ปลาน้ำจืด… มีครบทุกไส้
หลินม่ายซื้อน้ำตาลทรายแดง นมผง และผลไม้สองสามถุงไปยังโรงพยาบาลโหย่วเหอเพื่อเยี่ยมเยียนเด็กชายพิการ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ตระกูลซูจะถึงคราวล่มสลายไหมนะ โดนแฉขนาดนี้แล้ว
ไหหม่า(海馬)