แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 770 บทเรียนอันแสนเจ็บปวด
ตอนที่ 770 บทเรียนอันแสนเจ็บปวด
หลังจากออกมาจากตลาดฝูตัวตัว หลินม่ายก็ห่อหัวแน่น
มีเพียงดวงตาคู่หนึ่งเท่านั้นที่เปิดเผยสู่ภายนอก จึงไม่มีใครเห็นว่าเธอหน้าตาเป็นอย่างไร
จากนั้นเธอก็เข้าไปในตู้โทรศัพท์สาธารณะและโทรไปยังสำนักข่าวแห่งปักกิ่งโดยไม่เปิดเผยตัวตนเพื่อแจ้งข่าวเกี่ยวกับหญิงสูงวัยไร้ยางอายคนนั้นที่ตอนนี้กำลังสร้างปัญหาที่ตลาดฝูตัวตัว
ผู้ดำเนินรายการข่าวภาคค่ำตอบกลับมาว่าผู้คนมากมายก็รายงานเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
หลินม่ายวางสายโทรศัพท์
เมื่อเธอกลับถึงบ้าน สิ่งแรกที่เธอทำคือวิ่งไปยังประตูหลังเพื่อดูว่าซูอวี้อิ๋งยังอยู่ที่นั่นหรือไม่
หล่อนหายไปแล้ว
ในขณะที่เธอกำลังจะหันกลับมา ฟางจั๋วหรานก็กอดเธอจากด้านหลัง
ฟางจั๋วหรานพูดข้างหูเธอ “อย่ามองหาเลย หล่อนถูกตำรวจคุมตัวไปส่งมอบให้กับแผนกที่เกี่ยวข้องแล้ว”
หลินม่ายรู้สึกประหลาดใจ “ตำรวจรู้ได้อย่างไรคะว่าซูอวี้อิ๋งอยู่หลังบ้านของเรา?”
“ผมเป็นคนโทรแจ้งตำรวจเอง”
หลินม่ายยิ้ม
หากซูอวี้อิ๋งรู้ว่าฟางจั๋วหรานเรียกตำรวจมาจับหล่อน หล่อนจะรู้สึกเสียใจแทบกระอักขนาดไหนกันนะ?
เช้าวันรุ่งขึ้นหลังอาหารเช้า หลินม่ายหยิบหนังสือพิมพ์แห่งปักกิ่งของคุณปู่ฟางขึ้นมาอ่าน
พาดหัวข่าวในหน้าแรกคือข่าวการจับกุมซูอวี้อิ๋ง
ข่าวดังกล่าวประณามการกระทำผิดกฎหมายต่าง ๆ ของซูอวี้อิ๋งอย่างรุนแรง และกล่าวว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะตรวจสอบอย่างละเอียดและจัดการกับเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด
หลินม่ายมองไปยังคำว่า ‘สอบสวนอย่างละเอียดและจัดการกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง’ และประเมินในใจว่า ซูอวี้อิ๋งอาจถูกตัดสินลงโทษอย่างรุนแรง และจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากการถูกจำคุกสิบปีได้
ศาลมีสิทธิพิพากษาคดีพิเศษ
อย่างไรก็ตาม หลินม่ายไม่สนใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับซูอวี้อิ๋ง ซูอวี้อิ๋งรนหาที่เอง แล้วหล่อนจะโทษใครได้?
เธอยังคงอ่านหนังสือพิมพ์ต่อไป พาดหัวในหน้าแรกของหนังสือพิมพ์ตีพิมพ์ข่าวว่าหญิงสูงวัยไร้ยางอายที่เดินทางไปสร้างปัญหายังตลาดฝูตัวตัว
ข่าวรายงานว่า คุณหลินจากตลาดฝูตัวตัวได้พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาเสถียรภาพของราคาในช่วงที่เกิดภัยพิบัติหิมะ และสนับสนุนงานการกุศลจากเงินในกระเป๋าของเธอเอง
แต่กลับถูกหญิงสูงวัยก่อความวุ่นวายจนทำให้เธอต้องระงับงานการกุศลในครั้งนี้
ตัวโกงเหล่านี้ทำให้จิตใจคนดีเย็นชาและตัดความช่วยเหลือจากผู้ที่ต้องการ
คนใจร้ายเช่นนี้ต้องปราบปรามให้หนักเพื่อให้คนใจบุญมีกำลังใจทำการกุศลต่อไป
เพราะคนเหล่านี้สามารถช่วยผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือและทำให้สังคมของเราจะได้มีความสามัคคีมากขึ้น
หลินม่ายยิ้มหลังจากอ่านข่าว
หญิงสูงวัยไร้ยางอายคนนั้นจะได้รับบทเรียนในไม่ช้า และคงเป็นบทเรียนที่เจ็บปวดและน่าสลดใจ
สิ่งที่หลินม่ายไม่รู้ก็คือหญิงสูงวัยผู้ไร้ยางอายได้รับผลกรรมเมื่อบ่ายวานนี้แล้ว
บ่ายวานนี้ หลังจากที่หล่อนกลับมาจากตลาดฝูตัวตัว ในเวลาประมาณสี่หรือห้าโมงเย็นก็มีคนขว้างก้อนอิฐใส่หน้าต่างบ้านของหล่อนทุกบาน
หล่อนวิ่งออกไปตรวจสอบพร้อมกับสามีและลูกชายและลูกสาวคนสุดท้อง แต่ก็ไม่พบคนร้าย อีกทั้งพวกเขายังถูกขว้างหิมะก้อนใหญ่ใส่ศีรษะจนทำให้รู้สึกวิงเวียนอย่างยิ่ง
เมื่อเพื่อนบ้านเห็นก็ยืนห่างประมาณเจ็ดหรือแปดเมตร ราวกับกำลังดูเรื่องตลก
ไม่มีใครช่วยครอบครัวของหล่อนจับผู้กระทำความผิด แต่หลายคนต่างกระซิบกระซาบพลางชี้นิ้วเยาะเย้ยครอบครัวของหล่อน
ว่ากันว่าหญิงสูงวัยผู้นี้ไม่ได้ยากจนอย่างที่หล่อนกล่าวอ้าง สภาพการเป็นอยู่ของครอบครัวหล่อนนั้นเทียบได้กับผู้มั่งมีในเมืองปักกิ่งอย่างเห็นได้ชัด
แต่หล่อนกลับยังคงไปยังตลาดฝูตัวตัวเพื่อเรียกร้องเงินอุดหนุนอย่างไร้ยางอาย
คุณหลินจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยกเลิกงานการกุศลนี้
คนแบบนี้สมควรโดนทุบกระจกและขว้างก้อนหิมะ
ลูกชายและลูกสาวคนเล็กของหญิงสูงวัยรู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก
เมื่อได้ยินเสียงซุบซิบนินทาของชาวบ้าน พวกเขาก็ถอยกลับเข้าบ้านโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองผู้ใดเลย
หญิงสูงวัยที่ไร้ยางอายฟังการเหยียดหยามของเพื่อนบ้านในละแวกนั้นและพยายามคิดว่าใครเป็นคนขว้างก้อนหินใส่กระจกบ้านของหล่อน และใครเป็นคนขว้างหิมะใส่ศีรษะหล่อน
มีแนวโน้มว่าจะเป็นคนยากจนเหล่านั้นที่ไม่ได้รับเงินอุดหนุน เนื่องจากหล่อนทำให้งานการกุศลของหลินม่ายถูกยกเลิก
แม้หญิงไร้ยางอายจะรู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างมาก แต่หล่อนก็ทำอะไรไม่ถูก
หล่อนสงสัยเล็กน้อยว่าหลินม่ายจงใจถามถึงที่อยู่บ้านของหล่อนต่อหน้าลูกค้าจำนวนมากเมื่อบ่ายวานนี้เพื่อต้องการให้พวกเขามาทำร้ายหล่อนเช่นนี้
เธอบังคับให้หญิงสูงวัยผู้นี้เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวของตัวเองเพื่อให้ลูกค้าคนอื่นได้ยิน และทำให้ผู้ยากไร้ที่สูญเสียโอกาสได้รับการช่วยเหลือมาทำร้ายหล่อน
แม้ว่าหล่อนจะเกลียดหลินม่ายแทบตาย แต่ก็ทำอะไรเธอไม่ได้
หากหล่อนโทรแจ้งตำรวจ หลินม่ายก็คงกล่าวอ้างว่าเธออยู่ในที่ทำงานของตัวเองทั้งวัน และขอที่อยู่ของหญิงคนนี้ไปเพื่อให้หน่วยงานของเธอตรวจสอบเท่านั้น
ข้ออ้างนี้เหมาะมาก และตำรวจจะไม่เอาผิดเธออย่างแน่นอน
เนื่องจากไม่สามารถจัดการกับหลินม่ายด้วยวิธีการทางกฎหมายได้ หล่อนจึงตั้งใจจะไปตลาดฝูตัวตัวในเช้าวันพรุ่งนี้เพื่อสอบถามเธอ หากได้รับความจริงและรู้ว่าเธอเป็นคนผิด หญิงสูงวัยผู้นี้ก็จะไม่ปล่อยให้เรื่องราวจบลงอย่างง่ายดาย
หญิงสูงวัยไร้ยางอายคนนั้นพยายามคาดเดาความจริงของเรื่องราว แต่ทว่าการคาดเดาของหล่อนกลับยังคงผิดเพี้ยน
แท้จริงแล้วไม่ใช่กลุ่มคนยากจนที่ทำลายบ้านของหล่อนและปาหิมะใส่ศีรษะของหล่อน
แต่เป็นเพราะพลเมืองบางคนที่ไม่เข้าใจพฤติกรรมเห็นแก่ตัวของหล่อน จึงให้บทเรียนสั่งสอนหล่อน
แต่มีสิ่งที่หญิงสูงวัยไร้ยางอายเดาถูก นั่นคือหลินม่ายจงใจขอให้หล่อนประกาศที่อยู่บ้านและหน่วยงานต่อสาธารณชน เพราะนี่คือจุดประสงค์ของเธอ
แน่นอนว่าเธอประกาศยกเลิกงานการกุศลพร้อมพฤติกรรมอันไร้ยางอายของหญิงสูงวัยคนนี้
เธอพยายามผลักดันความผิดทั้งหมดให้กับหญิงสูงวัยและป่าวประกาศให้คนอื่นได้รู้ว่าหล่อนสร้างความเดือดร้อนให้กับสาธารณชน
ดังนั้นคนหนุ่มสาวที่ไม่พอใจต่อพฤติกรรมของหญิงคนนี้จึงมาที่บ้านของหล่อนและลอบโจมตีหล่อนเพื่อสั่งสอน
การโจมตีหญิงสูงวัยไร้ยางอายของพลเมืองยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่องจนจบลงในเวลาเที่ยงคืน
แม้ว่าหน้าต่างกระจกในบ้านของหล่อนจะถูกทุบแตกละเอียดไปแล้ว
แต่ก็ยังคงมีคนทุบทำลายหน้าต่างบ้านของหล่อนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังเทอุจจาระและปัสสาวะมาเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้สมาชิกในครอบครัวของหล่อนนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน
สมาชิกทุกคนในครอบครัวยกเว้นลูกชายของหล่อนที่พิการต่างเริ่มต้นทำความสะอาดบ้าน
ขณะกำลังจะนำขยะออกไปทิ้งก็พบว่าประตูเปิดไม่ได้ หญิงสูงวัยและสามีของหล่อนจึงต้องเรียกเพื่อนบ้านมาช่วย
แต่เพื่อนบ้านกลับแสร้งราวกับไม่ได้ยิน ไม่มีใครตอบสนองหรือช่วยเหลือพวกเขาเลย
ท้ายที่สุดลูกชายคนเล็กของหญิงไร้ยางอายผู้นี้ก็กระโดดออกมาจากหน้าต่างเพื่อตรวจสอบดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้น และพบว่าประตูบ้านของตนถูกล็อกจากด้านนอก
กว่าที่ลูกชายคนเล็กของพวกเขาจะเปิดประตูและทำความสะอาดบ้านได้ก็เป็นเวลาแปดโมงเช้าแล้ว
หญิงสูงวัยไร้ยางอายรีบปรุงบะหมี่เป็นอาหารเช้า
ขณะรับประทานอาหารเช้า หล่อนบอกกับสามีด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง ขอให้เขาหาคนมาติดกระจกหน้าต่าง ขณะที่หล่อนไปหาหลินม่ายเพื่อชำระสะสาง
แต่ก่อนที่เขาและภรรยาจะทันได้ลงมือ ตำรวจก็มาที่ประตูบ้านและระบุว่าพฤติกรรมของเธอที่ตลาดฝูตัวตัวเมื่อวานนี้เป็นอาชญากรรมในการทะเลาะวิวาทและก่อปัญหา พวกเขาต้องการพาหล่อนไปยังสถานีตำรวจและกักขังเป็นเวลาเจ็ดวัน
แต่หายนะของครอบครัวคุณหญิงสูงวัยผู้ไร้ยางอายไม่ได้จบลงแค่การที่หล่อนถูกจับกุม
ยิ่งไปกว่านั้นเรื่องอื้อฉาวของหล่อนยังถูกตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ เมื่อผู้คนที่ได้เห็นการกระทำของหล่อนต่างก็รู้สึกเกลียดชังหล่อนมากขึ้น
ยิ่งผู้คนได้อ่านข่าวมากเท่าไรก็ยิ่งบุกทำลายบ้านเธอมากเท่านั้น
แม้พวกเขาจะหาคนมาเปลี่ยนหน้าต่างครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ก็ยังถูกทุบทำลายทุกครั้ง
หลังจากผ่านไปสองสามรอบ ภรรยาของเขาก็ไม่คิดติดตั้งกระจกอีกต่อไป พวกเขาทนนอนหลับท่ามกลางลมหนาวในทุกคืน
สิ่งที่หญิงสูงวัยผู้ไร้ยางอายทำก็ส่งผลกระทบต่อคนรอบข้างมากมายเช่นกัน
คนแรกที่รับภาระหนักคือลูกชายและลูกสาวคนสุดท้องของหล่อน
ลูกชายคนเล็กของหล่อนมีแฟนแล้วและกำลังจะแต่งงานในวันที่ 1 พฤษภาคม
เนื่องจากแม่ของเขามีเรื่องอื้อฉาว งานแต่งงานจึงถูกยกเลิกและทั้งสองก็เลิกกัน
ต่อมา แม้จะมีแม่สื่อมาแนะนำคู่และนัดบอดให้กับลูกชายคนสุดท้องของหล่อน
แต่เมื่อแม่สื่อได้ยินว่าแม่ของเขาเป็นหญิงสูงวัยไร้ยางอายที่สร้างความวุ่นวายเพื่อเรียกร้องเงินอุดหนุนจนทำให้งานการกุศลถูกยกเลิกและผู้คนก็ได้รับความเดือดร้อน หญิงเหล่านั้นก็ปฏิเสธที่จะพบหน้าเขา
การแต่งงานของลูกชายคนสุดท้องของหญิงสูงวัยไร้ยางอายต้องสูญเปล่า จนกระทั่งเขาต้องแต่งงานกับหญิงชาวชนบทและมีลูกด้วยกัน
สถานการณ์ของลูกสาวคนเล็กของหล่อนก็ไม่ดีขึ้นมากนัก เมื่อหล่อนถึงวัยแต่งงาน หล่อนก็ไม่สามารถหาผู้ชายที่มีฐานะดีได้เลย
ในท้ายที่สุด หล่อนต้องแต่งงานกับชายที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วและมีฐานะทางการเงินย่ำแย่ ชีวิตความเป็นอยู่ของหล่อนลำบากอย่างยิ่ง
สิ่งต่าง ๆ ไม่ได้ดีขึ้นมากสำหรับครอบครัวของลูกชายคนโต
ลูก ๆ ของเขามักจะถูกเพื่อนร่วมชั้นทุบตีทุกครั้งที่ไปโรงเรียนเพราะการกระทำของผู้เป็นย่า
ลูกทุกคนยกเว้นลูกชายพิการซึ่งนอนติดเตียงต่างเกลียดชังหญิงสูงวัยไร้ยางอาย
เพื่อทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนกับลูกผ่อนคลายลง หญิงสูงวัยจำเป็นต้องใช้เงินค่าจ้างหลังเกษียณของตัวเองและสามีในการดำรงชีวิต
เป็นผลให้ระดับฐานะของพวกเขาเปลี่ยนจากคนที่มีฐานะดีไปเป็นประชากรที่ยากจน
แต่ไม่มีใครสนใจคนจนอย่างหล่อน ทุกคนต่างเอาแต่เหยียดหยามและสมน้ำหน้า
ทั้งหมดนี้เป็นผลจากการกระทำของหล่อน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สังคมคนจีนเค้าเล่นงานคนผิดกันโหดจริง เหยียบแบบจมดินไม่มีโอกาสได้ขึ้นมาสูดหายใจเลย
ไหหม่า(海馬)