แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 776 รายงานเรื่องอื้อฉาว
ตอนที่ 776 รายงานเรื่องอื้อฉาว
ในเช้าวันจันทร์ ฟางจั๋วหรานส่งหลินม่ายไปยังมหาวิทยาลัย
ทันทีที่หลินม่ายเข้ามหาวิทยาลัย สวีชิงหยาก็ปรากฏตัวต่อหน้าและขวางทางเธอไว้
ใบหน้าของสวีชิงหยาซีดเซียว ดวงตาของหล่อนแดงก่ำจนดูน่ากลัวมาก แม้แต่หลินม่ายซึ่งไม่ใช่คนขี้ขลาดก็ยังผงะ
เธอถามอย่างเย็นชา “เธอคิดจะทำอะไร?”
สวีชิงหยาน้ำตาไหลและเอ่ยขอร้อง “หลินม่าย เธอช่วยฉันได้ไหม? ได้โปรด ถ้าเธอไม่ช่วยฉัน ฉันต้องตายแน่”
หลินม่ายขมวดคิ้วและพูดอย่างกระวนกระวาย “ตายบ้าบออะไรของเธอ ไม่มีอุปสรรคใดในชีวิตที่ผ่านไปไม่ได้ ขึ้นอยู่กับว่าเธอเต็มใจที่จะรับมันหรือเปล่า”
เธอจากไปทันทีที่กล่าวจบ
เธอเกลียดคนที่ใช้ความตายมาขู่เธอเป็นที่สุด
หากอยากตายก็ตายไปเงียบๆ คนเดียว อย่าร้องขอให้ใครช่วยชีวิต
สวีชิงหยาหยุดเธออีกครั้งและกล่าวอย่างแผ่วเบา “ฉัน… ฉันท้อง ฉันควรทำอย่างไรดี?”
หลินม่ายตกใจมากพูดไม่ออกอยู่นาน
ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเด็กในท้องของสวีชิงหยาคือลูกของจ้าวซั่วหยาง
ในยุคนี้ หากตั้งครรภ์ทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงานจะถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย
สวีชิงหยาประมาทเกินไป ในเมื่อเลือกทำเช่นนี้ หล่อนก็ควรรู้จักวิธีป้องกันสิ
หลินม่ายครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะถาม “ทำไมไม่หาคนมาจัดการล่ะ? คนที่ทำให้ท้องเธอป่องควรจะเป็นคนรับผิดชอบไม่ใช่เหรอ?”
“เขา… เขาเต็มใจให้แค่เงินเท่านั้น…”
“เธอได้จากเขามาเท่าไหร่?”
“ห้าร้อยหยวน~”
ถือเป็นเงินจำนวนไม่น้อย อย่างน้อยนายจ้าวก็ยังถือว่ามีมนุษยธรรม
หากเขาปฏิเสธที่จะจ่ายเงินให้สวีชิงหยา หลินม่ายจะสนับสนุนให้สวีชิงหยาไปที่สถานีตำรวจเพื่อฟ้องเขาอย่างแน่นอน และเขาจะต้องถูกทำลาย
“อยากให้ฉันช่วยยังไงล่ะ?”
สวีชิงหยารู้จักเอาแต่ร้องไห้ “ฉันไม่รู้ แต่ฉันรู้ว่าเธอช่วยฉันได้”
หลินม่ายถาม “ทำไมเธอถึงมาหาฉัน? เราไม่ได้เป็นเพื่อนกันด้วยซ้ำ!”
“ฉันเห็นในหนังสือพิมพ์ว่าเธอใช้เงินหลายแสนหยวนเพื่อการกุศลและเพื่อช่วยให้ผู้คนในเมืองหลวงรอดชีวิตจากพายุหิมะ ไม่ต้องพูดถึงความสูญเสียที่ซ่อนอยู่ที่เกิดจากการขายสินค้าเกษตรในราคาต่ำ เธอเต็มใจให้ความช่วยเหลือแม้กับคนที่ไม่รู้จัก แต่เธอกับฉันเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ดังนั้นเธอจะช่วยเหลือฉันอย่างแน่นอน”
หลินม่ายตะคอกอย่างเย็นชา “ฉันไม่ได้ดีอย่างที่เธอคิด คนที่ฉันไม่รู้จักไม่เคยมีปัญหากับฉัน ดังนั้นฉันจึงเต็มใจช่วยพวกเขา แต่เธอมีความขัดแย้งกับฉัน ดังนั้นฉันไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้”
สวีชิงหยาสำนึกผิดในทันที หล่อนกัดริมฝีปากแน่นและมองอย่างช่วยไม่ได้
หลินม่ายเดินออกไปหลายสิบเมตร แต่ก็หันกลับมาและเห็นสีหน้าที่ทำอะไรไม่ถูกของสวีชิงหยา
เธอถอนหายใจแผ่วเบาก่อนจะตัดสินใจเดินกลับไปหาอีกฝ่าย
เธอตัดสินใจช่วยสวีชิงหยาไม่ใช่เพราะตัวหล่อนเอง แต่เพื่อครอบครัวของหล่อน
สวีชิงหยาเคยบอกเพื่อนบางคนว่าตอนที่หล่อนเรียนมัธยมปลาย พ่อแม่ของหล่อนเป็นลมเพราะขายเลือดเพื่อนำเงินมาจ่ายค่าเล่าเรียน
แม้หลินม่ายจะไม่รู้ว่าพ่อแม่ของสวีชิงหยาเป็นคนดีหรือไม่ แต่เธอก็ตัดสินใจช่วย เพราะในยุคนี้ ครอบครัวส่วนใหญ่ไม่ค่อยรักลูกสาว
ในที่สุดเธอก็อดใจอ่อนไม่ได้
เมื่อเห็นหลินม่ายหันกลับมา หัวใจของสวีชิงหยาก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและจ้องมองอย่างมีความหวัง
หลินม่ายหยิบกระเป๋าเงินออกมาและมอบเงินอีกหนึ่งร้อยหยวนให้กับหล่อน
“เอาเงินนี่ไปที่โรงพยาบาลและหาหมอที่ช่างพูดเพื่อติดสินบนเขา ขอให้เขาออกใบรับรองโรคเรื้อรัง เช่น โรคไตหรือโรคตับให้ จากนั้นเธอก็ขอลาพักการเรียนสามเดือนและบอกว่าจะกลับไปพักฟื้น หลังจากนั้นให้ไปที่มณฑลเหอเป่ย หาเมืองเล็ก ๆ เพื่อทำแท้งลูกในท้องและเช่าบ้านเพื่อพักฟื้น หลังฟื้นตัวดีแล้วก็ค่อยกลับมาที่มหาวิทยาลัย บอกอาจารย์ในมหาวิทยาลัยว่าอาการของเธอดีขึ้นแล้ว จึงกลับมามหาวิทยาลัยก่อนกำหนด ด้วยวิธีนี้จะไม่มีใครรู้เกี่ยวกับการตั้งครรภ์และการแท้งของเธอ เธอสามารถเริ่มต้นใหม่กับชีวิต และฉันหวังว่าเธอจะไม่เดินผิดทางอีก
หลังจากได้ยินสิ่งที่หลินม่ายพูด สวีชิงหยาก็คืนเงินหนึ่งร้อยหยวนที่เธอให้เธอและพูดด้วยเสียงต่ำ “ฉันมีเงินอยู่แล้ว”
หลินม่ายได้ยินว่าหล่อนไม่ต้องการ ดังนั้นจึงรับเงินหนึ่งร้อยหยวนคืนและจากไป
สวีชิงหยาถาม “หลินม่าย ช่วยพาฉันไปโรงพยาบาลเพื่อทำแท้งได้ไหม?”
หลินม่ายปฏิเสธทันที “ไม่มีทาง! ความคิดของเธอชั่วร้ายเกินไป ใครจะเสี่ยงช่วยเธอ เธอจะให้เหตุผลในการลาเรียนว่าไปทำแท้งอย่างงั้นเหรอ?”
หลังจากที่สวีชิงหยาได้ยินคำพูดของหลินม่าย หล่อนก็รู้สึกอายมากจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
เมื่อหลินม่ายมาถึงห้องเรียน เธอเห็นเด็กสาวสองคนอ่านหนังสือพิมพ์และคุยกันด้วยท่าทางเหยียดหยาม
เธอเอนตัวไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น “มีข่าวใหญ่ในหนังสือพิมพ์จนทำให้พวกเธอเผยสีหน้าแบบนั้นเลยเหรอ?”
ผู้หญิงเหล่านั้นเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าเป็นหลินม่ายจึงพูดพร้อมกัน “นี่ คุณ… เจ้าของร้านเสื้อผ้าที่กำลังเป็นข่าวใหญ่คือเธอเองเหรอ?”
หลินม่ายกล่าว “ข่าวอะไร?” ขณะพูด สายตาของเธอก็จับจ้องไปยังหนังสือพิมพ์
ก่อนที่เธอจะอ่านได้ชัดเจน ผู้หญิงคนหนึ่งยื่นหนังสือพิมพ์ให้เธอ “คุณอ่านเองได้นะ เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศของคุณได้รับการรายงานแล้ว ฉันจะบอกให้เลยนะ หากคุณยอมให้หล่อนเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณาเสื้อผ้าของห้องเสื้อจิ่นซิ่วละก็ ฉันเลิกสนันสนุนแน่”
ผู้หญิงอีกหลายคนเอ่ยขึ้น “เราก็เหมือนกัน”
นักศึกษาในยุคนี้เต็มไปด้วยความยุติธรรมและไม่มีความอดทนต่อคนในวงการบันเทิงที่มีเรื่องอื้อฉาว
ซึ่งแตกต่างจากในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า แม้ว่าศิลปินจะทำผิดพลาดครั้งใหญ่ แต่ก็ยังมีแฟนคลับไร้สมองที่ยังคงเลือกสนับสนุน
“ไม่ต้องห่วง ฉันหาคนมาแทนที่หล่อนแน่นอน” หลินม่ายนั่งลงข้างสาว ๆ และอ่านหนังสือพิมพ์
พาดหัวข่าวในหนังสือพิมพ์ตีพิมพ์เรื่องอื้อฉาวที่เหมาเซียงเอ๋อร์ติดสินบนพนักงานชายทั้งหมดของการประกวดนางแบบของห้องเสื้อจิ่นซิ่วเพื่อคว้าชัยชนะ
ข่าวดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่การติดสินบนทางเพศของผู้อำนวยการฉือและผู้อำนวยการเหลียว
แม้ว่าจะไม่มีภาพการติดสินบนทางเพศของเหมาเซียงเอ๋อร์ แต่ก็มีข้อความเขียนไว้ในข่าวว่า พวกเขามีภาพดังกล่าว และถูกนำส่งให้สำนักข่าวโดยบุคคลนิรนาม
รูปถ่ายเหล่านั้นอนาจารเกินกว่าจะลงหนังสือพิมพ์ได้ แต่ตำรวจสามารถใช้เพื่อสอบสวนได้
หลักฐานเหล่านั้นแน่นหนาจนเป็นไปไม่ได้ที่เหมาเซียงเอ๋อร์และผู้กำกับชายทั้งสองจะปฏิเสธได้
หลินม่ายชื่นชมประสิทธิภาพระดับสูงของเซิ่งหนิงเฉียว
เธอขอให้เขาสืบหาเรื่องนี้หลังเลิกเรียนในบ่ายวันเสาร์ และเรื่องอื้อฉาวของเหมาเซียงเอ๋อร์ก็ถูกเปิดเผยในหน้าหนังสือพิมพ์ในวันนี้
……
ผู้อำนวยการฉือและผู้อำนวยการเหลียวมาที่บ้านของหลินม่ายอย่างร้อนรนในบ่ายวันอาทิตย์
ทั้งสองไปยังโรงแรมเล็ก ๆ ในคืนนั้นและหารือเกี่ยวกับมาตรการรับมือขณะดื่มเหล้า หลังจากปรึกษาหารือกันเป็นเวลานาน พวกเขาก็ไม่สามารถหาวิธีแก้ปัญหาที่ดีได้
ในท้ายที่สุด ทั้งสองไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดต่อไป
ตราบใดที่ยังไม่มีใครทราบความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมระหว่างพวกเขากับเหมาเซียงเอ๋อร์ก็ยังไม่ถือเป็นผลร้าย เมื่อเทียบดูแล้ว เรื่องอื่นร้ายแรงน้อยกว่าเรื่องนี้มาก
หากหลินม่ายลดตำแหน่งพวกเขาเพราะคิดว่าพวกเขาโกงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวและทำให้เหมาเซียงเอ๋อร์ได้รับชัยชนะ แต่นั่นก็ยังดีกว่าการถูกทำลายและไล่ออก
ในวันจันทร์ ทั้งสองไปทำงานอย่างร่าเริง
เมื่อพวกเขามาถึงสถานีโทรทัศน์ เพื่อนร่วมงานก็มองพวกเขาสองคนด้วยสายตาแปลกประหลาด
ขณะที่พวกเขาสองคนรู้สึกสับสน เพื่อนร่วมงานที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับพวกเขาก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกเขาฟัง ว่าเรื่องอื้อฉาวระหว่างพวกเขากับเหมาเซียงเอ๋อร์ได้เป็นข่าวในหนังสือพิมพ์แล้ว
ผู้อำนวยการฉือและผู้อำนวยการเหลียวรีบค้นหาหนังสือพิมพ์ก่อนพบพาดหัวในหน้าแรกตีพิมพ์เรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับพวกเขาทั้งสามคน ทั้งสองตกตะลึง จิตใจของ
หลังจากที่สติสัมปชัญญะกลับคืนมา ทั้งสองก็ขอตัวกลับทันที โดยต้องการกลับบ้านเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนสนใจ
แต่ทันทีที่พวกเขาเดินออกจากสถานีโทรทัศน์ พวกเขาก็ถูกล้อมรอบด้วยสื่อและผู้ชมมากมาย
สื่อต้องการสัมภาษณ์พวกเขาสองคน ขณะเหล่าผู้ชมต่างขว้างเศษขยะและดินโคลนใส่พวกเขา
กลุ่มคนในยุคนี้ก็น่ากลัวเช่นกัน
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ทำเองก็แก้เองสิชิงหยา จะมาให้หลินม่ายช่วยได้ไง เผลอๆ ช่วยเสร็จหันมาแว้งกัดหลินม่ายว่าเป็นคนออกความคิดให้ไปทำแท้งอีก คนอย่างเธอมันไว้ใจไม่ได้
โดนเล่นยกแก๊งแล้ว กรรมตามติดเร็วมาก
ไหหม่า(海馬)