แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 780 แพะรับบาป
ตอนที่ 780 แพะรับบาป
เมื่อออกมาจากร้านเปาห่าวชือ หลินม่ายก็ขับรถไปยังมหาวิทยาลัย
ตอนนี้เพิ่งจะบ่ายสามโมง ยังเหลืออีกสองคาบเรียน
ขณะกำลังขับรถ เธอก็คิดว่าคราวนี้เธอจะใช้ประโยชน์จากการตีความกฎหมายแบบผิด ๆ ของผู้พิพากษาและกวาดล้างครอบครัวที่ถูกว่าจ้างมาโดยผู้บงการอยู่เบื้องหลัง
แต่หลังจากที่มือมืดเบื้องหลังล้มลง ก็มีมือมืดเบื้องหลังคนอื่น ๆ ที่ใช้กลอุบายนี้จัดการกับร้านอาหารของเธอเช่นกัน
ในเวลานั้นผู้พิพากษาได้แก้ไขข้อผิดพลาดของเขาและจะไม่ตัดสินสถานการณ์ที่เรียกร้องค่าชดเชยเป็นการขู่กรรโชก
ถ้าอย่างนั้นร้านในเครือเปาห่าวชือของเธอจะไม่เพียงเผชิญกับความเสี่ยงที่จะถูกกรรโชกได้ตลอดเวลา แต่ยังเผชิญกับความเสี่ยงที่จะถูกปิดด้วยไม่ใช่หรือ?
คงจะดีไม่น้อยหากมีกล้องวงจรปิดสักตัว
หากมีกล้องวงจรปิดในร้าน เธอก็จะมีหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าไม่ได้มีหนูตายในหม้อไฟ บุคคลเหล่านี้สร้างสถานการณ์ขึ้นมาเพื่อจงใจจะทำลายชื่อเสียงร้านเปาห่าวชือของเธอ
ยุคนี้ไม่มีกล้องวงจรปิดในประเทศจีน ดังนั้นเธอจึงได้แต่ขอความช่วยเหลือจากน้องชายสามีอย่างฟางจั๋วเยวี่ยเพื่อดูว่าเขาสามารถสร้างกล้องวงจรปิดได้หรือไม่
หลังเลิกเรียนในช่วงบ่าย หลินม่ายไม่แม้แต่จะกินข้าวเย็น เธอโทรหาฟางจั๋วเยวี่ยทันที
เธอถามเขาว่าสามารถประดิษฐ์กล้องวงจรปิดได้หรือไม่ ไม่จำเป็นต้องเลิศหรู ขอแบบธรรมดาที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้
ฟางจั๋วเยวี่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งจากอีกฝั่งของโทรศัพท์พลางกล่าว “ได้สิ การสร้างกล้องวงจรปิดง่ายกว่าการสร้างโทรทัศน์เสียอีก แค่มีเลนส์ เซ็นเซอร์รับภาพ ชิปประมวลผลสัญญาณดิจิทัล และจอแสดงผล ผมน่าจะสร้างตัวต้นแบบให้พี่ได้ภายในครึ่งเดือน”
หลินม่ายขอบคุณเขาที่ทำงานหนักก่อนกดวางสาย
เธอไม่คิดว่าโทรทัศน์ในยุคนี้จะต้องใช้ชิป
โชคดีที่สหรัฐอเมริกายังไม่ได้ทำการผูกขาดชิปในเวลานี้ ไม่เช่นนั้น ประเทศที่ใหญ่พอ ๆ กับพวกเขาคงไม่สามารถผลิตโทรทัศน์ได้แม้แต่เครื่องเดียว
แฟชั่นโชว์ของหลินม่ายจะจัดแสดงที่โรงละครแห่งประเทศจีนเวลาหกโมงเย็นวันนี้
หลังคุยกับฟางจั๋วเยวี่ย หลินม่ายก็ขับรถไปยังร้านซาลาเปาของเธอที่หน้ามหาวิทยาลัย และสั่งซาลาเปาหนึ่งตะกร้าพร้อมซุปเนื้อแกะชามเล็ก
หลังจากรับประทานจนเสร็จสิ้น เธอก็ขับรถไปยังโรงละครแห่งประเทศจีน
เมื่อเธอมาถึงโรงละครแห่งประเทศจีนก็เป็นเวลาหกโมงเย็นพอดี และแฟชั่นโชว์ก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว
ยังมีชายหนุ่มและหญิงสาวจำนวนมากรวมตัวกันที่ทางเข้าโรงละคร พวกเขาต้องการซื้อตั๋วเพื่อเข้าชม
มีคนขายตั๋วมากมายท่ามกลางฝูงชน
หลินม่ายได้ยินว่าราคาตั๋วเพิ่มขึ้นเป็นสามสิบห้าหยวนต่อใบ แต่ชายหนุ่มและหญิงสาวหลายคนก็ยังคงเต็มใจจะซื้อ
เธออยากจะตะโกนออกไปว่า แฟชั่นโชว์ที่จัดแสดงในโรงละครวันนี้จะออกอากาศทาง CCTV ในวันพรุ่งนี้ พวกเจาไม่จำเป็นต้องซื้อตั๋วราคาสูงก็สามารถรับชมได้ทางโทรทัศน์
แต่หลังจากคิดดูแล้ว หากเธอตะโกนเช่นนั้นก็เท่ากับเป็นการตัดกำไรคนขาย แบบนั้นพวกเขาจะไม่รวมหัวกันเพื่อทำลายเธอเหรอ?
แม้ว่าตอนนี้เธอจะเก่งเรื่องการต่อสู้ แต่หากเธอถูกรุมทำร้าย เธอเองก็ไม่แน่ใจเช่นเดียวกันว่าจะเอาชนะพวกเขาได้หรือไม่
ดังนั้นการไม่สร้างปัญหาจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด
เธอไม่คิดว่าแฟชั่นโชว์ครั้งนี้จะโด่งดังถึงขนาดนี้ และการหาตั๋วเข้าชมก็เรียกได้ว่าเป็นเรื่องยากยิ่ง!
หลินม่ายเข้าไปในโรงละครเพื่อดูแฟชั่นโชว์และจากไป
เธอมาที่นี่เพื่อตรวจสอบความเรียบร้อยทั้งหมดเท่านั้น
วันรุ่งขึ้น ข่าวที่ถูกตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์นั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ
ข่าวที่หนึ่งคือ ลูกค้ากลุ่มหนึ่งอ้างว่าพวกเขากินหนูตายจากหม้อไฟของร้านเปาห่าวชือและเรียกร้องค่าชดเชยห้าหมื่นหยวน
หลินม่ายซึ่งเป็นเจ้าของร้านเปาห่าวชือได้โทรแจ้งตำรวจแล้ว และหน่วยงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะกำลังสืบสวนคดีนี้ โดยเบื้องต้นสืบทราบเป็นการกรรโชกทรัพย์
ข่าวที่สองคือ แฟชั่นโชว์ที่จัดขึ้นที่โรงละครแห่งประเทศจีนเมื่อคืนที่ผ่านมาประสบความสำเร็จอย่างมาก
หลังจบแฟชั่นโชว์ ห้องเสื้อจิ่นซิ่วได้เชิญผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง และรองชนะเลิศอันดับสองมาถ่ายโฆษณาตามสัญญา
เมื่อโฆษณาออกอากาศ กระแสก็ดีมาก
เสื้อผ้าฤดูใบไม้ผลิใหม่ทั้งหมดที่สวมใส่โดยผู้ได้รับรางวัลชนะเลิศ รองชนะเลิศอันดับหนึ่ง และรองชนะเลิศอันดับสองในโฆษณานั้นหมดเกลี้ยงทันทีที่วางขาย
กระแสดารามีอยู่ในทุกยุคทุกสมัย แน่นอนว่ากลุ่มคนที่คลั่งไคล้ผู้มีชื่อเสียงก็ย่อมต้องการทำตามบุคคลที่ตนชื่นชม
นับตั้งแต่หลินม่ายหยุดธุรกิจค้าส่งเสื้อผ้าเมื่อหลายปีก่อน ธุรกิจของแฟรนไชส์ทั้งหมดก็ดีขึ้น
ดังนั้นจึงมีผู้ประกอบอาชีพอิสระจำนวนมากที่ต้องการเข้าร่วม
ปริมาณการผลิตของห้องเสื้อจิ่นซิ่วไม่เพียงไม่ลดลง แต่ยังเพิ่มขึ้นอีกหลายเปอร์เซ็นต์
เดิมทีหลังจากวันปีใหม่ เสื้อผ้าทั้งหมดจะเข้าสู่ช่วงนอกฤดูกาล
อย่างไรก็ตาม การที่ผู้ได้รับรางวัลสามอันดับแรกจากการประกวดนางแบบของห้องเสื้อจิ่นซิ่วขึ้นนำเสนอเสื้อผ้ารูปแบบใหม่ประจำฤดูใบไม้ผลิในงานแฟชั่นโชว์นั้น ทำให้ห้องเสื้อจิ่นซิ่วได้รับความนิยมค่อนข้างสูง
แม้ห้องเสื้ออื่น ๆ จะเข้าสู่ช่วงนอกฤดูกาล แต่เสื้อผ้าของห้องเสื้อจิ่นซิ่วไม่เพียงไม่เข้าสู่ช่วงนอกฤดูเท่านั้น แต่ยังเจริญรุ่งเรืองมากกว่าเดิมอีกด้วย
หลังประสบความสำเร็จจากการเปลี่ยนแปลงวิธีการขายของห้องเสื้อจิ่นซิ่ว คดีกรรโชกของครอบครัวที่แอบอ้าวว่าได้กินหนูตายก็คลี่คลายลงเช่นกัน
คู่สามีภรรยาวัยกลางคนพร้อมทั้งลูกชายและลูกสะใภ้ยอมรับว่าพวกเขาแอบใส่หนูลงในหม้อไฟด้วยตัวเอง
พวกเขาทำแบบนั้นเพราะต้องการใส่ร้ายร้านเปาห่าวชือ
พวกเขาไม่ได้ทำเพื่อขู่กรรโชกทรัพย์ แต่พวกเขาถูกว่าจ้างมาเพื่อทำให้ชื่อเสียงของร้านเปาห่าวชือเสื่อมเสีย
สิ่งที่ครอบครัวนี้อธิบายคล้ายกับสิ่งที่ผู้จัดการซุน หลินม่าย และคนอื่น ๆ คาดเดา
ครอบครัวนั้นเป็นเพียงเครื่องมือของคนอื่น แต่พวกเขายังไม่รู้ว่าเครื่องมือนี้เป็นของใคร
นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับสิ่งที่ซูอวี้อิ๋งพูดก่อนหน้านี้ว่า มีคนพยายามลอบทำลายหลินม่าย
อย่างไรก็ตาม ครอบครัวนี้รีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า ผู้อยู่เบื้องหลังที่ว่าจ้างพวกเขาคือร้านซาลาเปาถานจี้ ซึ่งอยู่ตรงข้ามร้านแฟรนไชส์เปาห่าวชือบนถนนฉางอัน
ตำรวจได้นำตัวเถ้าแก่ถาน เจ้าของร้านซาลาเปาถานจี้ไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจ
เถ้าแก่ถานยอมรับด้วยว่าสั่งให้ครอบครัวนี้ใส่หนูที่ตายแล้วลงไปในหม้อไฟเพื่อใส่ร้ายร้านเปาห่าวชือบนถนนฉางอัน
เถ้าแก่ถานยังสารภาพว่าตั้งแต่ร้านเปาห่าวชือเปิดให้บริการที่ฉางอัน ยอดขายร้านซาลาเปาของเขาก็ลดลงและเกือบจะสูญเสียกิจการ
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาใช้เงินจำนวนมากเพื่อจ้างร้านใหญ่และเล็กโดยรอบให้ทำลายร้านเปาห่าวชือในฉางอัน โดยหวังว่าร้านเปาห่าวชือจะปิดตัวลง และร้านซาลาเปานึ่งของเขาจะกลับมา
ตำรวจให้บทเรียนอย่างหนักแก่ครอบครัวนั้นและเถ้าแก่ถาน โดยให้พวกเขาจ่ายค่าปรับราคาสูง
พวกเขาต้องชดเชยให้กับร้านเปาห่าวชือสำหรับการสูญเสียชื่อเสียง และคดีก็ปิดลง
แม้การตัดสินคดีจะดำเนินไปอย่างสมเหตุสมผลตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง หลินม่ายรู้สึกว่าเถ้าแก่ถานเป็นเพียงแพะรับบาป และมีผู้อยู่เบื้องหลังซุกซ่อนอยู่
แต่เนื่องจากเบื้องหลังเป็นมือมืด วันหนึ่งมือนี้ก็จะยื่นออกมาเพื่อทำลายเธออีกครั้งแน่
อย่างไรก็ตาม ปัญหาของร้านเปาห่าวชือได้รับการแก้ไขแล้ว และหลินม่ายก็มุ่งความสนใจไปยังธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ในเดือนแรก เธอสอบถามเกี่ยวกับโครงการชุมชนครอบครัวของธนาคารที่พ่อไป๋ทำงานอยู่ และเธอก็ให้ความสนใจกับโครงการนี้อย่างมาก
แต่โครงการนี้ค่อนข้างเป็นความลับสุดยอด
นอกจากผู้บริหารของธนาคารแห่งเจียงเฉิงแล้วก็ไม่มีพนักงานภายในคนใดรู้เกี่ยวกับโครงการนี้
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ในที่สุดธนาคารก็ได้ประกาศต่อสาธารณชนว่า พวกเขากำลังจะสร้างพื้นที่อาศัยสำหรับครอบครัว
แต่หลังจากประกาศข่าวออกไปกลับไม่มีกระแสตอบรับใด
หลินม่ายกลัวว่าจะมีใครแอบตัดราคาเพื่อคว้าโอกาสที่จะดูแลโครงการนี้ไป ดังนั้นเธอจึงโทรหาพ่อไป๋
หลินม่ายถามเขาว่า หากเธอต้องการเป็นผู้ดูแลโครงการนี้ เธอควรจะเข้าหาใคร
แม้เธอจะไม่ได้ตั้งใจติดสินบน แต่การหาผู้ช่วยเหลือที่จะทำให้เธอได้ดูแลโครงการนี้ได้จะช่วยประหยัดเวลาไปได้มาก
พ่อไป๋บอกกล่าวต่อเธอว่าไม่จำเป็นต้องเข้าหาใคร
เนื่องจากปีที่แล้วมีการว่าจ้างผู้รับเหมาก่อสร้าง แต่คุณภาพที่กลุ่มผู้รับเหมาสร้างชุมชนอาศัยสำหรับครอบครัวกลับออกมาแย่มาก
ห้องน้ำและห้องครัวของเกือบทุกครัวเรือนมีน้ำรั่ว สร้างความไม่พอใจอย่างมากในหมู่ผู้พักอาศัย
พนักงานหัวรุนแรงบางคนไม่อาจทนเก็บความโกรธไว้ได้ พวกเขาเดินทางไปประท้วงและอาละวาดที่สำนักงานของผู้รับเหมาเหล่านั้นบ่อยครั้ง
พวกเขาต้องการลงโทษผู้ปฏิบัติงานทั้งน้อยใหญ่ที่รับผิดชอบการสร้างชุมชนครอบครัว
หากไม่ใช่เพราะพวกเขาโกงกิน ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้เงินจำนวนมากเพื่อสร้างชุมชนครอบครัวที่มีคุณภาพต่ำเช่นนี้
ดังนั้นครั้งนี้พวกเขาจึงแก้ปัญหาโดยการเลือกผู้รับเหมาผ่านการประมูล
ในบ่ายวันเสาร์นี้ ธนาคารซึ่งเป็นที่ทำงานของพ่อไป๋จะดำเนินการประมูลโครงการชุมชนครอบครัว
หลินม่ายต้องการชนะโครงการนี้จึงคิดจะเข้าร่วมประมูลด้วยตัวเอง
หลินม่ายจำได้ว่าบ้านพักสวัสดิการของไป๋เหยียนก็ได้รับการอนุมัติให้เข้าอาศัยเมื่อปีที่แล้ว
ดังนั้นจึงเอ่ยถาม “ครัวกับห้องน้ำบ้านมีน้ำรั่วด้วยเหรอ?”
“รั่วสิ รั่วเยอะด้วย! นี่คือปัญหาที่ครอบครัวพี่กำลังประสบอยู่” ผู้ดูแลสวัสดิการในเรื่องนี้ ซึ่งเป็นผู้ทำการจัดสรรและแบ่งส่วนบ้านพักให้กับพนักงานก็รู้สึกปวดหัวไม่น้อย
หลินม่ายกล่าว “ฉันจะส่งผู้จัดการจางจากบริษัทตกแต่งของฉันไปดูว่าจะสามารถแก้ปัญหาให้พี่ได้หรือไม่”
หลังเลิกเรียนในบ่ายวันรุ่งขึ้น หลินม่ายขับรถตรงไปยังบ้านของไป๋เหยียน
เมื่อวานนี้ หลินม่ายได้โทรหาจางเหวินปิง และจางเหวินปิงก็เดินทางมาถึงนานแล้ว เขากำลังนั่งดื่มชาอยู่ในบ้านของไป๋เหยียน
เมื่อเขาได้พบกับหลินม่าย เขาบอกว่ารอยรั่วในห้องครัวและห้องน้ำนั้นไม่ง่ายที่จะแก้ไข เขาต้องเทปูนใหม่อีกชั้นหนึ่ง แต่ก็อาจจะไม่ได้ผล
หากต้องการแก้ปัญหาน้ำรั่วซึมในห้องครัวและห้องน้ำของไป๋เหยียนก็ต้องได้รับความร่วมมือจากเพื่อนบ้านชั้นบน เนื่องจากปูนที่เขาทำการเทใหม่อาจกระจายไปในห้องน้ำและห้องครัวของเพื่อนบ้านชั้นบน
เพื่อนบ้านชั้นบนและไป๋เหยียนเป็นเพื่อนร่วมงานกัน และความสัมพันธ์ก็แน่นแฟ้น ดังนั้นหล่อนจึงตอบตกลงอย่างง่ายดาย
ในชีวิตที่แล้ว หลินม่ายไม่ได้คลุกคลีอยู่กับแวดวงนี้ แต่แม้จะไม่เคยกินเนื้อหมู เธอก็เคยเห็นหมูวิ่ง(1) ไม่ใช่เหรอ?
ในชีวิตที่แล้ว เธอจำได้ว่าช่างทำชั้นกันน้ำในห้องครัวและห้องน้ำ
ขั้นแรกพวกเขาเทกาวลงบนพื้นห้องครัวและห้องน้ำซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อให้กาวซึมเข้าตามซอกมุมต่าง ๆ
จากนั้นจึงเกลี่ยซีเมนต์ผสมกาว เกลี่ยยางมะตอยหนึ่งชั้น ปูซีเมนต์หนึ่งชั้น เคลือบกันน้ำหนึ่งชั้น และปัญหารั่วซึมก็จะหายไป
จางเหวินปิงทำตามที่หลินม่ายพูด และก็สามารถแก้ปัญหาน้ำรั่วในห้องครัวและห้องน้ำของไป๋เหยียนได้จริง ๆ
เพื่อนร่วมงานที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ครอบครัวเดียวกันกับไป๋เหยียนขอให้ไป๋เหยียนแนะนำจางเหวินปิงให้พวกเขารู้จักเพื่อแก้ปัญหาน้ำรั่วในห้องครัวและห้องน้ำ
การซ่อมแซมโดยไม่ตั้งใจของหลินม่ายกลายเป็นการเปิดตลาดใหม่ให้กับบริษัทตกแต่งบ้านของเธอ
……………………………………………………………………………………………………………………….
没吃过猪肉, 还没见过猪跑 สำนวน หมายถึง แม้จะไม่เคยประสบกับสิ่งนั้นมาด้วยตัวเอง แต่ก็เคยเห็นเคยได้ยินหรือเคยรู้มาบ้างแล้ว
สารจากผู้แปล
ยัยอวี้อิ๋งบงการอยู่เบื้องหลังหรือเปล่านะ หรือว่ามีใครอีก?
ไหหม่า(海馬)