แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 787 คุณปู่ฟางป่วย
ตอนที่ 787 คุณปู่ฟางป่วย
ไม่ต้องรอจนถึงบ่ายวันเสาร์เพื่อกลับไปถามสถานการณ์ปัจจุบันของซูอวี้อิ๋งกับคุณปู่ฟาง ในเช้าวันเสาร์ หลินม่ายก็ได้อ่านคำตัดสินคดีของซูอวี้อิ๋งจากหนังสือพิมพ์
ศาลตัดสินโทษสถานหนัก จำคุกซูอวี้อิ๋งเป็นเวลายี่สิบปี ทำลายอนาคตหล่อนจนหมดสิ้น
คดีที่หลินม่ายพบกับซูอวี้อิ๋งก่อนหน้านี้ยังไม่ได้รับการตัดสิน และไม่มีข่าวในหนังสือพิมพ์
เธอคิดว่าแม้ว่าผู้เฒ่าซูจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่พวกระดับสูงก็ไม่เปิดเผยผลการพิจารณาคดีของซูอวี้อิ๋งเพื่อรักษาใบหน้าของเขา
อันที่จริงไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าตาของผู้อาวุโสซูที่หน่วยงานระดับสูงชะลอการเปิดเผยผลการพิจารณาคดีต่อสาธารณะ แต่เป็นเพราะกรณีของซูอวี้อิ๋งนั้นเกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก
ขอบเขตของการมีส่วนร่วมกว้างขว้างและการสืบสวนใช้เวลานาน ดังนั้นจึงยังไม่อาจเปิดเผยได้
พ่อซูเป็นคนแรกที่มีส่วนเกี่ยวข้อง เขายอมรับสินบนจำนวนมากและถูกตัดสินประหารชีวิต
ผู้ปฏิบัติงานของรัฐที่ขายธัญพืช น้ำมัน และเนื้อหมูจากสหพันธ์ให้กับซูอวี้อิ๋งก็ถูกตัดสินโทษหนักเช่นกัน
กรณีของซูอวี้อิ๋งทำให้ข้าราชการที่ทุจริตจำนวนมากถูกขุดคุ้ย
สื่อมวลชนวิจารณ์การทุจริตของคนกลุ่มนี้อย่างเป็นเอกฉันท์
อันที่จริง คณะกรรมการตรวจสอบวินัยได้ทำการสอบสวนพ่อซูมานานแล้ว แต่พวกเขาไม่สามารถหาหลักฐานใด ๆ เกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายและระเบียบวินัยของเขาได้
หากไม่ใช่เพราะจี้เจี้ยนจวิน คู่หูของซูอวี้อิ๋งเลือกที่จะยอมจำนนทันทีเพื่อปกป้องตัวเอง
เขาเปิดเผยทุกสิ่งที่เขารู้จากพ่อของเขาเกี่ยวกับการทุจริต การติดสินบน การละเมิดกฎหมายและระเบียบวินัยของพ่อซูในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
จากนั้นคณะกรรมการวินัยก็ใช้สถานการณ์ที่เขารายงานติดตามผลและรวบรวมหลักฐานสำคัญมากมายเกี่ยวกับการละเมิดกฎหมายและระเบียบวินัยของพ่อซู
และนี่ก็คือจุดจบของตระกูลซู
ฟางเว่ยกั๋วซึ่งอยู่ห่างไกลในเจียงเฉิงได้ยินข่าวก็ถอนหายใจ
เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมคุณปู่ฟางและคู่สามีภรรยาสูงวัยถึงปฏิเสธที่จะช่วยพวกเขา
คนทะเยอทะยานและละโมบเหล่านี้ไม่เหมาะกับตำแหน่งด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่ไต่เต้าขึ้นไปเลย
ยิ่งปีนสูง ยิ่งตกได้ง่าย
ซึ่งพ่อซูก็เป็นตัวอย่างที่ดี
หากเขาเป็นเพียงผู้ปฏิบัติงานเล็ก ๆ แม้จะรับสินบน แต่ก็มีข้อจำกัด แม้จะถูกจับได้ก็ไม่ถูกตัดสินประหารชีวิต
หลินม่ายกลับจากมหาวิทยาลัยในวันเสาร์ โต้วโต้ววิ่งไปหาเธอด้วยสองขา และบอกหลินม่ายว่าปู่ทวดป่วย
หลินม่ายรู้สึกประหลาดใจมาก
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางสุขภาพแข็งแรงดี เธออยู่กับเขามาหลายปีแล้ว จะล้มป่วยอย่างกะทันหันเช่นนี้ได้อย่างไร
คุณปู่ฟางล้มป่วยกะทันหัน และหลินม่ายก็ตื่นตระหนกโดยไม่มีเหตุผล
เธอเคยอ่านประโยคหนึ่งในหนังสือว่า คนแข็งแรงที่ป่วยกะทันหัน มักจะเป็นโรคร้ายแรง
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เธอก็ถามโต้วโต้วอย่างเคร่งขรึม “คุณปู่ป่วยหนักไหม?”
โต้วโต้วส่ายศีรษะ “ไม่รู้สิคะ รู้แค่ว่าคุณปู่ลุกไม่ขึ้นมาสองวันแล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้นหลินม่ายจึงเดินอย่างรวดเร็วไปยังห้องนั่งเล่น เธอเห็นคุณย่าฟางนั่งอยู่บนโซฟา กำลังซ่อมเสื้อผ้าของคุณปู่ฟาง
หลินม่ายกล่าวด้วยความรู้สึกใจคอไม่ดี “คุณย่า ไม่ต้องซ่อมหรอกค่ะ ฉันจะซื้อให้ใหม่สองชุดเลย”
สองสามีภรรยาต้องทนทุกข์กับประเทศมามากตั้งแต่ยังเด็ก และตอนนี้พวกเขาควรจะมีความสุขได้แล้ว
ทว่าพวกเขายังคงใช้ชีวิตอยากเรียบง่าย ยังคงซ่อมเสื้อผ้าที่สมควรทิ้งหรือบริจาคเพื่อสวมใส่
คุณย่าฟางเงยหน้าขึ้นมองเธอ “แค่กระดุมหลุดเอง ฉันควรทิ้งมันเหรอ? สิ้นเปลืองเปล่าๆ!”
หลินม่ายยิ้มอย่างเขินอาย “ฉันนึกว่าคุณย่ากำลังปะเสื้อผ้าของคุณปู่”
“ปะอะไร! หลานซื้อเสื้อผ้าให้พวกเรามากมายจนใช้ไม่หมด คงน่าอายพิลึกหากจะสวมเสื้อผ้ามีรอยปะ!”
แม้ว่าคุณย่าฟางจะอายุมากแล้ว แต่นางก็ยังรักษาตัวเองอย่างดี
เมื่อเห็นว่าหลินม่ายดูผิดปกติไปเล็กน้อยจึงถามด้วยความเป็นห่วง “เป็นอะไรไป?”
หลินม่ายส่ายศีรษะ “ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่กังวลเมื่อได้ยินโต้วโต้วพูดว่าคุณปู่ไม่สบาย”
คุณย่าฟางพับผ้าติดกระดุมให้เรียบร้อย “ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอก ปู่ของหลานแก่แล้ว และตอนนี้เป็นช่วงเปลี่ยนฤดู เป็นเรื่องปกติที่จะเจ็บไข้ได้ป่วย อย่าคิดมาก ไม่ใช่โรคร้ายแรงอะไร”
“เป็นโรคอะไรเหรอคะ?”
“เป็นหวัด”
หลินม่ายถามอย่างงุนงง “ทำไมคุณปู่ถึงเป็นหวัดล่ะคะ? อากาศก็เริ่มอุ่นขึ้นแล้ว”
คุณย่าฟางลดเสียงลงพลางกล่าว “หลานพูดถึงวิกฤตอาหารกับคุณปู่ในวันนั้น คุณปู่จึงไปเล่าเรื่องนี้ให้ผู้ใหญ่ระดับสูงฟัง บางทีระหว่างกลับมาอาจโดนลมหนาวพัดจึงทำให้ไม่สบาย”
หลินม่ายพยักหน้าอย่างรู้เท่าทันและถาม “ฉันไปหาคุณปู่ได้ไหมคะ?”
คุณย่าฟางพาเธอไปยังห้องนอนของสามี และโต้วโต้วก็เดินตามพวกเธอไปด้วย
รูปบรรพบุรุษราวสามรุ่นวางเรียงรายบนหัวเตียงของคุณปู่ฟาง
คุณปู่ฟางตื่นขึ้น และเมื่อลืมตาก็เห็นทั้งสามคน เขาจึงตกใจมาก “พวกเธอทำอะไรกัน? อย่างกับจะมาไหว้ศพยังไงอย่างงั้น อย่าทำอะไรน่ากลัวแบบนี้ได้ไหม?”
ทันทีที่เขาพูดจบ หลินม่ายก็เม้มปากด้วยความไม่พอใจ “คุณปู่คะ คุณไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคำอัปมงคลแบบนี้นะคะ ถ้าพูดคำไม่ดีอีก ฉันจะไม่ทำทอดมันปลาและขาหมูตุ๋นให้กินแล้วนะคะ”
อาหารเหล่านี้ รวมถึงหมูตุ๋นกับผักดอง และผักนึ่งกับเส้นหมี่เป็นอาหารโปรดของคุณปู่ฟาง
คุณย่าฟางพูดด้วยความรักและหมั่นไส้ “สมควรแล้ว อย่าพูดอะไรไร้สาระแบบนั้นอีก!”
คุณปู่ฟางรีบเอ่ยขึ้น “ฉันสัญญาก็ได้ว่าจะหยุดพูดเรื่องไร้สาระ หลานสะใภ้ วันนี้ปู่อยากกินขาหมูน้ำแดง”
หลินม่ายรีบทำอาหารค่ำทันที เธอไม่เพียงทำขาหมูน้ำแดง แต่ยังทำซี่โครงหมูนึ่งด้วย
เมื่อเห็นว่าคุณปู่ฟางนอนป่วยหนัก หลินม่ายจึงวางแผนที่จะนำอาหารไปบริการถึงเตียง
แต่ชายชราได้กลิ่นหอมของอาหารลอยมาถึงในห้อง จึงลุกจากที่นอน
เมื่อเห็นดังนั้น ฟางจั๋วหรานก็รีบช่วยคุณปู่ฟางไปยังโต๊ะอาหาร
คุณย่าฟางรีบวางที่รองหลังบนที่นั่งของคุณปู่ฟาง
ทุกคนรอให้ปู่ฟางนั่งลงเหมือนกำลังรับใช้จักรพรรดิสูงสุด จากนั้นจึงนั่งลงเพื่อรับประทานอาหารร่วมกัน
ซี่โครงหมูนึ่งของหลินม่ายอร่อยมาก คุณปู่ฟางกินซี่โครงหมูนึ่งหลายชิ้นในคราวเดียวก่อนที่จะหันไปกินขาหมูน้ำแดง
เมื่อเห็นว่าความอยากอาหารของเขาดีขึ้น หลินม่ายก็โล่งใจไปครึ่งหนึ่ง
หลังอาหารเย็น เสิ่นเสี่ยวผิงโทรบอกหลินม่ายว่าหล่อนมาถึงเมืองหลวงแล้ว
เสิ่นเสี่ยวผิงก็เป็นเช่นเดียวกับคนหนุ่มสาวส่วนใหญ่ที่ยังใหม่กับเมืองหลวงและมีความตื่นเต้นเล็กน้อยที่ได้มาเมืองหลวงเป็นครั้งแรก
หลินม่ายพูดคุยเพียงเล็กน้อยและจัดหาที่พักให้กับหล่อน
นับจากนี้ไปเสิ่นเสี่ยวผิงจะเป็นเลขาของหลินม่าย หล่อนจะออกไปข้างนอกกับหลินม่าย ซื้อตั๋วรถไฟและตั๋วเครื่องบิน จัดบอร์ด และที่พัก… นี่คืองานพื้นฐานของหล่อน
หากหลินม่ายทำงานหนักจนเหน็ดเหนื่อย เธอก็จำเป็นต้องมีเลขานุการเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระใช่หรือไม่?
เสิ่นเสี่ยวผิงเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงสองปีที่ผ่านมา
ทันทีที่มาถึงเมืองหลวง หล่อนจัดแจงที่พักด้วยตัวเองแล้วโทรหาหลินม่าย
หล่อนบอกหลินม่ายว่าตนได้ทำการจองโรงแรมและรับประทานอาหารเย็นแล้ว
หลินม่ายถามหล่อนว่าจองโรงแรมที่ไหน
เสิ่นเสี่ยวผิงกล่าว “ฉันจองโรงแรมใกล้กับสำนักงานเมืองหลวงของเราไว้ค่ะ”
หลินม่ายรู้เรื่องบางอย่างเกี่ยวกับโรงแรมนั้น มันเป็นโรงแรมขนาดเล็ก แต่สะอาดและเป็นระเบียบ ค่าใช้จ่ายก็ไม่สูง
ที่สำคัญคือใกล้กับสำนักงานปักกิ่งของว่านถงกรุ๊ปมาก และมีสถานีตำรวจอยู่ใกล้ ๆ จึงปลอดภัยในการใช้ชีวิต และสะดวกมากในการไปเดินทางไปทำธุรกิจ
เสิ่นเสี่ยวผิงมีความฉลาดมากขึ้นในการจัดการสิ่งต่าง ๆ
หลินม่ายเตือนสิ่งที่ผู้หญิงควรระมัดระวังเมื่อออกไปข้างนอกและสอนให้หล่อนรู้วิธีป้องกันตัวเอง จากนั้นจึงวางสาย
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สิ้นแล้วตระกูลซู เพราะฝีมือลูกโง่คนหนึ่งแท้ๆ
โธ่ ใจหายใจคว่ำหมด นึกว่าปู่ฟางจะเป็นอะไร
ไหหม่า(海馬)