แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 794 อุบัติเหตุบนท้องถนน
ตอนที่ 794 อุบัติเหตุบนท้องถนน
เสิ่นเสี่ยวผิงใช้เวลามากกว่าหนึ่งสัปดาห์ เพื่อทำตามคำขอของหลินม่าย หล่อนก็ซื้อบ้านให้ผู้เฒ่าอวี๋อาศัยอยู่ได้ รวมถึงว่าจ้างแม่บ้านให้มาช่วยดูแลที่นี่ด้วย
หลินม่ายไปตรวจสอบด้วยตัวเอง
ห้องน้ำในบ้านหลังนี้ถูกสร้างออกเป็นสองห้อง ห้องหนึ่งถูกสร้างไว้ในบ้าน และอีกห้องถูกสร้างในห้องนอน
พวกเขาสร้างห้องน้ำในห้องนอนเพื่อป้องกันไม่ให้คู่สามีภรรยาเป็นหวัดเมื่อเข้าห้องน้ำในฤดูหนาว
อีกทั้งห้องน้ำในห้องนอนยังใช้โถสุขภัณฑ์แบบนั่ง ทำให้สะดวกต่อผู้สูงอายุในการเข้าห้องน้ำ
หลินม่ายชื่นชมการจัดเรียงรายละเอียดเล็กน้อยเหล่านี้ของเสิ่นเสี่ยวผิงเป็นอย่างมาก
ไม่กี่วันต่อมา ผู้เฒ่าอวี๋และภรรยาก็ขึ้นเครื่องบินเดินทางมาถึงปักกิ่ง โดยมีลูกชาย ลูกสาว ภายใต้การคุ้มกันของเจียวอิงจวินไปด้วย
หลินม่ายมารับพวกเขาที่สนามบินด้วยตนเอง จากนั้นจึงขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์พาครอบครัวของผู้เฒ่าอวี๋ไปที่บ้าน
เมื่อมองไปยังบ้านที่เพิ่งปรับปรุงใหม่และเห็นเฟอร์นิเจอร์ใหม่เอี่ยม ห้องครัวและห้องน้ำที่สว่างสดใส คู่สามีภรรยาสูงอายุก็รู้สึกโล่งใจ
ลูก ๆ ของพวกเขากลัวว่าพ่อจะพาแม่จากบ้านเกิดมาทำงานในเมืองหลวง และได้อยู่ในสถานที่อาศัยที่ย่ำแย่
หากเป็นแบบนั้นพวกเขาก็ไม่อยากให้พ่อทำงานในเมืองหลวง
รากฐานชีวิตของคนเหล่านี้ก็ดีไม่น้อย และพ่อของพวกเขาก็มีเงินเดือนเกษียณสูง
แม้เขาจะไม่ได้ทำงานให้กับหลินม่าย แต่ก็ยังมีเงินพอเลี้ยงดูตัวเองได้ ไม่ได้แย่ไปกว่าผู้คนระดับรากหญ้า
แล้วทำไมต้องให้พ่อที่แก่ชรามาทำงานหาเงินในเมืองหลวง?
แม้ว่าหลินม่ายจะจ่ายเงินเดือนให้พ่อพวกเขาสูง แต่สุขภาพของพ่อก็สำคัญกว่า
หลินม่ายไม่เพียงเตรียมบ้านดี ๆ ให้พ่อแม่พวกเขา แต่ยังจัดแม่บ้านดูแลพวกเขาด้วย
ลูกชายและลูกสาวของผู้เฒ่าอวี๋รู้สึกโล่งใจ จึงอนุญาตให้พ่อแม่อยู่และทำงานในเมืองหลวง
เมื่อทั้งครอบครัวเก็บข้าวของเสร็จ หลินม่ายก็ทำการจัดงานเลี้ยงรับรองให้พวกเขาในโรงแรมแห่งหนึ่ง
ลูกชายและลูกสาวของผู้เฒ่าอวี๋เข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับ พักค้างคืน และนั่งรถไฟกลับไปที่เจียงเฉิงในวันรุ่งขึ้น
หลินม่ายขอให้เสิ่นเสี่ยวผิงซื้อตั๋วรถไฟให้พวกเขา
สิ่งนี้ทำให้ครอบครัวของผู้เฒ่าอวี๋ไม่เพียงมีประทับใจที่ดีต่อหลินม่าย แต่ยังรู้สึกขอบคุณอยู่เล็กน้อยด้วย
ทันทีที่ลูก ๆ จากไป ผู้เฒ่าอวี๋ก็จะเริ่มทำงาน
หลินม่ายยิ้มและขอให้เขาพักผ่อนสักสองสามวัน
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เจียวอิงจวินต้องจัดเตรียมทีมก่อสร้างที่นำมาจากเจียงเฉิงและจ้างผู้รับเหมาที่มีประสบการณ์สองสามคนในท้องถิ่น
หลินม่ายจะจัดให้เสิ่นเสี่ยวผิงจัดกำลังคนและทำการสำรวจพนักงานระดับรากหญ้าของระบบธนาคารที่พ่อไป๋ทำงานเพื่อดูว่าพวกเขาต้องการพื้นที่ครอบครัวแบบใด
หลังจากเสร็จสิ้นการเตรียมการเหล่านี้แล้ว ผู้เฒ่าอวี๋จะเริ่มทำงานได้ทันที
สี่วันต่อมา งานที่เสิ่นเสี่ยวผิงรับผิดชอบก็สิ้นสุดลง
หลินม่ายพิจารณาความต้องการของคนงานระดับรากหญ้า พวกเขาทั้งหมดต้องการอพาร์ตเมนต์ขนาดหนึ่งห้องนอน และไม่มีใครต้องการอาศัยอยู่ในบ้านรวม
หลินม่ายจึงส่งต่อความต้องการของคนงานระดับรากหญ้าไปยังผู้จัดการเซี่ย
เธอเสนอว่าควรสร้างอพาร์ตเมนต์ขนาดเล็กที่มีสองห้องนอนและหนึ่งห้องนั่งเล่นขนาดเล็กให้กับคนงานระดับรากหญ้าทุกคน
ห้องสองห้องนอนและห้องนั่งเล่นขนาดเล็กมีพื้นที่มากกว่าบ้านแบบหนึ่งห้องนอนครึ่งและหนึ่งห้องนั่งเล่นเพียงสามตารางเมตร แต่พนักงานระดับรากหญ้าจะมีความสุขมากขึ้น
แม้จะมีเพียงไม่กี่ตารางเมตร แต่ผู้จัดการเซี่ยก็ตกลงอย่างง่ายดาย
จากนั้นหลินม่ายก็ส่งมอบรายละเอียดการสำรวจให้กับผู้เฒ่าอวี๋และขอให้เขาออกแบบภาพวาดตามความต้องการของพนักงานระดับรากหญ้า
ท้ายที่สุดหลังจากชุมชนครอบครัวของธนาคารสร้างเสร็จสิ้น หากธนาคารต้องการซื้อก็ยังมีอุปสรรค นั่นคือ อัตราการความพึงพอใจของพนักงานระดับรากหญ้าต้องมากกว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์
ดังนั้นข้อเรียกร้องของแรงงานระดับรากหญ้าจึงต้องได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง
หลินม่ายออกมาจากบ้านของผู้เฒ่าอวี๋และขับรถกลับไปยังมหาสิทยาลัย
เมื่อผ่านย่านใจกลางเมือง ถนนก็ถูกกีดขวางโดยคนเดินเท้าที่เฝ้าดูความตื่นเต้น
ระหว่างรอตำรวจจราจรเคลียร์รถ หลินม่ายได้ยินคนฝูงชนถามกลุ่มคนที่อยู่ข้างหน้าว่ารถติดเพราะอะไร
ผู้คนที่มุงดูอยู่ข้างหน้าบอกว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งถูกถอดเสื้อและโยนทิ้งกลางถนน
ผู้คนที่มุงดูอยู่ข้างหลังถามอย่างสงสัย “ผู้หญิงคนนั้นโง่หรือเปล่า? ถึงไม่รู้จักวิ่งหนี นอนกลางถนนแบบนี้ไม่กลัวอับอายเหรอ?”
ผู้คนที่มุงดูอยู่ข้างหน้ากล่าว “ผู้หญิงคนนั้นหมดสติ หล่อนไม่มีสติด้วยซ้ำ เกิดอะไรขึ้นกันแน่วะเนี่ย?”
“สาวคนหนึ่งนอนเปลือยกายอยู่บนถนน แล้วไม่มีใครห่มผ้าหรือคลุมอะไรให้หล่อนเลยเหรอ?” อีกคนหนึ่งถามต่ออย่างงุนงง
ผู้คนที่มุงดูอยู่ข้างหน้าแสดงความดูถูกเหยียดหยาม “ผู้หญิงคนนั้นมีตุ่มหนองเต็มตัวไปหมด จะไปรู้ไหมว่าหล่อนเป็นโรคอะไร ใครจะกล้าแตะต้อง? แล้วถ้ามันเป็นโรคติดเชื้อที่รักษาไม่หายล่ะ?”
กลุ่มคนกำลังพิพากษ์วิจารณ์เซ็งแซ่ ขณะตำรวจเรียกรถพยาบาลและพาร่างเปลือยของหญิงสาวออกไป และการจราจรก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
หลินม่ายขับรถออกไปและละทิ้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นในตอนนี้ไว้
โลกที่เต็มไปด้วยเรื่องไม่คาดคิด
เธอจะไม่แปลกใจเลยหากมีเรื่องเหลือเชื่อเกิดขึ้น
การเกิดใหม่ของเธอก็เป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินม่ายอ่านข่าวเกี่ยวกับอุบัติเหตุบนท้องถนนเมื่อวานนี้ในหนังสือพิมพ์
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ได้พัฒนาจากอุบัติเหตุบนถนนไปสู่คดีอาญา
ในเวลานี้ สื่อไม่รู้วิธีปกป้องความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น และคนทั่วไปไม่มีแนวคิดเรื่องความเป็นส่วนตัว
ดังนั้นหนังสือพิมพ์จึงตีพิมพ์รูปถ่ายผู้หญิงคนนั้นขณะนอนเปลือยกายบนพื้น
เฉพาะบริเวณที่ดูอนาจารเท่านั้นที่ได้รับการปกปิด แต่ใบหน้าได้รับการเปิดเผยอย่างเต็มที่
หลินม่ายจำหญิงสาวที่เปลือยกายได้ในทันทีว่าหล่อนคือไป๋ซวง
เมื่ออ่าารายงานข่าวอีกครั้ง ชื่อของหล่อนก็คือไป๋ซวง
ตามรายงานของตำรวจ หล่อนถูกฟาดด้วยไม้จากด้านหลังขณะกำลังเดิน
หล่อนจำได้อย่างเลือนรางว่ามีใครบางคนยัดยาปริศนาใส่ในปาก และไม่ช้าก็หมดสติไป
เมื่อตื่นขึ้น หล่อนก็นอนอยู่ในห้องพยาบาลแล้ว
หล่อนสงสัยว่าแม่ไป๋เป็นคนทำร้าย เพราะพวกหล่อนเป็นศัตรูต่อกัน
แต่หลินม่ายรู้สึกว่าเป็นอู๋เสี่ยวเจี๋ยนลงมือที่ทำ
เธอไม่ได้คาดเดาโดยไม่มีเหตุผล แต่มีหลักการ
หลินเพ่ยตั้งใจจะแก้แค้นไป๋ซวงที่ทำให้หล่อนติดคุก หล่อนต้องเกลียดไป๋ซวงถึงแก่น หรือนี่จะเป็นหนทางแก้แค้นของหล่อน?
เพราะอยู่ในคุกจึงไม่สามารถแก้แค้นไป๋ซวงได้
แต่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนได้รับการปล่อยตัวจากคุกและได้พบกับหล่อนอีกครั้ง
หลินเพ่ยไม่ต้องทำอะไรเลย แค่ร้องไห้คร่ำครวญและเล่าเรื่องโกหกอู๋เสี่ยวเจี๋ยนว่าไป๋ซวงทำให้หล่อนติดคุกได้อย่างไร
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนจะต้องทำการแก้แค้นไป๋ซวงแทนหล่อนอย่างแน่นอน
ความจริงใจของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนที่มีต่อหลินเพ่ยถูกแสดงออกได้อย่างชัดเจน แน่นอนว่าสุนัขย่อมสัตย์ซื่อต่อเจ้านายของมัน
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนสูงกว่าอู่ต้าหลางไม่มาก และเขาสูงเพียงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซ็นติเมตรเท่านั้น
แต่รูปลักษณ์ของเขาก็ดูหล่อเหลาอย่างมาก ยิ่งเมื่อสวมแว่นตาดำและรองเท้าหนังก็ยิ่งดูหล่อเหลา
มิฉะนั้นหลินเพ่ยคงไม่ปล่อยให้เขาเป็นสุนัขที่สัตย์ซื่อของหล่อน
ภาพลักษณ์ของเขาทำให้ผู้คนตั้งคำถามถึงเสน่ห์ของหลินเพ่ยที่ทำมห้เขาหลงใหล
แต่เราไม่สามารถตัดสินผู้คนจากรูปร่างหน้าตาได้
ลักษณะอ่อนโยนของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนไม่สามารถปกปิดนิสัยที่โหดร้ายของเขาได้
เขาถอดเสื้อผ้าของไป๋ซวงออกแล้วโยนหล่อนลงบนถนน วิธีการอันชั่วร้ายนี้เป็นวิธีของตระกูลอู๋มาช้านาน
หากไม่ใช่เขาก็ไม่มีทางเป็นคนอื่นได้ เพราะแม่ไป๋ไม่มีวันทำเรื่องโหดร้ายแบบนั้น
ไป๋ซวงสงสัยว่าแม่ไป๋เป็นคนทำ และสงสัยอย่างยิ่งว่าหล่อนเป็นคนผิด
หลินม่ายคิดว่าแม่ไป๋จะต้องโกรธอย่างมากหากตนถูกสอบสวนโดยตำรวจในฐานะผู้ต้องสงสัย และความเกลียดชังที่มีต่อไป๋ซวงคงจะลึกซึ้งยิ่งขึ้น
แต่นั่นเป็นเรื่องของแม่และลูกสาวคู่นั้น ไม่เกี่ยวอะไรกับหลินม่าย ซึ่งเธอจะไม่เข้าไปยุ่ง
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ใช่แล้วค่ะม่ายจื่อ เราปล่อยให้หมาบ้ามันกัดกันเองเถอะ ไม่ต้องเข้าไปยุ่งอะไรเลย
ไหหม่า(海馬)