แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 815 คำเตือนของฟางจั๋วหราน
ตอนที่ 815 คำเตือนของฟางจั๋วหราน
ป้าฝูคิดว่าสถานการณ์วันนี้ย่ำแย่พอแล้ว นางไม่อาจยืนหยัดเพื่ออู๋เสี่ยวเจี๋ยนได้ จึงจากไปด้วยความคับแค้นแน่นอก
แต่นางไม่คาดคิดเลยว่าจะมีเรื่องบางอย่างที่ร้ายแรงกว่ารอนางอยู่
ทันทีที่กลับมายังชุมชน นางก็ถูกเพื่อนบ้านขวางไว้ไม่ให้ลงไปข้างล่าง
ทุกคนโห่ร้องให้นางขับไล่ชายหนุ่มชื่ออู๋เสี่ยวเจี๋ยนที่นางเป็นคนพาเข้ามาให้ออกไป
ป้าฝูดูสับสน “ทำไมถึงอยากให้ฉันขับไล่เสี่ยวอู๋ออกไป?”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนไม่ได้กินข้าวและไม่ได้อาศัยอยู่ในบ้านของพวกเขา แล้วทำไมพวกเขาถึงขอให้นางขับไล่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนออกไป?
นี่มันเป็นการรังแกกันอย่างเห็นได้ชัด!
เพื่อนบ้านในละแวกนั้นพูดอย่างโกรธเคือง “อู๋เสี่ยวเจี๋ยนเป็นหัวขโมย อย่าปล่อยให้เขาอยู่ในชุมชนของเราเพื่อทำร้ายเรา”
ป้าฝูเก๋อเก๋อแห่งราชวงศ์ชิงโมโหทันที “พวกคุณอย่าไร้สาระ สหายเสี่ยวอู๋ไม่มีทางเป็นหัวขโมยไปได้! เขารู้ว่าฉันเอาเงินและสมุดบัญชีไปไว้ไหน แต่เขาก็ไม่เคยขโมยแม้แต่เฟินเดียว!
คุณป้าคนที่โดนขโมยถังสีพลันกลอกตา “เพราะเขายังต้องการเกาะกินเธอให้เธอป้อนข้าวป้อนน้ำไปนาน ๆ น่ะสิ เขาจะขโมยของของเธอเพื่ออะไร? เธอบอกว่าเขาไม่ใช่โจร แต่สีทาบ้านฉันกลับหายไป แถมเพื่อนบ้านในละแวกนั้นก็เป็นพยานให้กับฉันได้ว่าเขาขโมยไป เราเพิ่งอธิบายคดีนี้ให้ตำรวจฟัง และตำรวจก็แจ้งชื่อเต็มของเสี่ยวอู๋พร้อมบอกว่าเขาขโมยสีไปจากบ้านของฉัน”
นางเลิกคิ้วและมองไปที่ป้าฝู “เธอเดาสิ ทำไมตำรวจถึงรู้ว่าสีของฉันถูกเสี่ยวอู๋ของเธอขโมยไป?”
ป้าฝูจะคาดเดาได้อย่างไร? นางทำเพียงเม้มปากแน่นและไม่พูดอะไร
เพื่อนบ้านอีกคนหนึ่งรับไม้ต่อจากป้าคนนั้นและพูดประชดประชันขึ้นมา “ฉันจะบอกให้ฟังเอง กลางดึกวานนี้ อู๋เสี่ยวเจี๋ยนของเธอใช้สีแดงที่ขโมยไปแก้แค้นคนอื่น เขาใช้สีแดงนั้นเขียนบนนผนังบ้านของคนอื่นและถูกจับได้ แล้วก็สารภาพเองว่าขโมยสีมาจากบ้านของป้าหวัง หากคุณไม่เชื่อ ก็ไปที่สถานีตำรวจและสอบถามดูว่าเราโกหกหรือไม่
ป้าฝูรู้สึกอับอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
นางพูดตะกุกตะกัก “ถ้าเสี่ยวอู๋ทำเช่นนั้น โปรดยกโทษให้เขาด้วย”
จากนั้นก็พูดกับป้าหวังที่ถูกขโมยสี “ฉันจะจ่ายค่าทาสีบ้านให้เธอเอง”
ป้าหวังพูดอย่างขุ่นเคืองไม่หาย “เราเป็นเพื่อนบ้านกัน ถึงเธอจะจ่ายเงินให้ฉัน ฉันก็ละอายเกินกว่าจะรับได้ อีกอย่าง เธอคิดว่าทุกอย่างที่ฉันทำลงไปเพียงเพื่อให้ได้เงินค่าถังสีกลับคืนมาเหรอ? ฉันต้องการให้เธอขับไล่อู๋เสี่ยวเจี๋ยนออกจากชุมชนของเรา!”
ป้าฝูพูดอย่างนอบน้อม “ฉันอธิบายให้เธอฟังแล้วไม่ใช่หรือ? เสี่ยวอู๋ไม่มีทางเลือกจึงต้องทำอย่างนั้น”
เพื่อนบ้านที่อยู่บริเวณนั้นต่างแสดงความไม่พอใจ
“ฉันมีชีวิตอยู่มานาน และนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินว่าการเป็นโจรคือทางเลือกสุดท้าย ฮ่าๆ!”
ป้าฝูอธิบายอย่างเขินอาย “เสี่ยวอู๋ถูกรังแก เขาแค่ต้องการแก้แค้น เขาไม่ได้ตั้งใจจะขโมยสี”
ทุกคนหันมองหน้ากันทันที
“เขามีเหตุผลในการขโมยสีครั้งนี้ ถ้างั้นคราวหน้าหากเขาไม่มีเงินและขโมยเงินพวกเราไปใช้ก็เป็นเพราะเขาไม่มีทางเลือกสินะ เราสมควรให้อภัยเขาอย่างนั้นสิ?”
ป้าฝูนิ่งอึ้งไปพร้อมกับพูดไม่ออก
นางทำได้เพียงประนีประนอม “งั้น… เมื่อเสี่ยวอู๋ออกมาจากสถานีตำรวจ ฉันจะขับไล่เขาออกจากบ้าน”
กลุ่มเพื่อนบ้านจึงยอมปล่อยนางไป
ป้าฝูกลับเข้าบ้านมาดื่มน้ำ ก่อนจะลากสังขารอันอ่อนล้าของนางไปยังสถานีตำรวจ
นางต้องการพบอู๋เสี่ยวเจี๋ยน และถามว่าเขาขโมยสีและไปบ้านอดีตแฟนสาวเพื่อเขียนด่าทอหล่อนจริงหรือไม่
เพื่อนบ้านของนางบอกเพียงว่าเขาเป็นหัวขโมยที่ขโมยสีมาเขียนบนกำแพงบ้านของคนอื่น แต่ไม่ได้บอกว่าเขาเขียนคำด่าทอไว้บนผนังบ้านของใคร
ป้าฝูเดาว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนไปบ้านแฟนเก่าเพื่อเขียนด่าทอ และนางต้องการยืนยันว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่
นอกจากนี้นางยังต้องการถามอู๋เสี่ยวเจี๋ยนว่าเขานอกใจตนหรือไม่
ไม่ใช่แฟนเก่าของเขาที่รบกวนเขา แต่เป็นเขาที่รบกวนอดีตแฟนสาว
อย่างไรก็ตาม ตำรวจบอกกับป้าฝูว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนถูกสงสัยว่าพยายามวางเพลิงและกำลังถูกสอบสวน
ป้าฝูไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลับมาพร้อมกับเครื่องหมายคำถามเต็มหัว
หลังเลิกเรียนในตอนบ่าย ขณะที่หลินม่ายออกมาจากห้องเรียนใหญ่ เพื่อนร่วมชั้นหญิงคนหนึ่งก็ชี้ไปที่ด้านหน้าพลางกล่าว “ม่ายจื่อ สามีของเธอมาหา”
หลินม่ายเงยหน้าขึ้น มองฟางจั๋วหรานที่กำลังยืนอยู่ใต้ต้นลูกท้อ
ยามลมพัดวูบหนึ่ง กลีบดอกท้อก็ร่วงโปรยปรายทั่วร่างกายเขา เป็นฉากที่งดงามเหลือเกิน!
หลินม่ายวิ่งไปหาเขาอย่างมีความสุขและถามด้วยความประหลาดใจ “คุณมาที่นี่ทำไมคะ?”
“ผมคิดถึงคุณ แล้วก็อยากกินอาหารเย็นกับคุณน่ะ” ฟางจั๋วหราน กล่าวอย่างเสน่หา
เขาจับมือข้างหนึ่งของเธอแล้วเดินไปที่โรงอาหาร
ที่เขามามหาวิทยาลัยไม่ใช่เพราะคิดถึงเธอ
เป็นเพราะเหมียวเหมียวโทรหาเขาตอนเที่ยงและบอกเขาว่าป้าฝูมารบกวนหลินม่ายถึงที่นี่
หลังเลิกงานเขาจึงรีบมาที่มหาวิทยาลัยเพื่อไปให้กำลังใจหลินม่าย
เมื่อเขามาถึงโรงอาหาร หลินม่ายขอให้ฟางจั๋วหรานสั่งอาหารอร่อย ๆ ให้เพื่อนร่วมห้องของเธอด้วย
เธอเป็นต้นเหตุที่ทำให้เพื่อนลำบากใจ และเธอก็อยากจะขอโทษเสมอ
ฟางจั๋วหรานฟังเรื่องราวทั้งหมด และสั่งอาหารจานใหญ่สำหรับเพื่อนร่วมห้องของเธอ และสั่งอาหารสามอย่างที่เหมียวเหมี่ยวชอบกิน
เนื่องจากสวีชิงหยาโทรหาเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้ช่วยปกป้องหลินม่าย ฟางจั๋วหราน จึงสั่งอาหารสองจานให้หล่อนและนำมาวางที่โต๊ะ
สวีชิงหยาหน้าแดงจากการถูกยกยอ
จากนั้นฟางจั๋วหราน ก็ซื้ออาหารให้ภรรยาและนั่งกินร่วมกับเธอ
ฟางจั๋วหรานบอกหลินม่ายเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของอู๋เสี่ยวเจี๋ยน “ผู้ชายคนนั้นบอกว่าเขาไม่มีเงินชดเชยกำแพงลานบ้านที่เสียหาย เราจะส่งเขาเข้าคุกดีไหม?”
หลินม่ายแค่นเสียง “คุณเชื่อในสิ่งที่ไอ้สวะนั้นพูดเหรอคะ? แน่นอนสิคะว่าเราต้องเอาเขาเข้าคุก หากหาเงินมาชดใช้เราได้ เราถึงจะปล่อยเขาไป”
หลินม่ายมีแผนของเธอ
หากอู๋เสี่ยวเจี๋ยนสะสมเงินออมได้จำนวนหนึ่ง และจ่ายให้เธอสำหรับการทำลายกำแพงบ้าน มันก็จะยิ่งห่างไกลเป้าหมายในการหาเงินค่ารักษาพยาบาลสำหรับการทำศัลยกรรมพลาสติกของหลินเพ่ยมากขึ้น
เขาค่อยๆ เก็บออมได้ก็จริง ทว่าหลินเพ่ยคงไม่อยากรอเขาอีกต่อไป
หล่อนเรียกร้องให้อู๋เสี่ยวเจี๋ยนหาค่ารักษาพยาบาลสำหรับการทำศัลยกรรมพลาสติกโดยเร็วที่สุด
หากอู๋เสี่ยวเจี๋ยนหมดหวัง บางทีเขาอาจจะต้องขายน้องชายน้องสาวของเขาจริง ๆ
ส่วนจะขายตัวเองด้วยไหม หลินม่ายไม่อาจแน่ใจได้
เมื่อลองไตร่ตรองดูแล้วก็ยังไม่สายเกินไปที่จะจัดการอู๋เสี่ยวเจี๋ยน
การนำเขาเข้าคุกตอนนี้จะทำลายแผนการของเธอ และเธอจะไม่ได้เห็นโศกนาฏกรรมของมนุษย์ที่พี่ชายขายน้องชายน้องสาวเพื่อคนรัก ช่างน่าเสียดาย!
อาจเรียกได้ว่าเธอเป็นคนใจร้ายที่ชอบเห็นครอบครัวทะเลาะเบาะแว้งกันก็ได้
หลังจากฟังแผนของหลินม่ายแล้ว ฟางจั๋วหรานก็ยิ้มพลางกล่าว “ถ้าอย่างนั้นเราจะสั่งสอนเขาตามแผนการของคุณ”
อู๋เสี่ยวเจี๋ยนปฏิบัติต่อหลินม่ายอย่างเลวร้าย การได้เห็นมุมที่น่าสังเวชของเขาทำให้เธอพึงพอใจอย่างมาก
หลังจากกินข้าวเสร็จ ฟางจั๋วหรานเกาจมูกของหลินม่ายอย่างแผ่วเบาพลางกล่าว “หากไอ้สวะนั่นจะมาก่อกวนคุณอีกในอนาคต คุณบอกผมนะ ผมจะสั่งสอนเขาให้เอง!”
หลินม่ายโบกมือ “คนแบบนั้นไม่คู่ควรกับมือของคุณหรอก อย่าทำให้มือคุณต้องแปดเปื้อนเลย”
เธอไม่กลัวว่ามือของฟางจั๋วหรานจะสกปรก แต่กลัวว่าอนาคตเขาต้องจบลงที่สถานีตำรวจเพราะทุบตีคนชั่ว
ฟางจั๋วหรานขับรถจี๊ปออกมาจากมหาวิทยาลัยและขับรถไปยังชุมชนที่ป้าฝูอาศัยอยู่
เมื่อไปถึงชุมชนแห่งนั้น เขาก็ถามผู้คนว่าป้าฝูอาศัยอยู่ที่ไหน
เพื่อนบ้านถามด้วยความสนใจว่าเขาจะทำอะไรกับป้าฝู
ฟางจั๋วหรานมาที่นี่ครั้งนี้เพื่อทำลายชื่อเสียงของป้าฝู
ผู้ใดทำให้ภรรยาของเขาไม่มีความสุข ผู้นั้นสมควรถูกสั่งสอน
เขาบอกเพื่อนบ้านละแวกนั้นว่าป้าฝูไปยังมหาวิทยาลัยเพื่อด่าทอหลินม่าย
จากนั้นจึงกล่าว “ผมแค่อยากมาถามให้เข้าใจว่า ทำไมคุณป้าฝูถึงกล่าวหาว่าภรรยาของผมเป็นเมียน้อยคนอื่น?”
เพื่อนบ้านบอกที่อยู่ของป้าฝูให้ฟางจั๋วหรานและชี้ทางให้เขาอย่างกระตือรือร้น
ป้าฝูนอนพักผ่อนอยู่บนโซฟา เมื่อได้ยินเสียงคนเคาะประตู นางจึงเดินไปเปิด
ครั้นเห็นกลุ่มเพื่อนบ้านนอกประตูห้อมล้อมชายหนุ่มรูปงามผู้สูงศักดิ์ นางจึงถามด้วยความฉงน “มาทำอะไรกัน?”
ฟางจั๋วหรานกล่าว “ผมคือฟางจั๋วหราน สามีของหลินม่าย หากคุณกล้าใส่ร้ายภรรยาของผมเพราะเชื่อคำพูดของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนแฟนหนุ่มของคุณอีกครั้ง ผมจะแจ้งตำรวจและฟ้องศาลอย่างแน่นอน
หลังจากนั้นเขาก็หันหลังและจากไป
เพื่อนบ้านมองดูป้าฝูอย่างมีเลศนัยก่อนจะแยกย้ายกันไป
จากนั้นก็รวมหัวกันกระซิบกระซาบ ว่าป้าฝูและเสี่ยวอู๋มีความสัมพันธ์ที่ไม่เหมาะสมต่อกันอย่างนั้นเหรอ?
ป้าฝูไม่ได้ยินความคิดเห็นของเพื่อนบ้าน นางกำลังตกอยู่ในภวังค์และไม่สามารถก้าวออกจากจุดนั้นได้
หลินม่ายมีสามีที่หล่อเหลา และเธอเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยชิงหวา เธอจะชายตามองชายอย่างอู๋เสี่ยวเจี๋ยนได้อย่างไร
ไม่จำเป็นต้องขอหลักฐาน ป้าฝูก็ทราบกระจ่างแล้วว่าอู๋เสี่ยวเจี๋ยนหลอกลวงนางและใช้นางเป็นเครื่องมือ
นางถูกชายหนุ่มอายุยังน้อยหลอกลวงมาโดยตลอด!
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ตาสว่างแล้วสินะป้า เฮ้อ ถ้าพี่หมอไม่มาหาก็คงยังหลงแฟนเด็กอยู่นั่นแหละ
ไหหม่า(海馬)