แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 818 เถาจืออวิ๋นไปต่างประเทศ(2)
ตอนที่ 818 เถาจืออวิ๋นไปต่างประเทศ(2)
เถาจืออวิ๋นยิ้มและถาม “นั่นม่ายจื่อเหรอ?”
หลินม่ายถามกลับ “ทำไมพี่ถึงมีเวลามาเมืองหลวงล่ะ? พี่ต้องเรียนหนักที่มหาวิทยาลัย W เพื่อฝึกฝนภาษาอิตาลีไม่ใช่เหรอ?”
“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน” เถาจืออวิ๋นเดินเข้ามาหาเธอ “คุณอับราฮัมผู้แนะนำให้ฉันเรียนที่ Istituto Marangoni ในมิลานได้ติดต่อกับทางนั้นให้ฉันแล้ว และฉันต้องทำเรื่องรายงานตัว”
หลินม่ายกล่าว “เขาดำเนินการเร็วมากเลย แล้วภาษาอิตาลีของพี่เป็นยังไงบ้าง? ถึงขั้นสนทนาในชีวิตประจำวันได้หรือยัง?”
เถาจืออวิ๋นพยักหน้า “ได้แล้วล่ะ”
หลินม่ายถาม เผื่อสักวันเธออาจเดินทางไปยังอิตาลี
เถาจืออวิ๋นกล่าว “ฉันจะไปอิตาลีในวันพรุ่งนี้ เลยเดินทางมายังเมืองหลวงเพื่อพบเธอน่ะ”
“งั้นพรุ่งนี้ฉันจะไปส่งพี่ที่สนามบินนะ”
เถาจืออวิ๋นโบกมือ “ไม่เป็นไรหรอก เธอไม่ควรลาเรียนเพราะเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ ไว้ฉันกลับมาอีกครั้ง ค่อยมารับฉันที่สนามบินก็ได้”
หากหลินม่ายขอลาหยุดมากจนเกินไปอาจทำให้ที่ปรึกษาไม่พอใจ ดังนั้นเธอจึงไม่ยืนกราน
เธอและเถาจืออวิ๋นเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจมากเกินไป
แต่ในช่วงบ่ายหลังเลิกเรียน หลินม่ายจะดื่มอำลาให้หล่อนเพื่ออวยพรให้เดินทางอย่างราบรื่น
เถาจืออวิ๋นไม่ปฏิเสธ และบอกหลินม่ายว่าหล่อนจะพาแม่และฉีฉีไปงานเลี้ยงด้วย
หลินม่ายตกตะลึง “คุณน้ากับฉีฉีจะไปส่งพี่ด้วยเหรอ? แสดงว่าจะไปส่งกันจริงจังเลยสินะ”
เถาจืออวิ๋นยิ้ม “พวกเขาไม่ได้มาส่งฉันหรอก แต่พวกเขาจะไปต่างประเทศกับฉันด้วย”
หลินม่ายยิ่งตกตะลึง “พี่กำลังจะไปเรียนต่างประเทศนะ ไม่ใช่ไปเที่ยว พาแม่และลูกไปด้วยจะดีเหรอ?”
เถาจืออวิ๋นผายมือ “ฉันรู้ว่ามันไม่เหมาะสม
แต่การจะไปเรียนต่อต่างประเทศในครั้งนี้ต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งปี ฉันทนไม่ได้ที่ต้องแยกจากฉีฉีเป็นเวลานาน ดังนั้นฉันเลยพาไปด้วย”
“แล้วพี่สะดวกดูแลคุณป้ากับฉีฉีเหรอ?”
“อืม” เถาจืออวิ๋นพยักหน้า
หลินม่ายไม่คัดค้านที่เถาจืออวิ๋นพาแม่และลูกไปต่างประเทศด้วย
สิ่งที่เธอกังวลคือ หากมีคนไปเพิ่มอีกสองคน ภาระทางการเงินของเถาจืออวิ๋นจะตึงมือขึ้น
บริษัทครอบคลุมเฉพาะค่าใช้จ่ายการศึกษาในต่างประเทศของเถาจืออวิ๋น แต่ค่าใช้จ่ายของฉีฉีและแม่ของหล่อน เถาจืออวิ๋นจะต้องรับผิดชอบเอง
การอาศัยต่างประเทศต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูง เงินออมเพียงเล็กน้อยของเถาจืออวิ๋นอาจอยู่ได้ไม่นาน
หลินม่ายจึงเสนอว่าเถาจืออวิ๋นสามารถเบิกเงินก้อนหนึ่งจากบริษัทเพื่อให้ครอบคลุมค่าครองชีพของแม่และลูกของหล่อนในต่างประเทศ
หลังจากกลับมาจากต่างประเทศก็ให้หล่อนค่อย ๆ ทยอยส่งคืนบริษัท
แต่เถาจืออวิ๋นไม่ต้องการ หลังจากที่หล่อนไปต่างประเทศ หล่อนสามารถใช้เวลาว่างเพื่อทำงานล้างจาน สร้างรายได้เพื่อเลี้ยงดูแม่ของหล่อนและฉีฉี
นักเรียนต่างชาติที่ไม่มีทุนทรัพย์ไปเรียนต่อต่างประเทศหาเงินยังชีพด้วยการล้างจานได้ตั้งหลายคน แล้วทำไมหล่อนจะทำไม่ได้?
หลินม่ายรู้สึกว่าสิ่งที่หล่อนพูดมาดูสมเหตุสมผลมาก และเธอยังบอกเถาจืออวิ๋นว่าหากประสบปัญหาในต่างประเทศให้รีบบอกเธอ
เถาจืออวิ๋นจับมือเธอ “ไว้ฉันจะบอกนะ”
หลังเลิกเรียนในตอนบ่าย หลินม่ายลังเลครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดก็ยังคงขอลาอาจารย์ที่ปรึกษาและไม่ไปเรียนภาคค่ำ
การไม่ไปศึกษาด้วยตนเองในตอนเย็นมีผลกระทบต่อการบ้านเพียงเล็กน้อย ขณะอาจารย์ที่ปรึกษาอนุมัติการลาด้วยสีหน้าเรียบเฉย
หลินม่ายขับรถกลับบ้าน พับแขนเสื้อและเริ่มทำอาหาร
โต้วโต้วกลับมาจากโรงเรียนอนุบาลก่อนเวลาและกำลังเล่นอยู่ในสนามหญ้ากับเด็ก ๆ ในละแวกนั้น
เมื่อได้กลิ่นหอมโชยมาจากในครัว หล่อนจึงวิ่งไปที่ห้องครัว
เมื่อเห็นว่าบนโต๊ะเต็มไปด้วยวัตถุดิบต่าง ๆ เด็กหญิงตัวน้อยก็ถามด้วยความสงสัย “แม่คะ ทำไมคืนนี้แม่ทำอาหารเยอะจังคะ? มีแขกมาหรือเปล่าคะ?”
หลินม่ายพยักหน้า “ป้าเถาและฉีฉีกำลังจะมากินอาหารเย็นที่บ้านของเราน่ะ”
โต้วโต้วดีใจมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น หล่อนปรบมือน้อยๆ ดังเกรียวกราว “ฉีฉีกำลังจะมาที่บ้านของเรา ฉีฉีกำลังมาที่บ้านของเรา!”
เมื่อฟางจั๋วหรานกลับมาจากเลิกงาน เขาก็รู้สึกประหลาดใจที่เห็นหลินม่ายอยู่ในครัว
หลังจากถามเหตุผล เขาก็อยู่ในครัวเพื่อช่วยหลินม่าย
ราวหกโมงเย็น ครอบครัวของเถาจืออวิ๋นทั้งสามคนก็มาถึง
ทันทีที่เด็กน้อยทั้งสองพบกัน ทั้งสองก็กอดกันอย่างมีความสุข
เธอตักเตือนเด็กทั้งสองให้เบาเสียงเพื่อไม่ให้รบกวนคุณปู่ฟางและคุณย่าฟาง จากนั้นเด็กทั้งสองจึงเงียบลง
โต้วโต้วจับมือฉีฉีและเดินไปที่ห้องของเธอ โดยบอกว่าเธอมีของขวัญให้เขา
หลังจากนั้นไม่นานฉีฉีก็วิ่งออกมาจากห้องของโต้วโต้วพร้อมภาพวาด
เขาบอกทุกคนด้วยความดีใจว่าโต้วโต้วชนะรางวัลที่สองในการประกวดภาพวาดสำหรับเด็กในเขตฉีเฉิง และมอบภาพวาดให้เขาเป็นของขวัญ
ทุกคนรวมตัวกันด้วยความอยากรู้อยากเห็นเพื่อดูภาพวาดของโต้วโต้วที่ได้รับรางวัลที่สอง
แม้แต่หลินม่ายก็วิ่งออกจากครัวไปดู
ภาพวาดของโต้วโต้วดูดีมาก สองสามีภรรยารู้สึกประทับใจ
นอกจากนี้ยังมีตัวอักษรขนาดเล็กที่เขียนบนภาพวาดไว้แถวหนึ่งว่า ‘เราเป็นครอบครัวที่มีความสุข’
ทุกคนยกย่องโต้วโต้วสำหรับพรสวรรค์ในการวาดภาพ
หลินม่ายถามโต้วโต้ว “ลูกเข้าร่วมการแข่งขันเมื่อไหร่? ทำไมไม่บอกแม่เลย?”
คุณย่าฟางกล่าว “เธอยุ่งมากและไม่ค่อยอยู่บ้าน โต้วโต้วจึงไม่มีโอกาสบอกเธอ”
โต้วโต้วพูดด้วยความลำบากใจ “เมื่อสองสัปดาห์ก่อน คุณครูขอให้เด็ก ๆ ทุกคนวาดรูป และในคาบเรียนวิชาศิลปะเมื่อบ่ายวันนี้ อาจารย์บอกว่า ภาพวาดของหนูได้รางวัลที่สองของเขต หนูอยากจะบอกแม่ แต่หนูก็ลืม เพิ่งนึกขึ้นได้ตอนเห็นฉีฉี แม่อย่าโกรธเลยนะคะ~”
หลินม่ายรู้สึกผิด และลูบศีรษะโต้วโต้ว “แม่จะโกรธได้ยังไง แม่ดีใจมากต่างหาก โต้วโต้วของเราวาดภาพเก่งมาก!”
เมื่อเห็นว่าหลินม่ายไม่โกรธ โต้วโต้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข
หลินม่ายคิดวางแผนที่จะจ้างครูให้โต้วโต้วได้เรียนรู้การวาดภาพ
ก่อนหน้านี้เธอยุ่งอยู่กับการหาเลี้ยงชีพ แต่ภายหลังเธอยุ่งกับธุรกิจ นอกจากนี้ ในยุคนี้ไม่มีชั้นเรียนฝึกอบรมในสังคม เช่นเดียวกับชั้นเรียนศิลปะ ดังนั้นเธอจึงลืมเรื่องนี้ไป
ตอนนี้โต้วโต้วอายุหกขวบแล้ว เธอจะรอช้าไม่ได้อีกต่อไป ไม่อย่างนั้นจะพลาดการเติบโตที่ดีที่สุดของลูก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องจ้างครูให้โต้วโต้ว
แม้ว่าจะยังไม่มีชั้นเรียนฝึกอบรมในสังคม แต่เธอก็สามารถไปที่สถาบันวิจิตรศิลป์เพื่อเชิญนักเรียนศิลปะมาสอนโต้วโต้วได้
เธอจะจัดการเรื่องนี้หลังผ่านวันเด็กไป
ทั้งสองครอบครัวร่วมดื่มอำลาอย่างมีความสุข หลินม่ายและสามีของเธอส่งครอบครัวของเถาจืออวิ๋นกลับไปยังโรงแรมที่พวกหล่อนพักเป็นการส่วนตัว
。
อย่างไรก็ตาม หลินม่ายได้ให้ต่างหูทองคำคู่หนึ่งแก่เถาจืออวิ๋น ซึ่งเป็นต่างหูที่หล่อนอยากได้มาโดยตลอดขณะอยู่ที่ฮ่องกง
เถาจืออวิ๋นรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
หล่อนกล่าวพลางสวมต่างหู “ม่ายจื่อ เธอใจดีกับฉันมาก ถ้าเธอไม่ใช่ผู้หญิงด้วยกัน ฉันคงสงสัยแล้วว่าเธอกำลังหลงรักฉันอยู่”
“ไร้สาระ ฉันชอบผู้ชายสูงหล่อต่างหาก”
ฟางจั๋วหรานรู้สึกเขินอายเล็กน้อยจหลังจากได้ยินคำพูดของหลินม่าย
แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ทุกข์ใจ ไม่ง่ายเลยที่จะเป็นผู้ชายในยุคสมัยนี้
ไม่เพียงต้องป้องกันไม่ให้ชายอื่นหลงรักภรรยาของเขา แต่ยังต้องป้องกันคนเพศตรงข้ามมายุ่งกับภรรยาด้วย
เหนื่อยหน่ายเหลือหลาย
ไม่นานวันเสาร์ก็มาถึง
ทันทีที่หลินม่ายกลับมาจากมหาวิทยาลัย เธอก็เริ่มเก็บข้าวของสำหรับสามีและภรรยาที่จะไปเจียงเฉิงในวันพรุ่งนี้
เธอไปเพียงหนึ่งวัน จึงไม่ได้นำอะไรไปมากนัก มีเพียงสิ่งจำเป็นบางอย่างเท่านั้น
หลังจากเก็บของเสร็จสิ้น แม่บ้านก็จัดการเตรียมอาหาร ขณะโต้วโต้วขอให้เธอมาร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน
โต้วโต้วจับมือหลินม่ายพลางกล่าว “แม่คะ คุณย่าขอให้คุณป้าทำกุ้งผัดเผ็ดที่แม่ชอบด้วยนะคะ”
หลังจากได้ยินสิ่งนี้ หลินม่ายก็รู้สึกน้ำลายไหล ดังนั้นจึงเร่งความเร็วและเดินไปที่ห้องอาหาร
แต่ทันทีที่เดินไปยังโต๊ะอาหารและได้กลิ่นกุ้งผัดเผ็ด เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกพะอืดพะอมอยากจะอาเจียน
เมื่อเห็นดังนี้ คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางต่างมีสีหน้ายินดี
หรือที่ม่ายจื่อเป็นแบบนี้เพราะเธอท้อง?
ฟางจั๋วหรานจับจ้องหลินม่ายอย่างจริงจังและมีความสุข
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เท่ากับว่าไม่ได้เจอหน้าจืออวิ๋นกับครอบครัวไปปีหนึ่งเต็มๆ จั๋วเยวี่ยจะเป็นยังไงในหนึ่งปีนี้เนี่ย
น้ำยาพี่หมอฤทธิ์แรงอยู่นะคะ แปบเดียวน้องมาแล้ว
ไหหม่า(海馬)