แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 827 เหลือทารกเพียงคนเดียว
ตอนที่ 827 เหลือทารกเพียงคนเดียว
หลินม่ายขับรถไปโรงพยาบาลพร้อมกับคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางเพื่อตรวจร่างกาย
นี่เป็นการตรวจสอบขั้นสุดท้าย ระหว่างการตรวจอัลตราซาวด์ ปู่ฟางและย่าฟางก็เฝ้าดูอย่างตื่นเต้น
คุณย่าฟางเป็นคนแรกที่สังเกตเห็นสิ่งผิดปกติ
นางชี้ไปยังเครื่องอัลตราซาวด์และพูดด้วยความประหลาดใจว่า “ทำไมฉันเห็นทารกเพียงคนเดียว แล้วทารกอีกคนหนึ่งอยู่ที่ไหน?”
เมื่อคุณปู่ฟางได้ยินดังนี้ เขาก็ยืดคอและขยับเข้าไปใกล้หน้าจอเครื่องอัลตราซาวด์ ซึ่งเห็นว่ามีทารกเพียงคนเดียวเหลืออยู่เหมือนกับที่ย่าฟางพูด
เขาถามแพทย์หญิงที่ตรวจหลินม่ายอย่างกระวนกระวายว่าเกิดอะไรขึ้น
แพทย์หญิงขยับเครื่องตรวจไปเรื่อย ๆ พลางสังเกตท้องของหลินม่าย ก่อนยืนยันซ้ำว่าภายในมีทารกเพียงคนเดียว
นางบอกคู่สามีภรรยาเฒ่าว่า “แฝดอีกคนอาจอ่อนแอเกินไป เพื่อการอยู่รอด แฝดที่แข็งแกร่งกว่าจึงดูดกลืนแฝดผู้ที่อ่อนแอ และกลายเป็นแฝดเดี่ยว”
หลินม่ายได้ยินดังนั้น น้ำตาแทบร่วงหล่นทันที
เมื่อเห็นสิ่งนี้ แพทย์หญิงพูดอีกครั้งว่า “มีความเป็นไปได้อีกอย่าง นั่นคือครั้งแรกที่มาตรวจอัลตราซาวด์ แพทย์เจ้าของไข้อาจมองเห็นไม่ชัดและบอกไปว่าเป็นลูกแฝด”
หลินม่ายละล่ำละลัก “เป็นไปไม่ได้ ศาสตราจารย์ของฉันอยู่ด้านข้างในเวลานั้น เขายืนยันซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่านั่นคือฝาแฝด”
ทันทีที่ตรวจเสร็จ เธอก็ตรงไปหาฟางจั๋วหรานเพื่อต้องการคำปลอบโยนจากเขา
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางเดินตามหลังอย่างใกล้ชิด โดยบอกให้หลินม่ายเดินช้าลง
เมื่อทุกคนมาถึงห้องผ่าตัด หลินม่ายเห็นฮุ่ยฮุ่ยลูกสาวป้าฝูถูกพยาบาลสองคนเข็นเปลนอนเข้าไปในห้องผ่าตัด
ฮุ่ยฮุ่ยอารมณ์เสียมากและเอาแต่ตะโกนว่าหล่อนไม่ต้องการผ่าคลอด และอยากคลอดลูกด้วยตัวเอง
พยาบาลคนหนึ่งเกลี้ยกล่อม “อาการของคุณแย่มากน่ะค่ะ จึงจำเป็นต้องผ่าคลอด ไม่อย่างนั้นทั้งแม่และลูกจะตกอยู่ในอันตราย”
สามีของหล่อนยังเกลี้ยกล่อมให้หล่อนผ่าคลอดเพื่อความสบายใจ ย้ำกับหล่อนว่าไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน เขาจะหาทางออกเอง
หลินม่ายมองไปที่ใบหน้าผอมบางของฮุ่ยฮุ่ย พลางรู้สึกสงสารหญิงสาว
แม้ว่าแม่ของหล่อนจะไม่ใช่คนดี และตอนนี้ป้าฝูก็สำนึกผิดแล้ว แต่หลินม่ายก็ไม่ได้รู้สึกเห็นใจอีกฝ่ายเลย
ทว่าสำหรับฮุ่ยฮุ่ย มันเป็นไปไม่ได้ที่หลินม่ายจะแล้งน้ำใจและไม่รู้สึกสงสาร
ฮุ่ยฮุ่ยปฏิบัติตามหน้าที่ของคนธรรมดาคนหนึ่ง แต่ผู้เป็นแม่ลากหล่อนมาจนถึงจุดนี้ ถึงขนาดไม่มีเงินเพียงพอที่จะนำมาใช้จ่ายสำหรับผ่าคลอด
โชคดีที่หล่อนพบกับสามีที่ดีและไม่ทอดทิ้งไปไหน ไม่อย่างนั้นชีวิตของหล่อนคงน่าอนาถกว่านี้
แม้หลินม่ายจะไม่ได้ใจดีถึงขนาดนั้น แต่อย่างน้อยเธอก็รู้สึกเห็นใจอยู่บ้าง
ฮุ่ยฮุ่ยเหลือเพียงสามีอยู่เคียงข้าง หล่อนคาดหวังว่าหลินม่ายจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อช่วยให้ป้าฝูรอดพ้นจากการถูกจองจำ สิ่งนี้ทำให้พ่อและแม่สามีของหล่อนไม่พอใจอย่างมาก ถึงขนาดที่พวกเขาไม่ได้มาโรงพยาบาลเพื่ออยู่เคียงข้างขณะที่หล่อนต้องคลอดบุตร
หลังจากครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ หลินม่ายไปยังห้องพยาบาล เขียนเช็ค 1,000 หยวน และขอให้หัวหน้าพยาบาลส่งมอบให้กับสามีของฮุ่ยฮุ่ย
เธอกำชับกับหัวหน้าพยาบาลว่า อย่าบอกสามีฮุ่ยฮุ่ยว่าหลินม่ายเป็นคนให้เช็ค
หัวหน้าพยาบาลรู้สึกทึ่งกับเช็คเงินสด และบอกกับหลินม่ายว่าจะปฏิบัติตามคำสั่งของเธอด้วยดี
ทันทีที่หลินม่ายออกมาจากห้องพยาบาล เธอเห็นฟางจั๋วหรานออกจากห้องผ่าตัดอีกห้องหนึ่ง
เธอวิ่งไปหาเขาด้วยดวงตาแดงก่ำพร้อมน้ำตาไหลอาบแก้ม บอกเขาเสียงเศร้าว่าลูกแฝดในท้องของเธอกลายเป็นลูกเดี่ยวแล้ว
ฟางจั๋วหรานรู้สึกเสียใจมากเช่นกันหลังได้รับข่าวร้าย แต่เขาไม่สามารถแสดงมันออกมาได้ มิฉะนั้นหลินม่ายจะโศกเศร้ายิ่งกว่าเดิม
เขาโอบกอดหลินม่ายไว้ในอ้อมแขน ยกมือขึ้นลูบหลังหญิงสาวพลางปลอบโยน “ไม่เป็นไรนะ ลูกคนนี้ยังสบายดีก็ดีมากแล้ว”
หลินม่ายทำหน้ามุ่ย “แต่ฉันอยากมีลูกให้คุณเพิ่ม”
ในเวลานี้ คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางรีบสาวเท้าตามมาถึง
ทันทีที่เห็นหน้าหลินม่าย ย่าฟางดุเธอทันที “ก็รู้นี่ว่าตัวเองท้องอยู่ แต่ยังวิ่งแบบนี้อีก คราวหน้าฉันจะไม่ให้อภัยแล้วนะ!”
หลินม่ายพยักหน้ารับด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ก่อนที่ปู่ฟางและย่าฟางจะพาเธอกลับบ้าน
ทันทีที่พวกเขากลับมาถึงบ้าน โต้วโต้วเข้ามากอดท้องหลินม่ายและถามด้วยความเป็นห่วง “คุณแม่ น้องชายและน้องสาวของหนูในท้องสบายดีไหมคะ”
เมื่อหลินม่ายได้ยินแบบนั้น เธออดไม่ได้ที่จะร้องไห้
ตั้งแต่เกิดใหม่ในชีวิตนี้ เธอไม่เคยแสดงความอ่อนแอออกมาเลย แต่คราวนี้เธอแทบอดกลั้นไว้ไม่ได้
เธอระงับความโศกเศร้าในใจ ยกมือขึ้นลูบหัวของโต้วโต้ว “น้องชายหรือน้องสาวหายไปแล้วล่ะ”
โต้วโต้วขมวดคิ้วถาม “หายไปไหนคะ?”
หลินม่ายคิดอยู่ครู่หนึ่งและตอบกลับ “เด็กคนนั้นเล่นซนเกินไปและไปหลบซ่อน แม่หาเด็กคนนั้นไม่เจอ”
โต้วโต้วกอดเธอและกล่าวคำปลอบโยน “ไม่เป็นไรค่ะ สักวันหนึ่งแม่จะต้องหาน้องชายหรือน้องสาวตัวแสบของหนูคนนั้นเจอแน่ๆ”
หลินม่ายมองดวงตากลมโตอันไร้เดียงสาของโต้วโต้ว ในใจหวนนึกถึงไป๋ซวง
เธอต้องสื่อสารกับโต้วโต้วให้เข้าใจโดยเร็วที่สุด เพื่อให้รู้เรื่องราวต่อจากนี้
หากในอนาคตมีน้องชายหรือน้องสาว พ่อแม่จะทุ่มเทเวลาให้เด็กคนนั้นมากขึ้นเนื่องจากอายุยังน้อย ซึ่งพวกเขาอาจไม่มีเวลาให้โต้วโต้วมากเหมือนก่อน และหวังว่าเด็กน้อยจะเข้าใจ
เพื่อจะไม่ให้เป็นเหมือนไป๋ซวงที่กลายเป็นเด็กร้ายกาจเพราะถูกทอดทิ้ง
หลินม่ายพาโต้วโต้วไปนั่งบนโซฟาในห้องนั่งเล่น บอกกับโต้วโต้วถึงสิ่งที่เธอกำลังคิด
โต้วโต้วเอียงศีรษะพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเอาแขนโอบรอบคอหลินม่ายและพูดว่า “น้องชายน้องสาวยังเล็ก พ่อกับแม่จึงต้องรักเขาหรือหล่อนให้มาก ครูอนุบาลของเราทุกคนสอนให้เราเคารพผู้อาวุโสและเมตตาต่อเด็ก น้องชายน้องสาวของหนูคือเด็ก”
คุณย่าฟางมีความสุขมากที่ได้ยินเช่นนั้น นางยื่นมือไปลูบศีรษะเล็กด้วยความรัก “โต้วโต้วของเรามีเหตุผลจริงๆ แต่ตอนที่โต้วโต้วยังเด็ก พวกเราทุกคนล้วนเอาใจหนูคนเดียว หลังจากที่น้องชายหรือน้องสาวเกิดมา มันเป็นไปไม่ได้ที่หนูจะได้รับความโปรดปรานเหมือนตอนที่ยังเป็นเด็ก”
ท้ายที่สุดในครอบครัวที่มีลูกสองคน ไม่ว่าเด็กคนนั้นจะเป็นที่ชื่นชอบแค่ไหน แต่ก็ไม่เป็นที่โปรดปรานเท่ากับการเป็นลูกคนเดียวในครอบครัว
โต้วโต้วอายุเพียงหกขวบ ดังนั้นหล่อนจึงไม่เข้าใจในคำพูดของคุณย่าฟางมากนัก
แต่หล่อนเข้าใจคำพูดของคุณแม่ ถึงจะมีน้องชายหรือน้องสาว แต่ทุกคนยังคงหวงแหนเธอมาก ซึ่งแค่นั้นก็พอแล้ว
หล่อนเงยหน้าขึ้นพูดอย่างจริงจัง “จากนี้ไปหนูจะรักน้องชายหรือน้องสาวให้มากเหมือนกับทุกคนค่ะ”
หลังจากสื่อสารกับโต้วโต้วแล้ว หลินม่ายก็กลับเข้าไปในห้องด้วยความกระสับกระส่าย เตรียมเก็บข้าวของเพื่อกลับไปเมืองเจียงเฉินในวันพรุ่งนี้ ทันใดนั้นโทรศัพท์บนโต๊ะข้างเตียงก็ดังขึ้น
เธอหยิบขึ้นมาเพื่อรับสาย พบว่าเป็นผู้กำกับที่โทรมา
เขาโทรมาแจ้งกับหลินม่ายว่า เขาจะไปฝูเจี้ยนเพื่อรวมตัวกันในวันพรุ่งนี้ จากนั้นเดินทางไปเซี่ยเหมินเพื่อเริ่มถ่ายทำ
เดิมทีเขาจัดให้ฉากนี้ถ่ายทำในไต้หวัน แต่มันเป็นเรื่องยากเกินไปสำหรับหลินม่ายและเสิ่นอวิ้นในการขอหนังสือเดินทางไต้หวัน
ผู้กำกับไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเปลี่ยนสถานที่ถ่ายทำเป็นมาเก๊า
ทิวทัศน์ของมาเก๊าสวยงามมาก และไม่ด้อยไปกว่าไต้หวันเลย ซึ่งเหมาะกับการถ่ายทำหนังเรื่องนี้
หลินม่ายเพิ่งหวนนึกขึ้นได้ว่ายังมีสิ่งที่เรียกว่าการถ่ายทำอยู่
เธอรู้สึกละอายใจและบอกผู้กำกับว่าเธอตั้งครรภ์โดยไม่ได้ตั้งใจ และขอเลื่อนวันถ่ายทำได้ไหม
ผู้กำกับรีบถาม “คุณท้องนานหรือยัง? ท้องคุณยื่นออกมาชัดเจนไหม?”
หากครรภ์ของหลินม่ายโตเกินไป ก็คงต้องเปลี่ยนแปลงกำหนดการชั่วคราว
หลินม่ายตอบ “ราวสามหรือสี่เดือนค่ะ ท้องยังแบน ดูไม่ออกว่าตั้งครรภ์”
โดยปกติหญิงตั้งครรภ์จะเริ่มดูออกออกตั้งแต่เดือนสามหรือเดือนสี่เป็นต้นไป
ไม่ใช่ว่าท้องของเธอจะมองไม่เห็นเลย เพียงแค่เธอผอมและสูง ทำให้มองเห็นไม่ชัด
หน้าท้องของเธอเคยมีสัดส่วนโค้งเว้า แต่ตอนนี้มันแบนราบ แต่รูปร่างโดยรวมยังคงเพรียวบาง
ผู้กำกับสงสัยเล็กน้อย “ถ้ายังดูไม่ออกว่าตั้งครรภ์ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องการถ่ายทำ พรุ่งนี้คุณมาที่ฝูเจี้ยนตามแผนการเดิม ขอผมตรวจดูสภาพโดยรวมก่อน หากไม่มีปัญหาใด เราจะได้รีบถ่ายทำทันที”
หลินม่ายกล่าวคำตอบรับ
หลังคุยโทรศัพท์กับผู้กำกับเสร็จแล้ว หลินม่ายต่อสายหาเสิ่นอวิ้นและขอให้อีกฝ่ายไปฝูเจี้ยนกับเธอในวันพรุ่งนี้
เสิ่นอวิ้นได้รับแจ้งจากผู้กำกับเรื่องการถ่ายทำแล้ว หล่อนจึงไม่ได้เดินทางกลับบ้านในช่วงวันหยุดฤดูร้อน
เมื่อหลินม่ายชวน หล่อนจึงตอบตกลงทันที
จากนั้นหลินม่ายโทรหาเหรินเป่าจู และขอให้หล่อนติดต่อผู้กำกับเพื่อจัดหาเสื้อผ้าจากห้องเสื้อจิ่นซิ่วและเครื่องประดับไป๋เหอให้กับพนักงาน
เมื่อทั้งครอบครัวรับประทานอาหารเย็นอย่างพร้อมหน้า หลินม่ายแจ้งกับทุกคนว่าเธอจะบินไปฝูเจี้ยนวันพรุ่งนี้เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์ที่มาเก๊า
หลินม่ายบอกคุณย่าฟางเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วตั้งแต่ตอนที่เธอเซ็นสัญญากับผู้กำกับ
แต่หลังจากผ่านไปนาน ทุกคนต่างก็หลงลืม เมื่อหลินม่ายพูดถึงอีกครั้ง ทุกคนจึงหวนนึกขึ้นได้
คุณปู่ฟางเป็นคนแรกที่คัดค้าน “หลานกำลังท้อง ทำไมยังต้องไปถ่ายทำภาพยนตร์อีก บอกผู้กำกับไปซะว่าหลานไปถ่ายทำไม่ได้”
เนื่องจากหลินม่ายสูญเสียลูกคนหนึ่งในท้องไป เธอจึงไม่รู้สึกอยากอาหารนัก
เธอใช้ตะเกียบเขี่ยเมล็ดข้าวในชามและพูดว่า “แต่ถ้าผิดสัญญาจะต้องจ่ายค่าชดเชยนะคะ”
ฟางจั๋วหรานตัดซุปเนื้อและมะเขือเทศลงในชามของเธอ ก่อนกล่าวด้วยท่าทางสบายๆ “ถ้าจำเป็นต้องจ่ายก็แค่จ่ายไป ไม่ใช่ว่าเราไม่มีเงินจ่ายเสียเมื่อไหร่”
หลินม่ายพูดอย่างหดหู่ “มันยากมากกว่าจะหาเงินมาได้แต่ละหยวน ฉันไม่อยากเสียเงินไปโดยใช่เหตุ”
ถ้าจำเป็นต้องจ่ายค่าชดเชย ฟางจั๋วหรานไม่ยอมให้เธอเป็นคนจ่ายอย่างแน่นอน จากนั้นเขาจะใช้เงินที่คุณป้าทิ้งไว้ให้แทน
หลังอยู่ร่วมกับภรรยามานาน สิ่งที่หลินม่ายพูดก็บ่งบอกชัดเจนว่าเธอยังต้องการไปถ่ายทำ
ภรรยากำลังอารมณ์หมองหม่นเพราะสูญเสียลูกน้อยไป เช่นนั้นคิดเสียว่าการไปถ่ายทำคือการพักผ่อนของเธอ
ฟางจั๋วหรานพูด “ถ้าคุณอยากไปถ่ายทำก็ย่อมได้ แต่ต้องนำคนดูแลไปช่วยเหลือเรื่องในชีวิตประจำวันด้วยนะ เพราะท้ายที่สุดคุณก็กำลังตั้งครรภ์อยู่”
หลินม่ายเงยหน้าขึ้นจากชามข้าวและถามกลับ “เร่งด่วนขนาดนี้ ฉันจะหาผู้ช่วยจากที่ไหน?”
คุณย่าฟางกล่าวคำขาด “น้าถูพี่เลี้ยงของเราเก่งมาก พาหล่อนไปสิ”
หลินม่ายลังเล “ไม่มีพี่เลี้ยงอยู่ที่บ้าน แล้วใครจะดูแลคุณปู่คุณย่าและโต้วโต้วล่ะคะ?”
คุณปู่ฟางถาม “หลานต้องไปถ่ายทำนานแค่ไหน? ถ้ามันนานมาก เราคงต้องจ้างพี่เลี้ยงเพิ่ม ถ้ามันไม่นานมาก ปู่กับย่าจะทำงานบ้านเอง เรายังพอมีแรงทำงานบ้านอยู่บ้าง”
โต้วโต้วพูดเสริมทันใด “หนูจะช่วยคุณทวดทำงานบ้านเองค่ะ”
หลินม่ายกล่าว “ผู้กำกับบอกว่าระยะเวลานานสุดคือ 1 เดือนครึ่ง ถ้าถ่ายทำได้เร็วก็อาจเสร็จภายในครึ่งเดือน”
คุณย่าฟางพูด “ไม่ได้นานเลยนี่!”
หลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จ ฟางจั๋วหรานช่วยหลินม่ายเก็บสัมภาระ
เขาใส่กรดโฟลิกที่ป้าผู้ล่วงลับของเขาส่งมาจากสหรัฐอเมริกาในกระเป๋าเดินทางของเธอ และเตือนเธอซ้ำๆ ว่าอย่าลืมกินมันด้วย
ฟางจั๋วหรานทั้งรู้สึกว่างเปล่าและอึดอัด เมื่อคิดว่าภรรยาของเขาจะไม่อยู่บ้านเป็นเวลากว่าหนึ่งเดือน
เขาและภรรยาแทบไม่ได้ห่างกันนานตั้งแต่แต่งงาน
แต่ภรรยาบอกว่าเธอแค่อยากลองทำสิ่งแปลกใหม่ และไม่ได้ตั้งใจจะเข้าวงการบันเทิง เขาจึงปล่อยให้เธอเพลิดเพลินกับชีวิตบ้าง
หากไม่ทำสิ่งที่ต้องการในตอนที่ยังเด็กและแข็งแรง เมื่อแก่ตัวไปอาจไม่มีโอกาสให้ทำอีก
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น เสิ่นอวิ้นมาที่บ้านของหลินม่ายเพื่อรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน จากนั้นจึงออกเดินทางไปพร้อมกับหลินม่ายและน้าถูผู้เป็นพี่เลี้ยง
น้าถูเป็นคนดีและตั้งใจทำงาน
แต่ฟางจั๋วหรานยังคงกังวลว่าหล่อนจะไม่รอบคอบพอที่จะดูแลหลินม่าย
จึงบอกย้ำลับหลังหลินม่ายว่า หล่อนจะต้องติดตามหลินม่ายไปเซี่ยเหมิน และเงินเดือนของหล่อนจะได้รับการปรับขึ้นหลังคำนวณตามการเดินทาง
ระหว่างการทำงานนอกสถานที่ เงินเดือนของหล่อนคือ 500 หยวน
น้าถูทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่บ้านของหลินม่าย ค่าอาหารและค่าที่พักรวมแล้วเป็นเงินเดือนละ 100 หยวน และยังไม่รวมอั่งเปาในวันหยุด
เงินเดือนจากการทำงานนอกสถานที่เป็นเงิน 500 หยวน ซึ่งทำให้น้าถูดีใจมาก
แต่หล่อนก็ตระหนักรู้เช่นกันว่า จุดประสงค์ที่ฟางจั๋วหรานให้เงินเดือนสูงขนาดนี้ ก็เพื่อให้หล่อนดูแลหลินม่ายเป็นอย่างดี
แม้แต่ก่อนออกจากโรงพยาบาล น้าถูก็ดูแลหลินม่ายเป็นอย่างดีราวกับกำลังรับใช้จักรพรรดิ
ฟางจั๋วหราน คุณปู่ฟาง คุณย่าฟาง และโต้วโต้วมาส่งพวกหลินม่ายที่สนามบิน ทุกคนมองดูพวกเธอเดินเข้าไปในช่องรักษาความปลอดภัย ก่อนที่จะเดินจากไปอย่างไม่เต็มใจ
เมื่อเดินทางถึงฝูเจี้ยน ผู้กำกับขับรถมารับด้วยตัวเอง
เมื่อเห็นว่าหน้าท้องของหลินม่ายแบนราบดูไม่เหมือนกำลังตั้งครรภ์ เขาค่อนข้างพอใจกับสภาพโดยรวม ดังนั้นจึงหาหลินม่ายและเสิ่นอวิ้นไปยังมาเก๊าในวันเดียวกันนั้น
ในยุคสมัยนี้จำเป็นต้องใช้หนังสือเดินทางเพื่อมายังมาเก๊า ซึ่งผู้กำกับได้จัดเตรียมหนังสือเดินทางของหลินม่ายและเสิ่นอวิ้นไว้ก่อนแล้ว
น้าถูต้องอยู่ในฝูเจี้ยนอีกสองวัน เนื่องจากไม่มีหนังสือเดินทางไปมาเก๊า
ผู้กำกับส่งคนมาจัดการหาทางออกและรีบขอหนังสือเดินทางให้หล่อน จากนั้นหล่อนจึงรีบเดินทางตามไปอยู่เคียงข้างหลินม่าย
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เสียดายจัง ไม่ได้ลูกแฝดแล้ว แต่ก็ขอให้น้องที่ยังเหลืออยู่แข็งแรงปลอดภัยนะ
เดินทางทั้งที่ท้องอ่อนเนี่ยนะ จะไม่เป็นอะไรเหรอ
ไหหม่า(海馬)