แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 828 เปลี่ยนตัวนางรอง
ตอนที่ 828 เปลี่ยนตัวนางรอง
ความเร็วการถ่ายทำในเป่าเต่านับว่าเร็วมากแล้ว
แต่เพราะผู้กำกับกังวลว่าท้องของหลินม่ายจะใหญ่ขึ้นกว่านี้ ซึ่งจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของเธอบนหน้าจอ ดังนั้นการถ่ายทำจึงดำเนินไปอย่างรวดเร็วกว่าเดิมมาก
เพื่อไม่ให้กระทบต่อความคืบหน้าของการถ่ายทำ เหรินเป่าจูได้ส่งเจ้าหน้าที่หลายคนเพื่อนำเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับที่ทีมงานต้องการไปยังฝูเจี้ยนผ่านเครื่องบิน จากนั้นผู้กำกับจึงให้คนจากฝูเจี้ยนนำมาที่มาเก๊า
หลินม่ายและเสิ่นอวิ้นมาถึงมาเก๊า และมีวันหยุดหนึ่งวันก่อนที่จะเริ่มถ่ายทำ
โชคดีที่เป็นภาพยนตร์นอกกระแส จึงไม่ยากที่จะถ่ายทำ
เมื่อรวมกับความสามารถในการแสดงของหลินม่ายแล้ว ทำให้ทุกการถ่ายทำแต่ละฉากผ่านไปได้ด้วยดี
ทั้งหลินม่ายและเสิ่นอวิ้นมาจากทางใต้ ทำให้สำเนียงไม่แปลกมาก
พวกเธอมีนิสัยดีและแต่งตัวดี หลังจากการถ่ายทำผ่านไป 2 วัน ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าพวกเธอมาจากแผ่นดินใหญ่
เจ้าหน้าที่จากเป่าเต่าเชี่ยวชาญในการบิดเบือนความคิดของประชาชน
ผู้คนจำนวนมากในเป่าเต่าคิดว่าแผ่นดินใหญ่นั้นยากจนมาก กระทั่งไม่สามารถซื้อแม้แต่ใบชา และหากต้องการกินเนื้อสัตว์ก็ต้องไปจับหนูพุก
มันไม่มีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่นักแสดงและทีมงานจากทีมผู้ผลิตบนเป่าเต่าจะยอมร่วมงานกับหลินม่ายและเสิ่นอวิ้นหากรู้ว่ามาจากแผ่นดินใหญ่
ทุกคนคิดว่าพวกเธอมาจากมาเก๊า ไม่ใช่ผู้คนจากแผ่นดินใหญ่
กระทั่งน้าถูมาถึง นักแสดงและทีมงานต่างก็สงสัยว่าหลินม่ายและเสิ่นอวิ้นมาจากไหน
คนแรกที่เกิดความสงสัยคือนักแสดงนำหญิงหมายเลขสอง เหยาจวินอี๋
หล่อนเป็นคนที่ไม่เป็นมิตรกับหลินม่ายมากที่สุดในทีมงานทั้งหมด
แต่เพราะผู้กำกับแจ้งกับทีมงานทั้งหมดว่า หลินม่ายกำลังตั้งครรภ์และต้องดูแลเธอเป็นพิเศษ หล่อนจึงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่พูดคุยกับหลินม่าย มักมีคำเย้ยหยันหลุดออกมาเสมอ
เมื่อทุกคนรับประทานอาหารร่วมกันในตอนเที่ยง เหยาจวินอี๋ถามหลินม่ายต่อหน้าทุกคนว่า “คุณไปว่าจ้างคนดูแลจากแผ่นดินใหญ่เพื่อประหยัดเงินหรือยังไง? สำเนียงปักกิ่งของหล่อนน่าเกลียดจริงๆ!”
หากน้าถูไม่มา หลินม่ายมักตามทีมงานมาทานอาหารกล่องในตอนกลางวันตามมีตามเกิด
แต่หากน้าถูอยู่ แม้หลินม่ายจะอยากกินข้าวกล่องร่วมกับทีมงาน แต่น้าถูไม่ยินยอม
ก่อนถึงเวลาเที่ยง น้าถูไปยังโรงแรมดังที่สุดในมาเก๊าเพื่อสั่งอาหารราคาแพงราวสองถึงสามอย่างใส่ห่อกลับมา
เมื่อเจอหลินม่าย เธอพูดว่า “ม่ายจื่อ ฉันซื้ออาหารจานเด่นของโรงแรมมีชื่อที่สุดในมาเก๊ามาให้ มีทั้งพระกระโดดกำแพง ซุปพิราบตุ๋น และสาคูมะม่วงส้มโอ ลองชิมดูสิว่าชอบไหม”
เหยาจวินอี๋ที่เพิ่งหัวเราะเยาะเรื่องหลินม่ายว่าจ้างผู้ช่วยจากแผ่นดินใหญ่เพื่อประหยัดเงิน แต่หลังจากได้ยินชื่อโรงแรมใหญ่และชื่ออาหารที่น้าถูซื้อมาให้ หล่อนก็ถึงกับจ้องมองไปรอบ ๆ ราวกับไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน
ตัวหล่อนไม่สามารถแม้แต่จ่ายค่าโรงแรมชื่อดังแห่งนั้น แต่หลินม่ายกลับสามารถจ่ายค่าอาหารราคาแพง พื้นเพผู้หญิงคนนี้เป็นยังไงกันแน่?
หลินม่ายโบกมือให้น้าถู “ฉันไม่กินสาคูมะม่วงส้มโอค่ะ ขอแค่พระกระโดดกำแพงและซุปพิราบตุ๋นก็พอ”
น้าถูวางถ้วยสองใบที่ใส่พระกระโดดกำแพงและซุปพิราบตุ๋นลงบนโต๊ะพับที่นำมาด้วย ก่อนจะพูดเสียงเศร้า “สาคูมะม่วงส้มโอแพงมากเลย แต่กลับไม่กินซะอย่างนั้น~”
หลินม่ายตักไข่นกกระทาจากเมนูพระกระโดดกำแพงและกินเข้าไป จากนั้นหันไปพูดกับเหยาจวินอี๋อย่างเฉยชาว่า “ฉันมาจากแผ่นดินใหญ่ มันจึงไม่แปลกที่ฉันจะว่าจ้างผู้ช่วยจากแผ่นดินใหญ่ไม่ใช่หรือ?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เธอกล่าวคำเย้ยหยัน “นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้ยินคนพูดว่าสำเนียงปักกิ่งน่าเกลียด แม้แต่ประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกายังไม่กล้าพูดแบบนั้น คุณม้วนลิ้นได้ไม่ดีและส่งเสียงไม่ได้ ก็อย่าอวดอ้างความโง่เขลาของตัวเองเลย เข้าใจไหม?”
เมื่อเหยาจวินอี๋ได้ยินว่าหลินม่ายมาจากแผ่นดินใหญ่ หล่อนพลันรู้สึกผยองใจว่าตัวเองสูงส่งกว่า
หล่อนมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเหยียดหยาม “ที่แท้ก็มาจากแผ่นดินใหญ่นี่เอง ยากจนแล้วยังไม่เจียมตัว ให้ผู้ช่วยไปสั่งอาหารราคาแพงจากโรงแรมชื่อดัง คุณมีเงินพอจะจ้างฉันเป็นผู้ช่วยด้วยหรือเปล่า?”
หลินม่ายชำเลืองมองหล่อนพร้อมรอยยิ้มมุมปาก
เมื่อเห็นผู้กำกับกลับเข้ามาหลังรับประทานอาหารเสร็จแล้ว หลินม่ายก็โบกมือเรียกเขา “ผู้กำกับ เชิญมาที่นี่หน่อยค่ะ”
ผู้กำกับรีบเดินเข้ามาถาม “เรียกผมทำไมหรือ?”
หลินม่ายชี้เหยาจวินอี๋ด้วยช้อนในมือพลางกล่าวคำน้ำเสียงนิ่งแต่แน่วแน่ “เปลี่ยนบทคนเป็นนางรองให้ฉันด้วยค่ะ”
เหยาจวินอี๋ผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นพูดคำด้วยความเหยียดหยาม “หล่อนคิดว่าตัวเองเป็นใคร? มีสิทธิ์อะไรจะถอดฉันออก?”
ใบหน้าของผู้กำกับหมองคล้ำราวกับก้นหม้อ เขาตวาดใส่หล่อนทันที “หุบปากซะ! คุณหลินม่ายเป็นผู้ลงทุนในภาพยนตร์ของเรา แล้วคิดว่าคุณหลินม่ายมีสิทธิ์ถอดเธอออกไหมล่ะ?”
ไม่เพียงแค่เหยาจวินอี๋ แม้แต่นักแสดงและทีมงานคนอื่นจากเป่าเต่าล้วนตกตะลึง
พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่า ผู้ลงทุนสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นหญิงสาวจากแผ่นดินใหญ่
หลายคนแอบดีใจในใจที่ไม่ล่วงเกินสาวจากแผ่นดินใหญ่คนนี้ ไม่เช่นนั้นผลที่ตามมามีเพียงหายนะ
แต่เหยาจวินอี๋ยังคงไม่เชื่อ “คุณบอกว่าหล่อนเป็นนักลงทุน สาวแผ่นดินใหญ่จะมีเงินลงทุนได้ยังไง?”
หลินม่ายตักพระกระโดดกำแพงเข้าปากและเคี้ยวอย่างละเมียดละไม เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เธอหัวเราะออกมาแผ่วเบา “ใช่ ใช่แล้ว ผู้คนจากแผ่นดินใหญ่ล้วนยากจนมาก คนที่สามารถซื้อผักดอง ใบชา และเนื้อหนูพุกได้จะต้องเป็นคนร่ำรวย ฉันจ่ายสามสิ่งนี้ไม่ได้ ฉันจึงกินได้แค่พระกระโดดกำแพงและซุปพิราบตุ๋น แน่นอนว่าฉันไม่มีเงินลงทุนหรอก”
เมื่อเห็นว่าเหยาจวินอี๋ดูถูกพวกหล่อนที่มาจากแผ่นดินใหญ่ เสิ่นอวิ้นจึงเดือดดาลหนัก จงใจแสร้งทำเป็นพยัคฆ์กดดันผู้กำกับ “คุณได้ยินสิ่งที่นักแสดงนำหญิงหมายเลขสองพูดไหม หล่อนทำให้ประธานหลินของเราขุ่นเคืองใจ หากคุณไม่หาคนอื่นมาแทน ประธานหลินจะปลดคุณออกทันที!”
ผู้กำกับมองไปที่หลินม่ายด้วยความลำบากใจ
เวลานี้หลินม่ายไม่ได้กินพระกระโดดกำแพงแล้ว แต่เธอหันไปกินอาหารอีกจาน
เธอเงยหน้าขึ้นมองผู้กำกับ “อย่ามองมาที่ฉันสิคะ สิ่งที่เสิ่นอวิ้นหมายถึงก็เหมือนกับสิ่งที่ฉันคิด”
ผู้กำกับไม่มีที่ว่างให้แก้ตัว ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากปล่อยให้เหยาจวินอี๋เก็บข้าวของออกจากกองถ่าย
เหยาจวินอี๋ตระหนักได้ว่าหล่อนไปหาเรื่องผิดคนแล้ว ก่อนจะนึกเสียใจเกินกว่าจะบรรยาย
หล่อนคุกเข่าลงพื้นพร้อมกับทีมงานทั้งหมด ขอร้องให้หลินม่ายยกโทษให้หล่อนที่ตามืดบอด และดูแคลนเธอแบบนั้น
หลินม่ายกล่าวคำเสียงเรียบ “ฉันควรทำยังไงดี? ฉันน่ะทั้งขี้งกและไม่ให้อภัยใครง่ายๆ”
ผู้กำกับขอร้องแทนเหยาจวินอี๋ “ประธานหลิน นักแสดงทุกคนในภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับการคัดเลือกจากผมมาอย่างดีแล้ว ผมเกรงว่าการเปลี่ยนนักแสดงนำกะทันหันจะส่งผลกระทบกับภาพยนตร์ทั้งหมด หากภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาไม่ดี มันจะส่งผลต่อเงินปันผลของคุณในฐานะนักลงทุนด้วย”
หลินม่ายพูดด้วยท่าทางเมินเฉย “แม้ว่าพวกเราชาวแผ่นดินใหญ่จะยากจน แต่ฉันก็ยอมเสียเงินเล็กน้อยพวกนี้ได้”
ผู้กำกับยังคงพยายามอย่างหนัก “เราสามารถหลีกเลี่ยงการสูญเสียที่เกิดขึ้นได้ไม่ใช่หรือครับ? คุณเหยามีชื่อเสียงที่ดีในเป่าเต่า หากหาคนอื่นมาแทน ผมเกรงว่าเราจะสูญเสียตลาดในเป่าเต่า”
หลินม่ายเย้ยหยัน “เมื่อฉันลงทุนในภาพยนตร์เรื่องนี้ ฉันไม่เคยคำนึงถึงตลาดในเป่าเต่าเลย ในสถานที่ขนาดเล็กแบบนั้น ต่อให้ภาพยนตร์ได้รับความนิยมเพียงใด มันก็ทำเงินได้ไม่มาก หากคุณต้องการทำเงิน คุณต้องคาดหวังที่จะเจาะตลาดแผ่นดินใหญ่ ผู้กำกับ คุณไม่คิดอย่างนั้นเหรอ?”
ผู้กำกับกัดริมฝีปากและพูดไม่ออกชั่วขณะ
เพราะสิ่งที่หลินม่ายพูดมานั้นล้วนเป็นความจริง ตลาดในแผ่นดินใหญ่นั้นใหญ่มาก แม้ผู้คนจะยากจน แต่การทำเงินนั้นง่ายกว่าที่เป่าเต่ามาก
มิฉะนั้น อุตสาหกรรมภาพยนตร์และโทรทัศน์ของฮ่องกงและเป่าเต่าคงไม่พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะตีตลาดสู่ตลาดแผ่นดินใหญ่
ผู้กำกับมองเหยาจวินอี๋อย่างหมดหนทาง
ในที่สุด เหยาจวินอี๋ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเก็บข้าวของขณะร้องไห้
ผู้กำกับรีบเรียกตัวนักแสดงสาวชาวเป่าเต่าชื่อว่าเจียงหูมาแทนเหยาจวินอี๋
นักแสดงสาวคนนี้จะเดินทางมาถึงมาเก๊าในวันรุ่งขึ้น และหล่อนได้ยินเรื่องของเหยาจวินอี๋ที่ถูกถอดออกจากบทบาทแล้ว
เมื่อมาถึงกองถ่าย หล่อนจึงทำงานอย่างตรงไปตรงมา พยักหน้าและโค้งคำนับทุกครั้งที่เห็นหลินม่าย และไม่กล้าขัดใจอีกฝ่ายเลย
นี่ไม่ใช่กรณีที่เกิดขึ้นกับนักแสดงสาวคนนี้เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงนักแสดงและทีมงานคนอื่นจากเป่าเต่าด้วย
พวกเขาเคยคิดว่าหลินม่ายเป็นคนคุยง่ายและมีบุคลิกนุ่มนวล
ทว่าตั้งแต่ที่เห็นหลินม่ายไล่เหยาจวินอี๋ออกจากกองถ่ายอย่างไร้ความปรานี ทุกคนตระหนักได้ว่าหลินม่ายเป็นบุคคลที่น่ากลัวอย่างยิ่ง
ความนุ่มนวลในอดีตไม่ใช่เพราะเธออ่อนแอ แต่เป็นเพราะเธอเกียจคร้านเกินกว่าจะโต้เถียงกับใครในเรื่องหยุมหยิม
หากเธอจริงจังขึ้นมา คงไม่มีใครสามารถทนได้
หลังจากผ่านไปเพียง 20 วัน การถ่ายทำทั้งเรื่องก็เสร็จสิ้นในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ
ในวันสุดท้าย หลินม่ายเชิญทุกคนในทีมร่วมเฉลิมฉลองด้วยกัน
ทุกคนคิดว่าเธอจะสั่งอาหารโต๊ะใหญ่เพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองรวย แต่ไม่คาดคิดว่าอาหารที่สั่งมาจะอยู่ในระดับรับได้ แม้ไม่เลิศหรู แต่ก็ไม่เลวร้าย
หลินม่ายผู้มีโอกาสใช้ชีวิตครั้งที่สองจะไม่มีวันเสียเงินเพื่อพิสูจน์ตัวเอง และไม่คิดสนใจสิ่งที่คนอื่นพูดถึงเธอลับหลัง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อย่าได้ว่าร้ายหรือดูถูกอะไรใครเลย เพราะเราไม่รู้หรอกว่าสักวันหนึ่งเขาอาจเป็นคนมีอำนาจพอที่จะมอบหรือตัดโอกาสเราก็ได้
ไหหม่า(海馬)