แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 830 กลายเป็นคนตะกละ
ตอนที่ 830 กลายเป็นคนตะกละ
เช้าวันรุ่งขึ้น น้าถูปรุงเกี๊ยวให้ทั้งครอบครัวด้วยซุปกระดูกที่ฟางจั๋วหรานทำเมื่อคืนนี้ และทำซุปไก่แก่ให้หลินม่ายด้วย
นอกจากนั้นยังทำพายเนื้อสำหรับทั้งครอบครัว
หลินม่ายกินเกี๊ยวและซุปไก่จนไม่เหลือแม้สักหยด และเธอยังกินพายเนื้ออีกสามชิ้น
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติสำหรับสตรีมีครรภ์ที่จะกินจุ แต่ฟางจั๋วหรานกลับตกใจเล็กน้อย
เขาสงสัยว่าหลินม่ายมีความตะกละเกินกว่าที่ทางสรีรวิทยาในระหว่างตั้งครรภ์กำหนด
หลังอาหารเช้า ทั้งครอบครัวพาหลินม่ายไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจครรภ์
แต่เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ฟางจั๋วหรานก็ให้เบอร์หลินม่ายและกลับไปทำงาน
ในระหว่างการตรวจ หลินม่ายอดไม่ได้ที่จะถามแพทย์ว่า ทำไมตั้งครรภ์ได้นานกว่าสี่เดือนแล้ว แต่ท้องกลับไม่ใหญ่ขึ้นเลย
แม้ฟางจั๋วหรานจะตอบคำถามนี้ไปแล้วเมื่อวานนี้ แต่หลินม่ายก็ต้องการได้ยินจากผู้เชี่ยวชาญ
เธอตั้งท้องเป็นครั้งแรกและเธอก็ระแวงอยู่เสมอ เพราะกลัวว่าทารกในครรภ์จะมีพัฒนาการไม่ดี
คำตอบของแพทย์คล้ายกับฟางจั๋วหราน
ว่ากันว่ามีผู้หญิงส่วนหนึ่งที่แม้จะตั้งครรภ์เกินกว่าสี่เดือน แต่ท้องกลับไม่โตจนกว่าจะถึงห้าหรือหกเดือน
สูติแพทย์และนรีแพทย์ที่ตรวจหลินม่ายยิ้มพลางกล่าว “อย่าอิจฉาคนท้องใหญ่เลย โดยทั่วไปแล้วท้องใหญ่หมายถึงทารกตัวใหญ่เกินเกณฑ์ พัฒนาการของทารกในครรภ์ที่มากเกินไปไม่ใช่เรื่องดี”
หลินม่ายพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หลังจากตรวจก็พบว่าทารกในครรภ์แข็งแรงและสมบูรณ์ คุณปู่ฟาง คุณย่าฟาง และหลินม่ายกลับบ้านพร้อมกัน
คุณย่าฟางกลัวว่าหลินม่ายจะเหนื่อยจากการถ่ายทำ จึงขอให้เธอพักผ่อนที่บ้านสักสองสามวันแล้วค่อยกลับไปทำงาน
หลินม่ายอยู่บ้านอย่างเชื่อฟัง กินและนอนทั้งวัน เธอชอบใช้ชีวิตเหมือนลูกหมูเช่นนี้อย่างมาก
ฟางจั๋วหรานรู้สึกกังวลเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเธอกินมากขึ้นทุกวัน
เขามักจะรู้สึกว่าใบหน้าเล็ก ๆ บอบบางของเธออ้วนขึ้นอย่างรวดเร็วจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
มื้อเย็นวันนั้น น้าถูทำซุปเห็ดและหมูสามชั้นของโปรดของหลินม่าย
หลินม่ายกินข้าวสามชามในคราวเดียว และเมื่อเธอกำลังจะเติมชามที่สี่ ฟางจั๋วหรานก็หยิบชามใบเล็กของเธอออกไปก่อนจะกล่าว “พอแล้ว กินอีกไม่ได้แล้ว ถ้ากินมากกว่านี้มันจะทำให้คุณอ้วน”
หลินม่ายพูดอย่างไม่มีความสุข “แต่ฉันยังไม่อิ่ม ~”
คุณย่าฟางรู้สึกเป็นทุกข์มากเมื่อได้ยินเรื่องนี้
นางคว้าชามใบเล็กของหลินม่ายจากมือของฟางจั๋วหราน ขมวดคิ้วและกล่าว “ทำไมทำแบบนี้? ม่ายจื่อยังไม่อิ่มด้วยซ้ำ!”
แน่นอนว่านางอยากให้หลินม่ายกินให้เยอะที่สุด
ฟางจั๋วหรานคว้าชามกลับมาอีกครั้งและพูดด้วยความไม่พอใจ “คุณย่า กินอีกไม่ได้แล้วครับ หากได้รับสารอาหารมากเกินไป เด็กในครรภ์จะไม่เพียงเติบโตเกินเกณฑ์ แต่ยังจะไม่ฉลาด และยังมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเบาหวานเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่อีกด้วย”
คุณย่าฟางตอบกลับ “แต่จานข้าวของม่ายจื่ออเล็กมาก กินอีกสักจานก็คงไม่เป็นอะไร” เธอกล่าวพลางพยายามแย่งจานจากฟางจั๋วหราน
“กินไม่ได้แล้วจริง ๆ ครับ!” ฟางจั๋วหรานทำอะไรไม่ถูก
คุณปู่ฟางพูดกับคุณย่าฟาง “กินให้ดี ๆ หน่อยเถอะ อย่าเอาแต่ใจมากเลย จั๋วหรานเป็นหมอ เขารู้มากกว่าเราไม่ใช่เหรอ?”
คุณย่าฟางยอมแพ้และหยิบตะเกียบเพื่อรับประทานอาหารต่อไป
หลินม่ายนั่งบนโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารอันโอชะ แต่ไม่สามารถกินอะไรได้อีก จึงลุกจากโต๊ะอย่างหดหู่ และเดินกลับห้อง
หากไม่ได้เห็นของน่าอร่อยเหล่านั้น เธอก็คงไม่รู้สึกหิว
เมื่อเห็นดังนั้น ฟางจั๋วหรานก็รีบกินอาหารเย็นให้เสร็จและกลับไปที่ห้องของเขา
เมื่อเห็นหลินม่ายกำลังกัดผ้าเช็ดหน้า เขาก็โกรธและเป็นทุกข์
เขาเดินเข้าไปถาม “ผ้าเช็ดหน้าสะอาดไหม? ทำไมกล้าเอายัดใส่ปากและกัดแบบนั้น”
หลินม่ายพยักหน้า “สะอาดอยู่ค่ะ”
ฟางจั๋วหรานหยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากปากของเธอและกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา “อดทนอีกสองสามเดือนยะ เมื่อลูกเกิดมา ผมจะอนุญาตให้คุณกินและดื่มได้อย่างเต็มที่”
หลินม่ายพึมพำด้วยความเศร้าใจ
ฟางจั๋วหรานอุ้มเธอขึ้น “ตื่นเช้าและเข้านอนแต่หัวค่ำ แล้วคุณจะไม่อยากกินอะไรเมื่อคุณหลับ”
หลังจากนั้นเขาก็อุ้มเธอเดินไปที่ห้องน้ำ
หลินม่ายพูดในอ้อมแขนของเขา “ไม่เป็นไร อาบน้ำเร็วได้ แต่ไม่จำเป็นต้องเข้านอนเร็ว ฉันหลับไปหลายชั่วโมงหลังอาหารกลางวันเมื่อตอนเที่ยง และตอนนี้ฉันอารมณ์ดีมาก ยังไม่รู้สึกง่วงเลยสักนิด ให้ฉันอ่านเอกสารที่ส่งมาจากสำนักงานใหญ่ก่อนแล้วค่อยนอนนะ”
ฟางจั๋วหรานตอบตกลง หลังอาบน้ำเธอจนตัวหอม เขาก็วางเธอลงบนเตียงและเปิดพัดลมให้เธอ โดยเลือกแรงลมที่เบาที่สุด
แม้ว่าหลินม่ายจะมีสุขภาพดี แต่เขาก็ยังกลัวว่าเธอจะป่วย
ฟางจั๋วหรานเดินไปหยิบกระเป๋าเอกสารข้างเครื่องแฟกซ์และใส่ไว้ในมือของหลินม่าย
แล้วเอาหมอนหนุนหลังเธอพลางกล่าว “อ่านเถอะ”
เขาเองก็นั่งลงอ่านหนังสือข้างเธอ
เมื่อเห็นว่าเขาไม่มีพัดลม หลินม่ายกดพัดลมให้ส่ายหน้า
ฟางจั๋วหรานตั้งพัดลมไปที่โหมดคงที่ดังเดิมพร้อมกล่าว “ผมไม่ร้อน”
“วันนี้อากาศร้อนแล้วจะไม่ร้อนได้ยังไง?”
หลินม่ายบังคับพัดลมให้ส่ายหน้าและปรับแรงลมเป็นระดับที่สอง “ส่ายหน้าไว้แบบนี้ ลมจะได้ไม่พัดมาโดนฉันตลอด ไม่ต้องห่วงว่าฉันจะเป็นหวัด”
ฟางจั๋วหรานไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเชื่อฟังเธอ
หลินม่ายหยิบเอกสารทั้งหมดในกระเป๋าเอกสารออกมาและคุ้ยหาเอกสารเหล่านั้นบนผ้าห่มผืนบางที่คลุมตัวเธอไว้
เธอพบข้อมูลหุ้นในฮ่องกงที่พวกเขาแฟกซ์มาให้เธออย่างรวดเร็ว
เธอไม่ได้อ่านของเดือนสิงหาคมเพราะไม่มีประโยชน์ในการวิจัย เธอเริ่มอ่านหลังเดือนสิงหาคม
หลังจากอ่านไปเพียงสองหน้า มุมปากของเธอก็โค้งขึ้นเล็กน้อย
ข้อมูลหุ้นที่เธอสะกดจิตได้จากหลินเพ่ยนั้นถูกต้องจริง ๆ หุ้นที่เธอซื้อล้วนมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น
อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นนั้นน้อยเกินไป และคาดว่ามีนักลงทุนไม่กี่รายที่จะจริงจังกับมัน
ขณะกำลังอ่านรายละเอียด น้าถูก็เคาะประตูและนำผลไม้มาให้
หล่อนล้างผลไม้ทั้งหมด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วใส่ในชามขนาดเล็ก
ครอบครัวของหลินม่ายไม่เคยกินผลไม้ตัดแต่งเช่นนี้เลย พวกเขาล้างมันและกินทั้งผลเสมอ ยกเว้นแตงโมและแคนตาลูป
แต่ไม่เคยหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แบบนี้ พวกเขาจะหั่นเป็นเส้นยาวทั้งหมด
เพื่อความสะดวกของหลินม่าย ฟางจั๋วหรานขอให้น้าถูตัดผลไม้เป็นชิ้นเล็ก ๆ ขนาดเท่าไพ่นกกระจอก
ความหิวโหยและตะกละตะกลามของหลินม่ายถือเป็นปัญหาใหญ่ เธอกำลังต่อสู้กับคนตะกละในตัวเธออย่างสิ้นหวังด้วยความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของเธอ
เมื่อเห็นน้าถูเอาผลไม้มาให้ เธอก็ดีใจหยิบชามผลไม้แล้วเริ่มกิน
ผลไม้หั่นเป็นชิ้นเล็กสะดวกในการกินและส้อมจิ้มและส่งเข้าปากทีละชิ้น
แก้มเล็ก ๆ ของเธอป่องเหมือนกระรอกตัวน้อย ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ดูน่ารักใคร่และน่าเอ็นดู
ฟางจั๋วหรานไม่สนใจที่จะอ่านหนังสือ เขาเดินไปจับใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอไว้ในอ้อมแขนและต้องการที่จะจูบเธอ
หลินม่ายกำลังกินแคนตาลูปชิ้นเล็ก
กลิ่นของแคนตาลูปนั้นคือกลิ่นของแคนตาลูปขนาดเล็กในมณฑลหูเป่ย
แคนตาลูปลูกเล็กในมณฑลหูเป่ยมีสีทองและมีริ้วแปดแถว คนในท้องถิ่นจึงเรียกว่าแคนตาลูปปาฟาง
แคนตาลูปลูกเล็กชนิดนี้มีกลิ่นหอม เนื้อกรอบ และรสชาติดี หลินม่ายชอบกินมาก
เมื่อเห็นฟางจั๋วหรานยื่นปากออกมา เธอคิดว่าเขากำลังจะหยิบผลไม้ จึงผลักเขาออกไปก่อนจะหันกลับมาและกินผลไม้นั้น
ฟางจั๋วหรานเปิดการโจมตีรอบที่สอง เขาหันตัวเธอไปรอบ ๆ และเผชิญหน้ากับเธอ ในที่สุดจูบที่เร่าร้อนก็ลงมาที่ริมฝีปากของเธอ
การจูบในครั้งนี้ยังพอช่วยบรรเทาความต้องการของเขาได้บ้าง
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้มาแย่งอาหารจากเธอ หลินม่ายจึงปล่อยให้เขาจูบ ก่อนจะกินผลไม้ต่อไป
หลังจากกินผลไม้ไปครึ่งหนึ่ง หลินม่ายก็ลูบท้องอย่างพึงพอใจ เอนตัวลงบนเตียงและอ่านข้อมูลหุ้นต่อไป
ฟางจั๋วหรานทำความสะอาดและกินผลไม้ที่เหลือของเธอ
เมื่อหลินม่ายเห็นราคาหุ้นล่าสุด เธอพบว่าหุ้นที่ซื้อมีสัญญาณขาลง แต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แต่เธอก็ไม่ได้สนใจมากนัก
ตอนที่หลินเพ่ยถูกสะกดจิต หล่อนบอกว่าหุ้นเหล่านี้จะขึ้นอย่างรวดเร็วหลังจากผ่านไปครึ่งปี และตอนนี้ยังมีเวลาหนึ่งหรือสองเดือนก่อนครึ่งปี
เธอรวบรวมข้อมูลไว้ในกระเป๋าเอกสารของเธอ พลางครุ่นคิดในใจ ‘เป็นเวลานับเดือนแล้วที่หลินเพ่ยและอู๋เสี่ยวเจี๋ยนหนีไป ไม่รู้ว่าพวกเขาไปฮ่องกงจริงหรือไม่ และสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไร?
ในระหว่างการถ่ายทำ เป็นเรื่องยากมากที่ทั้งเฉินเฟิงและเหมาฉงจะติดต่อกับเธอ เพราะพวกเขาต้องถ่ายทำฉากต่าง ๆ ทุกที่ในเซี่ยเหมิน
เว้นแต่หลินม่ายจะริเริ่มติดต่อพวกเขาก่อน
แม้ว่าการถ่ายทำหนังจะไม่เหนื่อย แต่หลินม่ายกำลังตั้งครรภ์ ดังนั้นเธอจะยังคงรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อยหลังจากผ่านไปหนึ่งวัน
ทุกวันเมื่อกลับถึงโรงแรม หลังอาหารเย็น เธอจะคุยโทรศัพท์กับฟางจั๋วหรานครู่หนึ่ง จากนั้นก็งีบหลับเพื่อเติมพลังและเตรียมพร้อมสำหรับการถ่ายทำในวันพรุ่งนี้
ดังนั้นในระหว่างการถ่ายทำ เธอจึงไม่ได้ติดต่อเฉินเฟิงหรือเหมาฉง จึงไม่รู้สถานการณ์ล่าสุดของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนและหลินเพ่ยเลย
ตอนนี้เธอต้องการโทรหาเหมาฉง และถามเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของทั้งสองคนอย่างมาก แต่ฟางจั๋วหรานนั่งอยู่ข้าง ๆ เธอ ดังนั้นจึงไม่สะดวกที่จะโทรหา
เธอกลัวว่าฟางจั๋วหรานจะได้ยินเนื้อหาของเรื่องราวและเห็นด้านที่โหดเหี้ยมของเธอ
แม้จะเป็นสามีภรรยากัน แต่เธอก็ไม่อยากให้เขาเห็นด้านมืดของเธอ
หลินม่ายจึงคิดว่าเมื่อฟางจั๋วหรานไปทำงานในวันพรุ่งนี้ เธอจะโทรหาเหมาฉงอีกครั้ง
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เวลามีลูกก็กินจุขึ้นเป็นธรรมดาแหละค่ะ แค่อย่ากินเยอะเกินไปเท่านั้น
สองคนนั้นมีชะตากรรมเป็นอย่างไรบ้างน้า โดนสกัดล้อมขนาดนั้นแล้ว
ไหหม่า(海馬)