แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 835 ความคิดที่ดีของเคอจื่อฉิง
ตอนที่ 835 ความคิดที่ดีของเคอจื่อฉิง
เคอจื่อฉิงหยิบนมผงที่พี่เลี้ยงเตรียมไว้ให้ และมอบขวดหนึ่งให้กับหลินม่าย ขอให้เธอป้อนนมทารกที่เธออุ้มอยู่
เธอถือขวดนมและป้อนนมเด็กน้อยในอ้อมแขน
ฝาแฝดคู่หนึ่งดื่มอย่างเงียบงัน ขณะเพื่อนที่ดีทั้งสองก็พูดคุยกันต่อ
เคอจื่อฉิงกล่าว “การมีลูกเพิ่มไม่ใช่เรื่องยาก เมื่อไหร่ที่ท้อง เธอก็มาที่ฮ่องกงหรืออเมริกาแล้วก็มีลูกได้มากเท่าที่ต้องการ ตราบใดที่เธอไม่กลัวความเจ็บปวด”
ดวงตาของหลินม่ายเป็นประกาย “ทำไมฉันคิดไม่ถึงกันนะ!”
เด็กที่เกิดด้วยวิธีนี้จะไม่อยู่ภายใต้นโยบายลูกคนเดียว และเธอจะคลอดลูกกี่คนก็ได้ตามต้องการ
แน่นอนว่าหลินม่ายจะไม่ไปคลอดลูกที่สหรัฐอเมริกา เพราะเธอไม่ต้องการให้ลูกกลายเป็นพลเมืองอเมริกัน
แต่หากเป็นคนฮ่องกงก็ไม่เลวเลย
ฮ่องกงจะกลับมาสู่แผ่นดินใหญ่หลังจากปี 1997 เมื่อถึงเวลานั้น ทะเบียนบ้านของคนฮ่องกงจะกลายเป็นสัญชาติจีน และลูก ๆ ของเธอก็จะยังคงเป็นลูกคนจีน
เธอรู้สึกตื่นเต้นและพูดกับฟางจั๋วหราน “เราสามารถมีลูกได้อีกถ้าเรามาอยู่ที่ฮ่องกง คุณคิดเห็นยังไงคะ?”
ในตอนแรกฟางจั๋วหรานไม่อยากให้เธอมีลูกมาก การมีลูกนั้นทรมานเกินไป
แต่ภรรยาของเขาชอบเด็กและเต็มใจที่จะมีลูกอีก ดังนั้นทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับเธอ
เขาพยักหน้าตอบรับด้วยความพึงพอใจ
เฉินเฟิงอยู่ที่ฮ่องกงมาระยะหนึ่งแล้ว และได้รู้จักกับคนดังหลายคน
ด้วยความช่วยเหลือของเขา หลินม่ายก็ดำเนินการแปลงว่านถงกรุ๊ปเป็นบริษัทฮ่องกงได้อย่างรวดเร็ว
ก่อนที่ฟางจั๋วหรานจะจากไป เขาได้ติดต่อโรงพยาบาลขนาดใหญ่หลายแห่งในฮ่องกงที่เขาเคยร่วมงาน โดยบอกว่าเขาสามารถช่วยทำการผ่าตัดได้หนึ่งหรือสองรายต่อวันตลอดเวลาที่อยู่ในฮ่องกง
โรงพยาบาลขนาดใหญ่เหล่านั้นกระตือรือร้นมาก พวกเขามอบการผ่าตัดใหญ่ให้กับฟางจั๋วหรานในทันที
เมื่อหลินม่ายกำลังยุ่งอยู่กับการแปลงว่านถงกรุ๊ปเป็นบริษัทฮ่องกง เขาจึงทำการผ่าตัดเพื่อจะได้ไม่ต้องอยู่เฉย ๆ
คุณหมอฟางได้รับนิสัยนี้จากภรรยาโดยไม่รู้ตัว และเขาเองก็เป็นคนชอบหาเงินมากขึ้น
ในคืนก่อนที่หลินม่ายและสามีจะออกจากฮ่องกง เฉินเฟิงได้จัดงานเลี้ยงครอบครัวให้กับทั้งสอง
หลังจากดื่มไปสามแก้ว เฉินเฟิงก็อวยพรสองสามีภรรยา
ทั้งหลินม่ายและสามีไม่ดื่มแอลกอฮอล์ จึงดื่มน้ำผลไม้แทน
ทั้งคู่หยิบน้ำผลไม้ขึ้นมาและชนแก้วกับเฉินเฟิง
เฉินเฟิงดื่มเหล้าและพูดกับหลินม่าย “ม่ายจื่อ โครงการอสังหาริมทรัพย์สองโครงการที่ให้ฉันดูแลน่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ เมื่อโครงการอสังหาริมทรัพย์ทั้งสองเสร็จสิ้น ฉันจะพาจื่อฉิงไปตั้งรกรากในสหรัฐอเมริกา พ่อเลี้ยงของฉันสุขภาพแย่ลงทุกวัน และฉันต้องกลับไปรับมรดกของครอบครัว”
เดิมทีเขาวางแผนที่จะช่วยหลินม่ายจนกว่าเธอจะจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย
แต่แผนการยังไม่บรรลุ พ่อเลี้ยงของเขาก็มีอาการเส้นเลือดในสมองตีบและเป็นมาระยะหนึ่งแล้ว
แม้ว่าเขาจะหายแล้ว แต่ก็ยังสามารถกลับมาเป็นได้ และแต่ละครั้งก็อันตรายมากขึ้น
เขาต้องกลับไปรับช่วงต่อบริษัทของพ่อเลี้ยง มิฉะนั้น มันจะยากมากสำหรับเขาที่จะรับช่วงต่อหลังจากที่พ่อเลี้ยงเสียชีวิต
แม้ว่าหลินม่ายจะรู้สึกเศร้าหมองในใจ แต่เธอก็ยังยิ้มและกล่าว “นายช่วยฉันมามากแล้ว และถึงเวลาดูแลธุรกิจของนายเองแล้ว”
เฉินเฟิงกล่าวว่าเขาได้ฝึกฝนกลุ่มผู้มีพรสวรรค์ด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ซื่อสัตย์และทรงพลังในฮ่องกงให้กับเธอ
แม้ว่าเขาจะออกจากว่านถงกรุ๊ป แต่ด้วยความสามารถพิเศษของคนกลุ่มนี้ ว่านถงกรุ๊ปของหลินม่ายก็สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ แต่เธอแค่ต้องควบคุมเท่านั้น
หลินม่ายพูดด้วยดวงตาแดงก่ำ “ต้องรบกวนนายแล้ว”
ฟางจั๋วหรานผู้ซึ่งไม่ชอบเฉินเฟิงมาโดยตลอดก็ลุกขึ้น และยื่นแก้วน้ำผลไม้ให้เขาแทนเหล้า
เฉินเฟิงประหลาดใจ “หายากที่พี่เขยจะดื่มอวยพรนะเนี่ย ทั้งที่ฉันดื่มไปแล้วสามแก้วติดต่อกัน!”
หลินม่ายกลัวว่าฟางจั๋วหรานจะขัดใจหากเฉินเฟิงเรียกเขาว่าพี่เขย ดังนั้นเธอจึงพร้อมที่จะเกลี้ยกล่อมให้เขาใจเย็น
แต่ไม่คาดคิดว่าฟางจั๋วหรานจะยิ้มรับ เขาไม่เพียงยอมรับเฉินเฟิงด้วยความยินดี แต่ยังกล่าวขอบคุณเขาอีกด้วย
หลินม่ายสงสัยว่าดวงอาทิตย์กำลังตกทางทิศตะวันออกหรือเปล่า
หลังออกจากฮ่องกง หลินม่ายไม่ได้กลับไปที่เจียงเฉิงโดยตรง แต่อยู่ที่กว่างโจวหนึ่งวัน
ในช่วงครึ่งปีแรก ถุงน่องของเธอขายดีมาก และเธอวางแผนที่จะทำธุรกิจถุงน่องต่อไป
แม้ถุงน่องของเธอจะเป็นธุรกิจขนาดเล็ก แต่ทำให้ดีๆ แล้วก็ยังทำเงินได้มากมาย
หลินม่ายต้องการเปิดโรงงานถุงน่องในเจียงเฉิง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องขอให้โรงงานดำเนินการผลิตแทนอีกต่อไป
กว่างโจวมีการบริโภคสูงและค่าแรงสูง และ OEM จ้างผลิตสินค้านั้นไม่ถูกเลยเมื่อเทียบกับเจียงเฉิง
เธอต้องการเรียนรู้จากกว่างโจวและดูวิธีการเปิดโรงงาน เพื่อจะสามารถลดต้นทุนหากกลับไปเปิดโรงงานที่เจียงเฉิง
ฟางจั๋วหรานพาหลินม่ายไปเยี่ยมชมโรงงานถุงเท้า
เมื่อหลินม่ายผ่านโรงงานถุงเท้า เธอก็หยุดลง
ฟางจั๋วหรานคิดว่าเธอเหนื่อยหลังจากเดินหลายชั่วโมง จึงถามอย่างกระวนกระวาย “ทำไมคุณไม่เดินต่อล่ะ? เหนื่อหรือไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า? คุณต้องการพักผ่อนไหม?”
หลินม่ายส่ายศีรษะ “ไม่”
เธอเงยหน้าขึ้นและชี้ไปที่ป้ายของโรงงานถุงเท้า “ดูสิ”
ฟางจั๋วหรานมองตามนิ้วของเธอและเห็นคำว่า ‘เจี่ยเม่ย’
จู่ ๆ สีหน้าของเขาก็เคร่งเครียด “นี่คือยี่ห้อถุงเท้าของคุณไม่ใช่เหรอ? โลโก้นั้นก็เป็นโลโก้ถุงเท้าของคุณด้วย โรงงานถุงเท้าแห่งนี้ปลอมแปลงถุงน่องของคุณหรือเปล่า?”
หลินม่ายพยักหน้า
ฟางจั๋วหรานถาม “คุณต้องการเจรจากับผู้จัดการโรงงานหรือเปล่า?”
“เราต้องส่งเรื่องไปยังกรมพาณิชย์ในท้องถิ่นโดยตรงนะ”
หลินม่ายมาพร้อมกับฟางจั๋วหราน ทั้งสองได้แจ้งข่าวแก่สื่อท้องถิ่นหลายสำนัก จากนั้นจึงไปยังกรมพาณิชย์ในท้องถิ่นเพื่อรายงานว่ามีผู้ผลิตรายหนึ่งปลอมแปลงถุงน่องเจี่ยเม่ย
ตั้งแต่ถุงน่องเจี่ยเม่ยของเธอโด่งดัง ก็มีโรงงานถุงเท้าหลายแห่งปลอมแปลงถุงน่องเจี่ยเม่ย
ถุงน่องของเธอมีราคาคู่ละห้าหยวน และถุงน่องเจี่ยเม่ยทั้งหมดที่มีราคาขายปลีกต่ำกว่าห้าหยวนก็ล้วนเป็นของปลอม
โรงงานถุงเท้าอื่น ๆ ที่ผลิตถุงน่องปลอมของถุงน่องเจี่ยเม่ยต่างเก็บไว้เป็นความลับเพราะกลัวคนรู้
แต่โรงงานถุงเท้าแห่งนี้แขวนป้ายยี่ห้อถุงน่องเจี่ยเม่ยอย่างเปิดเผย และใช้โลโก้ของถุงน่องเจี่ยเม่ย ซึ่งเรียกได้ว่ากล้าหาญมาก
หลินม่ายกังวลว่าโรงงานถุงเท้าแห่งนี้จะมีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง ดังนั้นจึงขอให้สื่อเปิดโปงก่อนที่จะไปรายงานกรมกรมพาณิชย์ในท้องถิ่น
เพื่อไม่ให้เรื่องตรงไปยังกรมพาณิชย์ในท้องถิ่น เพราะกรมพาณิชย์และโรงงานถุงเท้าอาจสมรู้ร่วมคิดและทำลายหลักฐาน ซึ่งจะทำให้งานของเธอสูญเปล่า
เมื่อกรมพาณิชย์ตามหลินม่ายและสามีไปที่โรงงานผลิตถุงน่องเจี่ยเม่ยปลอม ผู้จัดการโรงงานก็กำลังถูกสัมภาษณ์โดยสื่อหลายสำนัก
สื่อเหล่านั้นต่างก็ถามผู้จัดการโรงงานว่า ทำไมเขาถึงกล้าปลอมถุงน่องเจี่ยเม่ยอย่างโจ๋งครึ่ม
ผู้จัดการโรงงานดูไร้เดียงสา โดยบอกว่าเขาผลิตถุงน่องให้กับถุงน่องเจี่ยเม่ยจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะติดโลโก้ถุงน่องเจี่ยเม่ย
นักข่าวเหล่านั้นพูดได้เต็มปากว่าเขาทำให้ประชาชนสับสน
ทั้งสองฝ่ายสู้กันอย่างเต็มที่
จู่ ๆ ผู้จัดการโรงงานก็เห็นหลินม่ายและโบกมือให้เธอราวกับเห็นผู้ช่วยชีวิต “คุณหลินครับ คุณยังจำผมได้ไหมครับ?”
หลินม่ายเดินไปหาเขาและพยักหน้า “จำได้สิคะ คุณคือเซี่ยงอวี่ผิง ผู้จัดการโรงงานผลิตถุงน่องเจี่ยเมี่ยของฉันใช่ไหมคะ?”
ผู้อำนวยการเซี่ยงรู้สึกภูมิใจมากและกล่าวกับนักข่าว “พวกคุณได้ยินไหม? คุณหลินเองก็ยอมรับว่าหล่อนขอให้ผมดำเนินการให้”
หลินม่ายกล่าว “ฉันแค่ขอให้คุณดำเนินการ แต่ฉันไม่ได้อนุญาตให้คุณใช้ป้ายแบรนด์ของฉัน การใช้ป้ายแบรนด์ของฉันเป็นสิ่งผิดกฎหมาย!”
ผู้อำนวยการโรงงานจ้องมองไปโดยรอบ “ในเมื่อคุณขอให้ผมดำเนินการให้คุณ ผมก็ควรจะใช้ป้ายแบรนด์ของคุณได้ แล้วทำไมไม่ได้ล่ะครับ?”
เมื่อเห็นว่าเขาแสร้งทำเป็นสับสนอีกครั้ง หลินม่ายก็ไม่โต้เถียงกับเขา “คุณเก็บคำพูดเหล่านี้ไว้กับตำรวจและสหายในศาลดีกว่านะคะ”
เธอกระซิบกับเจ้าหน้าที่กรมพาณิชย์ข้างเธอ “ช่วยไปดูได้ไหมคะว่ามีโรงงานถุงเท้าอื่นที่ผลิตสินค้าอื่นภายใต้ชื่อของฉันนอกจากโรงงานนี้หรือไม่”
เจ้าหน้าที่เหล่านั้นก็ลงมือทันที
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
วางแผนจะย้ายมาฮ่องกงแล้วสิเนี่ย หนีนโยบายลูกคนเดียวของแผ่นดินใหญ่
ขึ้นโรงขึ้นศาลเป็นว่าเล่นเลยน้อม่ายจื่อ การโดนก็อปแบรนด์นี่มันน่าหงุดหงิดใจอยู่เหมือนกันน้า
ไหหม่า(海馬)