แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 844 คั้นน้ำมะนาว
ตอนที่ 844 คั้นน้ำมะนาว
เมื่อถึงปลายเดือนกันยายน ผู้กำกับโหยวก็โทรหาหลินม่าย
เขาบอกเธอว่าภาพยนตร์ของไต้หวันเรื่อง ‘แดนดิไลออนที่ปลายฟ้า’ ที่เธอร่วมแสดงจะออกฉายอย่างเป็นทางการในไต้หวันและฮ่องกงในวันที่ 8 ตุลาคมนี้
เธอไม่สามารถไปงานรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ เพราะเธอไม่สามารถขอหนังสือเดินทางได้
แต่เธอมีหนังสือเดินทางฮ่องกง
ผู้กำกับโหยวหวังว่าเธอจะสามารถเข้าร่วมชมภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ในฮ่องกงได้
ใกล้จะถึงวันชาติแล้ว หากภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ในฮ่องกงถูกกำหนดให้เป็นวันชาติ หลินม่ายอาจสามารถไปได้
แต่วันที่ 8 ตุลาคมยังคงเป็นปัญหาสำหรับเธอหากจะเดินทางไป
การหยุดเรียนเพื่อดูหนังรอบปฐมทัศน์นั้นไม่คุ้มค่า และที่ปรึกษาจะไม่พอใจ
เธอแสดงความคิดของเธอและถามผู้กำกับโหยวว่า สามารถเปลี่ยนรอบฉายรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์ในฮ่องกงเป็นวันชาติในจีนแผ่นดินใหญ่ได้หรือไม่
ผู้กำกับโหยวที่อยู่อีกฝั่งของโทรศัพท์ถามอย่างสงสัย “ไม่ได้ครับ ผมจัดรอบปฐมทัศน์ของภาพยนตร์ในวันที่ 8 ตุลาคมเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง เพราะวันนั้นเป็นวันครบรอบแต่งงานของผมและภรรยา และเพราะการสนับสนุนของภรรยาเท่านั้นที่ทำให้ผมมีวันนี้ได้ ในตอนนั้นไม่มีใครมองผมในแง่ดี หล่อนคือคนที่คอยสนับสนุนผมอย่างเงียบงัน ตอนนี้ผมสุขสบายขึ้นมาก แต่หล่อนก็ไม่มีชีวิตอยู่แล้ว”
ผู้กำกับโหยวพูดพลางร้องไห้อย่างควบคุมไม่ได้
หลินม่ายคิดว่าผู้กำกับโหยวเลือกวันนี้สำหรับรอบปฐมทัศน์เป็นการถือเคล็ดเรื่องโชคลางเสียอีก
คาดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นการรำลึกถึงภรรยาผู้ล่วงลับไปแล้ว
แต่ถึงกระนั้นหลินม่ายก็ยังไม่อยากขอลางานไปฮ่องกงเพื่อร่วมงานเปิดตัวภาพยนตร์
แต่เธอก็เต็มใจที่จะจัดหาเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับที่สวยงามให้กับนักแสดงหญิงทุกคน เพื่อให้พวกเธอได้เดินบนแคทวอล์คในรอบปฐมทัศน์
เธอทำสิ่งนี้โดยมีจุดประสงค์เพื่อโฆษณาเสื้อผ้าจิ่นซิ่วและเครื่องประดับไป๋เหอของเธอ
อย่างไรก็ตาม ผู้กำกับโหยวได้ปฏิเสธ
林麦不知道的是,剧组的那些宝岛籍女演员都很抵制她的锦绣服饰和百合饰品。
สิ่งที่หลินม่ายไม่รู้ก็คือนักแสดงหญิงชาวไต้หวันเหล่านั้นต่อต้านเสื้อผ้าจิ่นซิ่วและเครื่องประดับไป๋เหอของเธอมาก
ไม่ใช่เพราะเรื่องอื่นใด แต่เป็นเพราะเธอมาจากจีนแผ่นดินใหญ่
หลินม่ายรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยและถาม ‘แดนดิไลออนที่ปลายฟ้า’ จะฉายในจีนแผ่นดินใหญ่เมื่อใด
ในความทรงจำของเธอ ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายในจีนแผ่นดินใหญ่หนึ่งปีหลังจากออกฉายในไต้หวัน
ในเวลานั้นมันสร้างความฮือฮาในแผ่นดินใหญ่อย่างมาก ด้วยราคาตั๋วของภาพยนตร์เพียงไม่กี่เหมา แต่สามารถทำรายได้ทะลุหกร้อยล้านหยวน ซึ่งเป็นเรื่องน่าทึ่งมาก
หลินม่ายไม่รู้ว่าหลังจากเกิดใหม่ ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเหมือนกับชาติที่แล้วหรือไม่ ได้รับความนิยมในแผ่นดินใหญ่หรือไม่ และยังคงทำรายได้ทะลุหกร้อยล้านหรือไม่
นั่นเป็นเหตุผลที่เธอต้องการถามผู้กำกับโหยวว่า ภาพยนตร์จะเข้าฉายในจีนแผ่นดินใหญ่เมื่อไร
หากยังเป็นเช่นเดียวกับช่วงชีวิตที่แล้ว มีความเป็นไปได้สูงที่หนังเรื่องนี้จะทำรายได้ทะลุหกร้อยล้าน
ผู้กำกับโหยวกล่าว “ตอนนี้เรากำลังเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนจะสามารถเข้าสู่ตลาดแผ่นดินใหญ่ได้เมื่อใดนั้น ผมไม่ทราบเลย”
หลินม่ายไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากวางสายผู้กำกับโหยวอย่างผิดหวัง
เพื่อให้หลินม่ายได้เพลิดเพลินไปกับภาพยนตร์ที่นำแสดงโดยเขาเป็นครั้งแรก
ผู้กำกับโหยวได้ส่งวิดีโอเทปเรื่อง ‘แดนดิไลออนที่ปลายฟ้า’ มาให้เธอโดยเฉพาะ
หลินม่ายได้รับวิดีโอเทปในวันสุดท้ายเมื่อสิ้นเดือนกันยายน
คืนนั้นหลังจากรับประทานอาหารเย็นและดูข่าวแล้ว ทั้งครอบครัวได้ดู ‘แดนดิไลออนที่ปลายฟ้า’ ที่นำแสดงโดยหลินม่าย
แม้จะเป็นภาพยนตร์วรรณกรรม แต่เนื้อเรื่องก็ค่อนข้างน่าตื่นเต้น และตัวเอกชายและหญิงต่างก็สะดุดตา ซึ่งทำให้น่าดึงดูดยิ่งขึ้น
ทุกครั้งที่ภาพของหลินม่ายปรากฏขึ้น โต้วโต้วจะชี้ไปยังทีวีอย่างมีความสุขและกระโดดขึ้นลง “นั่นแม่ นั่นแม่!”
หลังจากดูทีวีไปสักพัก เด็กหญิงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงถามหลินม่าย
“แม่คะ ทำไมแม่สนิทกับลุงในทีวีจังคะ? แม่ควรสนิทกับพ่อไม่ใช่เหรอคะ?”
การถามคำถามนี้ทำให้หลินม่ายรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เธออธิบาย “มันเป็นแค่การแสดง ไม่ใช่เรื่องจริง แม่มีพ่ออยู่ในใจคนเดียวเท่านั้น”
ในที่สุดเธอก็หันศีรษะและมองไปที่ฟางจั๋วหราน เมื่อเห็นใบหน้าที่เศร้าหมองของเขา ก็รับรู้ได้ทันทีว่าต้องไม่มีความสุขแน่
แต่เด็กน้อยถามไม่รู้จบ “ทำไมแม่ถึงถ่ายทำฉากแบบนี้ล่ะคะ?”
หลินม่ายลูบหน้าผาก แน่นอนว่าเพื่อเงิน จะเป็นเพราะเหตุผลอื่นได้อย่างไร?
ในท้ายที่สุด เป็นคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางก็หยิบอาหารขึ้นมาเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของเด็กหญิง และโต้วโต้วก็หยุดถามหลินม่าย
ก่อนจะหลับสนิท หลินม่ายจับท้องของตนและถามฟางจั๋วหรานที่อยู่ด้านข้าง “ที่รัก คุณไม่มีความสุขเหรอ?”
ฟางจั๋วหรานกอดเธอและพูดด้วยเสียงอู้อี้ “ใช่”
“เป็นเพราะฉันมีปฏิสัมพันธ์กับนักแสดงนำชายในหนังหรือเปล่า?”
ฟางจั๋วหรานยอมรับอย่างตรงไปตรงมา “ใช่”
หลินม่ายกอดแขนของเขาและเขย่า “มันแค่การแสดง อย่าโกรธกันเลยนะ ตกลงไหม?”
“ผมรู้ว่ามันเป็นการแสดง แต่ผมก็ยังทนไม่ได้กับการเห็นคนรักพลอดรักกับคนอื่น แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องโกหกก็ตาม”
หลินม่ายจูบเขาที่ใบหน้า “ฉันจะไม่ถ่ายทำอะไรแบบนี้อีกแล้ว พอแล้ว ยิ้มให้ฉันหน่อยสิคะ”
ฟางจั๋วหรานบีบคางเล็ก ๆ ของเธอด้วยแววตาอันตราย “คุณไม่เข้าใจใช่ไหมล่ะ? ลองให้ผมถ่ายทำอะไรแบบนี้ให้คุณดูไหม?”
หลินม่ายตกใจมาก เธอรีบร้องขอ “คุณ คุณ คุณ~”
เธอไม่ต้องการเห็นเขากับหญิงอื่นในระหว่างตั้งครรภ์
หลินม่ายไม่ต้องการ และฟางจั๋วหรานก็จะไม่ทำเช่นนั้น
ในความคิดของเขา ผู้ชายทุกคนที่หันไปร่วมรักกับหญิงอื่นเพียงเพราะความต้องการของตนในระหว่างภรรยาตั้งครรภ์ ผู้ชายแบบนั้นคือสัตว์ร้าย
เขาเป็นคุณหมอ ไม่ใช่สัตว์ร้าย
ตอนนี้เขาเพียงต้องการทำให้หลินม่ายผ่อนคลาย
หลินม่ายกำลังตั้งท้อง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จะไม่ใช้ชีวิตแบบนั้น
ในฐานะผู้ชาย เป็นไปไม่ได้ที่ฟางจั๋วหรานจะไม่ทนทุกข์ทรมาน
ตกดึก ฟางจั๋วหรานมักจะแอบไปอาบน้ำเย็น
แม้จะหนาวเหน็บ แต่มันก็สามารถดับไฟในใจเขาได้ และคืนนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น
แม้ว่าเขาสามารถคิดหาทางออกได้ด้วยตัวเอง แต่เขาก็ไม่ต้องการ
ทุกครั้งที่มองไปยังภรรยาสุดที่รัก เขาก็ไม่รู้จะห้ามความปรารถนาทางเพศของตัวเองได้อย่างไร
จู่ ๆ หลินม่ายก็รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ เธอจึงเดินไปยังห้องน้ำ
หลินม่ายไม่ค่อยตื่นนอนตอนกลางคืน ฟางจั๋วหรานจึงไม่คิดจะล็อกประตูห้องน้ำจากด้านใน เพียงแค่ปิดมันไว้
หลินม่ายเปิดประตูและเห็นเขากำลังอาบน้ำเย็น ดวงตาทั้งคู่เบิกตากว้างอยู่ครู่หนึ่ง
แม้หลินม่ายผ่านการแต่งงานเพียงเล็กน้อยในชีวิตที่แล้ว แต่เธอก็ยังเข้าใจบางสิ่งระหว่างชายและหญิง
เมื่อเห็นว่าไม่มีความร้อนออกมาจากฝักบัว เธอก็รู้ทันทีว่าฟางจั๋วหรานกำลังอาบน้ำเย็น
ฟางจั๋วหรานปิดฝักบัวอย่างไม่สบายใจ “มื้อค่ำวันนี้ผมกินเนื้อแกะมากเกินไป และร่างกายผมก็ร้อนเกินไป เลยต้องอาบน้ำดับร้อน”
ขณะที่คุณหมอฟางอธิบาย เขาก็รีบสวมเสื้อผ้าและเดินกลับห้องไป
หลินม่ายกลับมาที่ห้องหลังจากเข้าห้องน้ำ และฟางจั๋วหรานนอนอยู่บนเตียงแล้ว
เธอเดินไปปิดโคมไฟหัวเตียง
ฟางจั๋วหรานหันกลับมาและกอดเธอไว้ในอ้อมแขนของเขา
หลินม่ายกระซิบ “ให้ฉันช่วยแก้ปัญหานี้ให้สิ”
ฟางจั๋วหรานตกตะลึงไปสองวินาทีก่อนที่เขาจะเข้าใจว่าเธอหมายถึงอะไร
เขาเอ่ยถามอย่างลังเล “คุณจะช่วยแก้ปัญหายังไง?”
“ก็… คั้นน้ำมะนาว” หลินม่ายหน้าแดงด้วยความอาย
ฟางจั๋วหรานดูสับสน “คั้นน้ำมะนาว?
“ใช่… แบบนั้นแหละ…” หลินม่ายแสดงความกล้าหาญทั้งหมด ก่อนเอื้อมมืออันบอบบางนุ่มนิ่มไปยังส่วนนั้นของเขา
ทันใดนั้นฟางจั๋วหรานก็รู้สึกราวกับมีไฟฟ้าช็อตที่กระจายไปทั่วร่างกาย ทำให้เขารู้สึกมหัศจรรย์ใจอย่างมาก
สิบนาทีต่อมา หลินม่ายก็คั้นน้ำมะนาวเสร็จและพลิกตัวไปนอน
แต่ฟางจั๋วหรานไม่ต้องการทำให้เป็นเช่นนั้น เขากอดเธอไว้ในอ้อมแขนและขอร้องอย่างเย้ายวนที่หูของเธอ “คั้นน้ำมะนาวอีกครั้งได้ไหม?”
หลินม่ายมองไปยังดวงตาที่โหยหาของเขาและไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากตอบสนองเขา
หลังจากสิบห้านาทีผ่านไป ในที่สุดการคั้นน้ำมะนาวก็จบลง
หลินม่ายกล่าว “ฉันปวดแขนมาก” จากนั้นเธอก็หลับสนิท
ฟางจั๋วหรานพึงพอใจ จูบริมฝีปากและหูของเธอเป็นเวลานาน ก่อนจะผล็อยหลับไปพร้อมกับภรรยาตัวน้อยผู้มีกลิ่นหอมและนุ่มนิ่ม
วันชาติเป็นวันที่ดีในการเดินทาง
ในช่วงวันหยุดสามวัน ครอบครัวของหลินม่ายเดินทางไปทั่วเมืองหลวง ชิมอาหารเลิศรส และมีความสุขมาก
ในที่สุดอู๋เสี่ยวเจี๋ยนที่ห่างหายไปเป็นเวลานานก็ปรากฏตัวขึ้น
ในวันสุดท้ายของวันชาติ ครอบครัวของหลินม่ายไปเดินเล่นในสวนสาธารณะและกลับมาหลังจากรับประทานอาหารมื้อใหญ่ ก่อนที่หลินม่ายจะได้รับโทรศัพท์จากเหมาฉง
เหมาฉงบอกเธอว่าเขาเฝ้าดูบ้านพ่อแม่ของอู๋เสี่ยวเจี๋ยนอยู่
ก่อนวันชาติเพียงสองวัน ในที่สุดอู๋เสี่ยวเจี๋ยนก็ปรากฏตัวขึ้น
หลินม่ายรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย อู๋เสี่ยวเจี๋ยนกำลังจะลักพาตัวและขายน้องชายน้องสาวของตัวเองเพื่อหลินเพ่ยอันเป็นที่รักของเขา
ในที่สุดการแสดงที่ดีก็เริ่มขึ้น
เธอบอกเหมาฉงว่าจับตาดูไว้อย่าแหวกหญ้าให้งูตื่น
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
โดนคั้นน้ำมะนาวไปแล้วน่าจะสบายตัวขึ้นนะคะพี่หมอ จิตใจพี่น่านับถือมากที่ไม่ทำอะไรนอกลู่นอกทางขณะภรรยายังท้องอยู่
ไหหม่า(海馬)