แม่ปากร้ายยุค 80 - ตอนที่ 89 จัดการสั่งสอนอู๋จินฮวา
ตอนที่ 89 จัดการสั่งสอนอู๋จินฮวา
หลังมื้อเย็น คุณป้าหัวเพื่อนบ้านคนหนึ่งในหมู่บ้านก็มาหาหลินม่ายที่บ้าน “ม่ายจื่อ ป้าได้ยินมาว่าเธออยากขายรถเข็นคันเก่าเหรอ?”
หลินม่ายยิ้มแล้วตอบว่า “ใช่ค่ะ”
ป้าหัวเริ่มเข้าประเด็นทันที “จะขายเท่าไรล่ะ?”
หลินม่ายเชิญคุณป้าให้นั่งก่อนแล้วรินน้ำชาต้อนรับ “ฉันซื้อรถคันนี้มาราคาห้าสิบห้าหยวน ถ้าป้าอยากจะซื้อต่อ ฉันจะไม่ขึ้นราคา เอาราคาเท่าทุนไปได้เลยค่ะ”
พวกเราเป็นคนกันเอง เพื่อนบ้านกันทั้งนั้น หญิงสาวจึงไม่ได้อยากได้กำไรจากป้าหัว
แต่คุณป้าหัวกลับพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “เธอใช้รถคันนี้มาก็ซักพักแล้ว ยังจะขายในราคาห้าสิบห้าหยวนอยู่ มันจะไม่เกินไปหน่อยเหรอ?”
หญิงสาวยังใจเย็นแล้วตอบไปด้วยรอยยิ้มว่า “ถึงจะเป็นรถที่ถูกใช้มาช่วงนึงแล้วก็จริง แต่มันก็แค่ไม่กี่เดือนเองนะคะ ฉันเห็นว่าป้าอยากได้รถจริง ๆ แล้วเราก็เป็นคนกันเอง ฉันจะลดให้สองหยวน ขายให้ป้าห้าสิบสามหยวนก็พอ”
“ลดเศษสามหยวนหน่อยเถอะน่า เหลือห้าสิบได้ไหม” ป้าหัวต่อรอง
“ถ้าราคานี้ก็ขายไม่ได้หรอกค่ะ” หลินม่ายไม่ได้เอ่ยอะไรต่อ แล้วก็เตรียมซาลาเปากับไข่ต้มเพื่อจะออกไปขายของ
เมื่อกลับมาจากขายของหญิงสาวกลับพบว่ารถเข็นคันนั้นหายไปแล้ว เธอจึงเข้าไปถามโจวฉายอวิ๋น “ป้าหัวยังรอจะซื้อรถเข็นอยู่หรือเปล่า”
“เปล่า” โจวฉายอวิ๋นหยิบเงินห้าสิบสามหยวนออกมาแล้วยื่นให้หลินม่าย “พอเธอออกไปป้าหัวก็ยังมาคะยั้นคะยอจะขอซื้อรถในราคาห้าสิบหยวน ฉันก็ตอบไปว่าฉันตัดสินใจแทนเธอไม่ได้หรอก บอกให้ป้ารอเธอกลับมาดีกว่า แต่สุดท้ายไป ๆ มา ๆ ก็ยอมจ่ายเงินซื้อนี่แหละ”
วันนี้หลินม่ายกลับไปที่บ้านในชนบทเพื่อไปซื้อแป้งและไข่ โชคดีที่อากาศกำลังดี
ในช่วงเช้าก่อนสิบโมงหลินม่ายออกไปขายซาลาเปาและไข่ต้มดองซีอิ๊วที่ทำเตรียมไว้จนหมด แล้วเริ่มออกเดินทางด้วยรถแทรกเตอร์
เธอเดินทางมาถึงบ้านคุณปู่ฟางตอนบ่ายสาม
คุณปู่ฟางซื้อไข่และแป้งเตรียมให้แล้ว รอเพียงเธอมาขนมันขึ้นรถเท่านั้น
ส่วนคุณย่าฟางอยู่ที่หน้าเตากำลังทำอาหารอะไรบางอย่างอยู่ในหม้อ
หลินม่ายไม่เกรงใจที่จะขอชามแล้วกินอาหารด้วย
หญิงสาวสังเกตเห็นว่าผู้ใหญ่ทั้งสองดูสีหน้าไม่ค่อยดีจึงเริ่มเอ่ยถามว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า
ผู้เฒ่าทั้งสองอยู่ในอาการอ้ำอึ้ง มองหน้ากันไปมา
ในที่สุดคุณย่าฟางก็บอกกับคุณปู่ฟางว่า “ฉันว่าเราควรบอกเรื่องนี้กับม่ายจื่อไปดีกว่า”
หลินม่ายคีบผักกาดดองลงไปในชามของตัวเองแล้วทอดสายตามองผู้ใหญ่ทั้งสอง “เกิดอะไรขึ้นคะ”
คุณปู่ฟางเริ่มเล่าว่า ตั้งแต่หลินม่ายซื้อรถแทรกเตอร์ไป ชาวบ้านก็ยกย่องในความสามารถของเธอ
แต่ก็มีอู๋จินฮวาที่ปล่อยข่าวลือเสียหายเกี่ยวกับหลินม่ายว่าเธอเป็นคนมีความสามารถในการหาเงินจากการทำมาค้าขายก็จริง แต่เงินส่วนใหญ่นั้นได้มาจากการใช้ร่างกายหากิน
คุณปู่ฟางคุณย่าฟางได้ยินแบบนั้นก็โมโหแล้วมีปากเสียงกับหล่อนไปไม่น้อย
แต่หล่อนยังแย้งว่าพวกท่านถูกมารยาของหลินม่ายทำให้หลงเข้าข้างคนผิด เชื่อใจจนรู้ไม่เท่าทันความสกปรกของหญิงสาว
คุณปู่ฟางพูดออกมาอย่างจริงจัง “ม่ายจื่อ เรื่องแบบนี้ปล่อยเอาไว้ไม่ได้ คนแบบนี้ต้องหาวิธีสั่งสอนให้รู้สำนึกซะบ้าง ไม่งั้นก็จะได้ใจ ปล่อยข่าวลือมั่ว ๆ ไม่รู้จักเกรงกลัวกันอยู่แบบนี้ หล่อนเอาแต่พูดพล่อย ๆ ไม่เป็นความจริง จนคนอื่น ๆ เข้าใจผิดกันหมด ชื่อเสียงเธอจะเสียหายนะถ้าอยากจะแต่งงานในอนาคต”
ตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาในโลกใหม่ หลินม่ายก็ไม่มีความคิดที่จะแต่งงานอีก หญิงสาวเพียงแค่อยากจะพึ่งพาความสามารถของตัวเองเพื่อประสบความสำเร็จในชีวิต
แต่การที่เธอไม่ได้อยากแต่งงานก็ไม่ได้หมายความว่าจะต้องทนต่อการเป็นขี้ปากคนอื่นในเรื่องที่ไม่เป็นความจริง
แถมผู้ใหญ่ทั้งสองยังคอยปกป้องเธอเสมอ มันไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่เธอจะไม่ต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเองบ้าง
หลังจากที่เติมท้องจนเต็ม วางชามและตะเกียบลง หญิงสาวก็ออกไปหาอู๋จินฮวาเพื่อคิดบัญชีกับนาง
อู๋จินฮวาออกไปทำงานที่ไร่ของตัวเองหลังอาหารกลางวัน
หลินม่ายมองหานางไปตลอดทางจากบ้าน กระทั่งเห็นว่าอีกฝ่ายอยู่ในไร่
ในตอนนั้นอู๋จินฮวากำลังง่วนอยู่กับการจัดการวัชพืชที่ขึ้นอยู่ในไร่งา หลินม่ายจึงเดินย่ำไปบนไร่งาของนางโดยไม่ได้สนใจว่ามันจะเสียหายหรือไม่
ใบหน้าของอู๋จินฮวาเปลี่ยนเป็นสีคล้ำด้วยความโกรธแล้วตะโกนใส่หญิงสาว “นี่ ! ยัยหนู หลบไปให้พ้นจากไร่งาของฉันนะ ไม่เห็นหรือไงว่าจะเหยียบมันอยู่แล้ว”
หลินม่ายทำเป็นหูทวนลมแล้วยังก้าวเหยียบไปที่ต้นงาของนาง
อู๋จินฮวาโกรธมากจนรีบวิ่งตรงเข้ามาเพื่อจะตบเธอ “ยัยบ้า อยากตายหรือไงหา”
หลินม่ายที่เตรียมใจจะมามีเรื่องอยู่แล้วก็ตั้งรับได้ในทันที เมื่ออู๋จินฮวาตรงเข้ามาหญิงสาวก็ใช้ความได้เปรียบที่มีแรงมากกว่าผลักร่างของอีกฝ่ายกระเด็นออกไป
ร่างกายของอู๋จินฮวากระแทกลงกับพื้น นางส่งเสียงแหลมน่ารำคาญออกมา
หลินม่ายคร่อมทับลงบนตัวสาวใหญ่แล้วฟาดฝ่ามือเข้าที่ปากของอีกฝ่าย “ปากนี้ใช้ไหมที่ใช้ใส่ร้ายฉัน มันต้องโดนตบสักหน่อย จะได้ไม่เอาแต่พูดพล่อย ๆ อีก”
อู๋จินฮวาโดนฝ่ามือจากหลินม่ายฟาดไปหลายยกจนลูกชายและลูกสะใภ้ของนางรีบวิ่งเข้ามากันหญิงสาวออกไป
หลินม่ายมักจะซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากชาวบ้านในราคาที่ไม่เคยกดขี่พวกเขา
และครั้งล่าสุดเธอซื้อผักกาดดองจำนวนมากในราคา 3 เฟินต่อชั่ง ซึ่งทำให้ชาวบ้านได้รายได้เพิ่มมา
เพราะในชนบทแบบนี้ ทุกบ้านจะดองผักกินเอง ทำให้ขายได้ยาก
ในสายตาของชาวบ้าน หลินม่ายเป็นเหมือนเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง ใคร ๆ ก็ไม่อยากจะมีปัญหากับเธอ
เมื่อเห็นว่าเธอกำลังมีเรื่อง ชาวบ้านจำนวนมากจึงรีบเข้ามาช่วย พวกเขามาหยุดลูกชายและลูกสะใภ้ของอู๋จินฮวาเอาไว้
“คนสามคนจะมารุมผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แบบนี้คนเดียวยังไงเล่า”
ลูกชายและลูกสะใภ้ของอู๋จินฮวาที่ถูกชาวบ้านกักตัวไว้ทำได้เพียงยืนดูแม่ของตัวเองถูกหลินม่ายสั่งสอน ดวงตาของพวกเขาแดงก่ำไปด้วยความโกรธ
เขาโวยวายขึ้นว่า “เป็นบ้าอะไรกันหมด นังนี่มาทำตบแม่ฉันก่อน ทำไมมาหาว่าฉันรุมมันหา!”
เมื่อหลินม่ายได้ยินแบบนั้น จึงถอดรองเท้าออกมาข้างหนึ่งแล้วใช้มันตบเข้าที่ตัวอีกฝ่ายสองสามครั้ง “ได้ ! งั้นฉันจะขอตบก่อนแล้วค่อยยอมให้เธอพูดพล่อย ๆ เกี่ยวกับฉัน ยอมให้เธอเรียกฉันว่าอีตัว แล้วฉันจะไม่แค้นอะไรเลย!”
ในตอนนั้นอู๋จินฮวาที่ตั้งตัวได้ก็ลุกขึ้นมาจากพื้นดิน แล้วออกแรงวิ่งตรงมาที่หลินม่ายพร้อมกับร้องตะโกน “แก! ฉันจะตบแก!”
แต่น่าเสียดายที่หลินม่ายไม่อยากสู้ด้วยแล้ว เธอจึงเบี่ยงไหล่หลบอีกฝ่ายไปด้านข้างเล็กน้อย
แต่แรงวิ่งของอู๋จินฮวาบวกกับน้ำหนักของนางทำให้สองเท้านั้นไม่สามารถหยุดการเคลื่อนไหวของร่างกายหรือเปลี่ยนทิศทางได้ทัน
ร่างนั้นจึงลื่นไถลไปตามทุ่งงาของตัวเอง พร้อมเสียงกรี๊ดด้วยความตกใจ
ไม่ต้องพูดถึงต้นงาที่เจ้าของปลูกมันขึ้นมากับมือถูกบดขยี้เสียจนราพณาสูรเป็นทาง ร่างของสาวใหญ่เองก็กลิ้งหลุน ๆ เป็นลูกขนุน คลุกโคลนเนื้อตัวมอมแมมเหมือนหมาตกน้ำ ชาวบ้านที่ยืนดูอยู่ต่างพากันหัวเราะกับภาพนั้น
ชาวบ้านที่ดูอยู่หันไปตอบลูกชายป้าอู๋ “ใครกันแน่ที่บ้า แม่แกเป็นคนปล่อยข่าวลือเสีย ๆ หาย ๆ ให้เสี่ยวหลินก่อน ถ้าเสี่ยวหลินไม่เป็นคนลงมือแล้วจะให้ใครทำล่ะ?”
“ใช่ ๆ เสี่ยวหลินยังสาวยังแส้ อนาคตก็ต้องอยากแต่งงาน แม่แกยังไปพูดเรื่องบ้าบอพวกนั้นไม่หยุด ต่อให้ไม่มีคนไปถามก็ยังไล่ตามโพนทะนาเรื่องนี้ถึงที่”
“คนปากหาเรื่องแบบนี้จะทำให้มีสีที่ปากก็ไม่แปลก”
หลินม่ายเอ่ยอย่างฮึกเหิมกับชาวบ้านที่มาช่วยว่า “ขอบคุณทุกคนที่ไม่เห็นผิดเป็นถูกไปตามคนพวกนี้ วันหลังถ้าฉันต้องซื้อผลผลิตจากพวกคุณจะให้ราคาที่ดีที่สุดแน่นอน”
หลังจากขอบคุณพวกเขาแล้วหญิงสาวก็กลับไปที่บ้านคุณปู่ฟาง จัดการขนไข่และแป้งขึ้นรถแทรกเตอร์จากไป
อู๋จินฮวาที่ทั้งเสียหน้าและเจ็บตัวรู้สึกยอมไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้น นางและครอบครัวตรงไปที่ที่ทำการกองทหารเพื่อให้ผู้นำหมู่บ้านออกมาช่วยจัดการเรื่องนี้ให้
หลินม่ายเป็นคนสนิทของคุณปู่ฟางและภรรยา แถมยังเป็นคนจ่ายเงินซื้อรถแทรกเตอร์ที่มีปัญหากันของเหล่าสมาชิกอีก
นอกจากอู๋จินฮวาจะเจ็บตัวเพราะรนหาที่แล้ว บรรดาเจ้าหน้าที่ยังบอกว่าความจริงแล้วเป็นนางเองที่ไม่ควรไปหาเรื่องหลินม่ายก่อน
อู๋จินฮวาเถียงขึ้นอย่างโมโห “เรื่องข่าวลือนั่นฉันผิดก็จริง แต่ยัยนั่นมีสิทธิ์อะไรมาทำร้ายร่างกายฉัน”
หัวหน้ากองทหารจึงตอบกลับไปเพียงว่า “ตอนนี้ทะเบียนบ้านของหลินม่ายถูกย้ายไปที่อื่นแล้ว ไม่ได้อยู่ในความดูแลของผม คุณจะให้ผมทำยังไง”
อู๋จินฮวาและลูกชายเลยเปลี่ยนไปที่สถานีตำรวจแทน เพื่อหาตำรวจสักคนมาช่วยจัดการเรื่องนี้ให้
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
จัดการยัยป้านี่ให้มันจมดินแบบลุกไม่ขึ้นไปเลยค่ะ ถอนรากถอนโคนให้สิ้นซากจะได้ไม่มาขัดโชคลาภอีก
ไหหม่า(海馬)