แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 125 ยาเม็ดรักษาโรคไข้หวัด
ตอนที่ 125 ยาเม็ดรักษาโรคไข้หวัด
วันนั้นป๋ายรุ่ยฮัวเกือบแบไพ่ที่อยู่ในมือให้เจียงป่าวชิงดูแล้ว นางจึงอกสั่นขวัญแขวนอยู่เล็กน้อย นางกลัวว่าเจียงป่าวชิงจะไปที่บ้านซุนต้าหูแล้วบอกทุกอย่างให้เขารับรู้
ป๋ายรุ่ยฮัวกังวลอยู่สักพัก ตอนที่เจอซุนต้าหูอีกครั้ง นางกลับพบว่าเขายังคงเกรงใจนางเหมือนเมื่อก่อน จึงค่อยสบายใจขึ้น ทว่าในตอนนี้ เมื่อมาเจอกับเจียงป่าวชิง นางไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดอะไรกับเจียงป่าวชิง
โชคดีที่เจียงป่าวชิงเองก็ไม่ได้อยากคบหาอะไรกับป๋ายรุ่ยฮัวอีกแล้ว
ตอนที่เจียงป่าวชิงจ่ายค่ารถ แววตาของซุนต้าหูเจือความงุนงงอยู่เล็กน้อย เขามักจะรู้สึกว่าวันนี้เจียงป่าวชิงเกรงใจเขาเกินไป เขาอยากจะถามนางจริง ๆ แต่ตอนนี้ทุกคนกำลังจ้องเขาเพื่อให้เขาออกเดินทางสักที มันจึงยากที่เขาจะคุยกับเจียงป่าวชิงเป็นการส่วนตัว
ซุนต้าหูสลัดแส้ม้าด้วยความกลัดกลุ้มใจ เขาบังคับรถล่อให้ขับเคลื่อนไปทางเส้นทางในเมือง
แน่นอนว่าซุนต้าหูอดกลั้นมาตลอดทาง จนมาถึงทางเข้าเมือง ผู้คนก็ทยอยลงจากรถแล้ว และเป็นเวลาที่เขาเองก็ทนไม่ไหวแล้วด้วย เขาจึงเรียกเจียงป่าวชิงแล้วเอ่ยถามนางเสียงเบาว่า “น้องป่าวชิง เจ้าเป็นอะไร เหตุใดวันนี้ข้าถึงรู้สึกว่าเจ้าผิดปกติไปนัก ?”
เจียงป่าวชิงชะงักไปทันที จากนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมา “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะพี่ต้าหู พี่คิดว่าข้ามีอะไรที่ผิดปกติไปหรือ ?”
ซุนต้าหูเป็นคพูดไม่เก่ง เขาเกาศีรษะและไม่รู้ว่าควรอธิบายความรู้สึกของตนเองอย่างไร หรือว่าเขาเพียงแค่จิตใจไม่สงบและร้อนใจไปเองจริง ๆ
เจียงป่าวชิงไม่สามารถบอกไปตรง ๆ ว่าพี่ต้าหู มีสาวมาชอบพี่ ข้าต้องหลีกเลี่ยงการถูกสาวคนนั้นสงสัยว่าข้าชอบพี่ด้วยอีกคนหรือเปล่า… แบบนี้หรอกใช่ไหม ?
นางโบกมือให้ซุนต้าหู “พี่ต้าหู หากว่าไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวเข้าไปในเมืองก่อนนะเจ้าคะ”
ซุนต้าหูกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็มีเสียงอ่อนวัยของเฟิ่งเอ๋อร์ดังมาจากทางด้านหลังเสียก่อน “อาต้าหู อุ้ม อุ้มหนู”
ป๋ายรุ่ยฮัวอุ้มเฟิ่งเอ๋อร์และแสดงความขอโทษซุนต้าหูจากทางสีหน้า “ต้าหู จู่ ๆ เฟิ่งเอ๋อร์ก็โวยวายหาเจ้า…”
ซุนต้าหูชอบเฟิ่งเอ๋อร์มากจริง ๆ เมื่อเขาเห็นเฟิ่งเอ๋อร์อ้าแขนสองข้าง เขาก็อดไม่ได้ที่จะรับเฟิ่งเอ๋อร์มาจากอ้อมแขนของป๋ายรุ่ยฮัว
ป๋ายรุ่ยฮัวมองเจียงป่าวชิงนิ่ง ๆ ถึงจะเก็บสายตากลับมาและพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ไม่รู้ว่าเป็นพรหมลิขิตอะไร เฟิ่งเอ๋อร์ถึงได้ชอบเจ้ามากขนาดนี้”
ซุนต้าหูยิ้มอย่างเก้อเขิน “ข้าก็ชอบเฟิ่งเอ๋อร์เช่นกัน”
ตอนนี้เจียงป่าวชิงหมุนตัวเดินไปไกลแล้ว นางได้ยินคำพูดอบอุ่นที่ซุนต้าหูพูดกับป๋ายรุ่ยฮัวดังมาจากทางด้านหลัง แต่นางไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา
เมื่อนางเข้ามาในเมือง ก็ตรงไปที่ร้านของเกิ่งจื่อเจียงทันที เมื่อคำนวณดูแล้ว นางได้ทิ้งยาเม็ดสามขวดนั้นไว้ที่ร้านยาของเกิ่งจื่อเจียงได้สิบวันแล้ว หากว่ามีผลสะท้อนกลับอะไร เวลาก็ยังถือว่าเหลือเฟืออยู่
เพียงแต่เจียงป่าวชิงไม่คิดว่าตอนนี้คนในร้านยาของเกิ่งจื่อเจียงจะมีเยอะกว่าเดิมเล็กน้อย ทั้งยังมีตั้งห้าถึงหกคนเลยทีเดียว
เกิ่งจื่อเจียงกำลังยุ่งจนแทบเวียนหัวตาลาย เขาเงยหน้าขึ้นมาเห็นเจียงป่าวชิงยืนอยู่ตรงทางเข้าร้านยา เขาก็ดีใจทันที “ไอ้โยอาหญิงป่าวชิง เจ้ามาแล้วรึ ? รีบเข้ามาสิ มาได้เลย”
พวกผู้ป่วยได้ยินหมอเกิ่งที่มีชื่อเสียงเรียงนามด้านการรักษาโรคไข้หวัดเรียกคำว่าอาหญิงอย่างแรงกล้าเช่นนี้ พวกเขาก็หันไปมองตรงทางเข้าโดยไม่รู้ตัว
ไม่ดูไม่รู้ ทว่าพอดูกลับตกใจเสียอย่างนั้น เพราะ ‘อาหญิง’ ของหมอเกิ่งคือเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่น่าจะอายุประมาณสิบกว่าปี ทั้งยังเป็นเด็กผู้หญิงที่เรียกได้ว่าอัจฉริยะอีกต่างหาก…
พวกผู้ป่วยจึงพากันเผยรอยยิ้มออกมาอย่างแจ่มใส
เกิ่งเจื่อเจียงไม่สนใจว่าผู้ป่วยจะเข้าใจผิดไปอย่างไร เขาขอตัวแล้วรีบพาเจียงป่าวชิงเข้ามาข้างใน และอดไม่ได้ที่จะเช็ดเหงื่อให้ตัวเอง
“อาหญิงของข้า โชคดีที่เจ้ามา ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าจะไปหาเจ้าได้ที่ไหน” เกิ่งจื่อเจียงมีสีหน้าดีอกดีใจอย่างมากขณะที่เขาพูด “ยาเม็ดของเจ้าได้ผลดีมาก พอมันถูกส่งต่อออกไปก็มีผู้ป่วยหลายคนพากันมาชื่นชมแล้วด้วย เจ้าว่าข้าควรทำอย่างไรดีรึ ?”
เจียงป่าวชิงให้คำแนะนำเกิ่งจื่อเจียง “เจ้าทำผลการรักษาในใบสั่งยาซ้ำใหม่อีกครั้ง ตัดเครื่องปรุงยาที่ขัดแย้งกับคุณสมบัติของยาออก แล้วรวบรัดใบสั่งยาให้สั้นลงก็ได้แล้ว ใบสั่งยาเดิมของเจ้าไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก มันสามารถรักษาโรคได้ก็จริง แต่มันจุกจิกไปหน่อย”
เกิ่งจื่อเจียงพยักหน้า จากนั้นเขาก็ถามอย่างระมัดระวังอีกครั้ง “ยาเม็ดนั้น…”
เจียงป่าวชิงพูดยิ้ม ๆ “ข้าเอายาเม็ดมาเล็กน้อย แต่วัตถุดิบมีจำกัดจึงทำได้นิดเดียว เจ้าเอาไปใช้ยามฉุกเฉินก่อนสิ เดี๋ยวข้าจะใช้เครื่องปรุงยากับเตาของเจ้าเพื่อทำยาที่นี่”
“ใช้… เจ้าใช้ได้ตามสบายเลย” เกิ่งจื่อเจียงดีใจออกนอกหน้า เขารีบรับขวดกระเบื้องที่เจียงป่าวชิงส่งให้ จากนั้นก็กลับไปที่ร้านยาอย่างว่องไว
ผู้ป่วยในร้านยายังคงรอหมอเกิ่งอยู่ มีผู้ป่วยที่เป็นโรคไข้หวัด เกิ่งจื่อเจียงวัดชีพจร จากนั้นก็จ่ายยาเม็ดให้สิบเม็ดและกำชับว่าเช้าเย็นครั้งละหนึ่งเม็ด ให้ดื่มตามด้วยน้ำอุ่น
ผู้ป่วยได้ยินวิธีการรักษาด้วยยาเม็ดของเกิ่งจื่อเจียงก็รู้สึกชื่นชม ด้วยเพราะยาเม็ดสิบเม็ดเพียงแค่หนึ่งร้อยสลึงเท่านั้น สะดวกและง่ายกว่าการดื่มยาต้ม อีกทั้งราคาก็ยังสมเหตุสมผลกว่า เขาทำการจ่ายเงินอย่างดีอกดีใจ จากนั้นก็ถือห่อยากลับบ้านด้วยสีหน้ารื่นเริง
แรกเริ่ม เกิ่งจื่อเจียงครุ่นคิดราคายาอยู่สักพักใหญ่ เขาใช้ลูกคิดคำนวณอยู่สักพัก สุดท้ายก็ตั้งราคายาเม็ดไว้ที่เม็ดละสิบสลึง
จนถึงตอนนี้ แม้ว่าประสิทธิภาพของยาเม็ดนี้จะได้รับการยืนยันแล้ว แต่เกิ่งจื่อเจียงยังไม่เพิ่มราคายาแม้แต่สลึงเดียว ราคายังอยู่ที่เม็ดละสิบสลึงเหมือนเดิม
หากว่าเทียบกับยาต้มของร้านยาใหญ่ ๆ ก็ไม่รู้ว่ายาเม็ดประเภทนี้จะถูกกว่าประมาณเท่าไหร่ แต่เจียงป่าวชิงนั้น นางไม่สนใจเรื่องการตั้งราคาของเกิ่งจื่อเจียงมากนัก ความจริงนางทำยาเม็ดนี้ก็เพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัว แต่นางยังมีเส้นตายของตัวนางเอง และนางจะไม่มีวันใช้สิ่งนี้เพื่อทำกำไรมหาศาลอย่างแน่นอน
นอกจากนี้ นางก็เชื่อในมโนธรรมของเกิ่งจื่อเจียง
เจียงป่าวชิงมองเกิ่งจื่อเจียงส่งผู้ป่วยห้าหกคนกลับไปอย่างเงียบ ๆ จากทางด้านข้าง จากนั้นเขาก็รีบปิดประตูร้านยาทันที
เกิ่งจื่อเจียงมองเจียงป่าวชิงด้วยความร้อนใจ “ใช้เครื่องปรุงยาอันใดบ้างรึ ? แล้วเราเริ่มกันได้หรือยัง ?”
เจียงป่าวชิงรู้สึกจนปัญญาอยู่เล็กน้อย นางทำการเลือกเครื่องปรุงยามาหลายชนิด โดยมีเกิ่งจื่อเจียงมองดูอยู่ข้าง ๆ โดยที่ไม่กะพริบตา เจียงป่าวชิงจึงใช้ให้เขาทำนู่นทำนี่อย่างไม่เกรงใจเสียเลย ไม่ว่าจะเป็นล้างเครื่องปรุงยาเอย บดเครื่องปรุงยาให้เป็นผงเอย ทั้งหมดล้วนเป็นงานของเกิ่งจื่อเจียงทั้งสิ้น
ทว่าเกิ่งจื่อเจียงไม่บ่น และเขายังทำงานเหล่านี้ด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อยอีก
อาจกล่าวได้ว่าเจียงป่าวชิงเชื่อในคุณลักษณะของเกิ่งจื่อเจียงก็ว่าได้ เมื่อถึงขั้นตอนจัดสรรยา เกิ่งจื่อเจียงเห็นเจียงป่าวชิงไม่มีท่าทางหลีกเลี่ยงเขาแม้แต่น้อย นอกจากนี้ นางยังเป็นฝ่ายเรียกเกิ่งจื่อเจียงเข้าไปใกล้อีกต่างหาก
เกิ่งจื่อเจียงตกตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นเขาก็หน้าแดงเพราะความตื่นเต้น “แม่นางเจียง ข้า… ข้า… เจ้าไม่ต้องห่วง แม้ว่าข้าจะทำเป็นแล้ว แต่ถ้าหากข้าขายไปได้เท่าไหร่ ก็จะมีกำไรในส่วนของเจ้าด้วยเช่นกัน”
เจียงป่าวชิงยิ้มให้กับคำพูดประโยคนั้นของเกิ่งจื่อเจียง ต่อมานางก็แทบจะสอนและชี้แนะวิธีการทำยาเม็ดให้เกิ่งจื่อเจียงด้วยตนเอง
เกิ่งจื่อเจียงตัวสั่นเล็กน้อย เขาเองก็ลองทำขึ้นมาหนึ่งหม้อเช่นกัน
เจียงป่าวชิงหักยาเป็นสองท่อนแล้วชิมเพื่อพิจารณาคุณสมบัติยาเล็กน้อย จากนั้นนางก็พยักหน้า
เกิ่งจื่อเจียงประคองยาเม็ดที่เขาทำเสร็จด้วยตัวเอง เขาพูดไม่ออกไปเล็กน้อย
“ใจเย็นหน่อยหมอเกิ่ง เราเคยเจออุปสรรคมาแล้ว คนที่ช่วยชีวิตชาวบ้านที่เป็นผู้ชายไว้ได้จากในมือของคนพาล เหตุใดถึงได้อ่อนแอเช่นนี้เล่า ?” เจียงป่าวชิงยกมือตบไหล่เกิ่งจื่อเจียงเบา ๆ
เกิ่งจื่อเจียงถูกเจียงป่าวชิงทำให้หัวเราะ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น “ป่าวชิง เราควรตั้งชื่อให้ยาเม็ดนี้ของเจ้ากับข้าหน่อยดีหรือไม่ ?”
เจียงป่าวชิงครุ่นคิดอยู่สักครู่ “อืม… ถ้าอย่างนั้นชื่อว่า ‘ยาเม็ดรักษาโรคไข้หวัด’ ดีไหม ? หรือ ‘ยาเม็ดรักษาโรคไข้หวัด!’ หรือ ‘ยาเม็ดโรคไข้หวัดต้องหายขาด!’”
อันที่จริงเจียงป่าวชิงรู้สึกว่าชื่อนี้ฟังดูมีอารมณ์ขันแปลก ๆ แต่หมอเกิ่งที่เป็นคนสมัยโบราณกลับไม่เข้าใจโครงเรื่องที่ว่าคำว่ายาเม็ดเท่ากับคำว่าต้องหายขาด เขาจึงพูดกับเจียงป่าวชิงอย่างไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ “ไม่ เจ้าตั้งชื่ออย่างลวก ๆ เกินไปหน่อย”
.