แม่สาวเข็มเงิน - ตอนที่ 129 ความทุกข์ของหวังอาซิ่ง
เจียงหยุนชานลุกขึ้นยืนแล้วเรียกหวังอาซิ่ง “น้องอาซิ่ง เจ้ามาเล่นรึ ?”
หลังจากเรื่องที่หวังอาซิ่งตกน้ำ เจียงป่าวชิงก็ไม่ได้คุยกับหวังอาซิ่งอีกเลย นอกจากครั้งสุดท้ายที่นางมาหาเจียงหยุนชานแล้วพูดคำพูดที่เหมือนจะถูก แต่แท้จริงนั้นผิด ก็แทบจะไม่ได้คบหากันอีก
เจียงหยุนชานรู้เรื่องระหว่างเจียงป่าวชิงกับหวังอาซิ่งแล้ว เขารู้ว่าการที่จะเป็นเพื่อนกันมันต้องมีโชคชะตาต่อกันก่อน แต่เขาก็ไม่ได้ดึงดันอะไร หวังอาซิ่งเคยช่วยดูแลเจียงป่าวชิงตอนนางยังปัญญาอ่อน แต่เจียงป่าวชิงก็เคยเสียสละชีวิตเพื่อช่วยนางเช่นกัน ทั้งสองคนถือว่าไม่มีใครติดค้างใคร หากว่าไม่เหมาะที่จะอยู่ด้วยกัน ไม่เป็นเพื่อนกันก็ไม่เห็นจะเป็นไร
แต่เจียงหยุนชานนึกได้ว่าอย่างไรนางก็เป็นแขก และหวังอาซิ่งเคยเป็นน้องสาวข้างบ้านที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับเขา เขาจึงไม่สามารถปล่อยนางให้ตากแดดตากลมอยู่นอกบ้านเช่นนี้ได้
เจียงหยุนชานลุกขึ้นและทักทายไปว่า “น้องอาซิ่ง เข้ามาเล่นสิ”
เนื่องจากสองวันนี้กำลังปรับปรุงสวนผักในลานบ้าน เจียงป่าวชิงจึงจับเจ้าเสี่ยวหวงขังไว้ในกรง ไม่อย่างนั้นแล้วละก็ เมื่อมันเห็นคน มันจะต้องพุ่งเข้าใส่แล้วเห่าอย่างบ้าคลั่งแน่นอน
หวังอาซิ่งเข้ามาในบ้านโดยไม่พูดอะไร นางกัดริมฝีปากก่อนจะเอ่ยปากพูดกับเจียงป่าวชิงเสียงเบา “ข้าได้ยินมาว่ามีแม่สื่อมาสู่ขอเจ้าให้ผู้ชายถึงที่เลย เจ้าก็จะแต่งงานเหมือนกันรึ ?”
เจียงป่าวชิงนึกถึงคำพูดที่หญิงชราคนนั้นบอกว่า ‘หวังอาซิ่งลูกสาวคนเล็กที่อยู่ข้างบ้านพวกเจ้า นางเพิ่งจะอายุสิบเอ็ดปีก็หมั้นแล้ว’ มาคิดดูแล้วเด็กผู้หญิงตรงหน้าคนนี้ก็เพิ่งอยู่ชั้นประถมในยุคสมัยปัจจุบันเอง นางถอนหายใจเบา ๆ “ข้าไม่ได้ตอบตกลง ข้าไม่ได้จะแต่งงาน”
ขอบตาของหวังอาซิ่งแดงขึ้นอย่างรวดเร็ว นางสูดหายใจอย่างน้อยใจ “ป่าวชิง ในที่สุดเจ้าก็พูดกับข้าแล้ว”
เจียงป่าวชิงรู้สึกปวดศีรษะเล็กน้อย “เจ้าต่างหากล่ะที่ไม่คุยกับข้า”
หวังอาซิ่งสะอื้นไห้ นางสูดจมูก และน้ำเสียงของนางมีความขุ่นเคืองเจืออยู่ “ครั้งที่แล้วพวกนางบอกว่าเป็นเพราะข้าเล่นกับเจ้า พวกนางจึงไม่เล่นกับข้าและผลักข้าตกลงไปในแม่น้ำ แม่ของข้าก็บอกว่าถ้าข้าพูดกับเจ้าอีก นางจะตีข้าให้ขาหัก ทำไม… ทำไมเจ้าถึงไม่เข้าใจความรู้สึกของข้าบ้าง…”
เจียงป่าวชิงเห็นหวังอาซิ่งร้องไห้ นางจึงรู้สึกเจ็บปวดอยู่ในหัวเล็กน้อยจึงบีบระหว่างคิ้วของตัวเองและถอนหายใจออกมา “น้องอาซิ่ง ตอนนั้นข้าก็เสียสละชีวิตเพื่อช่วยเจ้า หากเปลี่ยนกัน ถ้าอย่างนั้นใครจะมาเข้าใจในความรู้สึกของข้าล่ะ ? ต่อให้เจ้าจะมาพูดกับข้าเป็นการส่วนตัว…”
เจียงป่าวชิงเงียบไป ในความเป็นจริง สิ่งที่นางไม่ได้บอกก็คือนางไปได้เพียงครึ่งชีวิตเท่านั้น หากว่าไม่ใช่กงจี้ที่พักอาศัยอยู่ที่บ้านข้าง ๆ ไม่แน่นางอาจจะต้องอธิบายแล้ว
ลิ้นของหวังอาซิ่งพันกัน นางจึงไม่รู้ว่าตัวเองควรพูดอะไรดี
เจียงหยุนชานเห็นว่าบรรยากาศระหว่างทั้งสองคนค่อนข้างเก้อเขิน เขาจึงเกาศีรษะและอยากทำลายความเก้อเขินนี้เสีย “ถ้าอย่างนั้น… พวกเจ้านั่งลงก่อน แล้วค่อยคุยกันดีไหม ?”
ตอนที่เจียงหยุนชานยังไม่พูดอะไรก็ดีอยู่แล้ว พอเขาพูดเท่านั้น น้ำตาของหวังอาซิ่งก็เหมือนเขื่อนแตกน้ำไหลทะลักออกมาทันที จะระงับก็ไม่ทันเสียแล้ว
หวังอาซิ่งร้องไห้สะอึกสะอื้น “พี่หยุนชาน ข้า… ข้าหมั้นกับคนอื่นแล้ว”
เจียงป่าวชิงรู้สึกตกใจกับคำพูดนี้จนนางอดไม่ได้ที่จะหันไปมองพี่ชายตัวเอง หืม…? เหตุใดคำพูดของหวังอาซิ่งถึงได้ดูเหมือนนางกับเจียงหยุนชานได้เคยสัญญากันตลอดชีวิตอย่างนั้นล่ะ ?
เจียงหยุนชานไม่เข้าใจความหมายในคำพูด เขาเห็นหวังอาซิ่งร้องไห้น้ำตาเป็นสายเลือดเช่นนี้ เขาจึงเอ่ยถามออกมาอย่างงุนงง “เจ้าไม่เต็มใจรึ ? หรือว่าคนที่บ้านเจ้าบังคับเจ้า ?”
หวังอาซิ่งสูดจมูกและสะอึกไปด้วย “ข้าไม่เต็มใจ… แต่… แต่แม่ของข้าบอกว่าที่บ้านเขาเลี้ยงวัว มี… ฮึก… มีเงิน พี่หยุนชาน แต่ข้าอยากแต่งงานกับพี่”
เจียงหยุนชานตกตะลึงกับคำพูดสุดท้ายของหวังอาซิ่ง ในสายตาของเขา หวังอาซิ่งเป็นน้องสาวข้างบ้าน และเขาไม่เคยมีความรู้สึกอยากจะแต่งงานกับหวังอาซิ่งเลยเพราะเขามองนางเป็นเพียงน้องสาวเท่านั้น
“น้องอาซิ่ง ข้าเห็นเจ้าเป็นน้องสาวมาโดยตลอด ไม่มีความหมายอื่น” เจียงหยุนชานอธิบายอย่างลุกลี้ลุกลน
หวังอาซิ่งรู้อยู่แล้ว ตอนที่แม่ของนางทำเรื่องหมั้นให้นาง นางจึงเพียงแค่ร้องไห้อยู่ใต้ผ้าห่ม และยอมรับเรื่องนี้โดยปราศจากการต่อต้าน
หวังอาซิ่งยกฝ่ามือขึ้นมาเช็ดน้ำตาลวก ๆ “ข้ารู้ ข้าก็แค่ไม่ตายใจ…”
เด็กผู้หญิงร้องไห้เช่นนี้ สามารถทำให้คนจมน้ำได้จริง ๆ และเจียงป่าวชิงไม่คิดว่าหวังอาซิ่งจะร้องไห้เก่งขนาดนี้เลย นางร้องราวกับนางร้องไห้ให้กับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมของที่บ้านอย่างไรอย่างนั้น
จนกระทั่งหวังอาซิ่งร้องไห้เสร็จแล้ว เวลาในช่วงเที่ยงวันก็พลันผ่านพ้น
ท้ายที่สุด หวังอาซิ่งก็ไม่ได้พูดอะไร นางทำเพียงเช็ดน้ำตาแล้วกลับบ้านไป
…
หวังอาซิ่งมาถึงที่บ้าน ภายในบ้านก็เต็มไปด้วยทุกขเวทนา พอแม่ของนางเห็นนาง แม่ของนางก็ตบหน้านางเต็ม ๆ “เจ้าเท้าเล็กที่เอาแต่ขี้เกียจ ตอนนี้พี่สะใภ้เจ้าไม่สบาย แต่เจ้ายังไปวิ่งเล่นที่ไหนอีกห๊ะ ?!”
ภายในห้องหลัก ได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของพี่สะใภ้ดังขึ้น
หวังอาซิ่งป้องหน้าด้วยความงุนงง แต่ทว่าความเป็นจริงแม่ของนางไม่ได้สนใจเลยว่านางจะไปที่ไหน ที่นางตบหวังอาซิ่งก็เพื่อระบายความโกรธเท่านั้น
ในตอนนี้ หัวใจของแม่ของนางผูกไว้ที่ตัวพี่สะใภ้ของหวังอาซิ่งโดยสิ้นเชิง
พี่สะใภ้ของหวังอาซิ่งรู้สึกปวดท้องตั้งแต่เมื่อวานแล้วแต่แม่ของนางกลับไม่สนใจ สภาพทารกในครรภ์ของพี่สะใภ้หวังอาซิ่งไม่ค่อยดีนัก และมักจะรู้สึกไม่สบายบ่อย ๆ แต่เช้าวันนี้หวังอาซิ่งออกไปได้ไม่นาน ท้องของพี่สะใภ้นางก็เริ่มเจ็บแล้ว แล้วยังมีเลือดไหลอีกด้วย
เห็นดังนั้น แม่ของหวังอาซิ่งถึงจะกระวนกระวายใจ และรีบไปเชิญแม่เฒ่ากัวมาที่นี่
เรื่องอื่นแม่เฒ่ากัวถือว่าค่อนข้างธรรมดา แต่นางเก่งเรื่องนรีเวช นางจับชีพจรดูนางก็พูดว่า ‘แย่แล้ว’ ทันที
เอาเสียแม่ของหวังอาซิ่งขาอ่อนในทันใด นางแทบจะคุกเข่าเพื่อขอร้องให้แม่เฒ่ากัวช่วยชีวิตหลานชายคนโตของนางอยู่แล้ว
แม่เฒ่ากัวถอนหายใจแล้วสั่งให้นางไปต้มน้ำร้อนมาและให้รออยู่นอกห้อง ไม่ให้เข้ามาวุ่นวาย
แต่พี่ชายของหวังอาซิ่งก็กังวลเกี่ยวกับลูกชายที่ยังไม่เกิดเช่นกัน แต่เขาอยู่ว่างการว่างงานจนเคยชินแล้วและไม่ยอมไปช่วยต้มน้ำ เอาแต่นั่งยอง ๆ อยู่ด้านนอกและไม่สนใจใด ๆ อีกแล้ว